Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ถ้าจะขายบริษัท ให้คนมาซื้อ แล้วทำการปันผลพิเศษออกมาก่อน
เพื่อลดกำไรสะสมให้หมด
ถือเป็นการกระทำปกติ ที่ถูกต้อง ใช่ไหมครับ ???

แล้วถ้าบริษัทปันผล(มาก)พิเศษ เพื่อลดกำไรสะสมให้หมด
ก่อนมา ipo ในตลาดหุ้น หละครับ
เป็นการกระทำที่ถูกต้อง และมีผลสื่อให้เห็นถึงธรรมาภิบาล มาก น้อย
แค่ไหนครับ

ดูว่า IPO กี่บาท?

ไม่รู้เรื่องธรรมาภิบาล เพราะเป็นสิทธิ์ของเขา แต่จริงๆก็ไม่สมควร เพราะถ้ามีเงินบางส่วนทำไมไม่เพิ่มทุนให้น้อยลง
แต่ที่แน่ๆ ทำให้ทรัพย์สินเงินสดลงลด เวลาคำนวนROA จะดูดีกว่าเดิมครับ
แต่ก็มีวิธีเพิ่มทรัพย์สินส่วนอื่น โดยการประเมินมูลค่าใหม่ให้สูงกว่าเดิม
คงเหมือนกับพี่ฉัตรชัยว่าไว้"แต่งบัญชีให้สวยก่อนเข้าตลาด ถ้าอยู่ในตลาดไม่ครบขวบปี พี่เขาบอกว่าไม่ค่อยอยากไปให้น้ำหนักบัญชีมากนักเพราะแต่งบัญชีกันเหลือเกิน"

ผมเห็นด้วยกับ คุณ setmaker ว่าต้องพิจารณาราคา IPO

พูดเรื่องปันผลก่อนเข้าตลาด สมมุติกิจการที่คุณลงทุนส่วนตัวมาเป็นเวลา10ปี ล้มลุกคลุกคลานมาก็มาก แต่ก็สะสมกำไรได้จำนวนหนึ่ง เมื่อมีหุ้นส่วนใหม่เข้ามาขอแจม
คุณคิดว่าจะแบ่งกำไรที่คุณหามาได้ ให้หุ้นส่วนใหม่หรือไม่

ถ้าคุณเก็บกำไรไว้ปันผลให้ผู้ถือหุ้นใหม่ ถือว่าเป็นธรรมกับผู้ถือหุ้นเดิมหรือไม่?

ถ้าคุณปันผลให้ผู้ถือหุ้นเดิมหมด ถือว่าเป็นธรรมกับผู้ถือหุ้นใหม่หรือไม่?

สุดท้ายต้องดูราคาที่ผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาซื้อ (IPO) ว่าคิดเรื่องกำไรสะสมหรือยัง

หรือมองกลับอีกที

ถ้ามีขาดทุนสะสมอยู่ บริษัทควรเอาขาดทุนสะสมมา discount ในราคา IPO
ด้วยไหม หรือควรจะลดทุนตัวเองให้ขาดทุนสะสมเป็นศูนย์ จะได้แฟร์กับ
ผู้ถือหุ้นใหม่

สุดท้ายก็กลับมาที่ราคาไอพีโอ ซึ่งจะเป็นตัววัดว่า เป็นธรรมแค่ไหน กับทั้งสามฝ่าย
คือ บริษัท ผู้ถือหุ้นเดิม และผู้ถือหุ้นใหม่

นี่รวมไปถึงกรณีการพยากรณ์ผลประกอบการในอนาคต และความเป็นไปได้ที่
จะทำให้สำเร็จด้วย

ถ้าบริษัทมีเงินสดพอที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่เจ้าของเดิมก่อนกระจายหุ้นเข้าตลาดก็โอเคครับ

ที่เท่าที่เห็น จะเป็นว่า บริษัทไม่มีเงินสดเหลือจ่ายปันผล ต้องกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินมาจ่ายให้แก่เจ้าของเดิมก่อน แล้วกระจายหุ้นให้แก่ประชาชน จากนั้นก็นำเงินประชาชนมาจ่ายคืนหนี้

กรณีนี้กับการที่เจ้าของเดิมนำหุ้นเดิมออกมาขายร่วม IPO ต่างกันไหมเอย

ปี พ.ศ. 2547
ในการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 9/2547 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 คณะกรรมการมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับปีพ.ศ. 2547 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาทต่อหุ้นรวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 30,000,000 บาท

ปี พ.ศ. 2546
ในการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 2/2546 เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 คณะกรรมการมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับปีพ.ศ. 2546 ในอัตราหุ้นละ 30 บาทต่อหุ้นรวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 9,600,000 บาท

ในการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 3/2546 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2546 คณะกรรมการมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับปีพ.ศ. 2546 ในอัตราหุ้นละ 278 บาทต่อหุ้น รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 88,960,000 บาท โดยการแบ่งจ่ายเป็น 2 ครั้งๆ ละ 44,480,000 บาท โดยจ่ายในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2546 และในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2547


เจอใน SNC ก่อน ipo ครับ
แต่ดูงบดุลแล้ว น่าจะมีเงินจริง ๆ นะครับ คงไม่ได้กู้มาปันผล
ส่วนราคา ipo คิดหักส่วนนี้ออกแล้ว หรือเปล่า
ไม่ทราบเหมือนกัน

แต่ผมพึ่งลงทุนที่ราคาตลาดครับ หลังเห็นผลประกอบการ

ก่อนบริษัท SNC จะเข้าตลาด  ก็มีการปรับโครงสร้างสินทรัพย์ด้วยครับ (จะเรียกว่าปรับโครงสร้างได้ไหมหว่า)

คือมีการขายที่ดินและโรงงานที่ผลิตอยู่เนี่ยให้แก่บริษัทหนึ่ง  (มีใครถือหุ้นอยู่ก็คงเดาได้มั๊งครับ  แต่ผมก็ยังไม่ได้ตรวจสอบ)  แล้วทำสัญญาเช่าระยะสั้นทั้งที่ดินและโรงงานจากบริษัทแห่งนั้นกลับคืน

ที่นี้ผมไม่แน่ใจว่า  เงินสดที่บริษัทจ่ายปันผลออกมา  บริษัทได้มาจากการขายที่ดินและโรงงานหรือเปล่า  โยงไปโยงมาชักยังไงเนี่ย

เรื่องขายที่ดิน ที่อยู่ปัจจุบัน นั้น   ได้สอบถามฝ่ายบริหาร บอก ว่า เช่ามาจาก เศรษฐีณี  แถวนั้น ที่มีกิจการให้เช่าที่ดินอยู่ ไม่เกี่ยวกับบริษัทฯ หรือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท เลย      และเนื้อที่ ปัจจุบันนี้ ค่าเช่า เดือนละ 4 แสนบาท  มี 4 โรงงานอยู่ด้วยกัน  ซึ่งไปดูโรงงานมาแล้ว  ผมว่าค่าเช่าถูกมากเลย.........ที่มีสงสัยอยู่ก็กิจการ ของ บริษัท เอส เอ เอส อินโนเวชั่น จำกัด  ที่ดิน 73 ไร่ อยู่ลำปาง จัดตั้งขึ้นเพื่อรองรับต่อโครงการพัฒนาอสังหาริทรัพย์ หรือ โครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทย จีน ลาว และ พม่า โดยอาจจะเป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจไปสู่จีนตอนใต้  ขณะนี้ ยังไม่มีรายได้จากการประกอบธุรกิจและยังไม่มีแผนงานการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด

เรื่องปันผลการเข้าตลาด  ก็ต้องยอมรับ มีการปรับแต่งตัว แต่งบัญชีเพื่อให้ผู้ลงทุนใหม่ได้เข้ามาในฐานะเท่าเทียมกัน  กำไรในอดีตที่สะสมอยู่ก็ ต้อง ตกเป็นของผู้ถือหุ้นเก่าเขาไป........เขาสร้างมากับตนเองแล้ว  ก็สมควรได้.....  ส่วนเรื่องราคา ipo ที่เกินมูลค่า บุคเวลู  ผมก็ถือว่า เป็น ค่าความนิยม กูดวิน ที่เขามีอยู่   แต่ต้องไม่เกินไป  และค่าความแตกต่างนี้ก็ไม่ได้ไปไหน อยู่ในส่วนของเกินของมูลค่าหุ้น ในส่วน Equity   เท่าที่สัมผัสทั้งไปประชุมใหญ่และไปชมโรงงาน ก็ อยู่ในระดับพอใจได้  ในความคิดของผมนะครับ........ส่วนใครจะคิดอย่างไรก็ ตาม  ใครอยากขายก็ขาย ใครอยากซื้อก็ซื้อ........ในระดับราคานี้ผมก็ว่า เหมาะสม กลาง ๆ อยู่   ราคาจะเพิ่มอีกทีหนึ่ง ก็อยู่ที่ความสามารถในโรงงานใหม่ที่ระยองที่ได้ไปซื้อร่วมกับเกาหลี  นั่นแหละ สิ่งสำคัญที่จะชี้อนาคตของเขา   ที่เรานักลงทุนต้องติดตามดูกันต่อไป    

เน้น อีกทีนะครับ  ความเห็นส่วนตัวเท่านั้นเอง อาจผิดหรือถูกก็ได้ ต้องใช้วิจารณญาณ  ในการซื้อหรือขายหุ้นนะครับ........      

แต่ผมพึ่งลงทุนที่ราคาตลาดครับ หลังเห็นผลประกอบการ

คุณ Tigerครับ จำได้ว่า เคยคุยกัน  ตั้งแต่คราวไปประชุมใหญ่ bat3k  27 เมษา และถามผมว่า  สนใจหุ้นตัวไหนอยู่   ผมอธิบายและบอกว่า ชอบ SNC  ตอนนั้นระดับ 3.40 บาท เองครับ .....  ถ้าซื้อตอนนั้นก็ได้ทุนที่ถูก กว่าผมมากเลย    เจออีกทีตอนสัมมนา 18 มิถุนายน  ราคาก็อยู่แถว 4.60 บาทแล้ว .......ถ้าคิดลงทุนตอนเจอกันก็คงปลอดภัยไปแล้ว   ส่วนระดับราคา 5 บาทขึ้นไป ก็ต้องรอผลประกอบการปลายปี  ว่า เขาจะสำเร็จไปถึงไหน ดังกล่าวไปแล้วข้างบน      

วันสัมมนาครับ ที่ได้เจอตัวจริงลุงขวด และคุณนริศด้วย ที่คุยพร้อม ๆ กันครับ
ขอบคุณลุงขวดมากครับ สำหรับประสบการณ์ที่มีประโยชน์ให้น้อง ๆ หลาน ๆ ครับ

ผมก็จำได้ว่าราคาตอนนั้นประมาณ 4.6 สูงกว่าต้นทุนเฉลี่ยลุงขวดประมาณ 10-15 %
อย่างที่คุยกันครับผมชอบโปรแกรมการฝึกผู้บริหารรุ่นเล็ก
ที่ลุงขวด กับ คุณ yoyo post เล่าให้ฟังในร้อยคน ร้อยหุ้น
ชอบใจที่ลุงขวดบอกว่าผู้บริหารไว้ใจได้
ก็ตั้งใจอ่านงบดุลครับ แต่ช้าไปหน่อย  ราคามันวิ่งหนีไปก่อนจะอ่านงบดุลจบครับ
เลยต้องมาซื้อราคาวันนี้  :oops:

ยังไงถ้าอยู่ในธุรกิจที่ดี บริหารเก่ง และธรรมาภิบาลดี
ถือ 3-5 ปี ก็น่าจะมีซักเด้ง 2 เด้งแหละครับ
4.6 หรือ 5.2 ก็น่าจะกำไรเหมือนกัน ต่างกันแค่มากนิด น้อยหน่อยครับ  :D

แต่ถ้าเขาทำธุรกิจไม่ได้ดีอย่างที่หวัง ก็โทษใครไม่ได้ครับ
ต้องโทษตัวเองที่ไปลงทุนร่วมกับเขา  :?