Short against port เป็นวิธีการหนึ่งของ trading system การจะให้
trading system ให้ประสบความสำเร็จ ต้องคุณสมบัติหลายอย่าง
สิ่งที่แทบจะเรียกได้ว่าสำคัญที่สุดของ trading system แต่นักเล่นหุ้น
พูดถึงกันน้อยสุดคือ expectancy และ positin sizing
1. EXPECTANCY -- คาดคะเนผลกำไรจากการลงทุนก่อนจะเริ่มลงมือ
ถ้าไม่ได้กำไร อย่าทำ
การ short against port เป็นการทำธุรกรรมสองอย่าง ในเวลาเดียวกัน
คือการทำ short selling และการให้ยืมหลักทรัพย์ (lending)
โดยปกติ คนทั่วไปเขาทำกันด้านเดียว คือถ้าไม่ได้อยู่ฝั่งยืมหุ้นคนอื่นไป short
ก็ให้หุ้นคนอื่นยืม (ไปทำอะไรก็ได้)
ถ้าจะคิดแบบแฟร์ๆ ก่อนจะทำการ short against port ให้สมมุติตัวเองว่า
1. มีหุ้น AAA อยู่ และต้องการให้คนอื่นยืมหุ้นไป (ได้กำไรเป็นดอกเบี้ยราวๆ 1-3%/ปี)
2. ไม่มีหุ้น AAA แต่อยาก short ต้องไปยืมหุ้นมา เสียดอกเบี้ย 4%-6% ของวงเงิน
แล้วนึกภาพว่า ต้องทำทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน
เพราะฉะนั้น การ short against port มีต้นทุนที่ซ่อนอยู่ราวๆ 1-6% ต่อปี เมื่อ
เทียบกับการทำธุรกรรมเพียงด้านเดียว เช่น แทนที่จะ short เอง เอาไปให้คนอื่น
ยืม จะได้ดอกเบี้ย 1 - 3% ต่อปี (กำไรชัวร์ๆ ความเสี่ยงไม่มี)
หรือถ้าไม่ต้องการ short หุ้นตัวเอง ก็ต้องไปยืมหุ้นคนอื่นมา มีค่าใช้จ่าย 4-6%
ต่อปี (ขาดทุนไปแล้ว ความเสี่ยงเพียบ)
เพราะฉะนั้น ถ้า expectancy ของการทำ short against port ไม่สูงกว่า 6%
แนะนำให้อยู่เฉยๆ อย่าซ่าส์
การคำนวณ expectancy สามารถทำได้ดังนี้
Expectancy = โอกาสกำไร x กำไร - โอกาสขาดทุน x ขาดทุน
ในการเล่นหุ้นธรรมดา ถ้า Expectancy เป็นบวก ก็สามารถลงมือได้
ในการทำ short against port ต้องมั่นใจว่า expectancy เป็นบวกเยอะๆ หน่อย
โดยเฉพาะเมื่อคิดในระยะยาวแล้ว expectancy ของ annual return ควรจะสัก 20%
ขึ้นไป
ตัวอย่างการคำนวณ expectancy ในการ short selling หุ้น PTTEP
สมมุติว่าที่ราคาที่จะ short คือ 440 บาท ให้ระยะเวลา 5 วัน
มันจะมีโอกาสไปต่อถึง 460 (stop loss point) อยู่ 25% [ขาดทุน --
ไม่ว่าอย่างไรเมื่อแตะ 460 ต้องซื้อคืน]
และมีโอกาสลงไป 400 อยู่ 15% [กำไร --
ลงไปถึง 400 ต้องซื้อคืนเหมือนกัน]
โดยตัวเลข 20% กับ 40% คำนวณมาจาก TA หรือ FA ก็ได้
จะได้ว่า Expectancy = 15% x (440-400) - 25% x (460 - 440) = 6 - 5 บาท
หรือพูดง่ายๆ คือ กำไรต่อการเทรด 1 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์เป็นเงิน 1 บาท
เมื่อรวมกับค่า commission ไปกลับ (short และ cover) ~ 0.5% ของวงเงิน (440)
คือ 2.2 บาท จะได้ว่าขาดทุน ต่อครั้ง 1.2 บาท
แน่นอนว่า ถ้าโอกาสที่หุ้นจะตกมีสูงมาก ถึงแม้จะได้กำไรน้อยๆ ก็อาจจะคุ้มครับ
เช่นถ้าโจทย์เดียวกัน แต่เปลี่ยนฝั่งกำไร (หุ้นตก) เป็น 20 บาทที่ 50%
และขาดทุน (หุ้นขึ้น) เป็น 20 บาทที่ 20%
Expectancy = 50% x 20 - 20% x 20 = 10 - 4 = 6 บาท
เมื่อลบ commission 2.2 บาทแล้วก็ยังกำไร 3.8 บาทต่อครั้ง
แปลว่า ถ้าทำอย่างสม่ำเสมอและเป็นรูทีน รวมผลงานทั้งปีจะมีกำไรแน่นอน
ถ้าว่างแล้วจะมาต่อข้อที่เหลือครับ