Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

เห็นในพันทิพ จะตั้งกลุ่มนี้ขึ้น ก็เลยมาลองถามๆดู เผื่อจะมีคนสนใจเยอะ ถ้ามีเยอะจะได้มีกระทู้สำหรับคุยเรื่องนี้ หรือแยกห้องต่างหาก สำหรับเว็บ tvi นี้

ส่วนตัวผม คงสอบถ้าได้เรียนโทครับ

แต่ก็ทยอยอ่านๆหาความรู้ไว้บ้าง ประดับตัวไว้ก่อน

มีใครจะสอบ หรือสอบผ่านแล้ว บ้างครับ อยากได้กลุ่มมาคุยกัน

ปล. ผมไม่ได้เป็นสมาชิกพันทิพ โพสต์ไม่ได้ เลยมาหากลุ่มจากที่นี่ เผื่อมี

สอบที่ไหนครับ กรุงเทพหรือป่าว  แต่ก่อนเห็นต้องบินไปสอบที่ฮ่องกง หรือ สิงค์โปร์ ผมว่าใครที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ก็อย่าไปสอบเลย เคยได้ใบสมัครมาตอนค่าสอบ 500 ดอลล์ เดี๋ยวนี้ไม่รู้ค่าสอบมันเท่าไหร่

อยู่เมืองไทย ไปสอบ CISA ไม่ดีกว่าหรือครับ? ไม่ทราบความแตกต่างเหมือนกันว่าเอาไปใช้ต่างโอกาสกันยังไง รู้แต่อันนึงของไทย อันนึง Inter

สนใจครับตอนนี้ก็อ่านๆดูหนังสือ6-7 เล่มครับตอนนี้เรียนโทครับ
อาจารย์ก็แนะนำสนในครับ  แต่ค่าเรียนแพงครับ CFA

Viewtiful Investor เขียน:อยู่เมืองไทย ไปสอบ CISA ไม่ดีกว่าหรือครับ? ไม่ทราบความแตกต่างเหมือนกันว่าเอาไปใช้ต่างโอกาสกันยังไง รู้แต่อันนึงของไทย อันนึง Inter

จากข้อมูลที่รู้มา คนไทยเอง ก็มองว่า cfa เหนือว่า และ cisa ในยุคของ tsi เนี่ย มีหลายคนบอกว่าข้อสอบมาตรฐานต่ำมาก

แต่ผมก็รู้สึกส่วนตัวว่า ถ้าจะสอบขอ cfa เลยดีกว่า แม้จะยากกว่า และเป็นภาษาอังกฤษ และค่าสอบแพงกว่า ก็ยอมครับ แต่ต้องมั่นใจเตรียมตัวให้สอบทีเดียวผ่าน

การใช้งานในเมืองไทยเหมือนกัน แต่ต่างประเทศทั่วโลก ใช้ cfa อย่างเดียวและการยอมรับก็มากกว่า ถ้าหากมีมาตรฐานของแต่ละประเทศเอง เหมือน cisa ของไทย

ถ้าจะสอบขอ cfa เลยดีกว่า แม้จะยากกว่า และเป็นภาษาอังกฤษ

จริงครับ

จะเอาไปทำอะไรหรือครับ .....
ถ้าสอบแล้วไม่ใช่ผมว่าไม่สอบดีกว่า

ของผมจะสอบธันวาฯ นี้ครับ

ตอนนี้ก็เรียนโทอยู่ด้วย ก็คงได้ใช้ความรู้ที่เรียนตอนสอบบ้าง

ที่สอบนี่ ก็เอาไว้สมัครงานหลังจากจบแล้วน่ะครับ ถ้าไปทำพวก fund หรือ ไปเป็นนักวิเคราะห์คงต้องใช้แน่ๆ อะ แล้วก็เผื่อได้ไปทำงาน inter ด้วย ส่วนตัวคิดว่าคุ้มนะ ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง

เรื่องตั้งกลุ่มนี่ ผมว่าใน TVI คงยังไม่มีคนสนใจเยอะขนาดนั้นมั้งครับ ถ้าผมจะคุยอะไรเรื่อง CFA ก็คงไปแจมที่ pantip นะ ว่าแต่ว่า harry ก็ลองสมัครสมาชิก/บัตรผ่าน ของ pantip ไว้ก็ดีนะ จะได้ไปคุยกับเขาได้
8)

ถ้าเป็นนักวิเคราะห์หุ้น  หรือ fund manager  ก็คงจะต้องสอบครับ   อย่างน้อย level 1

แต่ถ้านอกเหนือจากนั้น  ผมยังไม่ค่อยเห็นความจำเป็นเท่าไหร่ครับ

เว้นเสียว่าเราอยากอ่านหนังสือ  แต่ไม่สามารถอ่านเองได้จึงอยากจ้างคนมาบังคับให้เราอ่าน

หากสอบได้ถึง level 3  เราจะต้องจ่ายเงินให้กับ cfa ทุกๆ ปีเพื่อคงสถานภาพ  ถ้าจำไม่ผิดก็เป็นหมื่นต่อปี

ถ้าคนสอบ cfa มากขึ้นทุกปี   เราจะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมากขึ้นทุกปีเช่นกันครับ  : )

ผมก็ไม่เห็นว่า cfa จะทำให้บทวิเคราะห์หุ้นในปัจจุบันดีขึ้นเลยครับ  หรือแม้กระทั่งด้าน ethic ซึ่งเป็นเนื้อหาสำคัญของ cfa ในแต่ละภาค   และจะทำให้เดือน พฤษภาคม  ซึ่งเป็นเดือนก่อนสอบ cfa  นักวิเคราะห์จะไม่ค่อยมาทำงานกันเสียอีกเพราะลามาอ่าน cfa อยู่บ้านกันหมด

นักวิเคราะห์จะไม่ค่อยมาทำงานกันเสียอีกเพราะลามาอ่าน cfa อยู่บ้านกันหมด

:lovl:

[quote="Invisible hand"]ผมก็ไม่เห็นว่า cfa จะทำให้บทวิเคราะห์หุ้นในปัจจุบันดีขึ้นเลยครับ

ท่าน ih รู้มั้ยครับ ว่าคนไทยที่เป็นนักวิเคราะห์หุ้น แล้วได้ cfa มีกี่คน หรือเป็นสัดส่วนเยอะน้อยแค่ไหนครับ ไม่นับ cisa นะครับ

CISA  นี่ไม่สามารถตั้งกองทุนได้ใช่ไหมครับ
ถ้าจะตั้งกองทุนนี่ต้อง CFA อย่างเดียวใช่ไหม
(ฝันสูงไปหรือเปล่านี)

ตั้งกองทุนไม่รู้

แต่ผู้จัดการกองทุน เป็นไปทั้งสองอย่าง

เคยคิดครับ แต่รู้สึกว่าแพงเพราะไม่ได้ทำงานสายงานนี้โดยตรง

ลูกพี่ลูกน้องผมสอบได้ level 3 cfa มาหลายปีแล้ว ตอนนี้ทำพวก IB อยู่ที่ฮ่องกง งานหนักเงินเยอะ เห็นบ่นๆว่าอยากกลับเมืองไทยแล้ว พึ่งแต่งงาน เมียเหงา เลยอยากกลับมาหางานประจำทำ อยากมีเวลาให้ครอบครัว

ตอนผมทำงาน finance เมื่อ 10 ปีก่อน เห็นได้ข่าวว่ามีคนไทยสอบ level 3 ได้ 4-5 คน แต่ตอนนี้คงเยอะแล้ว

ผมมีญาติอีกคนเป็นผู้จัดการกองทุน(ไม่บอกชื่อกองทุนละกัน) ก็ยังสอบได้แค่ level 2 เอง สอบ level 3 มา 2 ครั้งแล้วยังไม่ผ่าน

ผมดูเนื้อหาแล้วแค่ level 1 ก็เพียงพอแล้ว เหมือนที่คุณ IH ว่า  ส่วน 2 และ 3 คงเหมาะกับพวกทำ financial deal (IB) เท่านั้น ลูกพี่ลูกน้องผมบอกขนาดมันจบ Level 3 มันยังเปิดหนังสือทำงานตลอด เพราะงานพวกนี้ Theory มากๆ

อีกอย่างถึงแม้เราจะสอบ level 3 ได้ แต่ไม่ได้ทำงานด้านนี้ ก็ไม่ได้สถานะภาพมันอยู่ดี

คนที่สนใจจะทำงานด้าน IB  ต้องคิดให้หนักหน่อยนะครับ

เงินเดือน  แน่นอนว่าถ้ามีฝีมือ  ได้มากแน่นอน

แต่งานหนักมากๆ  กลับบ้าน 3 ทุ่มเป็นอย่างเร็ว  ปรกติก็ 4 ทุ่ม ถึง 5 ทุ่ม

ถ้ายังไม่มีครอบครัวอาจจะสู้ไหว  ไฟยังแรง

แต่พอมีครอบครัว  มีลูก  มีเมีย  คุณแทบจะไม่มีเวลาให้กับครอบครัว

ความเครียดจะถามหา  พร้อมกับสุขภาพที่แย่ลง

เงินอาจจะมาก  แต่สิ่งที่สุญเสียไป  ไม่รู้จะคุ้มหรือไม่

เพื่อนผมเพิ่งลาออก  โดยหวังจะหางานใหม่ที่เครียดน้อยกว่า  มีเวลาให้ครอบครัวมากกว่า  ถึงแม้เงินเดือนจะน้อยลง