MINT !!!!
-
- Verified User
- โพสต์: 249
- ผู้ติดตาม: 0
MINT !!!!
โพสต์ที่ 1
เกิดอะไรขึ้นครับ มีข่าวอะไรรึป่าวครับ ผมยิงก่อนถามทีหลังไปแล้วที่ 5.8 ยินดีกับผู้ถือหุ้น Mint ทุกท่านด้วยครับ :D
-
- Verified User
- โพสต์: 94
- ผู้ติดตาม: 0
MINT !!!!
โพสต์ที่ 2
ใช่ครับ มันเกิดอะไรขึ้น
จากefinancathai.com ครับ เมื่อวันที่9/9/05
บล.ฟิลลิป : MINT แนะนำทยอยสะสม ราคาพื้นฐานเท่ากับ 5.60 บาท
ใน 2Q48 บริษัทมีรายได้เท่ากับ 2,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.89% YoY แต่
ลดลง 11.36% QoQ กำไรสุทธิเท่ากับ 137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.16% YoY แต่ลดลง
54.49% QoQ กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.05 บาท ผลประกอบการที่ลดลงเนื่องจากไตรมาส 2
เป็นช่วง Low Season ของธุรกิจโรงแรม โดยมียอดขายเท่ากับ 828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
68.59% YoY แต่ลดลง 28.86% QoQ จากอัตราเข้าพักเฉลี่ย 62% ทรง ๆ เมื่อเทียบ
YoY แต่ลดลง QoQ เนื่องจากใน 1Q48 เป็นช่วง high season มีอัตราเข้าพักสูงถึง 77%
โดยค่าห้องพักเฉลี่ยเท่ากับ 3,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY แต่ลดลง 10% QoQ ส่วน
ธุรกิจอาหารยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมียอดขายเท่ากับ 1,215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.38%
YoY , 1.4% QoQ
เราคาดว่าธุรกิจโรงแรมในกลุ่ม MINT ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้น ตาม
การเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาค
เอเชียแปซิฟิกมีอัตราการเติบโตสูงสุดคือ 29% และประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเครดิต
1 ใน 5 ที่มีทะเลและชายหาดสวย อีกทั้งบริษัทมีทำเลที่ตั้งโรงแรมที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่
สำคัญ และมีแผนการขยายงานที่จะเปิดโรงแรมเพิ่มขึ้นในปี 2548 ที่เชียงราย และมัลดีฟท์
และในปี 2549 ที่สมุย ซึ่งเป็นผลให้จำนวนห้องพัก และรายได้เพิ่มขึ้นดังนี้
ธุรกิจอาหารบริษัทมีจุดแข็งมีแบรนด์ที่หลากหลาย และมีการขยายสาขา ซึ่งจะ
สร้างการเติบโต ให้กับบริษัท โดยณ สิ้น 2Q48 บริษัทมีสาขาให้บริการจำนวน 516 แห่ง และ
คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 572 สาขาในสิ้นปี 2548 และ 732 แห่งในสิ้นปี 2549
สำหรับผลประกอบการในปี 2548 เราคาดว่าบริษัทจะมียอดขายเท่ากับ 10,290
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.92% และกำไรสุทธิเท่ากับ 1,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.13% กำไร
ต่อหุ้นเท่ากับ 0.34 บาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมเท่ากับ 40% และธุรกิจอาหาร
48%
โดยในปี 2549 เราคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 15.75% เป็น 11,910
ล้านบาท และกำไรสุทธิเท่ากับ 1,177 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.17% กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.43
บาท
ประเมินราคาพื้นฐานเท่ากับ 5.60 บาท บน P/E'49 ที่ 13 เท่า และจากผลประกอบ
การในปี 2548 เราคาดว่าบริษัทจะจ่ายปันผลเท่ากับ 0.14 บาทต่อหุ้น ณ ราคาปิดที่ 4.82 บาท
มี Upside อีก 16.18% แนะนำ 'ทยอยสะสม'
จากefinancathai.com ครับ เมื่อวันที่9/9/05
บล.ฟิลลิป : MINT แนะนำทยอยสะสม ราคาพื้นฐานเท่ากับ 5.60 บาท
ใน 2Q48 บริษัทมีรายได้เท่ากับ 2,337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.89% YoY แต่
ลดลง 11.36% QoQ กำไรสุทธิเท่ากับ 137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.16% YoY แต่ลดลง
54.49% QoQ กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.05 บาท ผลประกอบการที่ลดลงเนื่องจากไตรมาส 2
เป็นช่วง Low Season ของธุรกิจโรงแรม โดยมียอดขายเท่ากับ 828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
68.59% YoY แต่ลดลง 28.86% QoQ จากอัตราเข้าพักเฉลี่ย 62% ทรง ๆ เมื่อเทียบ
YoY แต่ลดลง QoQ เนื่องจากใน 1Q48 เป็นช่วง high season มีอัตราเข้าพักสูงถึง 77%
โดยค่าห้องพักเฉลี่ยเท่ากับ 3,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% YoY แต่ลดลง 10% QoQ ส่วน
ธุรกิจอาหารยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมียอดขายเท่ากับ 1,215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.38%
YoY , 1.4% QoQ
เราคาดว่าธุรกิจโรงแรมในกลุ่ม MINT ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้น ตาม
การเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาค
เอเชียแปซิฟิกมีอัตราการเติบโตสูงสุดคือ 29% และประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเครดิต
1 ใน 5 ที่มีทะเลและชายหาดสวย อีกทั้งบริษัทมีทำเลที่ตั้งโรงแรมที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่
สำคัญ และมีแผนการขยายงานที่จะเปิดโรงแรมเพิ่มขึ้นในปี 2548 ที่เชียงราย และมัลดีฟท์
และในปี 2549 ที่สมุย ซึ่งเป็นผลให้จำนวนห้องพัก และรายได้เพิ่มขึ้นดังนี้
ธุรกิจอาหารบริษัทมีจุดแข็งมีแบรนด์ที่หลากหลาย และมีการขยายสาขา ซึ่งจะ
สร้างการเติบโต ให้กับบริษัท โดยณ สิ้น 2Q48 บริษัทมีสาขาให้บริการจำนวน 516 แห่ง และ
คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 572 สาขาในสิ้นปี 2548 และ 732 แห่งในสิ้นปี 2549
สำหรับผลประกอบการในปี 2548 เราคาดว่าบริษัทจะมียอดขายเท่ากับ 10,290
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.92% และกำไรสุทธิเท่ากับ 1,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.13% กำไร
ต่อหุ้นเท่ากับ 0.34 บาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมเท่ากับ 40% และธุรกิจอาหาร
48%
โดยในปี 2549 เราคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 15.75% เป็น 11,910
ล้านบาท และกำไรสุทธิเท่ากับ 1,177 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.17% กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.43
บาท
ประเมินราคาพื้นฐานเท่ากับ 5.60 บาท บน P/E'49 ที่ 13 เท่า และจากผลประกอบ
การในปี 2548 เราคาดว่าบริษัทจะจ่ายปันผลเท่ากับ 0.14 บาทต่อหุ้น ณ ราคาปิดที่ 4.82 บาท
มี Upside อีก 16.18% แนะนำ 'ทยอยสะสม'
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
MINT !!!!
โพสต์ที่ 10
ของถูกในตลาดกำลังเหลือน้อยลงเรื่อยๆ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- Hero_man
- Verified User
- โพสต์: 270
- ผู้ติดตาม: 0
MINT !!!!
โพสต์ที่ 12
โบรกฯฟันธง MINT พุ่งเพราะเก็งกำไรรับผลงานครึ่งปีหลัง-ทำราคารับลูกหุ้นใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจราคาหุ้นบนกระดานพบว่าหุ้น บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์
เนชั่นแนล (MINT) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดย ณ เวลา 15.18 น.ราคาอยู่ที่ระดับ5.65
บาท เพิ่มขึ้น 0.65 บาท มูลค่าการซื้อขาย 88.49 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นดังกล่าวได้ปรับขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยราคาหุ้นอยู่
ที่ระดับ 4.80 บาท มูลค่าการซื้อขาย 7.32 ล้านบาท ก่อนจะปรับขึ้นเป็น 5 บาทในวันที่ 20 ก.ย.
ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 22.08 ล้านบาท
สำหรับการปรับเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นดังกล่าว นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า คาดว่าเป็นการ
เข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุน เพื่อรับข่าวผลประกอบการในครึ่งปีหลัง เนื่องจากครึ่งหลังของปีจะ
พบว่าเป็นช่วงไฮ ซีซั่น ของธุรกิจโรงแรม และธุรกิจฟาสต์ฟู้ด ประกอบกับในครึ่งปีหลังนี้ MINT มี
แผนจะเปิดโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 1 แห่งที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งจะสะท้อนให้รายได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ครึ่ง
หลังของปีเป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาหุ้น MINT ได้ปรับขึ้นเกินราคาเหมาะสมที่ 5.60 บาทแล้ว ดัง
นั้นสำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้วแนะนำถือเพื่อรออนาคต ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนแนะนำซื้อเมื่อ
ราคาอ่อนตัว
ขณะที่นักวิเคราะห์อีกรายหนึ่งกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าราคาและมูลค่าการซื้อขายที่
เพิ่มขึ้นเพื่อรอรับลูกหุ้นเพิ่มทุน6.65 แสนหุ้นที่เข้าซื้อขายเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา
'อาจจะเป็นไปได้ที่เป็นการทำราคาเพื่อปล่อยของ ดังนั้นในช่วงนี้จึงไม่เหมาะเข้าลงทุน
เป็นอย่างยิ่งเพราะราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นมากแล้ว'นักวิเคราะห์รายเดียวกันกล่าวและว่า ได้ให้
แนวรับหุ้น MINT ไว้ที่ระดับ 5.10-5.00 บาท และแนวต้านที่ 5.80-6.00 บาท
จากefinancathai.com
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจราคาหุ้นบนกระดานพบว่าหุ้น บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์
เนชั่นแนล (MINT) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดย ณ เวลา 15.18 น.ราคาอยู่ที่ระดับ5.65
บาท เพิ่มขึ้น 0.65 บาท มูลค่าการซื้อขาย 88.49 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นดังกล่าวได้ปรับขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยราคาหุ้นอยู่
ที่ระดับ 4.80 บาท มูลค่าการซื้อขาย 7.32 ล้านบาท ก่อนจะปรับขึ้นเป็น 5 บาทในวันที่ 20 ก.ย.
ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 22.08 ล้านบาท
สำหรับการปรับเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นดังกล่าว นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า คาดว่าเป็นการ
เข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุน เพื่อรับข่าวผลประกอบการในครึ่งปีหลัง เนื่องจากครึ่งหลังของปีจะ
พบว่าเป็นช่วงไฮ ซีซั่น ของธุรกิจโรงแรม และธุรกิจฟาสต์ฟู้ด ประกอบกับในครึ่งปีหลังนี้ MINT มี
แผนจะเปิดโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 1 แห่งที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งจะสะท้อนให้รายได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ครึ่ง
หลังของปีเป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาหุ้น MINT ได้ปรับขึ้นเกินราคาเหมาะสมที่ 5.60 บาทแล้ว ดัง
นั้นสำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้วแนะนำถือเพื่อรออนาคต ส่วนผู้ที่ต้องการลงทุนแนะนำซื้อเมื่อ
ราคาอ่อนตัว
ขณะที่นักวิเคราะห์อีกรายหนึ่งกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าราคาและมูลค่าการซื้อขายที่
เพิ่มขึ้นเพื่อรอรับลูกหุ้นเพิ่มทุน6.65 แสนหุ้นที่เข้าซื้อขายเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา
'อาจจะเป็นไปได้ที่เป็นการทำราคาเพื่อปล่อยของ ดังนั้นในช่วงนี้จึงไม่เหมาะเข้าลงทุน
เป็นอย่างยิ่งเพราะราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นมากแล้ว'นักวิเคราะห์รายเดียวกันกล่าวและว่า ได้ให้
แนวรับหุ้น MINT ไว้ที่ระดับ 5.10-5.00 บาท และแนวต้านที่ 5.80-6.00 บาท
จากefinancathai.com
กระแสน้ำเปลี่ยนใจปลา..
กาลเวลาเปลี่ยนใจคน...
กาลเวลาเปลี่ยนใจคน...
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1913
- ผู้ติดตาม: 0
MINT !!!!
โพสต์ที่ 15
ขณะที่นักวิเคราะห์อีกรายหนึ่งกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าราคาและมูลค่าการซื้อขายที่ เพิ่มขึ้นเพื่อรอรับลูกหุ้นเพิ่มทุน6.65 แสนหุ้นที่เข้าซื้อขายเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา
'อาจจะเป็นไปได้ที่เป็นการทำราคาเพื่อปล่อยของ ดังนั้นในช่วงนี้จึงไม่เหมาะเข้าลงทุน เป็นอย่างยิ่งเพราะราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นมากแล้ว'นักวิเคราะห์รายเดียวกันกล่าวและว่า ได้ให้ แนวรับหุ้น MINT ไว้ที่ระดับ 5.10-5.00 บาท และแนวต้านที่ 5.80-6.00 บาท
ไม่น่าเชื่อว่านี่เหรอคือ analyst
'อาจจะเป็นไปได้ที่เป็นการทำราคาเพื่อปล่อยของ ดังนั้นในช่วงนี้จึงไม่เหมาะเข้าลงทุน เป็นอย่างยิ่งเพราะราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มขึ้นมากแล้ว'นักวิเคราะห์รายเดียวกันกล่าวและว่า ได้ให้ แนวรับหุ้น MINT ไว้ที่ระดับ 5.10-5.00 บาท และแนวต้านที่ 5.80-6.00 บาท
ไม่น่าเชื่อว่านี่เหรอคือ analyst
- tummeng
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3665
- ผู้ติดตาม: 0
MINT !!!!
โพสต์ที่ 19
MINT ตอกกลับ นสพ.กระแสหุ้น ปฏิเสธทุกประเด็น ยืนยันไม่ได้ให้สัมภาษณ์
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) เปิดเผยว่าตามที่หนังสือพิมพ์
กระแสหุ้น วันที่ 22 กันยายน 2548 ได้ลงข่าวเกี่ยวกับการคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตของรายได้และ
ผลกำไรในไตรมาสที่สาม ปี 2548 ของบริษัท บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า
1. นางปรารถนา มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน ไม่ได้เป็นผู้ให้สัมภาษณ์ข่าว
ดังกล่าว
2. ข้อมูลอื่นที่ปรากฏในข่าวที่นอกเหนือจากความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการต่างๆ
ของบริษัท เป็นการอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลอื่น
3. การคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตของรายได้และผลกำไรไตรมาสที่ 3 ปี 2548 เป็น
ข้อมูลที่อ้างอิงจากแหล่งข้อมูลอื่น
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) เปิดเผยว่าตามที่หนังสือพิมพ์
กระแสหุ้น วันที่ 22 กันยายน 2548 ได้ลงข่าวเกี่ยวกับการคาดการณ์ตัวเลขการเติบโตของรายได้และ
ผลกำไรในไตรมาสที่สาม ปี 2548 ของบริษัท บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า
1. นางปรารถนา มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน ไม่ได้เป็นผู้ให้สัมภาษณ์ข่าว
ดังกล่าว
2. ข้อมูลอื่นที่ปรากฏในข่าวที่นอกเหนือจากความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการต่างๆ
ของบริษัท เป็นการอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลอื่น
3. การคาดการณ์เกี่ยวกับการเติบโตของรายได้และผลกำไรไตรมาสที่ 3 ปี 2548 เป็น
ข้อมูลที่อ้างอิงจากแหล่งข้อมูลอื่น
Price is what you pay. Value is what you get...
- atsu
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1220
- ผู้ติดตาม: 1
MINT !!!!
โพสต์ที่ 20
แปลว่าคนอื่นในบริษัทให้สัมภาษณ์. นางปรารถนา มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน ไม่ได้เป็นผู้ให้สัมภาษณ์ข่าว
ดังกล่าว
ว่าแต่มีใครมีข่าวเต็มๆให้อ่านป่าวครับว่าเป็นไง
แต่เดี๋ยวนี้ผมเริ่มมองเวลาที่หุ้นที่ถือขึ้นหรือลงแรงๆเป็นบททดสอบจิตใจไปแล้วแหละ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะกังวลว่าจะขายดีป่าว จะขายดีป่าว
ซึ่งจากสถิติส่วนตัวที่ผ่านมาจะตัดสินใจผิด 100%ทุกที
คือถ้าหุ้นกำลังลงแล้วขาย มันก็จะรีบกลับขึ้นไปจนซื้อคืนไม่ได้
แต่ถ้าหุ้นกำลังขึ้นแล้วไม่ขาย มันก็จะลงไปเรื่อย(ชั่วคราวช่วงนั้น)จนเสียดายโอกาส
แต่ปัจจุบันไม่ค่อยสนใจแล้วครับ
ถ้าผลประกอบการดีจริงมันก็ขึ้นเองแหละ