Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

คือ อยากรู้นะครับ ว่าพี่ๆ แต่ละคนมีวิธีการหาข้อมูลกันยังไง ในยุคที่ข่าวสารซึ่งมีมากมายมหาศาลอย่างในปัจจุบัน เพราะตอนแรกผมเคยคิดว่าการลงทุน แนว VI ส่วนมากเป็นคนที่มีงานประจำ ไม่ค่อยมีเวลาติดตามหาข้อมูล หลังจากศึกษาไปเรื่อยๆ ผมว่ามันก็ต้องใช้เวลาพอสมควรนะ เพียงแต่แนว VI จะเน้นศึกษาไปที่ข่าวสารเกี่ยวกับตัวบริษัท ต่างจาก พวกเก็งกำไรที่วันๆ เอาแต่ดูหน้าจอ
      เลยอยากขอคำแนะนำนะครับว่า ถ้าจะลงทุนแนว VI ส่วนมากพวกพี่ๆ จะเน้นหาข้อมูลจากไหนอะคับ ปกติผมจะดูข่าวในเวป set.or.th กับ settrade.com แล้วก็เวปนี้ละคับ หนังสือพิมพ์ก็จะอ่านแค่ Bizweek กับ ผู้จักการรายสัปดาห์ แล้วก็ดูข่าวทางทีวี นิดๆหน่อยๆ แค่นี้ผมก็ไม่ค่อยมีเวลาไปทำงาน กะ อ่านหนังสือพวกหุ้นแล้วเนี่ย

ผมยังไม่เก่งนะครับ แต่ที่หาๆก็คือ

1. เลือกตัวที่ชอบก่อนก็มองตามพี่ๆในนี้แหละ 5555
2. แล้วก็ศึกษากิจการ โดยมองหลักที่ๆ อะไรจะมีผลกระทบต่อ กำไร หรือค่าใช้จ่าย อันนี้หาข้อมูลหนักๆในเน็ตครับ อันนี้พอจับข้อแรกได้ก็ลุยหาข้อมูลเยอะเลยครับ
3. มองว่าจะมีโอกาสโตขนาดไหน ในโลกของธุรกิจ
4. มองทางบัญชีคร่าวๆ ครับ อันดูตัวเลขหลักๆอย่างเดียวเพราะดูไม่เก่งครับ
5. ทำ company visit ในบริษัทที่ไปง่ายๆครับ เช่น IT อันนี้ไปดูที่พันทิพย์, TICON ไปประชุมผู้ถือหุ้น แต่ไม่ได้ไปทุกที่นะครับไปเฉพาะที่พอจะไปไหว

ผมอ่านหนังสือพิมพ์ทั้งกรุงเทพธุรกิจ + IHTด้วยครับ เพราะอยากรู้ว่าในเมืองนอกเค้ามองกันอย่างไร

ส่วนจะหาว่า บริษัทไหนดีเลยตั้งแต่แรกแบบว่าคิดออกเองนี่ ยังไม่เคยจังๆเลยครับ

ผมเสนอความคิดเฉยๆนะครับ ไม่ถือเป็นคำแนะนำเพราะฝีมือผมยังห่างชั้นกับพี่ๆในนี้อีกมาก ผมกำลังพยายามพัฒนาตะแกรงร่อนหุ้นของผมอยู่ครับ
        เริ่มจากรู้จักธุรกิจก่อนว่าไม่ซับซ้อนจนเกินไป เป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าตัวไหนอยู่นอก circle of competence ของผม ผมจะหาอ่านจากใน web นี้แหละครับเพราะมีรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจต่าง ๆ มากมาย เพื่อเพิ่มความกว้างของ circle
         ต่อมาก็ต้องดูว่า P/E ,P/BV, PEG ต่ำพอไหม
         ต่อมาก็ดู company highlight ว่า สินทรัพย์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ROE เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่หนี้ต้องลดด้วยไม่งั้นต้องคิดจาก ROA แทนเพราะอาจโดนหลอกได้ และกำไรมาตลอดแม้เกิดวิกฤต
          สุดท้ายดูปันผลเพราะจะสร้างกระแสเงินสดให้เรานำไปเพิ่มจำนวนหุ้นให้มากขึ้น
          ตอนนี้ผมโดนแฟนหาว่าเป็นคนบ้าเพราะเวลาเดินเที่ยวตามห้างจะชอบถามหรือคิดอะไรเป็นธุรกิจตลอดเวลา ว่าเขาจะกำไรดีไหม ยอมลดอาหาร นั่งรถเมล์ ตัดค่าใช้จ่ายเพื่อเอาไปซื้อหุ้น และคิดตลอดว่าจะต้องมีปันผลเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ก่อนอายุ 45 ( 500000/ปี) ผมบ้าไปแล้วหรือปล่าวครับ

ขอบคุณ คุณ sunrise กับคุณ poppo ด้วยครับ สำหรับแนวคิดดีๆ

ขอถามคุณ sunrise หน่อยคับว่า IHT มันคืออะไรหรือครับ
   
แล้วก็ขอให้คุณ poppo ประสบความสำเร็จด้วยครับ ถ้าทำได้จริงๆ มาสอนผมบ้างนา...

IHT = internaltion Harald Tribute เป็นหนังสือพิมพ์ ธุรกิจน่ะครับ
เห็นค่าสมัครไม่แพงมาก 3900 ต่อปีก็เลยสมัครครับ

ขอบคุณครับ

ผมเองก็ยังใหม่นะครับ แต่เท่าที่ผมใช้อยู่จะมาจาก
1. สังเกตรอบๆตัวเราว่ามีสินค้าหรือบริการอะไรที่มีการโฆษณาที่โดนใจ คนซื้อของเค้าเยอะขึ้น หรือเพื่อนๆบอกว่าเค้าเพิ่งไปซื้อของยี่ห้อ xxx มา อันนี้เลียนแบบ ปีเตอร์ ลินช์ครับ
2. ดูจากบทความของอาจารย์นิเวศน์ครับ อย่างเช่น ปัจจุบันอาจารย์จะเน้นค้าปลีกสมัยใหม่ ทั้ง discount super store และ  ห้างเฉพาะทางเช่นพวก SE-ED IT HOMEPRO อันนี้นอกจากเลียนแบบอาจารย์นิเวศน์แล้วก็ยังเลียนแบบ ปีเตอร์ ลินช์ครับ
3. จากหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนที่อ่านๆมา มันจะมีประโยคบางประโยคที่มันฝังใจเรา เช่น มองหาธุรกิจที่มีเงินลอยตัวเข้ามามากๆ หรือมีกระแสเงินสดดีๆ สามารถcopy ความสำเร็จออกไปได้เรื่อยๆ หรือคำพูดของเกตส์ เช่น ในยุคคอมพิวเตอร์บูมธุรกิจที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือค้าปลีก อะไรประมาณนี้นะครับ แล้วอีกอย่างที่กำลังเริ่มลงทุนคือหุ้น cyclical เพราะคำพูดของปีเตอร์ ลินช์มันก้องกังวานอยู่ในหัวผมตลอดเวลา เพราะถ้าเราเอาหุ้นวัฏจักรออกไปจากพอร์ตของลินช์ ผลตอบแทนของเค้าจะธรรมดามากๆ
4. จากเพื่อนๆในเวบแนะนำครับ ถ้าตัวไหนอยู่ใน circle of competence ของผม ผมจะศึกษาต่อ แล้วถ้ามันถูกพอ หรือถูกกว่าหุ้นตัวอื่นในพอร์ต ผมก็จะซื้อครับ
5. บางทีก็ซื้อเล่นรอบบ้าง นิดหน่อยจะได้มีเรื่องคุยกับมาร์คนสวยครับ  :twisted:  :twisted:

ขอบคุณคุณ worapong ครับ เท่าที่ผมเคยติดตามอ่านมาในเวปที่ คุณ worapong ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีความรู้มากคนหนึ่งเลยทีเดียว

ตอนนี้ผมก็กำลังพยายามหาแนวทางตัวเองอยู่เหมือนกันครับ เพราะจะว่าไปหุ้นที่ผมลงทุนอยู่มันยังไม่อยู่ใน circle of competence เลยซะทีเดียว (บางทีก็มาดอมๆ มองๆ หาจากในเวปนี่แหละ) ตอนนี้ก็เลยพยายามปรับพอร์ตตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะเราไม่เข้าใจตัวธุรกิจของมัน ถ้ามันขึ้นก็โชคดีไป แต่ถ้ามันลง ก็มีแต่จะกังวลทู๊กที

ก่อนที่จะถามว่าหาข้อมูลอะไร ต้องตอบให้ได้ก่อนว่าต้องการรู้อะไรและต้องตอบให้ชัดเจนด้วย ถ้าตอบได้ว่าต้องการรู้อะไรการหาคำตอบก็ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดครับ

ถ้าเป็นผม ก็คงต้องศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับความเป็นไปกว้าง(หรือที่เราเรียกว่า Business environment ) เช่นจากเรื่องการเมือง (ทั้งของไทย และ ของโลก), เศรษฐกิจเมืองไทย , เศรษฐกิจโลก , ประชากร , FTA , ราคาน้ำมัน , ภัยธรรมชาติ , อะไรต่อมิอะไร แล้วศึกษาเข้าไปยังแต่ละกลุ่มบริษัท แล้วถึง ศึกษาเข้าไปในแต่ละตัวบริษัทอีกที ทั้งนี้ทั้งนั้นก็โยงไปถึงสมการการหามูลค่าของหุ้นแหละครับ ดูว่าตัวปัจจัยไหนจะทำให้ค่าในสมการมันเปลี่ยนแปลงในทางบวกหรือลบยังไง แล้วค่อยเอามาคิดอีกทีว่าจะลงทุนในหุ้นตัวไหนหนะครับ

ดูตามถังขยะ เอาครับ
ดูว่า กล้องสินค้าหรือบรรจุภรรณ์ตัวไหนโดนโยนลงถังมากที่สุดก็เอาตัวนั้น

ลองทายดูเล่นๆซิครับว่าในถังขยะจะเจอขวดอะไรมากที่สุด
1. ชาเชียว
2. น้ำอัดลม
3. นม
4. เบียร์
5. เหล้า
ถ้ายังไม่รู้ก็ ลงมือคุ้ยๆ เลย 555555+

ขอบคุณ คุณ genie คุณลูกไม่ท้อ คุณ MO101 ที่ให้คำแนะนำด้วยครับ

เพราะจะว่าไป มันก็เกิดจากการที่ตัวผมเองที่เกิดอาการโลภ เห็นว่าหุ้นกลุ่มนั้นกำลังดี กลุ่มนี้มาแรง ก็อยากจะเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้เข้าใจตัวธุรกิจดีพอ ข้อมูลที่หาๆ มาก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์เพราะอ่านไปก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันมีผลกระทบอะไรยังไงบ้าง

ดังนั้นตอนนี้ผมกำลังหาcircle of competence ของตัวเองอยู่ ดูๆ ไปก็ไม่ค่อยจะมีเลยซักอย่าง หุ้นวัฏจักรก็ไม่ถนัด กลุ่มประกัน แบงค์ก็ไม่รู้เรื่อง ตอนนี้เลยกลับมาอยู่สิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเหมือนเดิมครับคิดว่าน่าจะเป็นพวก หุ้นค้าปลีก สิ่งพิมพ์ เครื่องประดับ

สรุปได้ว่า...
  หา circle of competence ให้ได้ก่อน
  ตามที่คุณ genie บอก โฟกัสให้ได้ก่อนว่าอยากรู้อะไร จะได้มีเป้าหมายในการหา
  สุดท้าย ผมกำลังจะไปคุ้ยข้อมูลเหมือนคุณ MO101 มั่งดีกว่า...