หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ใครกันหนอ ขาย ILINK จัง
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 23, 2005 5:59 pm
โดย mr.bean
EPS ทั้งปีน่าจะไม่ต่ำกว่า 0.76
EPS Q1-Q3 = 0.15 , 0.15 , 0.23
Q4_2548 ก็ไม่น่าต่ำกว่า Q3 (นั่งเทียนเอานะครับ :lol: )
ราคา 23/11/2005 = 3.8 กว่าๆ
P/E = 5 กว่าๆ นิดๆ
ราคาปัจจุบัน ผมขาดทุนแล้วนะครับ :o
ใครกันหนอ ขาย ILINK จัง
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 23, 2005 6:29 pm
โดย wasun
ผมว่าธุรกิจสายเคเบิลของเขา โดยเฉพาะสาย ethernet ที่ใช้
ในระบบ LAN น่าจะไม่สดใสในระยะยาวครับ
เพราะว่า ตอนนี้ ระบบ LAN แบบไร้สาย มีราคาต่ำลงมากแล้ว
จนในที่สุดผมว่า การลงทุนระบบเนทเวิร์คไร้สาย จะมีต้นทุนต่ำกว่าแบบมีสาย
เหมือนกับระบบโทรศัพท์ไร้สายขณะนี้ ที่ได้รับความนิยม และ สะดวกกว่า่โทรศัพท์ใช้สายทองแดง !!!
ใครกันหนอ ขาย ILINK จัง
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 23, 2005 6:38 pm
โดย ty
ระบบ Wireless Lan ยังมีปัญหาเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยครับ
ถ้าเป็นลูกค้าองค์กร ยังจำเป็นต้องใช้ระบบสื่อสารแบบมีสายอยู่ ระบบ Wireless Lan น่าจะได้รับความนิยมสำหรับผู้ใช้ตามบ้านมากกว่า
ใครกันหนอ ขาย ILINK จัง
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 23, 2005 6:45 pm
โดย ty
ผมเห็นด้วยว่ามีแรงขายมากจริงๆ
ไม่รู้เอาจากไหนมาขาย ผู้บริหารก็ไม่มีรายงานการขายหุ้นแล้ว
ราคาตอนนี้ ถ้าไม่ใช่เจ้าของเดิมก่อนเข้าตลาด ก็แทบไม่มีใครมีกำไรเท่าไหร่แล้ว
ใครกันหนอ ขาย ILINK จัง
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 23, 2005 7:15 pm
โดย jaychou
Short Against Port ไม่จำเป็นต้องกำไรครับ เพียงแต่รับหุ้นคืนให้ได้ต่ำกว่าที่ขายออกไป ถือว่ามีหุ้นเท่าเดิม แต่ได้เงินสดเพิ่ม หรืออาจจะซื้อหุ้นมากกว่าเดิมโดยไม่เสียเงิน
ใครกันหนอ ขาย ILINK จัง
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 23, 2005 11:55 pm
โดย naris
ใครไคร่ขาย....ขาย
ใครไคร่ซื้อ....ซื้อ
ผมรู้แต่ผมเก็บตลอด.......ไม่ขาย
ขอให้มันลง....ยิ่งต่ำยิ่งซื้อ
ใครกันหนอ ขาย ILINK จัง
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 24, 2005 1:19 am
โดย omega
คุณสมบัติท่านเคยบอกไว้ว่า
ในระบบเครือข่ายไร้สายก็ยังต้องอาศัยสายสัญญาณอยู่และจะยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ท่านยกตัวอย่าง LAN ไร้สายที่ PC แต่ละเครื่องยิงสัญญาณเชื่อมกับเสาอากาศแต่ละจุดในออฟฟิศ ว่าสุดท้ายแล้วแต่ละจุดที่ว่านี้ก็ยังต้องเชื่อมกันด้วยสายสัญญาณ เพราะระบบไร้สายปัจจุบันยังมีความจุหรือ bandwidth ต่ำเกินไป
ใครกันหนอ ขาย ILINK จัง
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 24, 2005 8:44 am
โดย Viewtiful Investor
เคย Check การซื้อขายย้อยหลัง 1 เดือน ILINK มี Turnover Rate แค่ 2-3% ไม่เยอะเท่าไหร่นะครับ น่าจะเพราะ Demand น้อยมากกว่า
ถ้าอยากให้ขึ้นๆ ก็ต้องช่วยกันซื้อๆๆๆ ไงครับ มัวแต่รอให้ถูก ราคาก็ไม่ไปไหน จริงไหมครับ
ใครกันหนอ ขาย ILINK จัง
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 24, 2005 9:40 am
โดย mustang
ผมว่ายังอีกนานนะครับที่จะใช้แบบไร้สายนะครับ ตามบ้านหรือ office เล็กหน่อยหรือตามสถานที่ต่างๆอาจจะได้แต่ ในองค์กรชั้นนำไม่ใช้แน่ครับเนื่องจากเรื่องของความปลอดภัย คุณภาพของสัญญาณ คงยังไม่ใช่ในปีหน้าแน่นอนครับ แต่ก็อาจเป็นได้ในระยะยาว ถ้ามีการพัฒนาขึ้นไปอีก อันนี้วัดจากทีกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์นะครับ เนื่องจากฐานข้อมุลใหญ่มากและก็มูลค่าของสินค้าของค่อนมีราคาสูง เรื่องความปลอดภัยของข้อมูลต้องมาก่อนนะครับ
ย้อนหลังไปเมื่อสักกลางปีเห็นจะได้ GM โดนไวรัสเข้าไประบบล่มไปเป็นวัน
ผลิตรถกันไม่ได้เลย เสียหายมากครับ ส่วนที่โรงงานผมก็เคยโดนเหมือนกัน
ปล .ความเห็นส่วนตัวนะครับ เพราะผมก็มี ILINK อยู่เหมือนกันครับ
ใครกันหนอ ขาย ILINK จัง
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 24, 2005 11:06 am
โดย MO101
สาย lan มีคู่แข่งมากนะครับ
ส่วนสาย fiber ราคาถูกมาก ในองกรนิยมใช้ครับ
wireless ส่วนใหญ่ใช้ตามบ้านหรือสถานที่ที่ มีค่าใช้จ่ายในการเดินสายสูง
เช่น ห้องประชุม คงไม่มีใครอยากรื้อฝ้า หรือผนังที่สวยงามหรอก
ลองดูงบดีๆ ครับรายได้ส่วนใหญ่มาจากที่ไหน กำไรมาจากที่ไหน
สายสัญญาน งานประมูลภาครัฐ ...
ใครกันหนอ ขาย ILINK จัง
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 25, 2005 9:33 am
โดย golfene
สาย LAN กับ สาย Fiber Optic สายทั้ง 2 แบบมีลักษณะการใช้งานที่ต่างกันครับ
สายLANจะเป็นสายที่ใช้เดินภายในอาคารครับ มีความยาวของสายไม่เกิน 100 เมตรครับ ความเร็วของสาย LAN มีตั้งแต่ 10,100,1000 เมกกะบิท
ส่วนสาย fiber optic จะเป็นสายสัญญาณที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างอาคารหรือระยะทางไกลๆครับ แต่โดยส่วนใหญ่สายลักษณะนี้จะใช้ในระยะทางที่เป็น กิโลเมตรครับ ความเร็วก็ตั้งแต่ 10-10000 เมกกะบิท
ส่วนเรื่องการเดินสายเพื่อใช้กับคอมพิวเตอร์ภายในองค์กร ยังไงก็ใช้สาย LAN ครับ เพราะราคาต่างกันค่อนข้างมาก และความทนทานต่อการใช้สาย
LAN มีมากกว่าเยอะครับ สาย Fiber จะนิยมใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างชั้นนะครับ หรือ เชื่อมต่อระหว่างจุดที่ห่างกันเกิน 100 เมตรเท่านั้นครับ
ราคาของอุปกรณ์ที่ใช้กับสาย fiber optic มีราคามากกว่าอุปกรณ์ที่ใช้สาย LAN เป็นเท่าตัวหรืออาจจะหลายเท่าตัวครับ เพราะฉะนั้นผมว่าตลาดนี้ยังไงก็ไม่ตายไปหรอกครับ