Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ราคาขายขวดละ 20 บาท  ค่าโฆษณาตั้ง 4 บาทกว่า  ค่าขวดอีก 5 บาทกว่า  ค่าชาเขียวแค่ 2 บาท

โอเวรกรรม  ซื้อเพื่อดื่ม  เสียเงิน 20 บาท  แต่ได้ประโยชน์จากของต้นทุนแค่ 2 บาท  จ่ายแพงตั้ง 10 เท่า

มีสินค้าไหนที่มีงบค่าโฆษณาแพงเป็น 2 บาทของต้นทุนผลิตภัณฑ์ไหมครับ

อะมิโนโอเค  
เอาเรื่องความเครียดมาโฆษณา
คล้ายเรื่องสุขภาพของชาเขียว

ชาต้นตำรับมาจากไทย ต้นทุน2บาท
แต่ค่าโฆษณาให้เชื่อว่ามาจากญี่ปุ่น 4บาท

ดูสินค้าแถวโลตัส  เห็นสินค้าที่ผลิตโดยแบนด์
โลตัสเองหลายรายการ ราคาถูกกว่าประมาณ2-3บาท
ต่อชิ้น  แสดงว่าสินค้าจ้างผลิตน่าจะมีส่วนกำไรน่า
เข้าไปแจมอยู่นะผมว่า

แต่พวก house brand เนี้ย คุณภาพสู้ brand จริง ไม่ได้นะ เคยซื้อ โค้ก tesco มาให้ที่บ้านดื่มแทน coke จริงครั้งหนึ่ง ที่บ้านบ่นใหญ่เลยว่ารสชาดไม่ได้เรื่อง เข็ดเลย ยอมจ่ายแพงกว่า แต่ได้ของดีกว่า แต่อย่างว่านะ housebrand มันก็ได้คุณภาพสมราคาที่จ่ายนะ

[quote="chatchai"]ราคาขายขวดละ 20 บาท

Welcome to capitalism :lovl:

งบโฆษณาแพงกว่าสองเท่าของราคาผลิตภัณฑ์ ::

Microsoft ครับ น่าจะสัก 7-8 เท่าได้นะ :lovl: (เดาเอา)

มานึกๆดู
4บาทกว่า คงรวม 30ฝา30ล้านไปด้วย และช่วงทำตลาดใหม่ๆ
คงต้องอัดงบโฆษณามาก
ติดตลาดแล้ว คงลดค่าโฆษณาลงมาได้

จับได้แล้ว  ตัวการที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ  

จริงๆแล้ว  ผมก็ไม่ได้ใช้ของมียี่ห้ออะไรเลย  เสื้อผ้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง  ตั้งแต่ไม่ทำงาน ใส่แต่เสื้อยืดครับ  ซื้อตอนลดราคา  ตัวที่แพงสุดก็ของ TVI นี่ละครับ  ตั้ง 500 เชียว  (แซวเล่นนะ)

การโฆษณาปัจจุบันนี้เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษต่อสังคมและเยาวชน

ถ้านักโฆษณามีความคิดที่ดี  สังคมก็คงจะดีขึ้นไม่มากก็น้อย

น้ำดื่มบรรจุขวดทุกยี่ห้อที่โฆษณาทีวี ค่าโฆษณาแพงกว่าค่าน้ำทั้งสิ้น ถ้าไม่โฆษณาร้านค้าปลีกจะไม่รับสินค้ามาขายเพราะผู้บริโภคไม่รู้จัก จึงไม่หยิบ

พวกน้ำดำ น้ำแดง อะไรทั้งหลายนี่ก็ระดับนี้ไม่ใช่หรือครับ

พวกสบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม พวกนี้ก็ต้นทุนนิดเดียว   แต่แพงค่าโฆษณากับช่องทางการจำหน่าย

ถ้าไม่โฆษณาก็ขายไม่ออกครับ   สินค้าประเภทนี้   ต้องโทษคนบริโภคด้วย   คิดง่าย ๆ ว่าถ้ามียาสีฟันยี่ห้อ  ปีเตอร์ลินซ์ ออกมา  ไม่มีโฆษณาว่าดีอย่างโน้นอย่างนี้  บอกว่าคนดัง ๆ ฟันสวย ๆ ก็ใช้กัน   แต่ขายถูกกว่ายี่ห้ออื่นสามสิบเปอร์เซนต์   เราจะกล้าซื้อรึเปล่า  

วัฒนธรรมทุนนิยมเต็ม ๆ ครับ  ไม่มีตังโฆษณาก็ไม่เกิด   :lol:

พวกคาราบาวแดง,เอ็ม 100,150 นี่ก็ใช่

จากส่วนนี้ ก็เลยเกิดการเติบโตของขายตรง  ...เกี่ยวไหมครับ.
เนื่องจาก เค้ามักจะบอกว่า ส่วนใหญ่ ราคาของมาจากบวกค่าโฆษณา 30% แล้วครับ..

ผมว่า กระบวนการทางการตลาดมีความสำคัญ ในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ เราควรสนับสนุนให้คนไทย  สร้างมูลค่าของสินค้าให้มากขึ้น เช่น   ถั่วเหลือง คนไทยขายกิโลกรัม ละ 15 บาท อเมริกา(AMWAY)ขายกลับมาให้เรากิโลกรัมละ 1600บาท  
องุ่น  ถ้าเป็นไวน์ไทย ขวดละ 50 บาท  ไวน์ฝรั่งเศส ขวดละ 1000-100000 บาท
ทองคำ ถ้าเป็น สร้อย บาทละ 9000 บาท แต่ถ้าเป็นส่วนประกอบ ของนาฬิกาโรเล็กซ์ บาทละ 100000 บาท
รองเท้า  PAN คู่ละ 300 บาท แพงสำหรับคนไทย  NIKE คู่ละ 4000 บาท กลับถูก  ทั้งๆที่ผลิตที่โรงงานเดียวกัน  วัตถุดิบตัวเดียวกัน คนงานคนเดียวกัน
:lol:   :lol:  :lol:  :lol:

บริษัทของคนไทยเรายอมรับให้ทำเฉพาะ Manufacturing เท่านั้นที่มีคุณค่าต่อประเทศ ส่วน Marketing ต้องเป็นของบริษัทต่างประเทศเท่านั้นเราถึงจะยอมรับ พอมีบริษัทไทยคิดทำธุรกิจ Marketing แบบต่างประเทศบ้าง โดนรุมอัดซะหมอบเลย

การตลาดเก่งๆ ก็เครือสหพัฒน์ ของ เสี่ย BSC นี่ไงครับ
ทำมาม่าราคาซองละ 1 USD ส่งออกได้ ต้นทุนผมว่าต่ำกว่า 2 บาท

การที่เราบอกว่าสินค้ามียี่ห้อของต่างชาติมีราคาขายแพงกว่าต้นทุนเป็นสิบเท่า  ร้อยเท่า  

สินค้าประเภทเดียวกับของคนไทยมีราคาขายแพงกว่าเป็นสิบเท่า

แสดงว่าบริษัทเหล่านั้นมี Gross Margin ที่สูงมากใช่ไหมครับ  แสดงว่ามีกำไรที่สูงมากเช่นไหมครับ  เราถึงคิดว่าบริษัทคนไทยน่าจะสร้างยี่ห้อ

จริงหรือที่บริษัทเหล่านั้นมี Margin ที่สูงมหาศาล

margin ที่สูงเป็นสิ่งที่ดี

แสดงว่า value added สูงมาก


CPU ของ intel ราคาต้นทุนการผลิตอยู่ที่ประมาณ $30 - $50 ได้
ราคาขายอยู่ที่ประมาณ อืมม์ $200 - $2,000 เหรียญ

เก่งนะ เปลี่ยนทรายธรรมดาให้แพงกว่าเพชรได้ (ต่อน้ำหนัก)

เป็นสินค้าที่ได้รับการจัดอันดับว่า มี value-added สูงที่สุดในโลก
(เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้โดนแซงไปหรือยัง)

แผ่น CD เพลง ต้นทุนการผลิตเบ็ดเสร็จอยู่ที่ 50 เซ็นต์
ขายแผ่นละ $14 ก็ถือว่าไม่น้อยเช่นกัน

อ่านแล้วเศร้าใจ

เหอ?

ผมว่าข้างแกงก็แพงเกินต้นทุนสองเท่านะ ไม่ต้องโฆษณาด้วย

Marketing
ความพึงพอใจ = มูลค่าที่ได้รับ - มูลค่าที่คาดว่าจะได้รับ
มูลค่า = สิ่งที่ได้รับทั้งหมด - ต้นทุน
ถ้าพอใจจะจ่าย เท่าไรก็จ่าย
ถ้าไม่พอใจจะจ่าย ก็จะไปซื้ออย่างอื่นกันเองนิครับ

Econ
Demand = Supply
ถ้าของขายไม่ออก ราคาก็ลดลงมาเอง

Finance
NPV เป็นบวก
ถ้าโครงการลงทุนไม่คืนทุน เขาก็เลิกทำกิจการไปเอง

MacroEcon
ถ้าไม่มีเงินลงทุน ก็ไม่มีเงินเดือน ก็ไม่มีการบริโภค ก็ไม่มีเศรษฐกิจสิครับ

ด้านลบของโฆษณา
ผมว่าอยู่ที่ศีลธรรมของคนทำโฆษณากับวิธีเลี้ยงดูลูกของเรานะครับ
เรื่อง Profits กะ Ethics ก็เป็นเรื่องที่เถียงๆ กันอยู่แล้วนิครับ

Welcome to Capitalism...

ทราบไหมครับว่า ในช่วงหนึ่งมีการนำไก่ไปเททิ้งที่มหาสมุทร เพื่อไม่ให้ราคาไก่ตกต่ำ ในขณะที่คนในแอฟริกากำลังจะอดตาย

ถูกของคุณหมีจ๋าครับ

ผมว่า ซื้อใบชามาชงกินเอา
รสชาติดีกว่าตั้งเยอะ

ไม่แน่ใจว่าเค้าขายน้ำชา หรือ น้ำหวานกันแน่