Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

Google มีมาร์เก็ตแคป 1.25 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5 ล้านล้านบาทแล้ว ใหญ่เป็นอันดับที่ 24 ของอเมริกา

ใหญ่กว่า BRK.A 1.1 เท่า
ใหญ่กว่า Coke 1.25 เท่า
ใหญ่กว่า Times Warner 1.5 เท่า
ใหญ่กว่า ปตท 10 เท่า

เล็กกว่า GE ที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุด 3.8 แสนล้านดอลลาร์ ประมาณครึ่งกว่าๆ แต่ ยอดกำไรของ GE สูงกว่ายอดขายของ Google 3 เท่ากว่าๆ และสูงกว่ายอดกำไรของ Google 15 เท่ากว่าๆ

PE ของ Google อยู่ที่ 93 เท่า

เป็นไงครับกับนายตลาดที่อเมริกากับการให้มูลค่าหุ้น

ผมเชื่อวอเรนครับ

ในที่สุดกูเกิ้ล ซึ่งแซง yahoo มา

ผมคิดว่า ไม่เห็นว่า คูเมืองอยู่ตรงไหน

มองไปที่กูเกิ้ล microsoft ยังมีคูเมืองมากกว่าเลย

คงมีเหตุมีผลของเค้าครับ
ที่ทำให้ราคาเป็นอย่างนั้น
(เป็นเหตุผลของคนสติ+ความรู้ดีครับ แต่อาจจะให้อารมณ์พาไป)

แต่ดูแล้วเสี่ยงเหลือเกินครับ

ถ้าดู market share ของ google บนโลกของอินเทอร์เน็ต
แล้วจะพอเข้าใจครับ ว่าทำไมนักลงทุนถึงบ้าซื้อ GOOG
ไปได้

กูเกิ้ลกำลังสังหารคู่แข่งในด้านการโฆษณาบนอินเทอร์เน็ต
ลงทีละรายสองราย

ตอนนี้รายเล็กๆ ยากที่จะเกิดได้แล้ว ถ้าไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อ
"สนับสนุน" กูเกิ้ล ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

แต่ Yahoo ก็ใช่ย่อยครับ ถ้านับฐานลูกค้าประจำ
Y! ยังเหนือกว่า G ในระดับหนึ่ง

เห็น "กูเกิล" บอกว่า ต้องใช้เวลา 300 ปีในการจัดระบบ search
ข้อมูลทุกประเภทบนโลกใบนี้

คนซื้อ GOOG ตอนนี้ คงหวังจะได้ return ใน 300 ปีข้างหน้ามั้ง



อ้อ แม้แต่เว็บเรา 40% ของ visitors ก็มาจาก Google ครับ
50% เป็นลูกค้าประจำ และอีก 10% ตาม link มาจากเว็บอื่นๆ

แต่คำที่ฮิตที่สุดที่คน search เข้ามาทาง Google คือ

1. โคลงสี่สุภาพ
2. ทดสอบไอคิว
3. บทความ
4. บทความเศรษฐศาสตร์
5. เกมส์สงคราม

รู้สึกส่วนใหญ่จะไม่เกี่ยวกับการลงทุนเอาซะเลย นอกจากข้อ 4

:lol:

กำไรของ GOOG กำลังเติบโตอัตราเร่งปีละ 600% ครับ ไม่ใช่ขาดทุนแบบพวกบริษัทในยุค dotboom

ลองคิดเล่นๆ ว่า บริษัทที่กำไรโตปีละ 6 เท่า ถ้าปีต่อๆ ไปโตปีละ 3 เท่า, 2เท่า, 1 เท่า, 0.5 เท่า PE ที่ 80 เท่าจะกลายเป็นไม่ถึง 10 ในเวลาไม่ถึง 5 ปี

ผมว่าไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย Bill Miller ก็ซื้อ GOOG ไว้ครับ

Bill Miller คือใครหรือครับ?

Bill Miller เป็น Fund Manager ที่เก่งที่สุดตอนนี้ที่ยังเป็น Fund Manager อยู่ครับ

Legg Mason Value Trust Fund ของ Bill เป็นกองทุนเดียวที่ beat S&P500 14 ปีติดต่อกันครับ (รู้สึกว่าอันดับ 2 จะไม่ถึง 10 ปีด้วยซ้ำ)

ไม่นานนี้มีเพื่อนเล่าประเด็นนี้ให้ผมฟังเหมือนกันว่า mkt cap ของ google แซง coke ไปแล้ว

ผมก็บอกว่า  ไม่รู้เหมือนกันนะ  รู้แต่ว่าเดี๋ยวนี้เข้า web ของ google ทุกวันเลย  แต่โค้กนี่ไม่ได้ทานทุกวันนะ

ไตรมาสสี่ปีนี้ GOOG จะทำรายได้สูงเป็นประวัติการณ์เลยครับ
น่าจะประมาณ 3,000 bilion US Dollars ส่วนใหญ่มาจาก AdWord

พี่ท่านเล่นทำ Jagger Update ตอนเดือนตุลา เล่นเอาบริษัทใหญ่ๆ
ที่อันดับดีๆ หล่นวูบไปจากหน้าแรกกันเป็นทิวแถว

เทศกาลคริสตมาสใกล้เข้ามาแล้ว บริษัทพวกนี้ไม่มีทางเลือกอื่น
นอกจากซื้อ AdWord เพื่อรักษา traffic และยอดขายให้ได้
เพราะไม่รู้ว่า Jagger 3 จะเริ่มเมื่อไหร่
แล้วอันดับจะกลับไปอย่างเดิมได้ไหม

เก่งไหม Google


แต่ผมว่าตลาด Internet Search Engine เริ่ม stabilized แล้วนะครับ
รายได้จาก adword น่าจะเริ่ม level off ในปีสองปีข้างหน้า (เดา)
เพราะ ROI ของ AdWord ปีนี้ เทียบกับปีแรกๆ ที่ออกมา แย่ลงเยอะครับ

เจออีกเรื่องที่น่าสนใจ

GE มีพนักงาน 300,000 คน

GooG มีพนักงาน 3,000 คน

ผมว่าตลาด Internet Search Engine เริ่ม stabilized

ความน่าสนใจในเรื่องนี้ก็คือ Google จะเติบโตแบบก้าวกระโดดได้อย่างไร ใน 3 ไตรมาสหน้า ยอดการเติบโตคงไม่น้อยกว่าที่เป็นอยู่ แต่การเติบโตที่จะทำให้ราคาวันนี้มีค่า PE ต่ำ 10 ใน 5 ปีข้างหน้าจะมาจากไหน

งานนี้เงินอยู่ในอากาศ เชื่อก็ Long ไม่เชื่อก็ Short

ปล สงสัยฝรั่งมาอ่านที่นี่ด้วบ วันนั้นพอโพส ราคาก็ตกไป $20 มาทดสอบ $400 อีกที

Google Earth นี่แจ่มมาก
กินขาด

ส่วนตัวผม ... Google จะสร้างฝันให้ไปถึง PE แบบนั้นได้ตลอดต่อเนื่องในอนาคต คงต้องรุกตลาดของ eBay

เว่อแล้วท่าน CK

3000 พันล้าน = 3 ล้านล้านเหรียญ หรือคิดไงดี

3000 x 1000 x 1000000 x 40 เท่ากับ กำไร 120 ล้านๆบาท

อืม pe 80 ก็มีมูลค่าตลาดเท่าไรหว่า

9600 ล้านๆบาท ก็ประมาณ 1920 เท่าของประเทศไทย ถ้าไทยมี มูลค่า 5 ล้านๆ

แหะๆ จำตัวเลขผิดเล็กน้อย

ยอดขาย GOOG ไตรมาส 3 ปี 2005 คือ $1.57 billion

ส่วนไตรมาส 4 คาดการณ์ไว้ที่ $2.05 billion ถึง $3.0 billion
(best case)

ใน 12 เดือนที่ผ่านมา GOOG ทำยอดขายได้ถึง 5.25 พันล้านเหรียญ
ไตรมาส 4 ปกติยอดขายของ online store จะเท่ากับ 3 ไตรมาสรวมกัน
แต่ของ GOOG ไม่รู้ว่าถึงหรือเปล่า ไม่ได้ตาม

แต่ยอด bidding ของ Adword ดุเดือดจริงๆ ครับ ช่วงนี้

($ Mil.)      2003    2004     9M2005
Rev        1465.9  3189.2   4478.4
Net          105.7   399.1     968.1

ส่วน Froogle อีกไม่นานคงปิดไปครับ

Google เพิ่งจะ beta สินค้าใหม่ ชื่อ Google Base
คนภายใน Google เรียกโครงการนี้ว่า "eBay Killer"

โดยให้คนเข้าไป list สินค้าทุกอย่างของตัวเอง ฟรี
มีเว็บไซต์ก็ได้ ไม่มีก็ได้

แต่ผมว่าจะเป็น eBay Killer ได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ
เพราะ eBay มี Pay Pal จัดการเรื่อง transaction
และอย่างน้อยก็ยังมีชื่อเสียง และมี buyers กับ
sellers เยอะมาก

Yahoo! Store เองก็คงกำลังปรับปรุงอยู่ แต่ก็ไม่เห็นว่า
จะสู้ eBay ได้สักที

Amazon เองก็มาแนว eBay แล้ว รับฝากขายแล้ว
แต่ยังไม่ถึงขนาดทำ Auction
นับ web traffic แล้ว Amazon ก็ยังอยู่อันดับต้นๆ


Google ลงมาในสนามนี้ ไม่รู้ว่าเป็นไงเหมือนกัน

ส่วนเว็บของไทย tarad.com กับ thaisecondhand.com
ก็ทำรายได้ค่อนข้างดีครับ แต่ fraud ก็เยอะด้วย

พี่ CK ครับ ... ตามความเห็นผมนะ ทั้ง Amazon และ Yahoo มีสิ่งนึงที่พลาดอย่างแรงงง มาก ทำให้ eBay ชนะไปขาดลอย

คือ การไม่เปิด ให้ Seller จาก Asia เข้าไปขายได้อย่างสะดวกครับ

ถามว่าสินค้าถูกๆ จะมาจากไหน ถ้าไม่เป็นการขายสินค้าตรงจาก Asia ไปหาฝาหรั่ง .. ซึ่งตรงนี้สร้างความน่าสนใจให้คอมมูนิตี้ขายของอย่าง eBay เป็นอย่างมากครับ ในขณะที่ Amazon Yahoo ของที่ขาย ไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลย ...เป็นฝรั่งขายฝรั่ง ...ของมันก็เป้นของพื้นๆ ที่ขายๆอยู่ที่โน่น ไร้ความดึงดูด... ทำเป็นไม่รับ Asia แหวะ สมน้ำหน้า

แต่ว่า Google เท่าที่ผมดู เค้ารับตลาดคน Asia ด้วยมาตลอด ผมเชื่อว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดี จากตลาด Asia ผู้หิวโหย 5555

ส่วน Paypal ผมได้ยินว่า Google กำลังจะทำระบบแบบนี้ออกมาด้วย แต่ผมเชื่อว่า Paypal นี่แหละ ที่คว่ำไม่ง่ายนัก เพราะคนมีเงินติดกันอยู่ใน Paypal แต่ต้องไม่ลืมว่า เมื่อก่อน 2-3 ปีที่แล้ว eBay เองก็ไม่ได้เป็นเจ้าของ Paypal เหมือนกันครับ เพิ่งจะมาซื้อและรวมบริษัทเมื่อไม่นานมานี้เองครับ

ผมมองว่าจุดที่จะทำให้ Google ไม่ประสบความสำเร็จในการทำเว็บแบบ eBay คือ ความซับซ้อน Google Base ลองเล่นดูนิดแล้ว ซับซ้อนและไม่ตรงไปตรงมา ผมกลับคิดว่าถ้า Google ทำแบบง่ายๆ เหมือน eBay หรือ Alibaba

รูปแบบ e-bay คงจะเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างชัดเจนที่ Google และ Microsoft ที่กำลังจะเข้าไป

Microsoft Corp. said it is readying an online marketplace, code-named Fremont, which is apparently in response to a similar feature that rival Google Inc. introduced a few weeks ago.

Fremont is a free service in which people contribute listings, whether it's about a couch for sale or someone looking for a commuting partner.

เร็วๆนี้เห็นบทความว่า 1 ใน 6 คนของอเมริกามีการขายของในอินเตอร์เนท