Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

แต่ผมว่า ทำไม่ได้ เพราะ ดูแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ ตั้งเงื่อนไขการซื้อขาย
เพื่อส่งเสริม ให้เก็งกำไร กันอยู่แล้ว ครับ คือ
1. ไม่เก็บภาษีกำไรจากการซื้อขายหุ้นที่ถือครอง ต่ำกว่า 1 ปี
2.

ข้อ 1 และข้อ 3 ก็พอแล้วครับ พี่ครรชิต

ข้อ 2 นี่ ผมว่าไม่ดีครับ ถ้าบริษัทมีผลการดำเนินงาน
เปลี่ยนแปลงมากๆ ราคาหุ้นควรจะสะท้อนได้ทันที
ไม่ใช่ต้องรออีก 10 วันถึงจะซื้อ/ขายได้
เพราะมันลิ่งหรือฟลอร์ตลอด

จริงๆ แล้ว ผมกลับคิดว่าว่า ยกเลิกกฎ ซีลลิ่ง/ฟลอร์ไปเลยก็ดีเหมือนกัน

เท่าที่อ่านดู  ผู้ใหญ่ในวงการมีความคิดว่า  นักลงทุนรายย่อยไม่เก่ง ไม่มีความรู้  ไม่มีข้อมูล  ลงทุนไม่เป็น  เป็นแมงเม่า  เป็นตัวร้าย

นักลงทุนสถาบันเก่ง  เรียนมาโดยตรง  มีความรู้  

เลยคิดเพียงแต่จะต้อนนักลงทุนรายย่อยนำเงินไปให้กองทุนบริหาร

แทนที่จะสนับสนุนให้ความรู้แก่นักลงทุนรายย่อย  กลับเพียงแต่เน้นปริมาณจำนวนนักลงทุน

ตลาดหุ้นไม่ดี  ก็โทษว่าเพราะนักลงทุนสถาบันน้อย  นักลงทุนรายย่อยเยอะ  (แต่จริงๆแล้วนักลงทุนกลุ่มไหนเป็นขาย  กลุ่มไหนเป็นเป็นผู้ซื้อ)

สุดท้าย  ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า P/E ของไทยต่ำกว่าเพื่อนบ้าน  แล้วไม่ดีตรงไหน  ต้อง P/E สูงกว่าถึงจะดีจริงหรือ

สิ้นหวังกับผู้บริหารตลาดทุนไทยจริงๆครับ

ผมว่าต้องแก้ที่ความอยากของ ดร ทนง ก่อนครับ :lol:

ไม่ว่านักลงทุนรายย่อยซื้อขายหุ้นเอง หรือซื้อขายผ่านกองทุน
หากทัศนคติต่อการลงทุนไม่แตกต่างกัน คือ
หวังผลกำไรเร็วๆ  ตะหนกกลัวขาดทุนเวลาหุ้นลงหนักๆ ฯลฯ
ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของคนส่วนใหญ่
ก็ต้องเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ดังนั้น หากผู้มีอำนาจ ต้องการให้ได้
ผลแบบที่ว่าคือมีนักลงทุนคุณภาพมากขึ้น  เก็งกำไรน้อยลง
(ซึ่งใครๆก็ต้องการผลแบบนั้น)
ต้องแก้ความอยากที่จะให้เป็นแบบนั้นไวไวลงมา
เริ่มก้าวช้าๆแบบทารก  ส่งเสริมการศึกษา
สนับสนุนองค์กร บุคคล ที่ส่งเสรมการลงทุนที่ถูกต้อง
เช่น เวบทีวีไอ ฯลฯ
ผมว่าเดี๋ยวนี้ก็ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้ว

PE ไม่แพงอย่างเพื่อนบ้าน หุ้นไม่วิ่งไปดอย1700 2000จุด
ก็ช่างมัน  มุ่งพัฒนาคุณภาพบริษัทจดทะเบียนทั้งการบริหารจัดการ
ธรรมาภิบาล ฯลฯ  ทำตัวเองให้ดีก่อนนนนน  :lol:

ผมว่าต้องแก้ที่ธรรมาภิบาลก่อนครับ  บางทีกำไรดีไม่รู้ดีจริงหรือหลอก ทำให้บางคนไม่กล้าเก็บหุ้นไว้นาน บางทีp/eตําอาจไม่ตําจริงก็ได้นะครับบางบริษัท

เงินไหลจากผลตอบแทนต่ำไปสูง
ทำให้ตลาดทุนเรา
เป็นตลาดที่มีผลตอบแทนสูงแบบเพียงพอ
คือมีผลตอบแทนที่ผู้คนสนใจและให้ผลตอบแทนที่มั่นคง
ดีกว่าครับ

บริษัทจดทะเบียนตอนนี้ทำให้ผู้คนไม่ไว้ใจ พูดกันตรง ๆ
ถ้าอยากจะพัฒนาจริง ๆ
บริษัทอย่าง ปิคนิค ทำลายความมั่นใจรายย่อยไปอีกเท่าไหร่
ต้องสร้างมาตรฐานบริษัทจดทะเบียนด้วยครับ

มองภาพแบบองค์รวม อย่าไปมองที่ใดที่หนึ่ง
เพราะปัญหาตอนนี้มันไม่ได้มีจุดเดียวครับ

เริ่มก้าวช้าๆแบบทารก  ส่งเสริมการศึกษา
สนับสนุนองค์กร บุคคล ที่ส่งเสรมการลงทุนที่ถูกต้อง
เช่น เวบทีวีไอ ฯลฯ

แนวความคิด เยี่ยม
แต่ทำจริงจะได้แค่ไหน รายย่อยบ้านเราก็รู้กันอยู่
อยากรวยเร็วๆแบบง่ายๆ
เคยซื้อหนังสือ หาข้อมูลเป็นตั้งๆให้หาความรู้ เสียเงินเสียแรงเปล่า จริงๆ
หวังจะเป็นนักลงทุนที่มีคุณภาพ ยังถูกแ_กดันว่า โง่ ช้า ไม่ทันกิน
ตอนนี้เลยไม่มีใครคบด้วย ต้องมาระบายในเวบ TVI บ่อยๆ อิ อิ :lol:  :lol:  :lol:

ใครได้อ่านบ้าง

ท่านทนงซังได้กล่าวเตือนบิ๊กโต้งว่า  ให้ตรวจสอบและเตือนการปั่นหุ้นให้น้อยๆลงหน่อย  เพื่อทำให้เสียบรรยากาศการลงทุน

ท่านหลงทางหรือเปล่าครับ  เลยเสียเวลามานานหลายสิบปีสำหรับตลาดหลักทรัพย์ไทย  พัฒนาการถดถอย

เมื่อก่อนไม่ให้ซื้อขายหักกลบลบหนี้กันภายในวันเดียวก็ดีอยู่แล้ว  ตลาดกลัวโบรคเกอร์รายได้น้อยไป  มูลค่าการซื้อขายไม่มากพอเทียบกับต่างชาติ  เลยให้ซื้อขายหักกลบลบหนี้กันได้  คิดกันได้แค่นี้ละครับ

           อ่านแล้วผมก้อว่าเค้าไม่ให้ความสำคัญกะรายย่อย   แถมในงานเซ็ตอินเดอะซีตี้ยังจัดกิจกรรม  แข่งขันหุ้นเหมือนเล่นเกม  อย่างนี้รายย่อยก้อเกิดแนวคิดต่อตลาดแบบเก็งกำไรได้    8)  :lol:  :shock:

ครรชิต ไพศาล เขียน: 1. เก็บภาษีกำไรจากการซื้อขายหุ้นที่ถือครอง ต่ำกว่า 1 ปี
2. ลดช่วง ราคา Floor และ Cieling  ในแต่ละวันเหลือ 5%
3. เลิกเก็บภาษีเงินได้จากปันผล จากผู้ถือหุ้นระยะยาว

เห็นด้วยกับข้อ 1 เป็นอย่างยิ่งคับ และจะเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นไปอีกถ้าเก็บค่าคอมมิสชั่นเพิ่มเป็น 0.5%-1% (แต่ควรจะเก็บเข้ารัฐ 8ส่วน ให้โบรกเกอร์2ส่วน)

และไม่เห็นด้วยกับข้อ 3 ครับ เหตผลก็คือเจ้าของบริษัทส่วนใหญ่ก็มีรายได้ทางเดียวคือเงินปันผล บางคนก็ได้เป็นสิบล้านร้อยล้าน จะไม่ให้เสียภาษีตรงนี้ก็ขัดความรู้สึกครับ ไม่งั้นต่อไปคงมีแต่คนกินเงินเดือนที่ต้องเสียภาษี พาลจะทำให้บริษัทไม่จ่ายเงินเดือนพนักงานแต่จ่ายเป็นปันผลแทน

อีกแนวหนึ่งก็คือเปิดกองทุน Day Trade ขึ้นมา แสดงให้เห็นว่านักวิเคราะห์, พวกมืออาชีพเก่งจริง เงินจะได้ไหลจากรายย่อยไปยังกองทุน สัดส่วนซื้อขายกองทุนจะได้สูงขึ้น

เคยได้ยินว่าตลาดหลักทรัพย์ได้ส่วนแบ่งจาก volume การซื้อขายด้วยใช่ไหมครับ ถ้าจริงนี่คงเป็นเหตุลหนึ่งที่ตลาดต้องการให้มีการซื้อขายกันเยอะ

ผมว่าแก้ไม่ได้หรอก ธรรมชาติของตลาดหุ้น ตลาดเงิน ตลาดล่วงหน้าที่คึกคัก ต้องมีคนมาเก็งกำไร และมีคนทำตลาดอยู่แล้ว ไม่งั้นคงน่าเบื่อและไร้สภาพคล่อง (ดูตลาดตราสารหนี้สิครับ www.bex.or.th เงียบยังกะเป่าสาก)

ผมชอบให้มีนักเก็งกำไรในตลาดครับ ผมคิดว่าเวลารอบเก็งกำไรมาถึงหุ้นที่ผมถืออยู่ โดนปั่นไปไกล ทำให้ขายได้ราคาดี และสามารถรอซื้อคืนได้ถูกๆ เมื่อเค้าเลิกแล้ว อยากให้ตลาดหุ้นไทยเป็นอย่างนี้ต่อไปครับ ไม่อยากให้คนกลุ่มนี้หมดไป เพียงแต่เราอย่ากลายเป็นคนกลุ่มนั้นก็แล้วกัน

เหมือน Graham ว่าไว้ ว่าให้ใช้ประโยชน์จาก Mr.Market แต่อย่าเป็น Mr.Market ซะเอง

ขอบอกว่าถ้า Value Investors มีมากเกินไปในตลาด จะเป็นตลาดที่เล่นยากทำกำไรยากครับ

ตลาดหุ้นเรายังเล็กอยู่มากครับ ยิ่งถ้านักเก็งกำไรหายไปอีก volume trade จะน้อยเกินไป

ต้องทำให้นักลงทุนที่มีความรู้ (จะสั้นจะยาวก็ได้) + สถาบันเพิ่มขึ้นจนทำให้อัตรา % ส่วนนักเก็งกำไรแบบการพนันลดลงไปเองครับ ถ้าจะลดนักเก็งกำไรอย่างเดียวผมว่าไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่เหมาะกับตลาดตอนนี้

ส่วนทั้งสามวิธี ผมเห็นด้วยเฉพาะข้อ 1 แต่อยากให้ประชาชนทั่วไปมีความรู้เยอะ ๆ ก่อน

วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือการคัดเอาบริษัทที่ดีเข้ามาในตลาดเยอะๆ

หากบริษัทในตลาดเป็นบริษัทที่ไม่ดีแล้ว ผลคือ คนก็ไม่อยากถือยาวหรอกครับ

เช่น

ยกเว้นภาษี สำหรับบริษัทที่เข้ามซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น

จริงๆแล้ว ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะเสียประโยชน์เยอะมากนะ ถ้ายกเว้น

อย่างไรก็ตาม ในทางปฎิบัติ ณ.ปัจจุบัน บริษัทที่อยู่นอกตลาด ก็เลี่ยง หลบ และหลีก ในการเสียภาษีอยู่แล้วครับ

และก็ควรเพิ่มมาตรการอื่นๆเพื่อให้บริษัททีดีอยากเข้าตลาดครับ

แน่ใจได้อย่างไรว่ากองทุนไม่เก็งกำไรระยะสั้น  เห็นมีซื้อๆขายๆได้ทุกวัน

เอ เรื่องนี้ บางคนอาจจะคิดว่า พี่เจ๋ง ต๊องหรือเปล่านี้ เล่นเสนอให้ไม่ต้องเสียภาษี

คืองี้ครับ เพราะเรามีภาษี VAT อยู่แล้วครับ 7 % ไม่ว่าบริษัทจะกำไรหรือไม่กำไร ถ้าขายได้ 107 ก็ต้องเสียภาษี 7 บาทอยู่แล้ว

เพราะฉะนั้นเราต้องสร้างระบบส่งเสริมให้บริษัทต่างๆโชว์กำไร จะทำให้ประเทศชาติเจริญครับ

ลองมองไปรอบๆตัวซิ เพื่อนๆ ญาติๆของคุณ มีเงินซื้อ เบนซ์ ซื้อบ้าน กันเท่าไร และเสียภาษีจริงๆกันเท่าไร

ถ้ากำไรไม่ต้องมาเสียภาษีปลายปี และเขารู้ว่าสามารถนำเอาบริษัทมาเข้าตลาด แล้วขายหุ้นได้

อีกหน่อยจะมีบริษัทเข้าตลาดหุ้นกันมากครับ

ถ้าภาษีเก็บได้น้อย ก็ต้องแก้ตรงเก็บให้ได้มากครับ

เมื่องไทยผมว่ากิจการหลายอย่างพิจารณาแล้วว่า เมื่อเข้าตลาดแล้วหลบภาษีได้ ก็เลยไม่อยากเข้ากันครับ

ผลคือ พวกเรามีตัวเลือกให้ลงทุนระยะยาวน้อย

ผลคือ ตลาดหุ้นบ้านเราก็เลยกลายเป็นตลาดการพนัน

[quote="chatchai"]เท่าที่อ่านดู

[quote="por_jai"] ช่วงนี้ผมนั่งดูเห็น power ซื้อขายมากกว่า