คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 1
ผมเชื่อโดยปราศจากข้อกังขาใดๆ เลยว่า การลงทุนซื้อหุ้นโดยไม่รุ้เรื่องบัญชีอาศัยคอยซื้อหุ้นตาม
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 2
และถ้าประโยคต่อไปนี้ของ อาจารย์ นิเวศน์ ในคอร์ลัม "โลกในมุมมองของ VI " ที่ชื่อว่า "หมดอารมย์" ที่ อาจารย์ นิเวศน์ กล่าวว่า
"ผมได้บทเรียนว่า หุ้นของธุกิจตะวันตกดินนั้น ต้องหลีกเลี่ยง อย่าพยายามฟังเหตุผลว่า "ทำไม" บริษัทถึง สามารถต่อสู้กับผู้ผลิตจากจีนใด้"
ถ้าคำกล่าวประโยคนี้ เป็นนัยยะสำคัญที่ อาจารย์ นิเวศน์ ส่งสัญญาณ ทิ้งหุ้นกลุ่มยานยนต์ ละก็ คนที่ยังถืออยู่ในราคายอดดอยคือคำตอบของคำถาม
:shock: :shock: :shock:
"ผมได้บทเรียนว่า หุ้นของธุกิจตะวันตกดินนั้น ต้องหลีกเลี่ยง อย่าพยายามฟังเหตุผลว่า "ทำไม" บริษัทถึง สามารถต่อสู้กับผู้ผลิตจากจีนใด้"
ถ้าคำกล่าวประโยคนี้ เป็นนัยยะสำคัญที่ อาจารย์ นิเวศน์ ส่งสัญญาณ ทิ้งหุ้นกลุ่มยานยนต์ ละก็ คนที่ยังถืออยู่ในราคายอดดอยคือคำตอบของคำถาม
:shock: :shock: :shock:
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 4
เพิ่งหัดโพสเป็นครั้งแรกในชีวิตครับ นึกไม่ถึงเลยว่าคนี่เข้ามาทักทายคนแรกจะเป็นคุณปรัชญา เป็นความทรงจำที่ดีมากครับ ผมคงจะไม่ลืมตลอดไป
ปกติจะเป็นคนติดตามอ่านเพียงอย่างเดียว ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความรู้พอที่จะไปถกเถียงกับใครได้
หลังจากไปอบรมบัญชีกับอาจารย์มนมา ปรากฏว่ามีสหายร่วมรุ่นเพียงคนเดียวที่โพสมาขอบคุณ คุณมน ผมเองอยากจะกระตุ้นให้สหายร่วมรุ่น ที่มีคุณอ๊อด ที่เอ่ยปากเมิ่อไรได้ฮากันเต็มเหนี่ยวเมื่อนั้น มีคุณหมอคนสวยที่มีหุ้นถึง30ตัวในพอร์ต เป็นลูกคู่คอยรับมุขคุณมนให้ผู้เข้าร่วมอบรม หัวเราะกันคิ๊กคักตลอด 2วันเต็ม
และในรุ่นของผมยังมีหลายท่านที่มีความรู้ทางด้านบัญชี ระดับโทเข้ามาร่วมอบรมเพื่อเพิ่มพูนทักษะอีกหลายท่าน เป็นคุณหมอฟัน เป็นวิศวะ เป็นมาเก็ตติ้ง เป็นผู้ประกอบการอิสระ ที่น่าสนใจ ผมอยากให้ท่านทั้งหลาย เหล่านั้นช่วยกันโพสแสดงความคิดเห็น ทักทายกันบ้างเพื่อสร้างสีสรรค์ให้กับเว๊ปของเราครับ
ปกติจะเป็นคนติดตามอ่านเพียงอย่างเดียว ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความรู้พอที่จะไปถกเถียงกับใครได้
หลังจากไปอบรมบัญชีกับอาจารย์มนมา ปรากฏว่ามีสหายร่วมรุ่นเพียงคนเดียวที่โพสมาขอบคุณ คุณมน ผมเองอยากจะกระตุ้นให้สหายร่วมรุ่น ที่มีคุณอ๊อด ที่เอ่ยปากเมิ่อไรได้ฮากันเต็มเหนี่ยวเมื่อนั้น มีคุณหมอคนสวยที่มีหุ้นถึง30ตัวในพอร์ต เป็นลูกคู่คอยรับมุขคุณมนให้ผู้เข้าร่วมอบรม หัวเราะกันคิ๊กคักตลอด 2วันเต็ม
และในรุ่นของผมยังมีหลายท่านที่มีความรู้ทางด้านบัญชี ระดับโทเข้ามาร่วมอบรมเพื่อเพิ่มพูนทักษะอีกหลายท่าน เป็นคุณหมอฟัน เป็นวิศวะ เป็นมาเก็ตติ้ง เป็นผู้ประกอบการอิสระ ที่น่าสนใจ ผมอยากให้ท่านทั้งหลาย เหล่านั้นช่วยกันโพสแสดงความคิดเห็น ทักทายกันบ้างเพื่อสร้างสีสรรค์ให้กับเว๊ปของเราครับ
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 5
ยกย่องผมเกินไปครับพี่ monty555 (ขอเรียกพี่แล้วกันครับ)
ผมก็มีความเห็นแบบพี่ครับ ที่ผมแนะนำ WG โดยการแสดงเหตุผลที่ผมลงทุนไว้ เพื่อให้หลายๆคนที่เข้ามาพิจารณาดูนะครับ
ถ้าคิดว่าดี ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้พิจารณาบริษัทอื่นๆได้อีกต่อไป
ไม่อยากให้เพียงแค่ซื้อหุ้นตามคนอื่นเท่านั้น โดยไม่พิจารณาด้วยตนเอง (ซึ่งในเวบนี้คงมีคนซื้อ WG ไม่มากนัก)
ว่าแต่ว่า ผมว่า WG ยังเป็นดักแด้อยู่นะพี่ ยังไม่เป็นผีเสื้อน่า
ผมก็มีความเห็นแบบพี่ครับ ที่ผมแนะนำ WG โดยการแสดงเหตุผลที่ผมลงทุนไว้ เพื่อให้หลายๆคนที่เข้ามาพิจารณาดูนะครับ
ถ้าคิดว่าดี ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้พิจารณาบริษัทอื่นๆได้อีกต่อไป
ไม่อยากให้เพียงแค่ซื้อหุ้นตามคนอื่นเท่านั้น โดยไม่พิจารณาด้วยตนเอง (ซึ่งในเวบนี้คงมีคนซื้อ WG ไม่มากนัก)
ว่าแต่ว่า ผมว่า WG ยังเป็นดักแด้อยู่นะพี่ ยังไม่เป็นผีเสื้อน่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 7
ครับ เรื่องบัญชี การเงิน ยังไงก็ต้องเรียนบ้าง ไม่งั้นก็ดูพื้นฐานกิจการลำบากเหมือนกันครับ
อย่างไรก็ตามผมอ่านตีแตกไม่จบนะครับ
และไม่เคยซื้อตามใครเลย
ไม่ว่าจะเป็น tr ของพี่ครรชิต fe ของเฮียปรัชญา fancy ของลุงขวด หรือ stanly metco irc ของดร.นิเวศน์
สาเหตุที่ไม่ได้ซื้อตามไม่ได้แอนตี้นะครับ
เพราะว่า ต้องดูราคาที่ซื้อด้วย
อย่างไรก็ตามผมอ่านตีแตกไม่จบนะครับ
และไม่เคยซื้อตามใครเลย
ไม่ว่าจะเป็น tr ของพี่ครรชิต fe ของเฮียปรัชญา fancy ของลุงขวด หรือ stanly metco irc ของดร.นิเวศน์
สาเหตุที่ไม่ได้ซื้อตามไม่ได้แอนตี้นะครับ
เพราะว่า ต้องดูราคาที่ซื้อด้วย
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณครับ คุณ ลูกอิสาน ผมตัดเก็บไว้พอดี
หมดอารมณ์
นานมาแล้ว มีคนแนะนำหุ้นในกลุ่มสิ่งทอตัวหนึ่งกับผม บอกว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตเสื้อหนาวคุณภาพสูงส่งออกกำไรของบริษัทจะเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะว่าออเดอร์จากต่างประเทศเข้ามามาก กำไรปีที่แล้วก็พอใช้ได้ แต่กำไรงวดไตรมาสแรกของปีนี้ ที่เพิ่งผ่านมาโดดเด่นมากถ้ากำไรยังเท่าเดิมถึงสิ้นปีค่า PE ของบริษัทจะเหลือแค่3-4 เท่า สินค้าของบริษัทเป็นผลิตภัณฑ์ระดับสูงที่เมืองจีนยังไม่สามารถแข่งขันได้ผมตัดสินใจซื้อหุ้นหวังเก็งกำไรจากกำไรที่จะเพิ่มขึ้นมหาศาลของบริษัท
ไตรมาส 2 บริษัทประกาศงบออกมาน่าผิดหวัง คำชี้แจงก็คือบริษัทส่งสินค้าไม่ทันในช่วงไตรมาส ดังนั้นกำไรลดลง กำไรในไตรมาส 3 จะดีขึ้น แต่แล้วเมื่อประกาศงบไตรมาส 3 กำไรก็ยังถดถอยลง ผมจำไม่ได้ว่าคำชี้แจงคืออะไรรู้แต่ว่าหุ้นตกและผมตัดสินใจขายหุ้นทิ้งตัดขาดทุนไปไม่ใช่น้อยผมไม่ได้ติดตามกิจการของบริษัทอีก รู้แต่ว่าบริษัทประสบปัญหาทางการเงินและผมได้บทเรียนว่าหุ้นของธุรกิจ "ตะวันตกดิน" นั้นต้องหลีกเลี่ยง อย่าพยายามฟังเหตุผลว่าทำไมบริษัทถึงสามารถต่อสู้กับผู้ผลิตจากจีนได้
มีปัจจัยหลายอย่างที่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีกับการลงทุนและมีโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจเสียหายและทำให้หุ้นตกได้มากอย่างไม่คาดคิดทั้งที่องค์ประกอบอย่างอื่นก็ดูดีและน่าสนใจมาก ปัจจัยเหล่านี้ผมจะลองรวบรวมเล่าให้ฟังว่ามีอะไรบ้าง และเมื่อผมเจอบริษัทที่เป็นอย่างนั้น ผมจะหมดความสนใจ ไม่อยากฟังเรื่องอื่นๆของบริษัทต่อไป มันคงเหมือนกับการที่เห็นผู้หญิงที่สวย หุ่นดี คล่องแคล่ว สมบูรณ์แบบแต่พอหล่อนพูดออกมาเป็นเสียงห้าวของผู้ชายเราก็ไม่อยากที่จะตามต่อทันที
บริษัทที่ผมจะหมดมู้ดไม่สนใจเลยไม่ว่าตัวเลขจะดูดีแค่ไหนก็คือบริษัทที่ผมบริหารไว้ใจไม่ได้ มีประวัติเสียหายร้ายแรงทั้งในเรื่องของการบริหารงานและการปั่นหุ้นโกงหรือเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยแบบ "ด้านๆ" หุ้นแบบนี้ผมจะตัดทิ้งจากสารบบการลงทุนเลย
หุ้นของบริษัทที่มีผลการดำเนินงานกระท่อนกระแท่นเดี่ยวได้กำไรเดี่ยวขาดทุนสามวันดีสี่วันไข้แบบนี้พอเห็นแล้วผมก็ไม่อยากจะวิเคราะห์ต่อไปว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรแม้จะดูเหมือนว่ากิจการของบริษัทในเร็วๆนี้จะดีขึ้นผิดหูผิดตาและคนกำลังกล่าวถึงอนาคตที่ดีเยี่ยมของบริษัท
ถ้าพูดถึงหุ้นขึ้นมาตัวหนึ่งและอธิบายได้ว่าข้อมูลทุกอย่างดูดีหมด ยอดขายเพิ่มสูงขึ้น กำไรดีมาก ผู้บริหารน่าจะใช้ได้บริษัทมีหนี้น้อย ราคาหุ้นก็ไม่แพง แต่ถ้าถามว่าบริษัทมีความเข้มแข็งที่จะป้องกันคู่แข่งไม่ให้เข้ามาตัดราคาแย่งธุรกิจได้อย่างไร และคำตอบที่ได้รับไม่ชัดเจนหนักแน่น อารมณ์ที่จะศึกษาต่อไปของผมก็จะวูบลงไปมากเพราะผมไม่คิดว่ากิจการที่เติบโตยืดยาวต่อไปได้นานนั้นจะต้องมีความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยั่งยืนและถ้าบริษัทไม่มีสิ่งนั้นโอกาสที่จะถูกโจมตีและเสียหายก็จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว
หุ้นของบริษัทที่อ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้มากๆเป็นหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่ผมเห็นแล้วมักจะหมดอารมณ์ไปมาก ตัวอย่างเช่น หุ้นบริษัทส่งออกที่ผลการดำงานขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับเงินดอลลาร์มากๆหรือหุ้นที่ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันหรือราคาโภคภัณฑ์ต่างๆที่มีประวัติราคาผันผวนสูงเหล่านี้ผมเห็นแล้วก็มักจะขอผ่านไม่ว่า "ผู้เชี่ยวชาญ" จะมองกันอย่างไร
หุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจซับซ้อนมีกิจการอยู่ในต่างประเทศหลายแห่งโครงสร้างการค้าขายดูยาก แบบนี้ผมมักจะไม่ค่อยสนใจพยายามติดตามศึกษาเพราะผมรู้สึกว่าเรามีโอกาสพลาดมากกว่าธุรกิจธรรมดาที่เข้าใจง่าย
หุ้นของบริษัทที่มีหนี้มากเกินลักษณะของธุรกิจก็เป็นหุ้นที่ไม่มีเสน่ห์สำหรับผม เพราะผมลงทุนโดยคิดคล้ายๆกับว่าเราเป็นเจ้าของถ้าผมต้องรับภาระหนี้มากแบบนั้นผมก็คงจะไม่มีความสุขดังนั้นหุ้นมีหนี้มากผมจึงมักจะไม่สนใจ
สุดท้ายที่ทำให้ผมรู้สึกหมดอารมณ์ที่จะศึกษาหรือซื้อหุ้นก็คือราคาที่แพงเกินไป หุ้นที่มีค่า PE ถึง 20 เท่า โดยที่ค่า E หรือกำไรต่อหุ้นไม่ได้ผิดปกติเพราะเหตุผลบางอย่างนั้น ผมคิดว่ายากมากที่จะทำให้ผมสนใจ เพราะราคาหุ้นที่แพงเกินไปนั้นโอกาสที่หุ้นจะตกลงมาจะมีสูงโดยเฉพาะในยามที่บริษัทเกิดความผิดพลาดหรือภาวะตลาดหุ้นเกิดความผันผวน ผมยึดคติว่า บริษัทจะดีแค่ไหนก้ไม่คุ้มที่จะลงทุนถ้าราคาแพงเกินไป.....
หมดอารมณ์
นานมาแล้ว มีคนแนะนำหุ้นในกลุ่มสิ่งทอตัวหนึ่งกับผม บอกว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตเสื้อหนาวคุณภาพสูงส่งออกกำไรของบริษัทจะเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะว่าออเดอร์จากต่างประเทศเข้ามามาก กำไรปีที่แล้วก็พอใช้ได้ แต่กำไรงวดไตรมาสแรกของปีนี้ ที่เพิ่งผ่านมาโดดเด่นมากถ้ากำไรยังเท่าเดิมถึงสิ้นปีค่า PE ของบริษัทจะเหลือแค่3-4 เท่า สินค้าของบริษัทเป็นผลิตภัณฑ์ระดับสูงที่เมืองจีนยังไม่สามารถแข่งขันได้ผมตัดสินใจซื้อหุ้นหวังเก็งกำไรจากกำไรที่จะเพิ่มขึ้นมหาศาลของบริษัท
ไตรมาส 2 บริษัทประกาศงบออกมาน่าผิดหวัง คำชี้แจงก็คือบริษัทส่งสินค้าไม่ทันในช่วงไตรมาส ดังนั้นกำไรลดลง กำไรในไตรมาส 3 จะดีขึ้น แต่แล้วเมื่อประกาศงบไตรมาส 3 กำไรก็ยังถดถอยลง ผมจำไม่ได้ว่าคำชี้แจงคืออะไรรู้แต่ว่าหุ้นตกและผมตัดสินใจขายหุ้นทิ้งตัดขาดทุนไปไม่ใช่น้อยผมไม่ได้ติดตามกิจการของบริษัทอีก รู้แต่ว่าบริษัทประสบปัญหาทางการเงินและผมได้บทเรียนว่าหุ้นของธุรกิจ "ตะวันตกดิน" นั้นต้องหลีกเลี่ยง อย่าพยายามฟังเหตุผลว่าทำไมบริษัทถึงสามารถต่อสู้กับผู้ผลิตจากจีนได้
มีปัจจัยหลายอย่างที่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีกับการลงทุนและมีโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจเสียหายและทำให้หุ้นตกได้มากอย่างไม่คาดคิดทั้งที่องค์ประกอบอย่างอื่นก็ดูดีและน่าสนใจมาก ปัจจัยเหล่านี้ผมจะลองรวบรวมเล่าให้ฟังว่ามีอะไรบ้าง และเมื่อผมเจอบริษัทที่เป็นอย่างนั้น ผมจะหมดความสนใจ ไม่อยากฟังเรื่องอื่นๆของบริษัทต่อไป มันคงเหมือนกับการที่เห็นผู้หญิงที่สวย หุ่นดี คล่องแคล่ว สมบูรณ์แบบแต่พอหล่อนพูดออกมาเป็นเสียงห้าวของผู้ชายเราก็ไม่อยากที่จะตามต่อทันที
บริษัทที่ผมจะหมดมู้ดไม่สนใจเลยไม่ว่าตัวเลขจะดูดีแค่ไหนก็คือบริษัทที่ผมบริหารไว้ใจไม่ได้ มีประวัติเสียหายร้ายแรงทั้งในเรื่องของการบริหารงานและการปั่นหุ้นโกงหรือเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยแบบ "ด้านๆ" หุ้นแบบนี้ผมจะตัดทิ้งจากสารบบการลงทุนเลย
หุ้นของบริษัทที่มีผลการดำเนินงานกระท่อนกระแท่นเดี่ยวได้กำไรเดี่ยวขาดทุนสามวันดีสี่วันไข้แบบนี้พอเห็นแล้วผมก็ไม่อยากจะวิเคราะห์ต่อไปว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรแม้จะดูเหมือนว่ากิจการของบริษัทในเร็วๆนี้จะดีขึ้นผิดหูผิดตาและคนกำลังกล่าวถึงอนาคตที่ดีเยี่ยมของบริษัท
ถ้าพูดถึงหุ้นขึ้นมาตัวหนึ่งและอธิบายได้ว่าข้อมูลทุกอย่างดูดีหมด ยอดขายเพิ่มสูงขึ้น กำไรดีมาก ผู้บริหารน่าจะใช้ได้บริษัทมีหนี้น้อย ราคาหุ้นก็ไม่แพง แต่ถ้าถามว่าบริษัทมีความเข้มแข็งที่จะป้องกันคู่แข่งไม่ให้เข้ามาตัดราคาแย่งธุรกิจได้อย่างไร และคำตอบที่ได้รับไม่ชัดเจนหนักแน่น อารมณ์ที่จะศึกษาต่อไปของผมก็จะวูบลงไปมากเพราะผมไม่คิดว่ากิจการที่เติบโตยืดยาวต่อไปได้นานนั้นจะต้องมีความได้เปรียบทางการแข่งขันที่ยั่งยืนและถ้าบริษัทไม่มีสิ่งนั้นโอกาสที่จะถูกโจมตีและเสียหายก็จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว
หุ้นของบริษัทที่อ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้มากๆเป็นหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่ผมเห็นแล้วมักจะหมดอารมณ์ไปมาก ตัวอย่างเช่น หุ้นบริษัทส่งออกที่ผลการดำงานขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับเงินดอลลาร์มากๆหรือหุ้นที่ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันหรือราคาโภคภัณฑ์ต่างๆที่มีประวัติราคาผันผวนสูงเหล่านี้ผมเห็นแล้วก็มักจะขอผ่านไม่ว่า "ผู้เชี่ยวชาญ" จะมองกันอย่างไร
หุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจซับซ้อนมีกิจการอยู่ในต่างประเทศหลายแห่งโครงสร้างการค้าขายดูยาก แบบนี้ผมมักจะไม่ค่อยสนใจพยายามติดตามศึกษาเพราะผมรู้สึกว่าเรามีโอกาสพลาดมากกว่าธุรกิจธรรมดาที่เข้าใจง่าย
หุ้นของบริษัทที่มีหนี้มากเกินลักษณะของธุรกิจก็เป็นหุ้นที่ไม่มีเสน่ห์สำหรับผม เพราะผมลงทุนโดยคิดคล้ายๆกับว่าเราเป็นเจ้าของถ้าผมต้องรับภาระหนี้มากแบบนั้นผมก็คงจะไม่มีความสุขดังนั้นหุ้นมีหนี้มากผมจึงมักจะไม่สนใจ
สุดท้ายที่ทำให้ผมรู้สึกหมดอารมณ์ที่จะศึกษาหรือซื้อหุ้นก็คือราคาที่แพงเกินไป หุ้นที่มีค่า PE ถึง 20 เท่า โดยที่ค่า E หรือกำไรต่อหุ้นไม่ได้ผิดปกติเพราะเหตุผลบางอย่างนั้น ผมคิดว่ายากมากที่จะทำให้ผมสนใจ เพราะราคาหุ้นที่แพงเกินไปนั้นโอกาสที่หุ้นจะตกลงมาจะมีสูงโดยเฉพาะในยามที่บริษัทเกิดความผิดพลาดหรือภาวะตลาดหุ้นเกิดความผันผวน ผมยึดคติว่า บริษัทจะดีแค่ไหนก้ไม่คุ้มที่จะลงทุนถ้าราคาแพงเกินไป.....
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 11
ผมแอบตั้งคำถามกับตัวเองว่า ดร.นิเวศน์ เอาเงินมาจากที่ไหนตั้ง42ล้าน ซื้อหุ้นโฮมโปร พอหลังจากได้อ่านบทความชิ้นนี้แล้ว ผมคิดว่าผมพอจะรู้แล้วว่าอาจารย์ ใช้เงินจากที่ไหน :P
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 15
ขออภัยคุณอามนตรีครับที่เข้ามาตอบช้ามากๆ คนอื่นแจมไปหมดแล้ว
ผมกลับต้องขอขอบพระคุณคุณอามากครับที่ทนมานั่งฟังผมตั้งสองวัน แถมหนีบเอาลูกชายคนสุดท้องมาขนเอาวิชาความรู้ด้วย ขอให้ส่งต่อแนวคิดดีๆส่งให้ลูกได้อย่างสำเร็จนะครับ ผมเพียงแต่เอาความรู้มาเผยแพร่เท่าที่ทำได้ ส่วนความรู้ความชำนาญนั้นจะเพิ่มพูนเพิ่มมากขึ้นก็อยู่ที่ตัวของผู้ศึกษาเองครบ
ขอให้รวยมากๆขึ้นนะครับ
ผมกลับต้องขอขอบพระคุณคุณอามากครับที่ทนมานั่งฟังผมตั้งสองวัน แถมหนีบเอาลูกชายคนสุดท้องมาขนเอาวิชาความรู้ด้วย ขอให้ส่งต่อแนวคิดดีๆส่งให้ลูกได้อย่างสำเร็จนะครับ ผมเพียงแต่เอาความรู้มาเผยแพร่เท่าที่ทำได้ ส่วนความรู้ความชำนาญนั้นจะเพิ่มพูนเพิ่มมากขึ้นก็อยู่ที่ตัวของผู้ศึกษาเองครบ
ขอให้รวยมากๆขึ้นนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 16
คุณฉัตรชัยครับ
คุณเจ๋งครับ
คุณลูกอีสานครับ
ผมต้องขอโทษจริงๆ
ลูกๆผมเขา แสกนไวรัสอีท่าไหนไม่ทราบ โปรกงโปรแกรมหายหมด จอดสนิทไปเครื่องหนึ่ง อีกตัวเป็นไรไม่ทราบพลอยรวนไปด้วย ผมใช้งานไม่ถนัดต้องวานเจ้าลูกชายคนเล็ก ช่วยก๊อป "หมดอารมณ์" ของอาจารย์ นิเวศน์ ให้คุณลูกอีสาน แล้วก็ไม่ได้แตะอีกเลย กระทั่ง ช่างคอมมาเซอร์วิสให้เป็นที่เรียบร้อยวันนี้
คุณฉัตรชัยครับ ผมขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ให้เกียรติเข้ามาตอบ
ผมกำลังยุ่งๆอยู่กับการปรับปรุงซ่อมแซมตึกแถวที่ผมประมูลมาจากกองบังคับคดี ซึงอยู่ติดกับ2ห้องที่ผมใช้ทำการค้าอยู่ เพื่อเร่งให้เสร็จก่อนปีใหม่ เพื่อที่จะใช้เป็นที่เก็บตุนเหล้าเบียร์รับปีใหม่ทั้งเหล้าทั้งเบียร์โซดาชาเขียว 700-800 ลัง ถ้ามีที่วางเพิ่มขึ้นอีกห้องอย่างนี้ค่อยหายใจหายคอได้หน่อย
แต่จากการไปอบรบบัญชีกับ คุณมน มา ผมได้เห็นถึงความตั้งใจจริง และการทุ่มเทอย่างเต็มที่ของ คุณมน ซึ่งมาถึงห้องที่ใช้อบรมก่อนเป็นคนแรกและออกจากห้องไปเป็นคนสุดท้ายตอนที่ท้องฟ้าเริ่มปรากฏดาวบางดวงโผล่มาให้เห็น
ฉนั้นถึงจะยุ่งแค่ไหนผมก็ยังอยากที่จะแสดงความขอบคุณ คุณมน ผ่านเว๊ป TVI อยู่ดี
ผมต้องการบอกให้ คุณมน รู้ว่า ผมมีความมุ่งหวังอะไรและเมื่ออบรมแล้ว ผมได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง
แต่ที่นี้ข้อความที่ผมโพสออกไปด้วยความรีบเร่ง เพราะมีงานอื่นๆรออีกเป็นกระบุง คงจะตกๆหล่นๆกระด้างๆไปบ้างทำให้รุ้สึกไม่สบายใจเลย
ครั้นพอได้เห็นข้อความของ คุณฉัตรชัย ผมรู้สึกเหมือนกับว่า บาปของผมได้รับการชำระล้างเรียบร้อยแล้ว
ผมขอคารวะในความเป็นสุภาพบุรุษของ คุณฉัตรชัยด้วยความรู้สึกประทับใจอย่างยิ่งเลยครับ
คุณเจ๋งครับ
คุณลูกอีสานครับ
ผมต้องขอโทษจริงๆ
ลูกๆผมเขา แสกนไวรัสอีท่าไหนไม่ทราบ โปรกงโปรแกรมหายหมด จอดสนิทไปเครื่องหนึ่ง อีกตัวเป็นไรไม่ทราบพลอยรวนไปด้วย ผมใช้งานไม่ถนัดต้องวานเจ้าลูกชายคนเล็ก ช่วยก๊อป "หมดอารมณ์" ของอาจารย์ นิเวศน์ ให้คุณลูกอีสาน แล้วก็ไม่ได้แตะอีกเลย กระทั่ง ช่างคอมมาเซอร์วิสให้เป็นที่เรียบร้อยวันนี้
คุณฉัตรชัยครับ ผมขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ให้เกียรติเข้ามาตอบ
ผมกำลังยุ่งๆอยู่กับการปรับปรุงซ่อมแซมตึกแถวที่ผมประมูลมาจากกองบังคับคดี ซึงอยู่ติดกับ2ห้องที่ผมใช้ทำการค้าอยู่ เพื่อเร่งให้เสร็จก่อนปีใหม่ เพื่อที่จะใช้เป็นที่เก็บตุนเหล้าเบียร์รับปีใหม่ทั้งเหล้าทั้งเบียร์โซดาชาเขียว 700-800 ลัง ถ้ามีที่วางเพิ่มขึ้นอีกห้องอย่างนี้ค่อยหายใจหายคอได้หน่อย
แต่จากการไปอบรบบัญชีกับ คุณมน มา ผมได้เห็นถึงความตั้งใจจริง และการทุ่มเทอย่างเต็มที่ของ คุณมน ซึ่งมาถึงห้องที่ใช้อบรมก่อนเป็นคนแรกและออกจากห้องไปเป็นคนสุดท้ายตอนที่ท้องฟ้าเริ่มปรากฏดาวบางดวงโผล่มาให้เห็น
ฉนั้นถึงจะยุ่งแค่ไหนผมก็ยังอยากที่จะแสดงความขอบคุณ คุณมน ผ่านเว๊ป TVI อยู่ดี
ผมต้องการบอกให้ คุณมน รู้ว่า ผมมีความมุ่งหวังอะไรและเมื่ออบรมแล้ว ผมได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปบ้าง
แต่ที่นี้ข้อความที่ผมโพสออกไปด้วยความรีบเร่ง เพราะมีงานอื่นๆรออีกเป็นกระบุง คงจะตกๆหล่นๆกระด้างๆไปบ้างทำให้รุ้สึกไม่สบายใจเลย
ครั้นพอได้เห็นข้อความของ คุณฉัตรชัย ผมรู้สึกเหมือนกับว่า บาปของผมได้รับการชำระล้างเรียบร้อยแล้ว
ผมขอคารวะในความเป็นสุภาพบุรุษของ คุณฉัตรชัยด้วยความรู้สึกประทับใจอย่างยิ่งเลยครับ
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 17
คุณเจ๋งครับ
ผมเปิดเว๊ป พอเห็นชื่อคุณเจ๋งผมอดหัวเราะไม่ได้เลยจริงๆเพราะเพิ่งจะอ่านบทความ "ความเครียดกับการลงทุน" ของอาจารย์ นิเวศน์ มา
ไม่ทราบว่า อาจารย์ นิเวศน์ ท่านล้อคุณเจ๋งเล่น หรือว่าเรื่องจริงครับ
ผมเปิดเว๊ป พอเห็นชื่อคุณเจ๋งผมอดหัวเราะไม่ได้เลยจริงๆเพราะเพิ่งจะอ่านบทความ "ความเครียดกับการลงทุน" ของอาจารย์ นิเวศน์ มา
ไม่ทราบว่า อาจารย์ นิเวศน์ ท่านล้อคุณเจ๋งเล่น หรือว่าเรื่องจริงครับ
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
-
- Verified User
- โพสต์: 479
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 19
ชมผมอีกแล้ว ไม่เอาคำชมครับพี่ ผมก็แค่คนธรรมดายังไม่ดีอะไรขนาดนั้น
ผมพบพี่ในงานสัมมนา investor ครั้งก่อน แล้วพี่เป็นคนธรรมดาที่น่าเอาเป็นแบบอย่างครับพี่ เหมือนกะคนเล่นดนตรี ก้อมีขวัญใจที่เค้าจะศึกษาและเรียนรู้ :D
*****
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 20
คุณลูกอีสานครับ
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าน่าจะเป็นสูตรนี้นะ
STANLY 137*250,000=34.25+ปันผล10.=44.25ล้าน
ส่วนเหตุผลว่าทำไมผมจึงคิดว่าเป็นกลุ่มยานยนต์ ขอเวลาให้พ้นช่วงปีใหม่ จะอธิบายให้ฟังครับ
โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าน่าจะเป็นสูตรนี้นะ
STANLY 137*250,000=34.25+ปันผล10.=44.25ล้าน
ส่วนเหตุผลว่าทำไมผมจึงคิดว่าเป็นกลุ่มยานยนต์ ขอเวลาให้พ้นช่วงปีใหม่ จะอธิบายให้ฟังครับ
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 21
บรรยากาส การฉลองปีใหม่แถวๆร้านผม นอกจากจะคึกคักน่าดูแล้วยังยาวนานกว่าทุกปี
ซึ่งโดยปรกติแล้วเพียง 4-5 วันให้หลัง ตลาดก็จะเงียบสนิทเพราะกระเป๋าของแต่ละคนล้วนกลวงโบ๋
แต่ปีนี้ไม่เป็นอย่างนั้น วันนี้ผมเพิ่งจัดอุปกรณ์ฉลองปีใหม่ (ได้แก่แหล้าแหละเบียว์) ให้กับโรงงานสุดท้าย ที่มีการจัดงานฉลองปีใหม่กันภายในองค์กร
ก็เพื่อเป็นของขวัญและกำลังใจให้กับพนักงาน เป็นการแสดงน้ำใจของ "เถ้าแก่" ซึ่งวัฒนธรรมแบบนี้ ได้ขยายออกไปอย่างรวดเร็วเพียงแค่ 3-4 ปี ก็เกือบจะครอบคลุมไปทุกโรงงานอุตสาหกรรมในย่านี้หมดแล้ว
โดยส่วนตัว ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีเยี่ยม ทำให้ความสนุกสนานนั้นอยู่ในขอบเขตที่สามารถควบคุมได้ เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ตีรันฟันแทงกันตามร้านเหล้าหรือตามท้องถนนก็ไม่มีให้เห็นแล้ว
เถ้าแก่ก็ได้ใจลูกน้อง ซึ่งก็แน่นอนล่ะว่าผลงานต่างๆ ที่งอกมาก็ย่อมยิ้มด้วยกันทุกฝ่าย
ผมอยากเห็นความสำคัญของลูกจ้าง มีพัฒนาไปมากกว่านี้ซึ่งก็คงใช้เวลาอีกไม่นาน
ขอให้ความสุขและความรุ่งเรืองจงบังเกิดแก่ทั้งผู้ให้และผู้รับด้วยเถิด
และสำหรับสมาชิก TVI ทุกๆท่าน ผมก็ขอให้ทุกอย่างมีและได้ในสิ่งที่ผมคิดว่าวิเศษสุดนั่นก็คือ "ขอให้มีดวงหน้าที่ย้มละมัยและมีจิดใจเบิกบานดังแสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ" ตลอดปีและตลอดไปนะครับ
อีก 2 วันผมจะกลับมาตอบคำถามที่คั่งค้างอยู่
ซึ่งโดยปรกติแล้วเพียง 4-5 วันให้หลัง ตลาดก็จะเงียบสนิทเพราะกระเป๋าของแต่ละคนล้วนกลวงโบ๋
แต่ปีนี้ไม่เป็นอย่างนั้น วันนี้ผมเพิ่งจัดอุปกรณ์ฉลองปีใหม่ (ได้แก่แหล้าแหละเบียว์) ให้กับโรงงานสุดท้าย ที่มีการจัดงานฉลองปีใหม่กันภายในองค์กร
ก็เพื่อเป็นของขวัญและกำลังใจให้กับพนักงาน เป็นการแสดงน้ำใจของ "เถ้าแก่" ซึ่งวัฒนธรรมแบบนี้ ได้ขยายออกไปอย่างรวดเร็วเพียงแค่ 3-4 ปี ก็เกือบจะครอบคลุมไปทุกโรงงานอุตสาหกรรมในย่านี้หมดแล้ว
โดยส่วนตัว ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีเยี่ยม ทำให้ความสนุกสนานนั้นอยู่ในขอบเขตที่สามารถควบคุมได้ เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ตีรันฟันแทงกันตามร้านเหล้าหรือตามท้องถนนก็ไม่มีให้เห็นแล้ว
เถ้าแก่ก็ได้ใจลูกน้อง ซึ่งก็แน่นอนล่ะว่าผลงานต่างๆ ที่งอกมาก็ย่อมยิ้มด้วยกันทุกฝ่าย
ผมอยากเห็นความสำคัญของลูกจ้าง มีพัฒนาไปมากกว่านี้ซึ่งก็คงใช้เวลาอีกไม่นาน
ขอให้ความสุขและความรุ่งเรืองจงบังเกิดแก่ทั้งผู้ให้และผู้รับด้วยเถิด
และสำหรับสมาชิก TVI ทุกๆท่าน ผมก็ขอให้ทุกอย่างมีและได้ในสิ่งที่ผมคิดว่าวิเศษสุดนั่นก็คือ "ขอให้มีดวงหน้าที่ย้มละมัยและมีจิดใจเบิกบานดังแสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ" ตลอดปีและตลอดไปนะครับ
อีก 2 วันผมจะกลับมาตอบคำถามที่คั่งค้างอยู่
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 22
ก่อนที่จะถึงคำตอบ ผมขออธิบายถึงแหล่งข้อมูลที่ผมใช้ดีไหมครับ
หลายวันก่อนผมเดินผ่านไปทางหน้าตลาดแถวๆป้ายรถเมล์ เห็นมีมินิมาร์ทมาเปิดใหม่อยู่ร้านหนึ่งมองผ่านกระจกเข้าไปในร้านเห็นสินค้าจัดวางเป็นระเบียบตามแบบมินิมาร์ททั่วๆไป
ซึ่งผมมองดูแค่แว่บเดียวก็รู้แล้วว่าเจ้าของร้านนั้นเป็นประเภทมือใหม่หัดขับ
การจัดเรียงสินค้าระหว่างคนเป็นกับคนไม่เป็นจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน อะไรก่อนอะไรหลังของไหนอยู่ไกล้ของอะไรอยู่ไกล คนที่จัดเป็นจะเรียงลำดับ 1-2-3-4-5 ส่วนคนจัดไม่เป็นจะวางปนเปกันไปหมด
การจัดชั้นวางของนั้นก็จะต้องสัมพันธุ์กับคนขาย คนขาย1คนต้องจัดแบบหนึ่ง คนขาย2คนก็ต้องจัดอีกแบบหนึ่ง 3-4-5 คน ก็ต้องจัดให้เหมาะสม ถ้าชั้นวางของสินค้ามีมากเกินกว่าคนขายที่มีอยู่จะสามารถดูแลได้ทั่วถึงก็จะเป็นความหายะนะของธุรกิจได้
มีคนจำนวนไม่น้อยที่กระโดดเข้ามาโดยไม่รู้เหนือรู้ใต้ เรียกว่าตูมเดียวหายต๋อมไปเลย..
หลายวันก่อนผมเดินผ่านไปทางหน้าตลาดแถวๆป้ายรถเมล์ เห็นมีมินิมาร์ทมาเปิดใหม่อยู่ร้านหนึ่งมองผ่านกระจกเข้าไปในร้านเห็นสินค้าจัดวางเป็นระเบียบตามแบบมินิมาร์ททั่วๆไป
ซึ่งผมมองดูแค่แว่บเดียวก็รู้แล้วว่าเจ้าของร้านนั้นเป็นประเภทมือใหม่หัดขับ
การจัดเรียงสินค้าระหว่างคนเป็นกับคนไม่เป็นจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน อะไรก่อนอะไรหลังของไหนอยู่ไกล้ของอะไรอยู่ไกล คนที่จัดเป็นจะเรียงลำดับ 1-2-3-4-5 ส่วนคนจัดไม่เป็นจะวางปนเปกันไปหมด
การจัดชั้นวางของนั้นก็จะต้องสัมพันธุ์กับคนขาย คนขาย1คนต้องจัดแบบหนึ่ง คนขาย2คนก็ต้องจัดอีกแบบหนึ่ง 3-4-5 คน ก็ต้องจัดให้เหมาะสม ถ้าชั้นวางของสินค้ามีมากเกินกว่าคนขายที่มีอยู่จะสามารถดูแลได้ทั่วถึงก็จะเป็นความหายะนะของธุรกิจได้
มีคนจำนวนไม่น้อยที่กระโดดเข้ามาโดยไม่รู้เหนือรู้ใต้ เรียกว่าตูมเดียวหายต๋อมไปเลย..
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 23
วิธีตั้งเนื้อตั้งตัว
-ไม่ยากเลย
-อยากทำอาชีพอะไร
-หาทางเข้าไปเป็นลูกจ้างพนักงาน ในธุรกิจนั้น
-เพื่อฝึกฝนความรู้ ทักษะและความชำนาญ
-จากมืออาชีพโดยตรง
-ทั้งยังเป็นการทดสอบ ความชอบต่อธุรกิจนั้น ไปในตัวว่า จริงๆแล้วชอบจริงหรือเปล่า
-ฝึกฝนจากการเป็นลูกจ้างจนเก่งกาจการก๊อปปี๊ ธุรกิจนั้นมาทำเอง ง่าย...
ข้อความทั้งหมดนี้ผมหยิบมาจากกระดานไวท์บอร์ดหน้ากระจก ซึ่งผมเขียนให้ลูกชายทั้ง4คนของผมอ่านอาทิตย์ละ1ข้อความซึ่งบังเอิญว่าตรงกับสิ่งที่ผมกำลังจะอธิบายต่อไปนี้พอดี ก็คือความเป็นมืออาชีพ ความหมายก็คือ ถ้าใครผ่านวิธีการตามที่ผมเขียนไว้บนไวท์บอร์ดได้ครบแล้ว ก็ต้องถือว่ามีความเป็นมืออาชีพพอสมควรแล้ว ส่วนที่จะเป็นมืออาชีพระดับไหนนั้นก็ต้องอาศัย "พรแสวง" ของใครของมันละครับงานนี้พระสววค์ไม่เกี่ยว เอาละครับทีนี้เดินหน้าต่อได้แล้ว
ผมผ่อนฝีเท้าให้ช้านิดนึงขณะมองเข้าไปในร้าน สาวเท้าเดินต่อไปอีกไม่กี่ก้าวผมก็ทิ้งมินิมาร์ทร้านนั้นไว้เบื้องหลัง
-ไม่ยากเลย
-อยากทำอาชีพอะไร
-หาทางเข้าไปเป็นลูกจ้างพนักงาน ในธุรกิจนั้น
-เพื่อฝึกฝนความรู้ ทักษะและความชำนาญ
-จากมืออาชีพโดยตรง
-ทั้งยังเป็นการทดสอบ ความชอบต่อธุรกิจนั้น ไปในตัวว่า จริงๆแล้วชอบจริงหรือเปล่า
-ฝึกฝนจากการเป็นลูกจ้างจนเก่งกาจการก๊อปปี๊ ธุรกิจนั้นมาทำเอง ง่าย...
ข้อความทั้งหมดนี้ผมหยิบมาจากกระดานไวท์บอร์ดหน้ากระจก ซึ่งผมเขียนให้ลูกชายทั้ง4คนของผมอ่านอาทิตย์ละ1ข้อความซึ่งบังเอิญว่าตรงกับสิ่งที่ผมกำลังจะอธิบายต่อไปนี้พอดี ก็คือความเป็นมืออาชีพ ความหมายก็คือ ถ้าใครผ่านวิธีการตามที่ผมเขียนไว้บนไวท์บอร์ดได้ครบแล้ว ก็ต้องถือว่ามีความเป็นมืออาชีพพอสมควรแล้ว ส่วนที่จะเป็นมืออาชีพระดับไหนนั้นก็ต้องอาศัย "พรแสวง" ของใครของมันละครับงานนี้พระสววค์ไม่เกี่ยว เอาละครับทีนี้เดินหน้าต่อได้แล้ว
ผมผ่อนฝีเท้าให้ช้านิดนึงขณะมองเข้าไปในร้าน สาวเท้าเดินต่อไปอีกไม่กี่ก้าวผมก็ทิ้งมินิมาร์ทร้านนั้นไว้เบื้องหลัง
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 24
ขอโทษจริงๆครับมีธุระเยอะมากเลยครับ เอ้าเดินหน้าต่อ
ทุกครั้งที่ผมเห็นภาพทำนองนี้ผมจะนึกภาวนาเอาใจช่วยทุกครั้งขอให้เขาและเธอเหล่านั้น จงสามารถพัฒนาประสบการณ์ จากการลงมือทำแบบลองผิดลองถูก นำไปสู่ความรอบรู้ที่กล้าแกร่ง เหมือนๆกับผมแหละผู้ประกอบการท่านอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วเข้าสู่ธุรกิจแบบทำไปเรียนรู้ไป ประเภทมะงุมมะงาหรา ใช้มือคลำทางไปหาปากทางอุโมงค์ยังไงยังงั้น สำหรับนักล่าผันรุ่นเยาว์ทั้งหลาย วิธีที่ผมเขียนบนไวท์บอร์ดนั่นน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
ในฐานะของคนที่ทำธุรกิจค้าปลีกผมคิดว่าคนที่จะคิดเข้ามาทำการค้าขายในยุคปัจจุบันควรจะมีความเป็นมืออาชีพพอสมควรจึงจะมีสิทธิ์ที่จะยืนแทรกอยู่ได้ในตลาด
และถ้ามีความเป็นนักกลยุทธ์บ้าง สักเล็กน้อยก็จะช่วยให้มีพื้นที่หายใจได้สะดวกหน่อย ความสามารถในการแข่งขัน คืออาวุธ ป้อมค่าย กำแพงเมือง ก็ขึ้นกับว่า.. "พรแสวง" ของแต่ละคน ใครจะมีมากกว่ากัน
ความสามารถในการแข่งขัน ส่วนหนึ่งนั้นผมว่าน่าจะมาจาก การวิเคราะห์คาดเดาอะไรๆได้แม่นยำหรือไม่ก็ไกล้เคียง
เพราะว่าการตัดสินใจทุกอย่างในทางธุรกิจเราต้องตัดสินใจกันล่วงหน้าก่อนที่สิ่งต่างๆที่เป็นของจริงจะปรากฏโฉมหน้าออกมา ศาสตร์แห่งการคาดเดาจึงเป็นทริคหรือกึ๋นของแต่ละคน
ทุกครั้งที่ผมเห็นภาพทำนองนี้ผมจะนึกภาวนาเอาใจช่วยทุกครั้งขอให้เขาและเธอเหล่านั้น จงสามารถพัฒนาประสบการณ์ จากการลงมือทำแบบลองผิดลองถูก นำไปสู่ความรอบรู้ที่กล้าแกร่ง เหมือนๆกับผมแหละผู้ประกอบการท่านอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วเข้าสู่ธุรกิจแบบทำไปเรียนรู้ไป ประเภทมะงุมมะงาหรา ใช้มือคลำทางไปหาปากทางอุโมงค์ยังไงยังงั้น สำหรับนักล่าผันรุ่นเยาว์ทั้งหลาย วิธีที่ผมเขียนบนไวท์บอร์ดนั่นน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
ในฐานะของคนที่ทำธุรกิจค้าปลีกผมคิดว่าคนที่จะคิดเข้ามาทำการค้าขายในยุคปัจจุบันควรจะมีความเป็นมืออาชีพพอสมควรจึงจะมีสิทธิ์ที่จะยืนแทรกอยู่ได้ในตลาด
และถ้ามีความเป็นนักกลยุทธ์บ้าง สักเล็กน้อยก็จะช่วยให้มีพื้นที่หายใจได้สะดวกหน่อย ความสามารถในการแข่งขัน คืออาวุธ ป้อมค่าย กำแพงเมือง ก็ขึ้นกับว่า.. "พรแสวง" ของแต่ละคน ใครจะมีมากกว่ากัน
ความสามารถในการแข่งขัน ส่วนหนึ่งนั้นผมว่าน่าจะมาจาก การวิเคราะห์คาดเดาอะไรๆได้แม่นยำหรือไม่ก็ไกล้เคียง
เพราะว่าการตัดสินใจทุกอย่างในทางธุรกิจเราต้องตัดสินใจกันล่วงหน้าก่อนที่สิ่งต่างๆที่เป็นของจริงจะปรากฏโฉมหน้าออกมา ศาสตร์แห่งการคาดเดาจึงเป็นทริคหรือกึ๋นของแต่ละคน
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 25
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ความสามารถในการแข่งขัน ส่วนหนึ่งนั้นผมว่าน่าจะมาจาก การวิเคราะห์คาดเดาอะไรๆได้แม่นยำหรือไม่ก็ไกล้เคียง
อืม เดี๋ยวนี้เปลี่ยนแล้ว ผมเชื่อเรื่องความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน
คือ ทำกำไรได้ ถึงแม้ไม่มาก แต่ได้ชัวร์ ความเสี่ยงน้อย
ซึ่งมีหลายธุรกิจในเมืองไทย และต่างประเทศ
ผมเองคิดว่า การขายเหล้าก็เป็นแบบเดียวกัน ผมเดาว่า น่าจะมีการแบ่งเขต และกำไรก็ได้ไม่มาก แต่ได้ชัวร์ๆ เพราะค้าขาย เงินสด
เดาครับ เพราะยังไม่เห็นเขตไหนขายเหล้าแล้วเจ๊งเลย
ยกเว้น ไม่ได้ขาย เพราะสาเหตุบางอย่าง
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 26
ดูรถกระบะไทตั้นเป็นกรณีศึกษาของการตัดสินใจในทางธุรกิจ ก่อนเปิดตัวออกสู่สาธารณะชน คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าผลจะออกมายังไง จะได้รับการต้อนรับดีแค่ไหน ถ้าคาดเดาได้ถูกต้อง ผู้บริหารก็รอดตัวไป แต่งานนี้รู้สึกว่าเป็นเคสการวิเคราะห์ที่ผิดพลาดครั้งประวัติศาสตร์ของมิตซูบิชิ(ประเทศไทย)เลยทีเดียว ทำให้ผมต้องจับตามองต่อไปว่า แล้วมิตซูบิชิจะแก้ไขอย่างไร เพื่อประดับภูมิปัญญา
วิธีคาดเดาของผมๆก็มีศาสตร์เฉพาะตัวเหมือนกัน ผมใช้วิธีศึกษาประกฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ผมเรียกสิ่งที่ว่านี้ว่าเป็น "ภาพใหญ่" เวลาต้องการวิเคราะห์อะไรผมใช้วิธีหาภาพใหญ่ที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน มาเปรียบเทียบชั่งน้ำหนักดู ทำให้การคาดเดาของผมเป็นไปอย่างมีเหตุมีผลไม่ใช่การ "เดาสงเดช"
ซึ่งก็เป็นวิธีที่ผมใช้ได้ผลมาโดยตลอด คราวนี้มาดูภาพใหญ่ที่ผมว่าซึ่งผมเฝ้าติดตามดูมาแล้ว 2-3 ปี เป็นภาพใหญ่ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีต่อไปในอนาคต มีคำตอบมากมายที่จะนำไปใช้และหนึ่งในคำตอบนั้นคือคำถามที่ผมค้างอยู่
...............................................................................ยังมีต่อ........................................................................................
วิธีคาดเดาของผมๆก็มีศาสตร์เฉพาะตัวเหมือนกัน ผมใช้วิธีศึกษาประกฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ผมเรียกสิ่งที่ว่านี้ว่าเป็น "ภาพใหญ่" เวลาต้องการวิเคราะห์อะไรผมใช้วิธีหาภาพใหญ่ที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน มาเปรียบเทียบชั่งน้ำหนักดู ทำให้การคาดเดาของผมเป็นไปอย่างมีเหตุมีผลไม่ใช่การ "เดาสงเดช"
ซึ่งก็เป็นวิธีที่ผมใช้ได้ผลมาโดยตลอด คราวนี้มาดูภาพใหญ่ที่ผมว่าซึ่งผมเฝ้าติดตามดูมาแล้ว 2-3 ปี เป็นภาพใหญ่ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีต่อไปในอนาคต มีคำตอบมากมายที่จะนำไปใช้และหนึ่งในคำตอบนั้นคือคำถามที่ผมค้างอยู่
...............................................................................ยังมีต่อ........................................................................................
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 27
[quote="monty555"]ดูรถกระบะไทตั้นเป็นกรณีศึกษาของการตัดสินใจในทางธุรกิจ ก่อนเปิดตัวออกสู่สาธารณะชน คุณไม่มีทางรู้หรอกว่าผลจะออกมายังไง จะได้รับการต้อนรับดีแค่ไหน ถ้าคาดเดาได้ถูกต้อง ผู้บริหารก็รอดตัวไป แต่งานนี้รู้สึกว่าเป็นเคสการวิเคราะห์ที่ผิดพลาดครั้งประวัติศาสตร์ของมิตซูบิชิ(ประเทศไทย)เลยทีเดียว ทำให้ผมต้องจับตามองต่อไปว่า แล้วมิตซูบิชิจะแก้ไขอย่างไร เพื่อประดับภูมิปัญญา
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 29
ขอโทษอีกครั้งครับ ต้องปรับโครงสร้างร้านกระทันหัน คืออยู่ๆเจ้าลูกชายคนที่2ของผม ซึ่งเคยซังกะตายช่วยขายของ พอเรียนจบ ออกไปเป็นลูกจ้างแค่ไม่กี่เดือน วันไหนกลับมาบ้านเป็นคนละคนเลยครับ กลายเป็นคนขายของที่ลูกค้าหลายคนเอ่ยปากชมเปาะเมไปด้วยความกระตือรือล้น กระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวาขายของด้วยความสนุกสนานมีอารมณ์ขัน เลยเปนแรงบันดาลใจให้พี่ชายของเขาพลอยออกไปค้าขายหาประสบการณ์เองอีกคน ผมซึ่งปล่อยมือจากงานส่วนใหญ่เพื่อให้พวกเขาฝึกฝนกันเต็มที่เลยต้องกลับมารับหน้าที่เต็มๆอีกครั้ง
ก็ดีครับช่วงที่ปล่อยมือให้เด็กๆดำ ผมก็ปล่อยให้คู่แข่งของผมซึ่งเป็นขาใหญ่ของตลาดค่อยๆตีตื้นดึงลูกค้าออกไปบ้างเพื่อกดดันให้ลูกๆของผมฮึดสู้ โดยปล่อยให้ตัดสินใจแก้ไขกันเอาเอง เว้นแต่จะให้คำปรึกษาตามที่เขาต้องการ ฉะนั้นเมื่อเค้าออกไปแสวงหาประสบการณ์ชีวิตซึ่งเปนสิ่งที่ผมแนะนำมาตลอดก็เป็นสิ่งที่ผมสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว
การเข้ามารับหน้าที่อีกครั้งของผมก็คือการปรับโครงสร้างที่เด็กๆทำไว้ให้มีความพร้อมที่จะกับเบอร์ 2 ที่ประกาศจะผุด 2-3 พันสาขาในปีนี้ซึ่งเห็นราคาขายของสาขาที่สร้างเสร็จแล้วน่ากลัวมาก สินค้าจำนวนมากขายในราคาที่ผมซื้อเข้ามาไม่ได้ หลังจากไปเยี่ยมไปมองไปวิเคราะห์ สาขาดังกล่าว 20-30 ครั้งผมก็ได้ไอเดียร์ที่จะแข่งขันกันได้ในวันที่เขาเข้ามา คือถ้าผมต้องการจะเปิดร้านค้าของผมต่อไป เขาขายราคาไหนผมก็ต้องขายสู้ได้แม้ว่าจะขาดทุนก็ตาม ซึ่งเป็นการไปกดดันค่ค้าต่างๆ ของผมให้พยายามทำราคาต้นทุนให้ผมมีกำไรให้ได้มิฉะนั้นเขาก้จะส่งสินค้าให้ผมไม่ได้แล้วต่อไปนี้ ทันทีที่ผมเข้ารับหน้าที่ผมก็จัดการทดสอบไอเดียร์ของผมว่าจะทำได้ไหม... ผมก็เริ่มทำที่บัตรเติมเงินโทรศัพย์ซึ่งเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของผมมาตลอดที่ต้องขายราคาสูงกว่าหน้าบัครก่อนเลยด้วยการขายตามราคาบัตรทุกค่าย แม้บางค่ายจะไม่ได้กำไรเลยก็ตาม ผลก็เป็นอย่างที่ผมคาด คู่ค้าของผมเห็นผมขายแบบนี้ เขาก็รู้เหมือนกันว่าถ้าเขาไม่ปรับตามเขาก็ต้องสูญเสียลูกค้าคือผมไปอย่างถาวร เขายื่นข้อเสนอให้ผมซื้อ 100 ใบต่อรุ่น เพื่อคิดในราคาขายส่งซึ่งใบที่ให้กำไรน้อยที่สุดคือออร์เร้นท์50บาทอยู่ที่1.50บาท ซึ่งผมก็พอใจแล้วแต่ผลที่เกิดชึ้นกับการค้าของผมซิครับ ยอดขายโตพรวดขึ้น 20% เพิ่มขึ้นมาถึงวันละร่วมหมื่น สูงกว่าเป้าที่ผมวางไว้เท่าตัว เพราะคนที่อุตส่าห์มาแต่ไกลน้อยคนครับ ที่จะมาซื้อบัตรเติมเงินเพียงอย่างเดียว แปลว่าผมคิดถูก การปรับตัวเพื่อให้มีองค์ประกอบพร้อมที่จะเผชิญกับเบอร์ 2 ของผมหนักกว่าการเข้ามาของเบอร์ 1 เสียอีก จากปีใหม่มาถึงวันนี้ถมไม่เพียงแต่จอหุ้นเท่านั้นที่ไม่ได้ดู หนังสือพิมพ์ที่ไม่ได้อ่านกองอยู่เป็นตั้งเลยครับ
ก็ดีครับช่วงที่ปล่อยมือให้เด็กๆดำ ผมก็ปล่อยให้คู่แข่งของผมซึ่งเป็นขาใหญ่ของตลาดค่อยๆตีตื้นดึงลูกค้าออกไปบ้างเพื่อกดดันให้ลูกๆของผมฮึดสู้ โดยปล่อยให้ตัดสินใจแก้ไขกันเอาเอง เว้นแต่จะให้คำปรึกษาตามที่เขาต้องการ ฉะนั้นเมื่อเค้าออกไปแสวงหาประสบการณ์ชีวิตซึ่งเปนสิ่งที่ผมแนะนำมาตลอดก็เป็นสิ่งที่ผมสนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว
การเข้ามารับหน้าที่อีกครั้งของผมก็คือการปรับโครงสร้างที่เด็กๆทำไว้ให้มีความพร้อมที่จะกับเบอร์ 2 ที่ประกาศจะผุด 2-3 พันสาขาในปีนี้ซึ่งเห็นราคาขายของสาขาที่สร้างเสร็จแล้วน่ากลัวมาก สินค้าจำนวนมากขายในราคาที่ผมซื้อเข้ามาไม่ได้ หลังจากไปเยี่ยมไปมองไปวิเคราะห์ สาขาดังกล่าว 20-30 ครั้งผมก็ได้ไอเดียร์ที่จะแข่งขันกันได้ในวันที่เขาเข้ามา คือถ้าผมต้องการจะเปิดร้านค้าของผมต่อไป เขาขายราคาไหนผมก็ต้องขายสู้ได้แม้ว่าจะขาดทุนก็ตาม ซึ่งเป็นการไปกดดันค่ค้าต่างๆ ของผมให้พยายามทำราคาต้นทุนให้ผมมีกำไรให้ได้มิฉะนั้นเขาก้จะส่งสินค้าให้ผมไม่ได้แล้วต่อไปนี้ ทันทีที่ผมเข้ารับหน้าที่ผมก็จัดการทดสอบไอเดียร์ของผมว่าจะทำได้ไหม... ผมก็เริ่มทำที่บัตรเติมเงินโทรศัพย์ซึ่งเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจของผมมาตลอดที่ต้องขายราคาสูงกว่าหน้าบัครก่อนเลยด้วยการขายตามราคาบัตรทุกค่าย แม้บางค่ายจะไม่ได้กำไรเลยก็ตาม ผลก็เป็นอย่างที่ผมคาด คู่ค้าของผมเห็นผมขายแบบนี้ เขาก็รู้เหมือนกันว่าถ้าเขาไม่ปรับตามเขาก็ต้องสูญเสียลูกค้าคือผมไปอย่างถาวร เขายื่นข้อเสนอให้ผมซื้อ 100 ใบต่อรุ่น เพื่อคิดในราคาขายส่งซึ่งใบที่ให้กำไรน้อยที่สุดคือออร์เร้นท์50บาทอยู่ที่1.50บาท ซึ่งผมก็พอใจแล้วแต่ผลที่เกิดชึ้นกับการค้าของผมซิครับ ยอดขายโตพรวดขึ้น 20% เพิ่มขึ้นมาถึงวันละร่วมหมื่น สูงกว่าเป้าที่ผมวางไว้เท่าตัว เพราะคนที่อุตส่าห์มาแต่ไกลน้อยคนครับ ที่จะมาซื้อบัตรเติมเงินเพียงอย่างเดียว แปลว่าผมคิดถูก การปรับตัวเพื่อให้มีองค์ประกอบพร้อมที่จะเผชิญกับเบอร์ 2 ของผมหนักกว่าการเข้ามาของเบอร์ 1 เสียอีก จากปีใหม่มาถึงวันนี้ถมไม่เพียงแต่จอหุ้นเท่านั้นที่ไม่ได้ดู หนังสือพิมพ์ที่ไม่ได้อ่านกองอยู่เป็นตั้งเลยครับ
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.
-
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
คุณมนตรี คับผมกับ ลูกชาย
โพสต์ที่ 30
ประกฏการณ์ของ โซนี่
ในจำนวนสิ่งประดิฐ์ คิดค้นที่ทีมงานวิศวะกรของ Sony ผลิตออกมานับพันนับหมื่นชิน ผมว่าไม่มีชิ้นไหนอีกแล้วที่จะสร้างความภาคภูมิใจให้กับ Sony ได้เทียบเท่ากับ "วอล์คแมน"
นอกจากเงินทองชื่อเสียงและเกียรติยศที่ Sony ได้รับอย่างเต็มกอบเต็มกำแล้ว วอล์คแมนยังทำให้ชื่ชั้นของ Sony ขึ้นแท่นสุดยอดบริษัทอีเลคโทรนิคชั้นนำของโลกโดยปริยาย
และทำพชให้ สิ่งประดิฐ์ที่คล้ายๆกัน ที่ผลิตจากบริษัทชั้นนำอื่นๆทั้งในยุโรปและอมริกาถูกมองว่าเป็นของลอกเลียนแบบชั้นต่ำไร้ศักสรี ปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เองมีบริษัทผู้ผลิตเครื่องฟังเพลงแบบพกพาจำนวนหนึง หันหน้าเข้าจับกลุ่มรวมตัวกันเพื่อยื่นข้อเสนอให้คำว่า "วอล์คแมน" เป็นชื่อของประเภทผลิตภัณฑ์ ที่ทุกๆบริษัทมีสิทธิ์ร่วมใช้ได้และกำลังดำเนินการไปสู่ขบวนการชั้นศาล ถ้าไม่เกิดสิ่งที่ว่านี้ขึ้นเสียก่อน
มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เล็กมากแต่ก็ทำให้ยุคแห่งความรุ่งโรจน์ของวอล์คแมนต้องปิดฉากลงโดยสิ้นเชิง
การถือกำเนิดเกิดขึ้นของ Ipod ทำให้คนที่พกพาอุปกรณ์ฟังเพลงในยุคของวอล์คแมนซึ่งต้องมีทั้งจำนวนม้วนเทปแผ่นซีดีและถ่านอะไหล่กับหูฟังอันเบ้อเร่อ ที่เคยดูเริ่ด สวยและเท่ในยุคหนึ่งกลายเป็นคนจำพวกหอยฟางไปโดยทันทีทันใด ที่ Ipod เข้ามา
การประกาศลอยแพพนักงานของ Sony เจแปน เมื่อปลายปีที่ผ่านมานักวิเคราะห์อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ก็ให้น้ำหนักไปที่ การหมดยุคลงไปของ วอล์คแมนแบบไม่ทันให้ตั้งเนื้อตั้งตัว แค่ถ้าตะนับถึงจำนวนผลิตภัณฑ์อีเลคโทรนิคคอนซูเมอร์ ของ Sony ที่ยังคงครองความเป็นผู้นำอยู่ในตลาด ทั้งวิทยุ โทรทัศย์ กล่องถ่าย vcd dvd กล้องดิจิตอล เครื่องเล่นเพลล์ และอื่นๆมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว ก็ต้องนับว่าวอล์คแมนเป็นเรื่องเล็กน้อย ที่ไม่น่าจะใช่สาเหตุสำคัญนำไปสู่การปรับลดขนาดองค์กรแต่อย่างใดเลย
ผมว่าสิ่งที่ทำให้ Sony สูญเสียและเสียศูนย์ อย่างหนักเวลานี้ได้แก่กองทัพสินค้าราคาถูกๆจากประเทศจันที่ใหลบ่าทะลึกเข้าท่วมตลาดในทุกๆภูมิภาคของโลก ที่ Sony เคยเป็นผู้นำในด้านส่วนแบ่งมาก่อน มีสภาพราวกับกองทัพม้าของชาวมองโกลที่พุ้งทะยานเข้ามาครอบครองอาณาจักรแล้วอาณาจักรเล่า อย่างชนิดไร้ผู้ต่อต้าน ครอบคลุมไปทั่วทั่งทวีปยุโรป เอชัย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ละติน ฯลฯ
เหมือนเจงกิสข่านกลับชาติมาเกิดไม่มีผิด ทหารมองโกลคำรามผ่านร่องฟันที่ขบแน่นคำเดียวว่า "ฆ่า" ขณะที่สินค้าราคาถูกจากจีนตวาดอย่างกึกก้องว่า "ทุบ" จะเห็นว่าปัจจุบัน TV สียี่ห้อดังๆในท้องตลาดขนาด 21 นิ้วราคาอยู่ในระดับแค่ 5พันบาท ถูกกว่าก่อนถุกทุบถึง2เท่า และถ้าไปดูที่ตลาดเครื่องเล่น VCD DVD ของ Sony แล้วจะพบว่า สาหัสเกินกว่าจะเยียวยาแล้วจริงๆ ราคาที่ถูกตัดลดลงมาเหลือ 30-35% ยังหาคนมองไม่ค่อยเจอ เพราะวันนี้ สินค้าราคาถูกๆจากจีน ได้ทำให้เกิดวัฒนธรรมการใช้สินค้าที่ฉีกไปจากแนวเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว กล่าวคือ "ซื้อถูกๆใช้ถ้าเสียเมื่อไรโยนทิ้งซื้อใหม่ ถูกกว่า ดีกว่า เอาไปซ่อม"
ถ้าใครเคยเอาของยี่ห้อดังๆไปเข้าศูนย์บริการสักครั้งก็จะรู้ว่า ทำไมสังคมจึงเปลี่ยนไป ค่าซ่อมของยี่ห้อดังๆครั้งหนึ่ง เอาไปซื้อของราคาถูกๆจากจีนแบบเดียวกัน คุณภาพใกล้เคียงกันได้ถึง 2 เครื่อง คำว่าศูนย์บริการนั้นควรจะมีวงเล็บคำว่า (เขียง) เอาไว้ด้วย ซึงไม่เพียงแต่จะเอาไว้สับหมูเท่านั้น นิ้วเนื่อของผู้ประกอบการเองก็ถูกหั่นติดออกมาด้วยแล้วเช่นกันเวลานี้
นี่คือภาพใหญ่ ภาพหนึ่งที่ผมใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์คาดเดากับสิ่งที่เชื่อมโยงอื่นๆที่ผมต้องการ
คำถามว่าชิ้นส่วนยานยนต์ของเราจะได้รับผลกระทบจากสงครามราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหรือไม่ก็เป็นเรื่องอขงนักลงทุนแต่ละคนจะนำไปวิเคราะห์เอาเอง สำหรับผมนอกจากเรื่องนี้แล้ว ผมยังมีอยู่อีกข้อหนึ่ง ที่เซียนหุ้นระดับมหากาฬทิ้งเอาไว้เป็นปริศนาให้ผมรู้สึกสยดสยองยิ่งนัก
.......................ยังมีต่อ................
ในจำนวนสิ่งประดิฐ์ คิดค้นที่ทีมงานวิศวะกรของ Sony ผลิตออกมานับพันนับหมื่นชิน ผมว่าไม่มีชิ้นไหนอีกแล้วที่จะสร้างความภาคภูมิใจให้กับ Sony ได้เทียบเท่ากับ "วอล์คแมน"
นอกจากเงินทองชื่อเสียงและเกียรติยศที่ Sony ได้รับอย่างเต็มกอบเต็มกำแล้ว วอล์คแมนยังทำให้ชื่ชั้นของ Sony ขึ้นแท่นสุดยอดบริษัทอีเลคโทรนิคชั้นนำของโลกโดยปริยาย
และทำพชให้ สิ่งประดิฐ์ที่คล้ายๆกัน ที่ผลิตจากบริษัทชั้นนำอื่นๆทั้งในยุโรปและอมริกาถูกมองว่าเป็นของลอกเลียนแบบชั้นต่ำไร้ศักสรี ปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เองมีบริษัทผู้ผลิตเครื่องฟังเพลงแบบพกพาจำนวนหนึง หันหน้าเข้าจับกลุ่มรวมตัวกันเพื่อยื่นข้อเสนอให้คำว่า "วอล์คแมน" เป็นชื่อของประเภทผลิตภัณฑ์ ที่ทุกๆบริษัทมีสิทธิ์ร่วมใช้ได้และกำลังดำเนินการไปสู่ขบวนการชั้นศาล ถ้าไม่เกิดสิ่งที่ว่านี้ขึ้นเสียก่อน
มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เล็กมากแต่ก็ทำให้ยุคแห่งความรุ่งโรจน์ของวอล์คแมนต้องปิดฉากลงโดยสิ้นเชิง
การถือกำเนิดเกิดขึ้นของ Ipod ทำให้คนที่พกพาอุปกรณ์ฟังเพลงในยุคของวอล์คแมนซึ่งต้องมีทั้งจำนวนม้วนเทปแผ่นซีดีและถ่านอะไหล่กับหูฟังอันเบ้อเร่อ ที่เคยดูเริ่ด สวยและเท่ในยุคหนึ่งกลายเป็นคนจำพวกหอยฟางไปโดยทันทีทันใด ที่ Ipod เข้ามา
การประกาศลอยแพพนักงานของ Sony เจแปน เมื่อปลายปีที่ผ่านมานักวิเคราะห์อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ก็ให้น้ำหนักไปที่ การหมดยุคลงไปของ วอล์คแมนแบบไม่ทันให้ตั้งเนื้อตั้งตัว แค่ถ้าตะนับถึงจำนวนผลิตภัณฑ์อีเลคโทรนิคคอนซูเมอร์ ของ Sony ที่ยังคงครองความเป็นผู้นำอยู่ในตลาด ทั้งวิทยุ โทรทัศย์ กล่องถ่าย vcd dvd กล้องดิจิตอล เครื่องเล่นเพลล์ และอื่นๆมากมายนับไม่ถ้วนแล้ว ก็ต้องนับว่าวอล์คแมนเป็นเรื่องเล็กน้อย ที่ไม่น่าจะใช่สาเหตุสำคัญนำไปสู่การปรับลดขนาดองค์กรแต่อย่างใดเลย
ผมว่าสิ่งที่ทำให้ Sony สูญเสียและเสียศูนย์ อย่างหนักเวลานี้ได้แก่กองทัพสินค้าราคาถูกๆจากประเทศจันที่ใหลบ่าทะลึกเข้าท่วมตลาดในทุกๆภูมิภาคของโลก ที่ Sony เคยเป็นผู้นำในด้านส่วนแบ่งมาก่อน มีสภาพราวกับกองทัพม้าของชาวมองโกลที่พุ้งทะยานเข้ามาครอบครองอาณาจักรแล้วอาณาจักรเล่า อย่างชนิดไร้ผู้ต่อต้าน ครอบคลุมไปทั่วทั่งทวีปยุโรป เอชัย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ละติน ฯลฯ
เหมือนเจงกิสข่านกลับชาติมาเกิดไม่มีผิด ทหารมองโกลคำรามผ่านร่องฟันที่ขบแน่นคำเดียวว่า "ฆ่า" ขณะที่สินค้าราคาถูกจากจีนตวาดอย่างกึกก้องว่า "ทุบ" จะเห็นว่าปัจจุบัน TV สียี่ห้อดังๆในท้องตลาดขนาด 21 นิ้วราคาอยู่ในระดับแค่ 5พันบาท ถูกกว่าก่อนถุกทุบถึง2เท่า และถ้าไปดูที่ตลาดเครื่องเล่น VCD DVD ของ Sony แล้วจะพบว่า สาหัสเกินกว่าจะเยียวยาแล้วจริงๆ ราคาที่ถูกตัดลดลงมาเหลือ 30-35% ยังหาคนมองไม่ค่อยเจอ เพราะวันนี้ สินค้าราคาถูกๆจากจีน ได้ทำให้เกิดวัฒนธรรมการใช้สินค้าที่ฉีกไปจากแนวเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว กล่าวคือ "ซื้อถูกๆใช้ถ้าเสียเมื่อไรโยนทิ้งซื้อใหม่ ถูกกว่า ดีกว่า เอาไปซ่อม"
ถ้าใครเคยเอาของยี่ห้อดังๆไปเข้าศูนย์บริการสักครั้งก็จะรู้ว่า ทำไมสังคมจึงเปลี่ยนไป ค่าซ่อมของยี่ห้อดังๆครั้งหนึ่ง เอาไปซื้อของราคาถูกๆจากจีนแบบเดียวกัน คุณภาพใกล้เคียงกันได้ถึง 2 เครื่อง คำว่าศูนย์บริการนั้นควรจะมีวงเล็บคำว่า (เขียง) เอาไว้ด้วย ซึงไม่เพียงแต่จะเอาไว้สับหมูเท่านั้น นิ้วเนื่อของผู้ประกอบการเองก็ถูกหั่นติดออกมาด้วยแล้วเช่นกันเวลานี้
นี่คือภาพใหญ่ ภาพหนึ่งที่ผมใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์คาดเดากับสิ่งที่เชื่อมโยงอื่นๆที่ผมต้องการ
คำถามว่าชิ้นส่วนยานยนต์ของเราจะได้รับผลกระทบจากสงครามราคาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหรือไม่ก็เป็นเรื่องอขงนักลงทุนแต่ละคนจะนำไปวิเคราะห์เอาเอง สำหรับผมนอกจากเรื่องนี้แล้ว ผมยังมีอยู่อีกข้อหนึ่ง ที่เซียนหุ้นระดับมหากาฬทิ้งเอาไว้เป็นปริศนาให้ผมรู้สึกสยดสยองยิ่งนัก
.......................ยังมีต่อ................
ตั้งคำถามกับตัวเองว่า "แน่ใจแค่ไหน" บอกได้เลยว่าเก้าในสิบครั้ง คุณไม่รู้คำตอบ แต่ถ้าจะมีสักครั้งที่คุณแน่ใจขนาด "แน่เสียยิ่งกว่าแน่" ละก็ ทุ่มเทเข้าไปเลย คุณชนะแน่.