ผู้บริหาร MCS ย้ำชัด แจกโบนัสปันผลงวดครึ่งปีหลัง 2548
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 10, 2006 8:56 am
ผู้บริหาร MCS ย้ำชัด แจกโบนัสปันผลงวดครึ่งปีหลัง 2548 สูงกว่าครึ่งปีแรกที่ 0.12 บาท ส่วนไตรมาส 4/2548 ทำรายได้ดีกว่าไตรมาส 3 เพราะมีรายได้บางส่วนที่ทยอยมารับรู้ในไตรมาสสุดท้าย ด้านโบรกเกอร์แนะกลยุทธ์ลงทุนสัปดาห์นี้เล่นหุ้นเล็กปันผลดี มอง MCS เนื้อหอมคุณสมบัติครบ พื้นฐานดี มองราคาหุ้นสัญญาณดีแรงซื้อเริ่มมา บล. แอ็ดคินซัน ให้แนวต้านที่ 2.96 บาท และแนวรับที่ 2.80 บาท
นายสมพงษ์ เมธาสถิตสุข กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทเอ็ม. ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS เปิดเผยว่า ในงวดผลการดำเนินงานปี 2548 มั่นใจว่าจะสามารถจ่ายปันผลได้ในระดับที่ดีกว่าอัตราการจ่ายปันผลในครึ่งแรกของปี 2548 ที่ 0.12 บาทต่อหุ้น โดยประเมินจากผลประกอบการ 9 เดือน ของปี 2548 ที่มีรายได้กว่า 1,600 ล้าน และไตรมาสที่ 4/2548 จะยังเติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2548 ซึ่งมีรายได้บางส่วนทยอยมารับรู้ในไตรมาสสุดท้ายนี้
อัตราการจ่ายปันผลน่าจะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก หากดูจากผลประกอบการ 9 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งในไตรมาส 4/2548 แนวโน้มรายได้จะดีกว่าไตรมาสที่ 3/2548 เพราะมีรายได้บางส่วนที่โอนไปรับรู้เป็นรายได้ไตรมาสที่ 3 ไม่ทันนายสมพงษ์กล่าว
สำหรับผลประกอบการของปี 2549 มั่นใจว่าจะโตจากปี 2548 ตามเป้าที่ตั้งไว้ 20% เพราะได้มีการขยายโรงงานและตั้งเป้าผลิตเหล็กให้ได้ 4.5 หมื่นตัน เพื่อรองรับสินค้าที่มีคำสั่งซื้อล่วงหน้าทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นการขยายธุรกิจจะดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพราะขณะนี้ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์บริการ (Service Center) และเปิดให้บริการแก่ลูกค้าไปแล้วเมื่อต้นปี 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัททำให้เพิ่มการบริการแก่ลูกค้าได้เต็มที่ ซึ่งออเดอร์จากญี่ปุ่นมีมูลค่าสูง เพราะมีมูลค่าสูง 1,800 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีงานต่อเนื่องถึง 2 ปี
นักวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้คาดว่านักลงทุนน่าจะให้ความสนใจกับหุ้นที่มีการจ่ายปันผล และมีราคาไม่สูงนัก ซึ่ง MCS เป็นหุ้นที่โดดเด่นเพราะมีการจ่ายปันผลดีแต่มีราคาถูก และมีปัจจัยพื้นฐานดี จึงน่าจะได้รับความน่าสนใจมากในสัปดาห์นี้ เพราะราคายังไม่ได้ปรับขึ้นไปมากเช่นหุ้นพื้นฐานดีในกลุ่มอื่น โดยกลยุทธ์ทางเทคนิคมองแนวต้านที่ 2.96 บาท และแนวรับที่ 2.80 บาท ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมามีสัญญาณปรับขึ้นในทิศทางที่ดี
นักวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์ กิมเอ็ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มการจ่ายเงินปันผลของMCS ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับครึ่งแรกของปี 2548 ที่มีอัตราจ่ายปันผล 0.12 บาท ส่วนผลประกอบการ ไตรมาสที่ 4 ปี 2548 ของ MCS จะดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ 3 เพราะรายได้ส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับรู้ภายในไตรมาสที่ 3 จะโอนมาเป็นรายได้ในไตรมาสที่ 4 จึงเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจ
ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายของวันศุกร์ที่ผ่านมา (6ม.ค.) ขยับขึ้นมากถือเป็นสัญญาณบวก หลังจากที่พักฐานมาพอสมควร จึงน่าสนใจทั้งในระสั้นและระยะกลาง โดยเฉพาะในสัปดาห์นี้ MCS ถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจเพราะแนวโน้มหุ้นที่ราคาไม่สูงน่าจะได้รับความน่าสนใจ
สำหรับราคาเป้าหมายให้ไว้ที่ 3.00 บาท ส่วนแนวรับมองที่ 2.76 บาท แนวต้านสำคัญที่ 2.98 บาท ซึ่งถ้าหากผ่านไปได้ราคาจะปรับขึ้นต่อเนื่อง และถ้าหากปรับตัวถึงราคาเป้าหมายที่ 3.00 บาท จะมีโอกาสปรรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
บทวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อลงทุน MCS โดยมองว่าเป็นหุ้นไอพีโอต่ำจองที่มีความน่าสนใจ และยังอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม ซึ่งในปีนี้บริษัทมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าระยะยาวจากญี่ปุ่นจนถึงปีหน้า ประกอบกับมีโครงการต่างประเทศเพิ่มอีก 1,800 ล้านบาท
จึงส่งผลให้คาดว่ารายได้ในปี 2549 บริษัทจะมีงานในมือมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท และสำหรับปี 48 เติบโต เพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดกำไรสุทธิประมาณ 264 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.53 บาท และคาดว่าจะจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 9.6% ต่อปี
นายสมพงษ์ เมธาสถิตสุข กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทเอ็ม. ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS เปิดเผยว่า ในงวดผลการดำเนินงานปี 2548 มั่นใจว่าจะสามารถจ่ายปันผลได้ในระดับที่ดีกว่าอัตราการจ่ายปันผลในครึ่งแรกของปี 2548 ที่ 0.12 บาทต่อหุ้น โดยประเมินจากผลประกอบการ 9 เดือน ของปี 2548 ที่มีรายได้กว่า 1,600 ล้าน และไตรมาสที่ 4/2548 จะยังเติบโตเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2548 ซึ่งมีรายได้บางส่วนทยอยมารับรู้ในไตรมาสสุดท้ายนี้
อัตราการจ่ายปันผลน่าจะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก หากดูจากผลประกอบการ 9 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งในไตรมาส 4/2548 แนวโน้มรายได้จะดีกว่าไตรมาสที่ 3/2548 เพราะมีรายได้บางส่วนที่โอนไปรับรู้เป็นรายได้ไตรมาสที่ 3 ไม่ทันนายสมพงษ์กล่าว
สำหรับผลประกอบการของปี 2549 มั่นใจว่าจะโตจากปี 2548 ตามเป้าที่ตั้งไว้ 20% เพราะได้มีการขยายโรงงานและตั้งเป้าผลิตเหล็กให้ได้ 4.5 หมื่นตัน เพื่อรองรับสินค้าที่มีคำสั่งซื้อล่วงหน้าทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นการขยายธุรกิจจะดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา เพราะขณะนี้ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์บริการ (Service Center) และเปิดให้บริการแก่ลูกค้าไปแล้วเมื่อต้นปี 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัททำให้เพิ่มการบริการแก่ลูกค้าได้เต็มที่ ซึ่งออเดอร์จากญี่ปุ่นมีมูลค่าสูง เพราะมีมูลค่าสูง 1,800 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีงานต่อเนื่องถึง 2 ปี
นักวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์ (บล.) แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้คาดว่านักลงทุนน่าจะให้ความสนใจกับหุ้นที่มีการจ่ายปันผล และมีราคาไม่สูงนัก ซึ่ง MCS เป็นหุ้นที่โดดเด่นเพราะมีการจ่ายปันผลดีแต่มีราคาถูก และมีปัจจัยพื้นฐานดี จึงน่าจะได้รับความน่าสนใจมากในสัปดาห์นี้ เพราะราคายังไม่ได้ปรับขึ้นไปมากเช่นหุ้นพื้นฐานดีในกลุ่มอื่น โดยกลยุทธ์ทางเทคนิคมองแนวต้านที่ 2.96 บาท และแนวรับที่ 2.80 บาท ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมามีสัญญาณปรับขึ้นในทิศทางที่ดี
นักวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์ กิมเอ็ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มการจ่ายเงินปันผลของMCS ในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับครึ่งแรกของปี 2548 ที่มีอัตราจ่ายปันผล 0.12 บาท ส่วนผลประกอบการ ไตรมาสที่ 4 ปี 2548 ของ MCS จะดีขึ้นกว่าไตรมาสที่ 3 เพราะรายได้ส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับรู้ภายในไตรมาสที่ 3 จะโอนมาเป็นรายได้ในไตรมาสที่ 4 จึงเป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจ
ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายของวันศุกร์ที่ผ่านมา (6ม.ค.) ขยับขึ้นมากถือเป็นสัญญาณบวก หลังจากที่พักฐานมาพอสมควร จึงน่าสนใจทั้งในระสั้นและระยะกลาง โดยเฉพาะในสัปดาห์นี้ MCS ถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจเพราะแนวโน้มหุ้นที่ราคาไม่สูงน่าจะได้รับความน่าสนใจ
สำหรับราคาเป้าหมายให้ไว้ที่ 3.00 บาท ส่วนแนวรับมองที่ 2.76 บาท แนวต้านสำคัญที่ 2.98 บาท ซึ่งถ้าหากผ่านไปได้ราคาจะปรับขึ้นต่อเนื่อง และถ้าหากปรับตัวถึงราคาเป้าหมายที่ 3.00 บาท จะมีโอกาสปรรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
บทวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์ ยูไนเต็ด จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อลงทุน MCS โดยมองว่าเป็นหุ้นไอพีโอต่ำจองที่มีความน่าสนใจ และยังอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาที่เหมาะสม ซึ่งในปีนี้บริษัทมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าระยะยาวจากญี่ปุ่นจนถึงปีหน้า ประกอบกับมีโครงการต่างประเทศเพิ่มอีก 1,800 ล้านบาท
จึงส่งผลให้คาดว่ารายได้ในปี 2549 บริษัทจะมีงานในมือมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท และสำหรับปี 48 เติบโต เพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดกำไรสุทธิประมาณ 264 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.53 บาท และคาดว่าจะจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 9.6% ต่อปี