Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ดุลการค้า, ดุลบัญชีเดินสะพัด มีผลกับสภาวะทางเศรษฐกิจอย่างไรครับ เห็นนักวิเคราะต่างๆ มักจะพูดกัน นอกจากนี้แล้วยังมีบทความทางหนังสือพิมพ์บอกว่าคนไทยออมเงินน้อยลง ถ้าออมน้อยแล้วมีผลอย่างไร

ดุลการค้าคือมูลค่าส่งออก-มูลค่านำเข้าของสินค้าและบริการ

ดุลบัญชีเดินสะพัดคือดุลการค้าบวกด้วย transfer payments ต่างๆ  (เช่น คนงานซาอุส่งเงินกลับมา หรือ ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) ส่งกำไรกลับอเมริกา)

ถ้าดุลการค้าหรือดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นลบมากๆ ก็แสดงว่าในเวทีโลกเราเป็นผู้พึ่งพาคนอื่น (เป็นผู้บริโภค) แต่ถ้าเป็นบวกแสดงว่าเรามีฐานะเป็นผู้ผลิต

ในประเทศที่ไม่มีการแทรกแซงค่าเงิน ถ้าดุลบัญชีเดินสะพัดติดลบ ดุลบัญชีทุนจะเป็นบวกเท่ากันเสมอ ถ้าดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก บัญชีทุนก็จะติดลบเท่ากันเสมอ ทำให้ดุลการชำระเงินโดยรวมเป็นศูนย์

ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นลบไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายเสมอไปอย่างที่บางคนเข้าใจ บางครั้งมันเป็นลบเพราะบัญชีทุนเป็นบวกเนื่องจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนมาก ซึ่งจะส่งผลดีต่อดุลบัญชีเดินสะพัดให้เป็นบวกได้ในระยะยาวเพราะการลงทุนทำให้ผลผลิตของประเทศเพิ่มขึ้นในอนาคต

ดุลบัญชีเดินสะพัดกับการออมและการลงทุนของประเทศเป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ่ง การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะหมายถึงมีการลงทุนมากกว่าการออมด้วยเสมอ เพราะเงินออมมีไม่พอเราจึงต้องกู้เงินต่างประเทศเข้ามาลงทุนไง (ดุลบัญชีทุนติดลบ)


รัฐบาลกำลังต้องการใช้เงินจำนวนมากในโครงการเมกกะโปรเจ็ค เพื่อลดการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ คนในประเทศต้องช่วยกันออมให้มากขึ้น (ออมที่ว่าไม่ใช่ฝากธนาคารแต่หมายถึงใช้จ่ายให้น้อยกว่ารายได้)

สุมาอี้ เขียน:ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นลบไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายเสมอไปอย่างที่บางคนเข้าใจ บางครั้งมันเป็นลบเพราะบัญชีทุนเป็นบวกเนื่องจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนมาก ซึ่งจะส่งผลดีต่อดุลบัญชีเดินสะพัดให้เป็นบวกได้ในระยะยาวเพราะการลงทุนทำให้ผลผลิตของประเทศเพิ่มขึ้นในอนาคต

ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดีครับ แล้วทำไมนักเศรษฐศาตร์ ถึงต้องกลัวเมื่อดุลบัญชีเดินสะพัด ติดลบติดต่อกันหลายๆเดือน

ดุลบัญชีเดินสะพัด ก็เหมือนเงินสดในกระเป๋า ถ้าเงินในกระเป๋าเราลบมากๆบ่อยๆจะกลัวไหม

ถ้าเปรียบประเทศเหมือนบริษัท   อาจจะเปรียบเทียบอย่างหยาบๆ ได้ว่า  ดุลบัญชีเดินสะพัดก็เหมือนงบกำไรขาดทุนหรือถ้าให้ใกล้เคียงมากขึ้นก็เหมือน "   กระแสเงินสดจากการดำเนิน - รายจ่ายลงทุน "  ครับ  

ส่วนดุลการชำระเงินก็เหมือน  กระแสเงินสดสุทธิครับ  

ดังนั้น  ประเทศไหนขาดดุลบัญชีฯ  ก็เหมือนบริษัทที่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและจากการลงทุนรวมกันติดลบ   ก็ต้องกู้มาชดเชยหรือต้องเพิ่มทุน   ซึ่งหากเปรียบกับประเทศก็เหมือนการกู้เงินจากต่างประเทศหรือต้องอาศัยเงินลงทุนจากต่างประเทศมาชดเชย  

 ดังนั้นประเทศไหนขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเรื้อรัง   หนี้ต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ   ก็เหมือนบริษัทที่กู้หนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ท้ายสุดแบงค์ก็จะไม่ให้กู้เพราะระดับหนี้มันสูงไปครับ

แต่สำหรับบางประเทศอาจจะขาดดุลบัญชีช่วงสั้นๆ  ซึ่งอาจจะเป็นเพราะรายจ่ายลงทุนสูง   ซึ่งหากเป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มผลผลิตหรือเพิ่มศักยภาพของประเทศ  ก็จะทำให้การส่งออกระยะยาวเพิ่มขึ้น  ดุลบัญชีฯ จะกลับเป็นบวกได้    แต่หากเป็นเงินลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เช่น  อสังหาฯ ที่เกินจำเป็น   โครงการสาธารณูปโภคที่ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ   ก็จะไม่ทำให้รายได้จากต่างประเทศในระยะยาวเพิ่มขึ้น  ประเทศที่ทำอย่างหลังก็จะทำให้ดุลบัญชีขาดดุลในระยะยาว

ซึ่งเปรียบเทียบกับ 2 บริษัท  บริษัทแรกเอาเงินไปพัฒนาคน  มาทำ R&D  ซื้อเครื่องจักร   อีกบริษัทเอามาสร้าง office ใหญ่  ซึ่งรถแพงๆ ให้ผูบริหาร     เงินที่จ่ายออกไปของทั้ง 2 บริษัทก็กระทบกระแสเงินสดเท่ากัน  แต่ผลในระยะยาวต่างกันครับ

ผมว่าการส่งเงินกลับประเทศไม่น่าจะอยู่ในดุลบัญชีเดินสะพัดนะครับ  น่าจะมีอยู่ดุลบัญชีชำระเงินหรือเปล่า

รายได้ภาคบริการ เช่น  การท่องเที่ยว  จะอยู่ในดุลบัญชีเดินสะพัด  แต่ไม่อยู่ในดุลการค้าครับ

รู้สึกว่า trade balance ของไทยจะมีนิยามที่ไม่เป็นสากล ซึ่งของเขารวมบริการไว้ใน trade balance เลย แต่ของไทย ดุลบัญชีเดินสะพัด เท่ากับ ดุลการค้าบวกดุลบริการ ซึ่งดุลบริการหมายถึงพวกรายได้จากการท่องเที่ยว ฯลฯ แต่ของฝรั่งจะไม่มีคำว่าดุลบริการ

http://economics.about.com/od/balanceoftrade/