หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เก็บของเข้าพอร์ต

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 08, 2006 12:53 am
โดย นายสต็อก
ช่วงหลายสัปดาห์นี่...

ผมนั่งทำการบ้านดูหุ้นตัวโน้นตัวนี้ เห็นแล้วก็อยากซื้อไปหมด เจ้าหุ้นตัวนี้
ธุรกิจก็ดูมั่นคงดี เจ้าหุ้นตัวนี้ธุรกิจก็น่าจะสดใส แต่เห็นราคาเคาะซื้อ-ขาย
ในกระดานแล้ว คงต้องถอนหายใจเฮือกๆ :lol:

หุ้นบางตัวเคยเก็บ ไม่ถึงร้อยบาท...พอปล่อยของไปแถวร้อยห้าสิบกว่าบาท
ผ่านมาไม่กี่ปี ขยับไปสองร้อยกว่าบาทซะแล้ว ผมได้แต่นั่งมองตาปริบๆ
หมดสิทธิ์ตามไปลุ้น!!! :evil:


ตกลงนักลงทุนแบบเรา มาซื้อทีหลัง...ยิ่งได้เปรียบ หรือ เสียเปรียบกันแน่! :?:

เก็บของเข้าพอร์ต

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 08, 2006 6:58 am
โดย Jeng
ไม่เกียวกับก่อนหรือหลัง เกียวกับ ซื้อตอนข่าวดีหรือข่าวร้าย

เหอๆ

วอเรน ค้นพบว่า

1. คนซื้อตอนข่าวดี ขายตอนข่าวร้าย

2. คนเล่นสั้น

............................................................

วอเรน

1. ซื้อตอนข่าวร้าย

2. ลงทุนระยะยาว

..........................................................

พี่คิดว่า ราคาไม่เห็นน่าสนใจเลย เรืองที่น่าสนใจตลอดเวลา คือ ผลประกอบการ ดีขึ้น หรือ เลวลงเพราะอะไร

ส่วนราคาเป็นแค่ โอกาสในการซื้อ ณ ราคาที่เราอยากซื้อ

แค่นั้นเองครับ

เก็บของเข้าพอร์ต

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 08, 2006 1:18 pm
โดย คนเรือ VI
จากประสบการณ์นะครับ

การเลือกซื้อตามวิธี วอร์เรน หรือ VI ท่านอื่นๆเนี่ยเนี้ยบมากครับ

แต่การเลือกขายนี่สิ ผมมีปัญหากับมันแหะ

ขายถ้าพื้นฐานบริษัทเปลี่ยน อันนี้โอเค
ขายเมื่อตลาดให้ราคาที่แพงเกินไป อันนี้ ยังไงดีครับ มีปัญหาจริงๆนะเนี่ย

เก็บของเข้าพอร์ต

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 08, 2006 1:22 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ขายถ้าพื้นฐานบริษัทเปลี่ยน อันนี้โอเค 
ขายเมื่อตลาดให้ราคาที่แพงเกินไป อันนี้ ยังไงดีครับ มีปัญหาจริงๆนะเนี่ย
ผมว่า อย่าขายครับ

เพราะเราคิดว่า แพง มันชอบมีแพงกว่าอยู่เรื่อย

แล้วจะขายเมื่อไร

อืม ขายตอนที่ ราคามันปรับลดมาจากที่ hight ซัก 10 % ดีปะ

ลองเอา เทคนิคเคิ้ล มาแอบพลาย ตอนขายได้ปะ

หรือว่า ดูวอลลุ่มเอา สูงมากแล้ว แต่มีวอลลุ่ม กับสูงมากแล้ว ไม่มีวอลลุ่ม ขายตอนไหนดี

เก็บของเข้าพอร์ต

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 08, 2006 3:11 pm
โดย 007-s
นี่ไงล่ะ
ดิฉันก็ยังรู้สึก เหมือนกัน ว่า ขายมันยากกว่าซื้อ จริงๆ

ตอนหัดเล่นหุ้นใหม่ๆ รู้สึกง๊ายง่าย ทั้งซื้อหรือขาย ไม่คิดไรเลย เหมือนเงินเป็นกระดาษ ตื่นเต้นไปกะลีลา ของตลาด ไม่กลัวทั้งนั้น ไม่ว่า ขายหมูเขียว หรือ หมูแดง  :lovl:

พอผ่านมาหน่อย ซื้อนี่จะไม่ค่อยกล้าแล้ว เพราะเริ่มเข็ดจากขายขาดทุนมา หมาดๆ (ติดต่อกันบ่อยๆ จนมีผลชัดเจนต่อเงินต้น :lol:) แหยงไปหมด เวลาจะลงมือซื้อแต่ละครั้ง แต่ในทางขายนี่จะไวมาก เป็นโรคกลัวความสูง  :oops:

พอผ่านมาอีกซักระยะ เริ่มซื้อเป็นบ้างแล้ว ก็จะเริ่มเข้าสู่ กระบวนการระดับสาม
คือ กล้าซื้อ กล้าถือ แต่ ขายนี่ทำไงลืมไปเลย ....เพราะกลัวขายหมูเขียว  :lol: :lol:  :lol:

เสียดาย เพราะหมุเขียวๆ จะหายาก เหนื่อยในการเฟ้นหา



เมื่อไหร่ มันจะง่ายๆ มั่งน๊า..... หุ้น เนี่ย  :lovl:

เก็บของเข้าพอร์ต

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 08, 2006 3:35 pm
โดย sittc
คุณ 007 อธิบายได้เห็น วิวัฒนาการจริงๆ ครับ  :D
เห็นด้วยครับ

เก็บของเข้าพอร์ต

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 08, 2006 4:26 pm
โดย คนเรือ VI
พอผ่านมาอีกซักระยะ เริ่มซื้อเป็นบ้างแล้ว ก็จะเริ่มเข้าสู่ กระบวนการระดับสาม
คือ กล้าซื้อ กล้าถือ แต่ ขายนี่ทำไงลืมไปเลย ....เพราะกลัวขายหมูเขียว      

เสียดาย เพราะหมุเขียวๆ จะหายาก เหนื่อยในการเฟ้นหา
แสดงว่าอยู่ในอาการระยะเดียวกัน  :lol:

เก็บของเข้าพอร์ต

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 08, 2006 4:37 pm
โดย 007-s
[quote="คนเรือ VI"]
แสดงว่าอยู่ในอาการระยะเดียวกัน

เก็บของเข้าพอร์ต

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 10, 2006 9:31 am
โดย gutenberg
ท่านดอกเตอร์เคยบอกว่า จะขายก็ต่อเมื่อ

1.ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยน (คงในทางลบ เพราะถ้าปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนไปดีขึ้น คงไม่มีใครทะลึ่งขาย)
2.ไปเจอบริษัทอื่นที่มีโอกาสในการทำกำไรสูงกว่า ก็เลยต้องเปลี่ยนตัวถือ

แต่โดยส่วนตัว คิดว่า ถ้าขายแล้วสบายใจก็ขาย

เปรียบเทียบเหมือนกับเวลาเราไปเที่ยวแล้วไปซื้อของ เราซื้อของมาแล้วมาเจอคนอื่นซื้อได้ถูกกว่า เราก็มักจะเจ็บใจว่าทำไมเราซื้อแพงกว่า ทั้งๆที่ตอนที่เราซื้อเราก็คิดว่าราคานั้นเหมาะสมแล้ว เราถึงตกลงซื้อ

เพราะฉะนั้น ตอนเราขายหุ้น ราคาที่เราขายก็ผ่านการพิจารณามาแล้วว่าเราพอใจ ถึงแม้ว่าขายแล้วจะวิ่งไปอีกไกลก็ช่างมัน (หรืออาจจะเล็งซื้อกลับก็อีกเรื่อง)

ราคาสูงสุดมีราคาเดียว ราคาต่ำสุดมีราคาเดียว โอกาสที่จะซื้อได้ในตอนต่ำสุดและขายได้ราคาสูงสุดจึงน้อยมาก

อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ