หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ไตรมาสต่อไป จะโดน " นั่งยาง " หรือเปล่าหนอ !!!!!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 2:23 pm
โดย LOSO
รง.ถุงมือยางทยอยปิดกิจการ ต้นทุนพุ่งรอทุนมาเลย์เข้าซื้อ
 
โรงงานถุงมือยางสุดทนสารพัดปัญหารุมเร้า นายกสมาคมเผยมี 3 รายในวงการ ประกาศปิดกิจการอย่างเป็นทางการแล้ว รอทุนมาเลเซียเข้าซื้อกิจการ ส่วนที่เหลือลดกำลังผลิตลงมากกว่ากว่าครึ่ง ชี้สาเหตุหลักต้นทุนผลิตพุ่งสวนราคาขาย โดยเฉพาะราคาน้ำยางข้นทะยานขึ้นถึง 60บาท/กก.


นายประชัย กองวารี นายกสมาคมผู้ผลิตถุงมือยางไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าจากการที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมถุงมือยาง ได้เผชิญภาวะต้นทุนผลิตสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งปัญหาเครื่องจักรเก่าที่ทำให้ต้นทุนผลิตต่อหน่วยสูง วัตถุดิบคือน้ำยางข้นราคาแพงไม่สมดุลกับราคาถุงมือยางที่ขายได้ กระทั่งล่าสุดคือปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า ซึ่งปัญหาเหล่านี้เคยร้องเรียนกับหน่วยงานของรัฐให้ช่วยเหลือ โดยเฉพาะการจัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อนำมาปรับเปลี่ยนเครื่องจักร แต่ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือแต่อย่างใด ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายไม่สามารถประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่อไปได้ เพราะได้ใช้กลยุทธ์บริหารจัดการทุกวิถีทางแล้ว กระทั่งถึงวันนี้มีผู้ประกอบการ 3 โรงงานได้ตัดสินใจปิดกิจการอย่างถาวรแล้ว ส่วนที่เหลือได้ลดกำลังผลิตลงมากกว่า50%


"ปัจจุบันผู้ประกอบการอุตสาหกรรมถุงมือยางในประเทศมีประมาณ 30 โรง ในจำนวนนี้จะแบ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำธุรกิจถุงมือยางอย่างเดียวจำนวนหนึ่ง ซึ่งกลุ่มนี้จะได้รับความเดือดร้อนมาก ส่วนอีกกลุ่มคือกลุ่มที่ทำธุรกิจยางอื่นๆ ควบคู่ไปด้วยเช่นยางแท่ง ยางแผ่น น้ำยางข้น กลุ่มนี้สามารถบริหารจัดการโดยดึงกำไรจากส่วนอื่นๆ มาหล่อเลี้ยงธุรกิจถุงมือยางได้ ส่วนกลุ่มที่ทำถุงมือยางอย่างเดียว เวลานี้มี3 โรง ได้ตัดสินใจปิดกิจการแล้ว"นายประชัยกล่าวและว่า


การปิดกิจการของผู้ประกอบการถุงมือยาง คิดว่าคงต้องรอให้นักลงทุนจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้เข้ามาซื้อกิจการ ที่ผ่านมามีนักลงทุนจากมาเลเซียหลายรายเข้ามาลงทุนผลิตถุงมือยางในประเทศไทย ส่วนผู้ประกอบการคนไทยด้วยกัน คงไม่มีใครต้องการแม้จะเป็นรายใหญ่ก็ตาม


นายประชัย ได้กล่าวถึงปัญหาสำคัญของอุตสาหกรรมนี้ ได้แก่เครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมเป็นเครื่องจักรที่เก่ามาก และปัญหาวัตถุดิบคือน้ำยางข้นราคาแพงไม่สมดุลราคาถุงมือยางที่ขายได้ โดยล่าสุดราคาน้ำยางข้นได้ขยับตัวขึ้นไปสูงถึงกก.ละ 60 บาท แต่ราคาขายถุงมือยางผู้ซื้อรับได้แค่ 21 ดอลลาร์สหรัฐ/1,000 ชิ้น ซึ่งราคาน้ำยางข้นระดับนี้ ราคาขายถึงมือยางต้องอยู่ที่ระดับ 24 ดอลลาร์สหรัฐ/ 1,000 ชิ้น


"หากเราเสนอราคาสูงลูกค้าปฏิเสธที่จะสั่งซื้อ ยิ่งช่วงนี้เจอค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีก จึงทำให้การเสนอขายสินค้ามีความลำบากขึ้น ที่สำคัญเวลานี้ลูกค้าเริ่มหันไปสั่งซื้อถุงมือยางสังเคราะห์จากประเทศจีน ซึ่งมีราคาถูกกว่าคือประมาณ 11-12 ดอลลาร์สหรัฐ/1,000 ชิ้น แม้ว่าถุงมือยางธรรมชาติจะมีความยืดหยุ่นดีกว่า แต่เมื่อราคาถุงมือยางสังเคราะห์ใช้ประโยชน์ได้เหมือนกันและราคาถูกกว่า เขาจึงหันไปใช้ ทำให้มีความเป็นห่วงว่าหากผู้ใช้มีความคุ้นเคยอาจจะไม่กลับมาใช้ยางธรรมชาติ"นายประชัยกล่าวตอนหนึ่ง


ด้านนายรัก ปิตาสัย เลขาธิการสมาคมผู้ผลิตถุงมือยางไทย กล่าวเสริมว่านอกจากปัญหาหลักดังกล่าว ปัญหาที่ผู้ประกอบการมีความกังวลคือราคาแก๊สแอลพีจี ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักของอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งหากรัฐบาลมีนโยบายลอยตัวแก๊สแอลพีจี อุตสาหกรรมจะได้รับความเดือดร้อนมากกว่านี้ อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ทางสมาคมฯเคยทำเรื่องเสนอรัฐบาลเพื่อของบปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรให้สามารถใช้เชื้อเพลิงอื่นๆ ได้ อาทิ ถ่านหิน ไฟฟ้าชีวมวล หรือก๊าซเอ็นจีวี แต่ก็ไม่ได้รับการสนองตอบจากภาครัฐแต่อย่างใด


นอกจากนี้ยังมีปัญหาขาดแคลนแรงงานเช่นเดียวกับที่อุตสาหกรรมอื่นๆ ประสบอยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสมาคมฯเคยเสนอขอให้ภาครัฐออกมาตรการพิเศษเพื่อนำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งก็ไม่มีความคืบหน้า ส่งผลให้เวลานี้มาเลเซียได้กลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญของไทย เนื่องจากรัฐบาลมาเลเซียได้สนับสนุนอุตสาหกรรมถุงมือยางอย่างจริงจัง โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมารัฐบาลมาเลเซียเปิดให้มีการนำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านและมีการวางระบบที่ดีโดยให้ค่าจ้างแรงงานในอัตราที่ต่ำกว่าแรงงานในประเทศ ทำให้อุตสาหกรรมถุงมือยางของมาเลเซียในเวลานี้มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าไทยมาก

ไตรมาสต่อไป จะโดน " นั่งยาง " หรือเปล่าหนอ !!!!!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 2:38 pm
โดย ครรชิต ไพศาล
ขอถามพวก หนุ่มๆ  ขอความรู้หน่อย
ราคา ถุงยางอนามัย ยุค ทรท. ขึ้นจากยุค ปชป.
สองสามเท่า ตามราคาน้ำยางหรือเปล่าครับ

ขอความรู้หน่อย เพราะผมไม่เคยได้ใช้นานแล้ว  :oops:  :lol:

ไตรมาสต่อไป จะโดน " นั่งยาง " หรือเปล่าหนอ !!!!!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 14, 2006 11:05 pm
โดย เด้งดึ๋ง เด้งดึ๋ง
หนูเป็นผู้หญิง แต่ปีที่แล้ว วิชา marketing reserch มีกลุ่มนึงทำเรื่อง condom>> one of the miracle things on earth เลยตอบพอได้อ่ะค่ะน้า

ราคาปัจจุบันจาก 2-3ปีก่อน ไม่ได้ปรับขึ้นมากเป็นเท่าตัวเนื่องจากราคาขายไม่ได้แปรตามต้นทุนของยาง ราคาเกิดขึ้นจาก 4P มากกว่า (เป็นแบบรองเท้า nike มากกว่า) ต้นทุนการผลิตเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก ไม่ได้เหมือนถุงมือยางเลยอ่ะคะ น้าครรชิต

อีกอย่างมันเป็น emergency good ของพวกนี้ผู้บริโภคไม่ได้ sensitive กับราคามากๆเหมือน consumer product อื่นๆ นอกจากนี้ brand awereness ยังสูงมั่กๆ เพราะฉะนั้น การโฆษณาจึงเป็นต้นทุนที่สำคัญที่สุดเจ้าค่ะ


พอจะเห็นภาพลางๆ มั่วๆ มั๊ยค่ะ :oops:  :oops:  :oops:

ไตรมาสต่อไป จะโดน " นั่งยาง " หรือเปล่าหนอ !!!!!!

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 15, 2006 6:34 am
โดย ครรชิต ไพศาล
อ้อ.. แสดงราคา เขาตั้งไว้สูงมากๆ อยู่แล้ว เมื่อเทียบกับ ราคา น้ำยาง

น้ำยางขึ้นมา สองเท่ากว่า ถุงยางอนามัย ก็ยังมีกำไรเยอะ รับได้อยู่

ในตลาดหลักทรัพย์ ของเรา มีแต่บริษัทถุงมือยาง กับ ยางรถยนต์

ไม่มี บริษัท ถุงยางอนามัย เลย เนอะ