หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ขอนำเสนอ ผลงาน IRP และ ข้อมูลจาก OPP day
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 16, 2006 10:10 am
โดย terati20
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่1(F45-3)
บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
(หน่วย : พันบาท)
สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม
ไตรมาสที่ 1
ปี 2549 2548
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 218,912 147,613
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.16 0.14
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไขและไม่มีข้อสังเกต
หมายเหตุ : 1. โปรดดูรายละเอียดงบการเงิน รายงานของผู้สอบบัญชี และหมายเหตุ
ประกอบงบการเงินจากระบบบริการข้อมูลตลาดหลักทรัพย์
"ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อมูลที่รายงานข้างต้นนี้ถูกต้องทุกประการ พร้อมกันนี้บริษัทได้จัดส่งงบ
การเงินฉบับเต็มผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของตลาดหลักทรัพย์และส่งต้นฉบับให้กับสำนักงาน
ก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว"
ลงลายมือชื่อ _______________________
( นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล )
ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการและเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
ขอนำเสนอ ผลงาน IRP และ ข้อมูลจาก OPP day
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 16, 2006 10:11 am
โดย terati20
IRP/20/05/06
11 พฤษภาคม 2549
บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) ("บริษัท")
เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เรื่อง คำอธิบายและบทวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ สำหรับงบการเงิน และงบการเงินรวม
สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแล้ว
บริษัทขอเสนอคำอธิบายและบทวิเคราะห์ สำหรับผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของบริษัท สิ้นสุด ณ วันที่ 31
มีนาคม 2549 ซึ่งคำอธิบายและบทวิเคราะห์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน ในการทำความเข้าใจงบการเงินที่ได้รับการ
ตรวจสอบแล้วของบริษัทมากยิ่งขึ้น
สรุปสาระสำคัญ
ในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายรับทั้งสิ้น 2,706 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11เมื่อเทียบกับ
รายได้จากการขายของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2548 ที่มีมูลค่า 2,458 ล้านบาท นอกจากนี้กำไร
สุทธิหลังหักภาษีอากรยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 เป็น 219 ล้านบาทในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2549 โดยเปรียบเทียบกับกำไร
สุทธิหลังหักภาษีอากรในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2548 จำนวน 148 ล้านบาท นอกจากนี้ผลรวมของส่วนต่างระหว่างราคา
ขายต่อเมตริกตันกับราคาต้นทุนของวัตถุดิบต่อเมตริกตันหรือ Deltas ที่เพิ่มขึ้นจาก 229 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน ใน
ไตรมาสที่หนึ่งของปี 2548 ไปเป็น 232 เหรียญสหรัฐต่อเมตริกตัน ในปี 2549 ก็เป็นเหตุผลสำคัญของการเพิ่มสูงขึ้น
ของกำไรของบริษัท สัดส่วนยอดขายในตลาดสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 47 ในไตรมาสที่หนึ่ง ของปี 2548
ไปเป็นร้อยละ 67 ในไตรมาสที่หนึ่ง ของปี 2549
กำไรต่อหุ้นลดลงเต็มที่ในไตรมาสที่หนึ่ง ของปี 2549เท่ากับ 0.63 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับ 0.43 บาท ในปี
2548 หรือเท่ากับอัตราร้อยละ 46 ทุนเรือนหุ้นอยู่ที่จำนวน 1,382 ล้านบาท
ในระหว่างไตรมาส ราคาของเม็ดพลาสติก PET โดยเฉพาะในทวีปอมริกาเหนือได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากที่ได้
รัผลกระทบมาจากเฮอริเคนแคทริน่า เนื่องจากโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกที่ได้รับผลกระทบได้เริ่มดำเนินงานใหม่ งบ
การเงินรวมในไตรมาสที่หนึ่ง ของปี 2549 และไตรมาสที่หนึ่งของปี 2548 ได้รวมงบการเงินของบริษัทย่อยได้แก่
บริษัท เพ็ทฟอร์ม (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท เอเซีย เพ็ท จำกัด บริษัท สตาร์เพ็ท จำกัด และบริษัท โอเรียน
โกลบอล เพ็ท จำกัด (ที่อยู่ในระหว่างการติดตั้งเครื่องจักร ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในกลางปี 2549)
1.ผลการดำเนินงาน
ผลการดำเนินงานรวมของบริษัทและบริษัทย่อย สามารถสรุปได้ดังนี้
รายการ หน่วย ไตรมาส 1 ไตรมาส 1 เพิ่มขึ้น
ของปี 2548 ของปี 2549 (ร้อยละ)
ยอดการผลิต(PET) ล้านตัน 42,386 51,495 21
ยอดการผลิต(ของบริษัท) 45,484 50,577 11
ยอดการผลิต (สหรัฐอเมริกา) 7,081 - -
ยอกการผลิตรวม 52,565 50,577 4
รายรับ(เฉพาะบริษัท) ล้านบาท 2,458 2,707 10
*รายรับ (สหรัฐอเมริกา) 394 - -
รายรับรวม 2,852 2,707 -5
ต้นทุนขาย ล้านบาท 2,454 2,280 -7
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ล้านบาท 148 138 -7
กำไรสุทธิก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย
ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา
และรายการตัดจ่าย (EBITDA) ล้านบาท 251 288 15
กำไร/ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง
จากอัตราแลกเปลี่ยนของเงินกู้
ระยะยาวที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ล้านบาท 1 (31) n/a
ค่าเสื่อมราคา ล้านบาท 54 59 9
ดอกเบี้ย ล้านบาท 39 27 -29
ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย ล้านบาท 9 13 35
กำไรสุทธิก่อนหักภาษีเงินได้ ล้านบาท 148 220 49
ภาษีเงินได้ ล้านบาท - 1 n/a
กำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้ ล้านบาท 148 219 48
*ยอดการผลิตรวมในประเทศสหรัฐอเมริก จากการขยายกำลังการผลิตของบริษัท สตาร์เพ็ท จำกัด
จำนวนการผลิตเม็ดพลาสติก PET ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2548 เป็น 36,000 ตันต่อปี
รายรับรวม ในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2549 มูลค่า 2,707 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรายรับไตรมาสที่หนึ่ง ของปี
2548 จำนวน 2,458 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 10 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มปริมาณการขายถึงร้อยละ
11 เมื่อเปรียบเทียบกับรายรับรวมของของบริษัทและบริษัทย่อยในปี 2548 มีมูลค่าเท่ากับ 2,852 ล้านบาท ซึ่งรวมกับ
รายรับรวมในประเทศสหรัฐอเมริกา 394 ล้านบาท รายรับรวมของปี 2549 ซึ่งมิได้รวมกับรายรับรวมของประเทศ
สหรัฐอเมริกาลดต่ำลงคิดเป็นร้อยละ 5 การลดลงของราคาขายเฉลี่ยของเม็ดพลาสติกเพ็ท (Pet Polymers) ใน
ระหว่างงวด จากราคาเฉลี่ยตันละ 51,255 บาทในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2548 เป็นราคาเฉลี่ยใหม่ที่ตันละ 50,341
บาท ในไตรมาสที่หนึ่งปี 2549 ลดลงคิดเป็นร้อยละ 2
ต้นทุนขายที่ไม่รวมค่าเสื่อมราคา ลดลงเป็น 2,280 ล้านบาท จากเดิม 2,454 ล้านบาท หรือ ลดลงคิดเป็นร้อยละ 7
โดยมีปัจจัยหลักมาจากราคาวัตถุดิบที่ลดลง ในส่วนของยอดการผลิตของ APET นั้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 ในไตรมาสที่หนึ่ง
ของปี 2549 จากเดิม 48,452 ตันเป็น 50,127 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2548
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ลดลงร้อยละ 7 หรือ 148 ล้านบาท จากเดิม 138 ล้านบาท อันเป็นผลสะท้อนมา
จากยอดขายที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเมื่อเปรียบเทียบกับรายรับจากการขายโดยลดลงเป็นร้อยละ 5.1
ในไตรมาสที่หนึ่ง ของปี 2549 จากเดิมที่คิดเป็นร้อยละ 5.2 เปรียบเทียบกับตัวเลขไตรมาสที่หนึ่งของปี 2548
ค่าเสื่อมราคา เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 หรือ 59 ล้านบาท จากเดิม 54 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของ
สินทรัพย์ถาวรเนื่องมาจากการเสร็จสมบูรณ์ของการขยายกำลังการผลิตของบริษัทย่อย อันได้แก่ บริษัท
สตาร์เพ็ท จำกัด ในไตรมาสที่สองของปี 2548 และบริษัท เพ็ทฟอร์ม จำกัดในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2549
ดอกเบี้ยจ่าย ลดลงร้อยละ 29 เป็น 27 ล้านบาท จากเดิม 39 ล้านบาทโดยมีปัจจัยหลักมาจากการชำระหนี้เงินกู้
ระยะยาวและระยะสั้นและความต้องการใช้เงินหมุนเวียนที่ลดลง
กำไรสุทธิหลังภาษีอากร เพิ่มขึ้น 71 ล้านบาท จากเดิม 148 ล้านบาท ในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2548 เป็น 219 ล้าน
บาท ในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2549 หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มเท่ากับร้อยละ 48
กำไรปกติภายหลังจากการตัดรายการพิเศษสำหรับไตรมาสที่หนึ่งของปี 2549 คิดเป็น 203 ล้านบาท โดยเปรียบเทียบ
กับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่คิดเป็น 166 ล้านบาท โดยมีอัตราการเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 22 กำไรสุทธิที่ได้
รายงานไปแล้วข้างต้น เป็นกำไรสุทธิภายหลังการบันทึกรายการผลกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่คิดเป็น
เงิน 31 ล้านบาท ในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2549 โดยเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่เกิดรายการผล
ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากอัตราแลกเปลี่ยนคิดเป็นจำนวน 1 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทได้บันทึกรายการผลกำไร
ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจากเงินกู้ระยะยาวของบริษัท ที่มีจำนวน 31 ล้านบาท โดยไม่ส่งผลกระ
ทบต่อผลการดำเนินงานตามปกติของบริษัท เงินกู้ระยะยาวดังกล่าวมีระยะเวลาการผ่อนชำระไปจนถึงปี 2552 นอกจาก
นี้ บริษัทและบริษัทย่อยได้เข้าไปลงทุนผ่านการถือหุ้น ในโครงการผลิตเม็ดพลาสติก PET ในประเทศลิธัวเนีย ที่คิดเป็น
มูลค่า 22.5 ล้านยูโร ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในกลางปี 2549 การลงทุนดังกล่าวโดยบริษัทและ
บริษัทย่อยส่งผลให้เกิดการกู้ยืมเงิน และมีต้นทุนทางการเงินที่ต้องชำระเพิ่มขึ้นตามมา
2. สถานะทางการเงิน
2.1 สินทรัพย์
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 บริษัทมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 10,256 ล้านบาท โดยเปรียบเทียบกับสินทรัพย์รวม สิ้นสุด ณ วัน
ที่ 31 ธันวาคม 2548 ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 10,115 ล้านบาท ส่วนที่เพิ่มขึ้น 141 ล้านบาทหรือร้อยละ 1 นั้นมาจากการ
เพิ่มขึ้นของ สินทรัพย์หมุนเวียนรวม และสินทรัพย์ถาวร โดยมีรายละเอียดดังนี้
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด เพิ่มขึ้นเป็น 510 ล้านบาท จากเดิม 308 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 202 ล้านบาท
หรือร้อยละ 65 อันเป็นผลมาจากกำไรที่เป็นเงินสดและความต้องการใช้เงินหมุนเวียนที่ลดลง
ลูกหนี้การค้า-สุทธิ ลดลงร้อยละ 11 หรือเท่ากับ 1,607 ล้านบาท จากเดิม 1,812 ล้านบาท ลดลงเป็นจำนวน 205
ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการลดลงในปริมาณขาย
สินค้าคงเหลือ ลดลงร้อยละ 6 หรือเท่ากับ 1,121 ล้านบาท จากเดิม 1,198 ล้านบาทลดลงเป็นจำนวน 77 ล้าน
บาท เป็นสืบเนื่องมาจากต้นทุนวัตถุดิบหลักสำหรับ PTA และ MEG และปริมาณการผลิตคงที่
รายการที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 242 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 57 จากเดิม 6,510 ล้านบาท
อันเป็นจำนวน 6,752 ล้านบาท เป็นผลมาจาก
ประการแรก เงินลงทุนสำหรับงานระหว่างก่อสร้างสำหรับโรงงาน ของบริษัท โอเรียน โกลบอล เพ็ท จำกัด ที่เพิ่ม
ขึ้น จากเดิม 2, 920 ล้านบาท เป็น 3,155 ล้านบาท เป็นจำนวนเท่ากับ 235 ล้านบาท
ประการที่สอง การขยายการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของบริษัท เพ็ทฟอร์ม (ไทยแลนด์) จำกัด ที่เพิ่มขึ้นจาก 466 ล้าน
บาท เป็น 527 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 61 ล้านบาท
2.2 หนี้สิน
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 บริษัทมีหนี้สินทั้งสิ้น 5,824 ล้านบาท เปรียบเทียบกับหนี้สินรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548
จำนวน 5,846 ล้านบาท โดยลดลงเป็นจำนวน 22 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 1 ทั้งนี้มีเหตุผลหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของ
หนี้สินหมุนเวียนจากเดิม 2,766 ล้านบาท เป็น 2,898 ล้านบาท เป็นจำนวนเท่ากับ 133 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ
5 การลดลงของเงินกู้ยืมระยะยาวจากเดิม 3,490 ล้านบาท เป็น 3,469 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 1 หรือเท่ากับ 21
ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการจ่ายคืนเงินกู้ยืมระยะยาวของบริษัท เอเซีย เพ็ท จำกัดและบริษัท สตาร์เพ็ท จำกัด อีก
ทั้งการเบิกถอนเงินกู้ยืมระยะยาวเพื่อใช้ในการลงทุนในการขยายกำลังการผลิตของ บริษัท เพ็ทฟอร์ม (ไทยแลนด์)
จำกัดและ บริษัท โอเรียน โกลบอล เพ็ท จำกัด
นอกจากนี้ยอดคงเหลือของบัญชีเงินกู้ยืมระยะยาวได้รวมยอดคงเหลือของเงินกู้ยืมระยะยาวของ บริษัท เพ็ทฟอร์ม (ไทย
แลนด์) จำกัด จำนวน 306 ล้านบาท บริษัท เอเซีย เพ็ท จำกัด จำนวน 659 ล้านบาท บริษัท สตาร์เพ็ท จำกัด
จำนวน 811 ล้านบาท และ บริษัท โอเรียน โกลบอล เพ็ท จำกัด จำนวน 1,693 ล้านบาท เอาไว้ด้วย
2.3 ส่วนของผู้ถือหุ้น
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 4,432 ล้านบาท จากเดิม 4,269 ล้านบาท เป็น
จำนวนเท่ากับ 163 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 4 กำไรสุทธิภายหลังภาษีอากรที่เพิ่มขึ้นจำนวน 219 ล้านบาท ที่ได้
บันทึกไว้ในส่วนของรายการกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรร
3.สัดส่วนทางการเงิน
ผลตอบแทนของการลงทุนจากเงินลงทุนรวม (Return on Capital Employed) 12.0% ต่อปี
ผลตอบแทนของการลงทุนจากเงินลงทุนรวม (Return on Capital Employed)
ไม่รวมในส่วนของบริษัท โอเรียน โกลบอล เพ็ท จำกัด 18.7% ต่อปี
ผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) 20.1% ต่อปี
สัดส่วนดอกเบี้ย (Interest Coverage) 7.12 เท่า
หนี้สินต่อทุนสุทธิ (Net Debt-Equity) 0.67 เท่า
กำไรต่อหุ้น (Earnings per Share) 0.63 บาท
รายการตามบัญชีต่อหุ้น (Book value per Share) 3.2 บาท
(ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549)
*เนื่องจากบริษัทฯ ยังไม่รับรู้รายได้จากบริษัท โอเรียน โกลบอล เพ็ท จำกัด
แต่รับรู้ข้อมูลจากการขยายกำลังการผลิตในส่วนของการลงทุนจากเงินลงทุนรวม
4.ความคืบหน้าของโครงการลงทุนในกลุ่มบริษัทย่อย
บริษัท เพ็ทฟอร์ม (ไทยแลนด์) จำกัด
ในไตรมาสที่หนึ่งนี้ โครงการขยายการผลิตพลาสติกขึ้นรูปขวดโดยการติดตั้งเครื่องจักรสำหรับการ
ผลิตพลาสติกขึ้นรูปขวดเครื่องที่ 4 เครื่องผลิตฝาขวดเกลียวเครื่องที่ 3 ได้ติดตั้งเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว และได้เริ่มดำเนิน
การผลิตสินค้าให้แก่ลูกค้า ในส่วนของการติดตั้งเครื่องเป่าขวดได้ติดตั้งเสร็จสิ้นในเดือนเมษายน 2549 และได้เริ่ม
ดำเนินการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทขวดนำให้แก่ลูกค้ารายใหญ่แล้วเช่นเดียวกัน ในระหว่างไตรมาสนี้บริษัท
เพ็ทฟอร์ม (ไทยแลนด์) จำกัด ได้รับการรับรองมาตรฐานการบริหารงานคุณภาพ ISO 9001:2000 จากสถาบันรับรอง
มาตรฐานไอเอสโอ
บริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน)
โครงการที่จะเพิ่มอัตราการผลิตในประเทศอีกจำนวน 36,000 ตันต่อปีนั้นก้าวหน้าเป็นอย่างมาก
ในการดำเนินการต่างๆเช่น การดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรในส่วนของโรงงาน และเมื่อโครงการดังกล่าวเสร็จสิ้น
สมบูรณ์อัตราการผลิตในประเทศจะเพิ่มจาก 90,000 ตันต่อปีเป็น 126,000 ตันต่อปี ส่วน การดำเนินงานดังกล่าว
ทั้งหมด บริษัทคาดว่าจะสามารถเริ่มตามแผนได้ในราวเดือนมกราคม 2550
ยูเอบี โอเรียน โกลบอล เพ็ท ประเทศลิธัวเนีย
อยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรสำหรับการผลิตในปริมาณ 550 ตันต่อวัน ในโรงงานที่กำลังก่อสร้าง
ในเมือง Klaipeda เขตเศรษฐกิจเสรี ประเทศลิธัวเนีย
ขณะนี้การก่อสร้างอยู่ในระหว่างดำเนินการและ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2549 ได้มีการบันทึกมูลค่าสินทรัพย์ถาวรจำนวน
3,155 ล้านบาท เอาไว้ด้วยแล้ว และโครงการดังกล่าวคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในกลางปี 2549 ซึ่ง
จะมีอัตรากำลังการผลิตเท่ากับ 200,000 ตันต่อปี
บริษัท สตาร์เพ็ท จำกัด ประเทศสหรัฐอเมริกา
บริษัทได้ดำเนินการลงนามในสัญญากับผู้จัดจำหน่ายเครื่องจักรที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการผลิตสำหรับการขยายการ
ผลิตเม็ดพลาสติก PET ขั้นต้น จากเดิมที่สามารถผลิตได้ที่ 80,000 ตันต่อปี ไปเป็น 200,000 ตันต่อปีคิดเป็นอัตราร้อย
ละ 150 และสำหรับการขยายการผลิตเม็ดพลาสติก PET ขั้นสุดท้าย จากเดิมที่สามารถผลิตได้ที่ 116,000 ตันต่อปี ไป
เป็น 200,000 ตันต่อปี คิดเป็นอัตราร้อยละ 72 ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการในที่ตั้งเดิม
ในส่วนของเครื่องจักรคาดว่าจะได้รับในเดือนพฤษภาคม 2549 และการดำเนินกิจการในเชิงพาณิชย์ของบริษัทคาดว่าจะ
สามารถดำเนินการได้ในเดือนมกราคม ปี 2550
ลงลายมือชื่อ _____________________________
(นาย ดีลิป กุมาร์ อากาวาล)
ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ และ
เจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน
ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ
ขอนำเสนอ ผลงาน IRP และ ข้อมูลจาก OPP day
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 16, 2006 10:42 am
โดย terati20
สรุปข้อมูลจาก Opp day
วัตถุดิบ PTA และ MEG มีแนวโน้มราคาจะสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน
PTA - พาราไซรีน
MEG-เอทิลีน
แต่กำลังผลิตของ PTA MEG ยังสูงกว่า Demand มาก ทำให้ราคาอาจจะขึ้นไม่มาก
Spread ระหว่าง Raw Material กับ Pet ใน Q1 ยังสูงอยู่ถึงแม้จะลดลงจาก Q4 2005
-Spread ขึ้นอยู่กับ ภูมิภาค
USA สูงสุด
Europe
Asia ต่ำสุด
-ข้อสังเกต รายได้ของ Quater นี้ลดลง แต่ปริมาณขายเพิ่มขึ้น แต่บริษัทสามารถเพิ่ม Spread จากราคาRaw Mat ที่ต่ำ
- แนวโน้มการใช้ขวด PET สูงขึ้น
-โรงงาน OPT ที่ ลิทัวเนีย คาดว่า จะเปิด กลางปีหนี้
น่าจะคืนทุนใน 1 Quater (CFO มันพูดไป ยิ้มไป ไม่รู้โม้ไปละเปล่า )
- SPT และ APT , IRP น่าจะขยายกำลังผลิต เสร็จ ต้นปีหน้า
ความเห็นผมนะ
รายได้น่าจะเพิ่มขึ้นมากๆในปีนี้จากโรงงาน OPT
แต่ต้องระวังราคา Raw Material และ กำลังผลิตใหม่ๆที่จะเพิ่มขึ้นอาจจะทำให้ราคา PET ขยับได้ไม่มาก
-ผู้บริหาร
-CEO ดูเงียบๆ แต่คุมอำนาจเบ็ดเสร็จ มีนักวิเคราะห์ถาม Spread แต่ละภูมิภาค CFO ต้องหันมาขออนุญาติแต่CEO says, No....
-CFO โม้เก่งมาก แต่ก็ยอมรับว่า ราคา Raw Materail จะสูงขึ้นเร็วๆนี้
จบข่าวเพียงแค่นี้ครับ
:P :P :P :P :P :P :P :P
ขอนำเสนอ ผลงาน IRP และ ข้อมูลจาก OPP day
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 16, 2006 10:44 am
โดย terati20
ข่าวจาก กระแสหุ้น
IRPปรับเพิ่มราคาสินค้า100%มิ.ย.นี้ โดย กระแสหุ้น
"อินโดรามา" เล็งปรับราคาสินค้าเพิ่มเต็มที่ 100% มิ.ย.นี้ ตามแนวโน้มราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น หวังรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 9% มั่นใจปีนี้ความต้องการเม็ดพลาสติกเพิ่ม หลังผู้ประกอบการหันมาใช้ขวด PET บรรจุภัณฑ์มากขึ้น เหตุราคาอลูมิเนียมพุ่ง พร้อมคุยเดือน ส.ค.นี้ถึงจุดคุ้มทุนในโรงงานลิธัวเนีย
นายปราโมด นารายณ์ ดูเบย์ รองประธานกรรมการฝ่ายการตลาด บริษัท อินโดรามา จำกัด (มหาชน) หรือ IRP เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมพิจารณาปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อเป็นการรักษาอัตรากำไรขั้นต้นของปีนี้ไม่ให้ต่ำกว่า 14% และรักษาอัตรากำไรสุทธิในอยู่ในระดับ 9% เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาต้นทุนเม็ดพลาสติกปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน ซึ่งบริษัทจะทำการพิจารณาปรับราคาสินค้าตามราคาต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งหมด
"เม็ดพลาสติกเป็นสินค้าถือว่าเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมีการปรับตัวขึ้นลงตามทิศทางของราคาน้ำมัน ซึ่งบริษัทคาดว่าจะพิจารณาปรับราคาสินค้าขึ้นไม่เกิน 1 เดือนจากนี้ และตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาราคาต้นทุนบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 5-7% และบริษัทจะทำการปรับราคาสินค้าขึ้นเต็มจำนวนตามราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาจะปรับตัวขึ้นไม่เกิน 10%"นายปราโมด กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าปีนี้ปริมาณการต้องการซื้อเม็ดพลาสติก PET ส่วนเกินอยู่ที่ประมาณ 12 ล้านตัน เป็นอัตราเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 8-9 % เนื่องจากปีที่ผ่านมาราคาอลูมิเนียมมีอัตราที่เพิ่มขึ้นถึง 70% เนื่องจากราคากระป๋องอลูมิเนียมที่เพิ่มขึ้นจาก 1,400 เหรียญต่อตันมาอยู่ที่ 2,400 เหรียญต่อตัน ในขณะที่ราคาเม็ดพลาสติกปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 38% จากราคา 830 เหรียญต่อตัน มาอยู่ที่ 1,150 เหรียญต่อตัน ขณะเดียวกันประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก PET เพิ่มขึ้น ประกอบกับกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีคาร์บอเนตยังมีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทเม็ดพลาสติก PET แทนบรรจุภัณฑ์ประเภทอลูมิเนียมเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทคาดว่าปีนี้กำลังการผลิตจะมีอัตราการขยายที่ 21% โดยปัจจุบันนี้กลุ่มบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกในประเทศไทยอีกจำนวนเท่ากับ 36,000 ตันต่อปี และในประเทศสหรัฐอเมริกาที่จำนวน 84,000 ตันต่อปี ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จประมาณเดือนมกราคมปี 2550 อีกทั้งในปีดังกล่าวกำลังการผลิตทั้งของประเทศไทยและสหรัฐ จะมีอัตราการผลิตเม็ดพลาสติก PET เท่ากับ 525,000 ตันต่อปี หรือคิดเป็น 4% ของปริมาณความต้องการเม็ดพลาสติก PET ของโลก
ขณะที่ในปีนี้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มจากโรงงานประเทศลิธัวเนีย 100,000 ตันต่อปี จากปี 48 โดยโรงงานในประเทศลิธัวเนียจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือนกรกฎาคมนี้ อย่างไรก็ดีบริษัทจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้จากการลงทุนในโรงงานประเทศลิธัวเนียภายใน 1 เดือน หรือ ช่วงเดือน สิงหาคมนี้
ขอนำเสนอ ผลงาน IRP และ ข้อมูลจาก OPP day
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 16, 2006 10:53 am
โดย por_jai
8) คุณterati20ครับ
ผมอยากให้เล่าให้ฟังคร่าวๆได้ไหมครับ
เรื่องผู้ผลิตเม็ดpetในเมืองไทย
ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า
เมื่อก่อนมันมี บางกอกโพลีเมอร์อีกเจ้าหนึ่งไม่ใช่หรือ
ม่ายรู้ยังสู้กะ irp ไหวไหมครับ
แล้วirpเนี่ยเขาผลิตเม็ดอย่างเดียว
หรือทำพวกขวดด้วย...
ขอนำเสนอ ผลงาน IRP และ ข้อมูลจาก OPP day
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 16, 2006 11:02 am
โดย por_jai
[quote="terati20"]Spread ระหว่าง Raw Material กับ Pet ใน Q1 ยังสูงอยู่ถึงแม้จะลดลงจาก Q4 2005
ขอนำเสนอ ผลงาน IRP และ ข้อมูลจาก OPP day
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 16, 2006 11:06 am
โดย por_jai
8) คุณterati20นี่ท่าทางเก่งอังกฤษนะ
เจ้าของเป็นแขกไม่ใช่หรือ
เขาพรีเซ้นท์เป็นอังกฤษหมดเลยไม่ใช่หรือครับ
ขอนำเสนอ ผลงาน IRP และ ข้อมูลจาก OPP day
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 16, 2006 9:08 pm
โดย Dech
คุ้นๆว่า ตัวนี้ตั้งแต่เข้าตลาดก็ลงตลอดเลยนิครับ
ขอนำเสนอ ผลงาน IRP และ ข้อมูลจาก OPP day
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 16, 2006 9:30 pm
โดย โอ@
เจอภาษาอังกฤษสำเนียงแขกเจ้าของที ผมต้องนั่งดู Slide โดยแทบไม่ได้ฟังเลย ตอนตอบคำถามก็ต้องใช้สมาธิสูงสุด ยังฟังได้บ้างไม่ได้บ้างเลย
T_T เศร้าใจจริงๆ Marketing campaign นี่ผมได้ยินเลยว่า มา-เก็ต-ติ้ง แก๊ม-ปิ้ง
ขอนำเสนอ ผลงาน IRP และ ข้อมูลจาก OPP day
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 17, 2006 5:06 pm
โดย terati20
[quote="por_jai"]8) คุณterati20ครับ
ขอนำเสนอ ผลงาน IRP และ ข้อมูลจาก OPP day
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 17, 2006 5:10 pm
โดย terati20
[quote="por_jai"][quote="terati20"]Spread ระหว่าง Raw Material
ขอนำเสนอ ผลงาน IRP และ ข้อมูลจาก OPP day
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 17, 2006 8:31 pm
โดย โอ@
ถามความคิดผมนะตัวนี้จะดีได้ต้องซื้อตอนปลายปี 2007 หรือปลายปีหน้าครับ