TOG เพิ่งเข้าเทรดวันแรก ipo 2.80 บาท
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่1(F45-3)
บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
(หน่วย : พันบาท)
สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม
ไตรมาสที่ 1
ปี 2549 2548
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 23,733 21,006
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.07 0.06
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไขและไม่มีข้อสังเกต
Press Releases - 2/2/2549 จาก Positioning
ไทยออฟติคอล กรุ๊ปพร้อมลุยเข้าตลาดหุ้นไตรมาสแรก พร้อมเผยธุรกิจสดใส
บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเลนส์สายตาชั้นนำของคนไทย ชี้แนวโน้มธุรกิจผลิตเลนส์คุณภาพกำลังเติบโตตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ชูกลยุทธ์ผู้นำแห่งเทคโนโลยีการผลิตเลนส์นิรภัยทนต่อแรงกระแทกสูงจาก Trivex เป็นเจ้าเดียวในการผลิตแบบสำเร็จรูปได้ ประกาศเดินหน้ามั่นใจเข้าตลาดหุ้นในไตรมาสแรกปีนี้ คาดเข้าเทรดมีนาคมแน่นอน
ดร.สว่าง ประจักษ์ธรรม ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าอุตสาหกรรมการผลิตเลนส์สายตาในประเทศไทย เป็นอุตสาหกรรมที่เน้นการส่งออกเป็นหลัก ซึ่งนอกเหนือจากการแข่งขันกับผู้ผลิตในประเทศแล้วยังต้องแข่งขันกับผู้ผลิตอื่นๆ ตลาดเลนส์ของโลกมีผู้ผลิตรายใหญ่สุด 4 ราย คือ Essilor, Hoya, Sola, และ Rodenstock ซึ่งมีส่วนแบ่งในตลาดโลกรวมประมาณร้อยละ 80 ของปริมาณความต้องการเลนส์สายตาทั้งหมด แต่ผู้ผลิตรายใหญ่เหล่านี้ผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเอง ส่วนปริมาณความต้องการอีกร้อยละ 20 ของตลาดโลกเป็นของผู้จำหน่ายกลุ่มที่ไม่มีโรงงานผลิต ผู้จำหน่ายเหล่านี้ต้องการผู้ผลิตอิสระที่สามารถผลิตสินค้าทำตลาดสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าของผู้จำหน่ายแต่ละราย ซึ่งบริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จัดเป็นผู้ผลิตอิสระอันดับ 2 ใน 4 ของผู้ผลิตอิสระรายใหญ่ของโลก
ปัจจุบัน บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัท อุตสาหกรรมแว่นตาไทยซึ่งป็นบริษัทฯย่อยมีกำลังการผลิตรวม 27 ล้านชิ้นต่อปี คิดเป็นประมาณร้อยละ 3.17 ของความต้องการเลนส์ทั่วโลกจำนวน 850 ล้านชิ้นต่อปี และที่สำคัญการจำหน่ายสินค้าเป็นการส่งออกคิดเป็นร้อยละ 93 ของผลผลิตทั้งหมด ลักษณะของการส่งสินค้าออกต่างประเทศของบริษัทฯ แบ่งเป็น 2 รูปแบบคือ จำหน่ายภายใต้แบรนด์ของลูกค้า OEM (Original Equipment Manufacturer) และจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้า Excelite ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ เอง ส่วนการจำหน่ายในประเทศไทยคิดเป็นร้อยละ 7 ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 30 ของยอดขายรวมของตลาดในประเทศไทย
ด้านการแข่งขันถึงแม้ว่าประเทศจีนเริ่มจะมีผู้ผลิตเลนส์สายตาอิสระเพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นโรงงานขนาดเล็กที่ผลิตเฉพาะเลนส์สายตาพลาสติกธรรมดา (CR39) และที่มีข้อจำกัดในเรื่องมาตรฐานคุณภาพสินค้าและการให้บริการที่ยังไม่ดีพอ ดังนั้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของผู้ผลิตจากจีนจึงต่างกับกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ อีกทั้งบริษัทฯ ได้พยายามหลีกเลี่ยงภาวการณ์แข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้นของเลนส์พลาสติกธรรมดา ไปสู่การผลิตเลนส์ที่มีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ที่ยังมีคู่แข่งน้อยราย และได้กำไรขั้นต้นสูงกว่าเลนส์พลาสติกธรรมดา
ดร.สว่างกล่าวเพิ่มเติมถึงการขยายตัวของความต้องการเลนส์ในตลาดโลกว่า ปริมาณความต้องการเลนส์กระจกมีแนวโน้มที่จะลดลง ในขณะที่เลนส์พลาสติกมีแนวโน้มอัตราการขยายตัวของความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเลนส์ที่มีคุณสมบัติพิเศษเช่น นิรภัยทนต่อแรงกระแทกสูง มีแนวโน้มอัตราการขยายตัวสูงสุดร้อยละ 16.3 ต่อปี ซึ่งปัจจุบันมีผู้ผลิตเลนส์นิรภัยทนต่อแรงกระแทกสูงจาก Trivex? อยู่เพียง 3 บริษัท คือ 1. Hoya Lens ของญี่ปุ่น 2. Younger Optics ของสหรัฐอเมริกา และ 3. บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และไทยออพติคอลกรุ๊ปเป็นผู้ผลิตรายเดียวที่ผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า และเป็นเพียงรายเดียวที่สามารถผลิตเลนส์สำเร็จรูปได้อย่างแท้จริง จากนโยบายและกลยุทธ์สำคัญของบริษัทฯ ที่จะมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลกอยู่เสมอ ก็เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าของบริษัทฯ รวมทั้งการรุกตลาดสินค้าดังกล่าวยังสามารถสร้างอัตราส่วนต่างระหว่างต้นทุนกับกำไรให้กับบริษัทฯ ได้มากขึ้น และเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่อีกด้วย
ดร. วิวัฒน์ วิฑูรย์เธียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอแคปแอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ ไทยออพติคอลกรุ๊ป ได้ผ่านการพิจารณาเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว และในขณะนี้เป็นช่วงที่เตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งอันดับต่อไปจะเป็นการเสนอขายให้กับนักลงทุน โดยไทยออพติคอลกรุ๊ปได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ AYS ให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย โดยมีกำหนดที่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปลายไตรมาสแรกของปีนี้ หรือประมาณมีนาคมอย่างแน่นอน โดยจะจัดอยู่ในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทฯ จะนำไปใช้ขยายกำลังการผลิตเลนส์กันกระแทกหรือ Trivex เพิ่มมากขึ้น และการพัฒนาอุตสาหกรรมในส่วนของการผลิตเลนส์ชนิดใหม่ ๆ ที่เป็นที่ต้องการของตลาดและมีกำไรขั้นต้นสูง
นายพรทัต อมตวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ AYS เปิดเผยในฐานะที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายให้กับ บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ว่าได้มองเห็นศักยภาพของ ไทยออพติคอลกรุ๊ปหลายๆ ด้านที่เป็นจุดเสนอขายให้กับนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นจุดแข็งในเรื่องของประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจเลนส์สายตาเป็นที่ยอมรับของลูกค้า ทั้งด้านคุณภาพสินค้าและการบริการ ไทยออพติคอลกรุ๊ปเป็น 1 ใน 4 ของผู้ผลิตเลนส์สายตาอิสระรายใหญ่ของโลก และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีศักยภาพในการพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตที่ทันสมัยได้เอง เป็น One Stop Shop ของลูกค้า เพราะมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครบทุกประเภท สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าทั่วโลกภายใต้เครื่องหมายการค้ามากว่า 70 เครื่องหมายการค้า และยังเป็น 1 ใน 3 ของผู้ผลิตเลนส์นิรภัยทนต่อแรงกระแทกสูงจาก Trivex? อันเป็นที่ต้องการของตลาด นอกจากนี้บริษัทยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งและมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยสนับสนุนการเติบโตของไทยออพติคอลกรุ๊ปในอนาคต ด้วยศักยภาพเหล่านี้ทำให้เรามั่นใจว่าไทยออพติคอลกรุ๊ปมีความสามารถที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ที่เข้ามาลงทุนอย่างแน่นอน
อีกทั้งประเทศไทยยังนับเป็นผู้ผลิตเลนส์รายใหญ่ของโลก มีกำลังการผลิตรวมแล้วกว่าร้อยละ 22 ของความต้องการใช้เลนส์ทั่วโลก และผู้ผลิตเลนส์จากต่างประเทศเข้ามาเปิดโรงงานผลิตในประเทศไทยทั้งหมด 9 ราย รวมทั้งผู้ผลิตรายใหญ่ทั้ง 3 รายที่กล่าวมาข้างต้น แต่ทั้ง 3 รายนี้จะผลิตเลนส์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเองเท่านั้น ที่เหลือที่เป็นผู้ผลิตอิสระในประเทศไทยเมื่อเทียบกับไทยออพติคอลกรุ๊ปแล้วยังไม่ถือว่าเป็นคู่แข่ง เพราะมีผลิตภัณฑ์ไม่ครบทุกประเภท และแม้ว่าในปัจจุบันจะมีผู้ผลิตที่ผลิตอิสระในประเทศอื่นๆ จำนวนมากกระจายอยู่ ทั่วโลก แต่ส่วนใหญ่เป็นเพียงผู้ผลิตรายเล็กซึ่งบางแห่งการผลิตยังไม่ได้มาตรฐาน หรือมีสินค้า ไม่ครบทุกประเภท ดังนั้นผู้ผลิตที่มีการผลิตสินค้าหลากหลายครบทุกประเภทอย่างไทยออพติคอลกรุ๊ปจะได้เปรียบในตลาดมากกว่า จึงถือว่าผู้ผลิตที่ผลิตอิสระในประเทศอื่นๆ ก็ยังไม่ใช่คู่แข่งที่มีนัยสำคัญเช่นกัน นายพรทัต กล่าวในที่สุด
เกี่ยวกับไทยออพติคอล กรุ๊ป
บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2534 โดยกลุ่มตระกูลประจักษ์ธรรม มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายสายงานการผลิตเลนส์สายตาพลาสติก โดยปัจจุบันได้แบ่งสินค้าเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ 1. เลนส์สายตาพลาสติก (CR39, Photochromic Lens, Hi-Index Lens, High Impact Resistance Lens) 2. เลนส์สายตากระจก (Mineral Lens) 3. เลนส์สั่งฝนพิเศษ (Prescription Lens หรือ Rx Lens) และ 4. สินค้าบริการอื่นๆ เช่น แม่แบบแก้ว (Glass Mould) เป็นต้น โดยบริษัทฯ มีนโยบายที่จะพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก และเพื่อสร้างผลกำไรให้กับบริษัทฯ ยิ่งขึ้น