"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 126
- ผู้ติดตาม: 0
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 1
บริษัทจดทะเบียนจำนวนมากมีกำไรหรือผลการดำเนินงานดีขึ้น อย่างน่าประทับใจ บางบริษัทมีการคาดการณ์กันว่ากำไรกำลังจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาสูงมาก และดูเหมือนว่าจะวิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ จนไม่อาจจะหยุดได้ วิเคราะห์ดูแล้วค่า PE หรือราคาหุ้นเมื่อเทียบกับผลกำไรก็ดูยังต่ำอยู่ แม้ว่าค่า PB หรือราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีจะสูงลิ่ว ถามว่าหุ้นแบบนี้น่าเข้าไปลงทุนไหม ?
คำตอบของผมก็คือ เราต้องดูว่ากำไรที่เกิดขึ้นหรือกำลังจะเกิดขึ้นนั้นเป็นกำไรที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติหรือไม่ถ้าเป็นกำไรที่เกิดขึ้นจากรายการพิเศษเช่นเป็นรายได้ที่เกิดจากการปรับโครงสร้างหนี้ ค่า PE ที่ดูว่าจะต่ำนั้นไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้ เพราะรายได้เหล่านี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ในอนาคตรายได้เหล่านี้จะหายไป กำไรจะลดลงมาก ค่า PE ก็จะกระโดดสูงขึ้น จากหุ้นราคาถูกก็จะกลายเป็นหุ้นราคาแพงในชั่วข้ามคืน
ถ้ากำไรที่เกิดขึ้นเป็นกำไรที่เกิดจากการดำเนินงานปกติสิ่งที่จะต้องวิเคราะห์ต่อไปก็คือ กำไรนั้นจะยังสามารถยืนอยู่ได้ในปีต่อ ๆ ไป และตลอดไปได้หรือไม่ถ้าคำตอบก็คือใช่ นั่นหมายความว่าเราได้พบกับหุ้นโตเร็วหรือหุ้น Growth Stock ซึ่งเป็นหุ้นที่น่าสนใจและน่าพิจารณาลงทุนโดยเฉพาะในตลาดหุ้นที่กำลังคึกคักอย่างในปัจจุบัน
แต่หุ้นจำนวนมากที่เราเห็นนั้นกำไรที่พุ่งขึ้นอาจจะไม่สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนเนื่องจากธุรกิจที่บริษัททำอยู่นั้นมีลักษณะเป็นสินค้าหรือบริการที่เป็นโภคภัณฑ์ ซึ่งราคาขึ้น ๆ ลง ๆ ผันผวนมากทำให้บางช่วงบริษัทมีกำไรมากในขณะที่บางช่วงกลับขาดทุนและแน่นอน ช่วงที่ราคาสินค้าหรือบริการขึ้นสูง บริษัทก็จะมีกำไรมาก ค่า PE ก็จะดูต่ำลง การเจริญเติบโตดูเผิน ๆ เหมือนจะสูงลิ่ว หุ้นก็วิ่งเหมือนติดจรวด ทุกอย่างดูดีไปหมดและคำยืนยันคำสุดท้ายก็มาถึง นั่นก็คือโบรกเกอร์ต่างก็แนะนำให้ซื้อหุ้นตัวนั้น
การซื้อหุ้นในลักษณะดังกล่าวนั้นผมคงไม่ต้องบอกว่ามีความเสี่ยงแค่ไหนเพราะกำไรที่เติบโตขึ้นมากนั้นเกิดจากราคาสินค้าหรือบริการที่สูงขึ้นเนื่องจากการขาดแคลนในตลาดซึ่งมักจะเกิดขึ้นชั่วคราว ไม่ช้าก็เร็ว ผู้ผลิตหรือให้บริการทั้งที่มีอยู่เดิมและรายใหม่ก็จะทุ่มผลิตสินค้าเข้ามาขายในตลาดซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าลดลงอย่างรวดเร็ว และกำไรที่เคยสูงลิ่วก็จะลดต่ำลงสู่ระดับปกติ หรือในกรณีที่เลวร้ายก็ถึงกับขาดทุนและนั่นก็คือจุดจบของหุ้นซึ่งวิ่งสูงเกินไปในวันที่ทุกอย่างกำลังดูสดใส
พฤติกรรมของกิจการและราคาหุ้นที่มีกำไรดีหรือนักลงทุนมีความสุขจากราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นไปในช่วงแรก แต่แล้วต้องมารับภาระกำไรตก ราคาหุ้นดิ่งและเป็นทุกข์ในตอนหลังนี้ ดูไปก็คล้าย ๆ กับการซื้อสินค้าเงินผ่อนที่ผู้ซื้อมีความสุขจากการได้ใช้สินค้าก่อน จนลืมไปว่าภาระการผ่อนในอนาคตนั้น อาจจะสร้างความสุขให้มากกว่า ถ้าจะเรียกให้เข้าใจง่ายก็คือนี่คือพฤติกรรม บินก่อนผ่อนทีหลัง
หุ้นที่เข้าข่ายบินก่อนผ่อนทีหลังมีหลากหลายสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มได้อย่างน้อย 3 4 กลุ่มดังต่อไปนี้
กลุ่มแรก็คือกลุ่มผู้ผลิตสินค้าการเกษตร เช่น กุ้ง ไก่ ปลา ยาง ฯลฯ ซึ่งราคามักจะขึ้น ๆ ลง ๆ ค่อนข้างเร็วและคาดการณ์ค่อนข้างยาก เพราะสินค้าเกษตรมีองค์ประกอบที่มากระทบมากมาย ทั้งที่เป็นเรื่องของลมฟ้าอากาศและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น เรื่องของสารเคมี หรือยาป้องกันโรคสัตว์ ข้อจำกัดด้านการค้า เป็นต้น ดังนั้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มเกษตรหรืออาหารที่เป็นประเภทบินก่อนผ่อนที่หลังจึงจำเป็นที่ต้องติดตามข่าวสารที่ฉับไวมากและอาจเป็นความสามารถเฉพาะตัว
กลุ่มที่สองคือสินค้าหรือบริการที่เป็นอุตสาหกรรมประเภทโภคภัณฑ์ เช่นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับปิโตเคมี หรือบริการ เช่นการขนส่งทางทะเลซึ่งกลุ่มนี้จะแตกต่างจากสินค้าเกษตรในแง่ที่ว่าองค์ประกอบที่เข้ามากระทบส่วนใหญ่จะอยู่ที่เรื่องของกำลังการผลิตที่ขาดแคลนและทำให้สินค้าหรือบริการไม่เพียงพอ ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน การที่ผู้ผลิตเดิมหรือรายใหม่จะเข้ามาขายในตลาดก็มักจะทำไม่ได้ทันทีเนื่องจากต้องใช้เวลาขยายหรือสร้างโรงงานใหม่หรือต้องใช้เวลาต่อเรือนานนับปี ดังนั้นราคาสินค้าหรือบริการมักจะคงระดับสูงอยู่เป็นช่วง และเมื่อกำลังการผลิตใหม่ออกมา ราคาสินค้าก็จะลดลง ซึ่งบางทีก็มากจนทำให้ผู้ผลิตขาดทุนกันอย่างหนักนานนับปีเช่นเดียวกันกลายเป็นวัฏจักรที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
กลุ่มสุดท้ายที่จะพูดถึงนี้ อาจจะเรียกว่าเป็นกลุ่มบินก่อนผ่อนทีหลังจริง ๆ แต่เป็นกลุ่มผู้ให้บริการแทนที่จะเป็นผู้รับบริการนั่นก็คือ ผู้ที่ให้ซื้อสินค้าเงินผ่อนซึ่งรวมไปถึงบริษัทเช่าซื้อ ลิสซิ่ง และสถาบันการเงินที่ปล่อยเงินกู้ทั้งหลาย
การที่ผมรวมเอากลุ่มสุดท้ายเข้ามานั้น เนื่องจากธุรกิจการปล่อยเงินกู้นั้นเป็นธุรกิจที่คนปล่อยสามารถทำกำไรในวันแรกแน่นอน แต่อนาคตอาจจะขาดทุนได้ ถ้าปล่อยเงินกู้มิได้ทำอย่างระมัดระวังพอ และเกิดหนี้เสียมากกว่าที่คิดไว้ดังนั้นการวิเคราะห์หุ้นในกลุ่มนี้จึงต้องดูว่าบริษัทกำลังเล่น บินก่อนผ่อนทีหลัง หรือเปล่า
นักลงทุนหลายคนบอกว่า ตราบใดที่ราคาสินค้าหรือบริการยังสูงอยู่หรือกำไรยังเติบโตขึ้น การลงทุนในหุ้น บินก่อนผ่อนทีหลัง ก็น่าจะปลอดภัยเขามองว่าวัฎจักรยังเป็น ขาขึ้น อย่างน้อย อีก 2 3 ปี กว่าที่จะเป็น ขาลง วิธีการแบบนี้ผมเองยอมรับว่า ไม่มีความสามารถที่จะคาดการณ์สำหรับผมแล้ว ถ้าซื้อหุ้นไม่กล้าถือห้าปี ห้านาทีก็ไม่กล้าถือ
คำตอบของผมก็คือ เราต้องดูว่ากำไรที่เกิดขึ้นหรือกำลังจะเกิดขึ้นนั้นเป็นกำไรที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติหรือไม่ถ้าเป็นกำไรที่เกิดขึ้นจากรายการพิเศษเช่นเป็นรายได้ที่เกิดจากการปรับโครงสร้างหนี้ ค่า PE ที่ดูว่าจะต่ำนั้นไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้ เพราะรายได้เหล่านี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ในอนาคตรายได้เหล่านี้จะหายไป กำไรจะลดลงมาก ค่า PE ก็จะกระโดดสูงขึ้น จากหุ้นราคาถูกก็จะกลายเป็นหุ้นราคาแพงในชั่วข้ามคืน
ถ้ากำไรที่เกิดขึ้นเป็นกำไรที่เกิดจากการดำเนินงานปกติสิ่งที่จะต้องวิเคราะห์ต่อไปก็คือ กำไรนั้นจะยังสามารถยืนอยู่ได้ในปีต่อ ๆ ไป และตลอดไปได้หรือไม่ถ้าคำตอบก็คือใช่ นั่นหมายความว่าเราได้พบกับหุ้นโตเร็วหรือหุ้น Growth Stock ซึ่งเป็นหุ้นที่น่าสนใจและน่าพิจารณาลงทุนโดยเฉพาะในตลาดหุ้นที่กำลังคึกคักอย่างในปัจจุบัน
แต่หุ้นจำนวนมากที่เราเห็นนั้นกำไรที่พุ่งขึ้นอาจจะไม่สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนเนื่องจากธุรกิจที่บริษัททำอยู่นั้นมีลักษณะเป็นสินค้าหรือบริการที่เป็นโภคภัณฑ์ ซึ่งราคาขึ้น ๆ ลง ๆ ผันผวนมากทำให้บางช่วงบริษัทมีกำไรมากในขณะที่บางช่วงกลับขาดทุนและแน่นอน ช่วงที่ราคาสินค้าหรือบริการขึ้นสูง บริษัทก็จะมีกำไรมาก ค่า PE ก็จะดูต่ำลง การเจริญเติบโตดูเผิน ๆ เหมือนจะสูงลิ่ว หุ้นก็วิ่งเหมือนติดจรวด ทุกอย่างดูดีไปหมดและคำยืนยันคำสุดท้ายก็มาถึง นั่นก็คือโบรกเกอร์ต่างก็แนะนำให้ซื้อหุ้นตัวนั้น
การซื้อหุ้นในลักษณะดังกล่าวนั้นผมคงไม่ต้องบอกว่ามีความเสี่ยงแค่ไหนเพราะกำไรที่เติบโตขึ้นมากนั้นเกิดจากราคาสินค้าหรือบริการที่สูงขึ้นเนื่องจากการขาดแคลนในตลาดซึ่งมักจะเกิดขึ้นชั่วคราว ไม่ช้าก็เร็ว ผู้ผลิตหรือให้บริการทั้งที่มีอยู่เดิมและรายใหม่ก็จะทุ่มผลิตสินค้าเข้ามาขายในตลาดซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าลดลงอย่างรวดเร็ว และกำไรที่เคยสูงลิ่วก็จะลดต่ำลงสู่ระดับปกติ หรือในกรณีที่เลวร้ายก็ถึงกับขาดทุนและนั่นก็คือจุดจบของหุ้นซึ่งวิ่งสูงเกินไปในวันที่ทุกอย่างกำลังดูสดใส
พฤติกรรมของกิจการและราคาหุ้นที่มีกำไรดีหรือนักลงทุนมีความสุขจากราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นไปในช่วงแรก แต่แล้วต้องมารับภาระกำไรตก ราคาหุ้นดิ่งและเป็นทุกข์ในตอนหลังนี้ ดูไปก็คล้าย ๆ กับการซื้อสินค้าเงินผ่อนที่ผู้ซื้อมีความสุขจากการได้ใช้สินค้าก่อน จนลืมไปว่าภาระการผ่อนในอนาคตนั้น อาจจะสร้างความสุขให้มากกว่า ถ้าจะเรียกให้เข้าใจง่ายก็คือนี่คือพฤติกรรม บินก่อนผ่อนทีหลัง
หุ้นที่เข้าข่ายบินก่อนผ่อนทีหลังมีหลากหลายสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มได้อย่างน้อย 3 4 กลุ่มดังต่อไปนี้
กลุ่มแรก็คือกลุ่มผู้ผลิตสินค้าการเกษตร เช่น กุ้ง ไก่ ปลา ยาง ฯลฯ ซึ่งราคามักจะขึ้น ๆ ลง ๆ ค่อนข้างเร็วและคาดการณ์ค่อนข้างยาก เพราะสินค้าเกษตรมีองค์ประกอบที่มากระทบมากมาย ทั้งที่เป็นเรื่องของลมฟ้าอากาศและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น เรื่องของสารเคมี หรือยาป้องกันโรคสัตว์ ข้อจำกัดด้านการค้า เป็นต้น ดังนั้นการลงทุนในหุ้นกลุ่มเกษตรหรืออาหารที่เป็นประเภทบินก่อนผ่อนที่หลังจึงจำเป็นที่ต้องติดตามข่าวสารที่ฉับไวมากและอาจเป็นความสามารถเฉพาะตัว
กลุ่มที่สองคือสินค้าหรือบริการที่เป็นอุตสาหกรรมประเภทโภคภัณฑ์ เช่นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับปิโตเคมี หรือบริการ เช่นการขนส่งทางทะเลซึ่งกลุ่มนี้จะแตกต่างจากสินค้าเกษตรในแง่ที่ว่าองค์ประกอบที่เข้ามากระทบส่วนใหญ่จะอยู่ที่เรื่องของกำลังการผลิตที่ขาดแคลนและทำให้สินค้าหรือบริการไม่เพียงพอ ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน การที่ผู้ผลิตเดิมหรือรายใหม่จะเข้ามาขายในตลาดก็มักจะทำไม่ได้ทันทีเนื่องจากต้องใช้เวลาขยายหรือสร้างโรงงานใหม่หรือต้องใช้เวลาต่อเรือนานนับปี ดังนั้นราคาสินค้าหรือบริการมักจะคงระดับสูงอยู่เป็นช่วง และเมื่อกำลังการผลิตใหม่ออกมา ราคาสินค้าก็จะลดลง ซึ่งบางทีก็มากจนทำให้ผู้ผลิตขาดทุนกันอย่างหนักนานนับปีเช่นเดียวกันกลายเป็นวัฏจักรที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
กลุ่มสุดท้ายที่จะพูดถึงนี้ อาจจะเรียกว่าเป็นกลุ่มบินก่อนผ่อนทีหลังจริง ๆ แต่เป็นกลุ่มผู้ให้บริการแทนที่จะเป็นผู้รับบริการนั่นก็คือ ผู้ที่ให้ซื้อสินค้าเงินผ่อนซึ่งรวมไปถึงบริษัทเช่าซื้อ ลิสซิ่ง และสถาบันการเงินที่ปล่อยเงินกู้ทั้งหลาย
การที่ผมรวมเอากลุ่มสุดท้ายเข้ามานั้น เนื่องจากธุรกิจการปล่อยเงินกู้นั้นเป็นธุรกิจที่คนปล่อยสามารถทำกำไรในวันแรกแน่นอน แต่อนาคตอาจจะขาดทุนได้ ถ้าปล่อยเงินกู้มิได้ทำอย่างระมัดระวังพอ และเกิดหนี้เสียมากกว่าที่คิดไว้ดังนั้นการวิเคราะห์หุ้นในกลุ่มนี้จึงต้องดูว่าบริษัทกำลังเล่น บินก่อนผ่อนทีหลัง หรือเปล่า
นักลงทุนหลายคนบอกว่า ตราบใดที่ราคาสินค้าหรือบริการยังสูงอยู่หรือกำไรยังเติบโตขึ้น การลงทุนในหุ้น บินก่อนผ่อนทีหลัง ก็น่าจะปลอดภัยเขามองว่าวัฎจักรยังเป็น ขาขึ้น อย่างน้อย อีก 2 3 ปี กว่าที่จะเป็น ขาลง วิธีการแบบนี้ผมเองยอมรับว่า ไม่มีความสามารถที่จะคาดการณ์สำหรับผมแล้ว ถ้าซื้อหุ้นไม่กล้าถือห้าปี ห้านาทีก็ไม่กล้าถือ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6483
- ผู้ติดตาม: 1
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณครับ คุณ Cavallo....
สงสัยว่า ดร.เข้าไปที่ตลาดหุ้นดอทคอมแหงๆ.... :lol: เดาล้วนๆ
ไม่รู้เมื่อไหร่ ดร.จะเข้ามาทักทายที่นี่บ้าง งานนี้อาจต้องรบกวนพี่ครรชิตแล้วครับ.. :lol:
สงสัยว่า ดร.เข้าไปที่ตลาดหุ้นดอทคอมแหงๆ.... :lol: เดาล้วนๆ
ไม่รู้เมื่อไหร่ ดร.จะเข้ามาทักทายที่นี่บ้าง งานนี้อาจต้องรบกวนพี่ครรชิตแล้วครับ.. :lol:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- sirivajj
- Verified User
- โพสต์: 985
- ผู้ติดตาม: 0
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 4
ดร.นิเวศน์กล่าวว่า
"ถ้าซื้อหุ้นไม่กล้าถือห้าปี ห้านาทีก็ไม่กล้าถือ"
ผมเองไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าใดนัก
ประเด็นของผมอาจเป็นเพราะตัวเองไม่เคยมองไปยาวไกลล่วงหน้าขนาด 5 ปี เอาแค่ 6 - 8 เดือนก็เต็มที่แล้ว ซึ่งในระหว่างเวลาดังกล่าว หากมีข้อมูลหรือปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไป ก็จะปรับการลงทุนไปให้เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานครับ
เพื่อนๆ คิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ
"ถ้าซื้อหุ้นไม่กล้าถือห้าปี ห้านาทีก็ไม่กล้าถือ"
ผมเองไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าใดนัก
ประเด็นของผมอาจเป็นเพราะตัวเองไม่เคยมองไปยาวไกลล่วงหน้าขนาด 5 ปี เอาแค่ 6 - 8 เดือนก็เต็มที่แล้ว ซึ่งในระหว่างเวลาดังกล่าว หากมีข้อมูลหรือปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไป ก็จะปรับการลงทุนไปให้เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานครับ
เพื่อนๆ คิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ
What do you mean.?
-
- ผู้ติดตาม: 0
การตีราคาหุ้นอสังหา
โพสต์ที่ 5
ผมสงสัยว่า หุ้นกลุ่มนี้ หลายสำนักบอกว่าให้ซื้อคาดว่าจะได้กำไรเท่านั้นเท่านี้ซึ่งมากขึ้นเป็นสองเท่า รวมทั้งหุ้นนิคมอุตสาหกรรมด้วยที่ขายได้ดีมาก แต่ปีต่อๆไป จะขายดีเท่านี้หรือไม่ ว่าเราจะตีราคาอย่างไร brokerที่ให้คำนวณตามP/E หรือ ปันผล น่าจะต้องใช้วิธีอื่นด้วย
ถามความเห็นเพื่อนๆ ดังหัวข้อครับ
และถ้าซื้อตามแรงเชียร์ แล้วบอกว่าคอยดูตลาด อีก 6เดือนรีบขายออกก่อน จะดีหรือไม่
ถ้าไม่อย่างนั้นก็แปลว่า VI ไม่ควรซื้อหุ้นกลุ่มนี้
ถามความเห็นเพื่อนๆ ดังหัวข้อครับ
และถ้าซื้อตามแรงเชียร์ แล้วบอกว่าคอยดูตลาด อีก 6เดือนรีบขายออกก่อน จะดีหรือไม่
ถ้าไม่อย่างนั้นก็แปลว่า VI ไม่ควรซื้อหุ้นกลุ่มนี้
-
- ผู้ติดตาม: 0
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 6
ผมเคยฟังอจ.นิเวศน์พูดในรายการmoney talk ว่าก่อนจะซื้อหุ้น
จะต้องผ่าน2ข้อนี้ได้ก่อนจึงจะลงทุน
1.ถ้าซื้อแล้วกล้าถือ5ปีโดยไม่ขายหรือไม่
2.ถ้าซื้อแล้วหุ้นตกลง25-50%กล้าซื้อเพิ่มหรือไม่
ถ้าไม่ผ่านแสดงว่ายังมีจุดอ่อนที่ทำให้ไม่ใช่หุ้นvi ที่แท้จริง
อาจจะลงทุนแบบvs ได้ แต่กำไรถึงจุดนึงก็ต้องออกตัวครับ
บทความนี้ชี้ให้เห็นว่ากำไรต้องดูให้ดีคือ
1.เป็นกำไรจากการดำเนินงานหรือไม่
หรือจากรายการพิเศษเช่น ขายทรัพย์สินซึ่งเกิดแค่ครั้งเดียว
2.กำไรแบบนี้จะจีรังยั่งยืนหรือไม่
หรือเกิดแค่เป็นcycle เช่นพวกโภคภัณฑ์ที่ขึ้นเป็นรอบ
ต้องปรับปรุงตัวเลขที่ได้มาก่อนจะเอามาแปลว่าพื้นฐานเปลี่ยนแปลงดีขึ้นมาก
ผมยังติดใจประโยคเด็ดของอจ.
"ถ้าซื้อหุ้นแล้วไม่กล้าถือ5ปี 5นาทีก็ไม่กล้าถือ"
คมจริงๆครับ ด้วยความนับถือ
จะต้องผ่าน2ข้อนี้ได้ก่อนจึงจะลงทุน
1.ถ้าซื้อแล้วกล้าถือ5ปีโดยไม่ขายหรือไม่
2.ถ้าซื้อแล้วหุ้นตกลง25-50%กล้าซื้อเพิ่มหรือไม่
ถ้าไม่ผ่านแสดงว่ายังมีจุดอ่อนที่ทำให้ไม่ใช่หุ้นvi ที่แท้จริง
อาจจะลงทุนแบบvs ได้ แต่กำไรถึงจุดนึงก็ต้องออกตัวครับ
บทความนี้ชี้ให้เห็นว่ากำไรต้องดูให้ดีคือ
1.เป็นกำไรจากการดำเนินงานหรือไม่
หรือจากรายการพิเศษเช่น ขายทรัพย์สินซึ่งเกิดแค่ครั้งเดียว
2.กำไรแบบนี้จะจีรังยั่งยืนหรือไม่
หรือเกิดแค่เป็นcycle เช่นพวกโภคภัณฑ์ที่ขึ้นเป็นรอบ
ต้องปรับปรุงตัวเลขที่ได้มาก่อนจะเอามาแปลว่าพื้นฐานเปลี่ยนแปลงดีขึ้นมาก
ผมยังติดใจประโยคเด็ดของอจ.
"ถ้าซื้อหุ้นแล้วไม่กล้าถือ5ปี 5นาทีก็ไม่กล้าถือ"
คมจริงๆครับ ด้วยความนับถือ
- tk
- Verified User
- โพสต์: 343
- ผู้ติดตาม: 0
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 8
ผมชอบที่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยออกมาแสดงความคิดเห็นนะ แสดงว่าเรามีความคิดของตัวเอง บางครั้งที่อ.นิเวศน์ที่พวกเรานับถือเป็นอาจารย์อาจมีความเห็นบางอย่างซึ่งไม่จำเป็นต้องถูกเสมอไป พวกเราก็ออกมาคุยกัน แลกเปลี่ยนความเห็นกัน เกาะกลุ่มกันไปอย่างนี้ สงสัยพวกเราคงเข้าชมรมคน1000ล้านกันได้ทุกคนนะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 9
โค้ด: เลือกทั้งหมด
สงสัยพวกเราคงเข้าชมรมคน1000ล้านกันได้ทุกคนนะครับ
สมัครด้วยคนครับ ชมรมคน 1000 ล้าน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11444
- ผู้ติดตาม: 1
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 10
ผมเห็นด้วยกับคุณ tk ครับ
การลงทุนอาจจะไม่ต้องเหมือนกับ Buffett หรือ ดร.นิเวศน์ ก็ประสบความสำเร็จได้พอสมควรครับ
ข้อเพียงแต่ว่าการลงทุนนั้น ซื้อตามปัจจัยพื้นฐาน
ในอดีตก่อนผมจะซื้อ MANRIN ผมเคยสอบถามความเห็นจาก ดร.นิเวศน์ว่ามีความเห็นอย่างไรครับ
แน่นอนครับว่า ดร.นิเวศน์ ย่อมไม่ลงทุน
แต่ผมก็ซื้อครับ จำนวนมากด้วยที่ราคาประมาณ 6 บาท หลังจากนั้นบริษัทก็ประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละประมาณ 4 บาท
ราคาหุ้นขึ้นไปถึง 13 บาท ผมขายได้หมดเกลี้ยง กำไรกว่า 100%
การลงทุนอาจจะไม่ต้องเหมือนกับ Buffett หรือ ดร.นิเวศน์ ก็ประสบความสำเร็จได้พอสมควรครับ
ข้อเพียงแต่ว่าการลงทุนนั้น ซื้อตามปัจจัยพื้นฐาน
ในอดีตก่อนผมจะซื้อ MANRIN ผมเคยสอบถามความเห็นจาก ดร.นิเวศน์ว่ามีความเห็นอย่างไรครับ
แน่นอนครับว่า ดร.นิเวศน์ ย่อมไม่ลงทุน
แต่ผมก็ซื้อครับ จำนวนมากด้วยที่ราคาประมาณ 6 บาท หลังจากนั้นบริษัทก็ประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละประมาณ 4 บาท
ราคาหุ้นขึ้นไปถึง 13 บาท ผมขายได้หมดเกลี้ยง กำไรกว่า 100%
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14784
- ผู้ติดตาม: 1
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 11
ในตลาดหุ้นมีโอกาสมากมาย สำหรับทุกๆคน
ผมว่าเหมือนการออกทะเล ต่างคนต่างได้ปลา มากบ้างน้อยบ้างก็เป็นประสบการณ์
เพียงแต่ตอนเจอพายุ เพื่อนๆบางคนอาจจะจมน้ำตายไป
ดร.ก็เป็นนักตกปลาที่น่าชื่นชม ไม่แพ้คุณฉัตรชัยครับ
ผมว่าเหมือนการออกทะเล ต่างคนต่างได้ปลา มากบ้างน้อยบ้างก็เป็นประสบการณ์
เพียงแต่ตอนเจอพายุ เพื่อนๆบางคนอาจจะจมน้ำตายไป
ดร.ก็เป็นนักตกปลาที่น่าชื่นชม ไม่แพ้คุณฉัตรชัยครับ
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 1
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 12
ขยายความชมรมคน 1000 ล้านครับ
มันเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทน 15% เป็นระยะเวลา 50 ปี
โดยผู้ร่วมลงทุนเป็นคนที่อายุน้อยๆ ประมาณ 30 ปี
(ถ้าอายุมาก กว่าจะได้ 1000 ล้านคนอื่นเอาไปใช้หมด)
ทุนเริ่มต้นประมาณ 1 ล้านบาท
----------------------------------
ผมไม่รับรองผล หากมีข้อผิดพลาดจากการพิม หรือสินค้าหมด จำกัดครอบครัวละไม่เกิน 2 ขวด ฃฃ
มันเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทน 15% เป็นระยะเวลา 50 ปี
โดยผู้ร่วมลงทุนเป็นคนที่อายุน้อยๆ ประมาณ 30 ปี
(ถ้าอายุมาก กว่าจะได้ 1000 ล้านคนอื่นเอาไปใช้หมด)
ทุนเริ่มต้นประมาณ 1 ล้านบาท
----------------------------------
ผมไม่รับรองผล หากมีข้อผิดพลาดจากการพิม หรือสินค้าหมด จำกัดครอบครัวละไม่เกิน 2 ขวด ฃฃ
-
- Verified User
- โพสต์: 1474
- ผู้ติดตาม: 0
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 14
จริงๆนั่นแหละรับถ้าไม่กล้าถือยาวพอถือสั้นแล้วรู้สึกเลยครับว่าอึดอัดใจจริงๆ มันไม่ค่อยมีความสุขเลยพอราคามันไหลลง ในที่สุดตัดใจยอด cut loss จนได้ :lol: และบังเอิญเจอตัวที่มั่นใจกว่าซะด้วยเลยโชคดีไป
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 16
genie เขียน:จริงๆนั่นแหละรับถ้าไม่กล้าถือยาวพอถือสั้นแล้วรู้สึกเลยครับว่าอึดอัดใจจริงๆ มันไม่ค่อยมีความสุขเลยพอราคามันไหลลง ในที่สุดตัดใจยอด cut loss จนได้ :lol: และบังเอิญเจอตัวที่มั่นใจกว่าซะด้วยเลยโชคดีไป
ฺฺฺ ฺBT _ใช่ไหมครับ BT ที่ซื้อเอาไว้
ฝันถึง วัน ฟ้าสวย...... อยากร่ำรวย-ด้วยเล่นหุ้น
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 17
chatchai เขียน:ผมขอแค่หลัก 100-200 ล้านก็พอครับ
ไม่รู้จะมีเงินพันล้านไปทำไม
ผมขอแค่ 50 ไม่รู้จะได้เห็นเมื่อไหร่ครับคุณฉัตรชัย
นี่ก็อายุ44ปีแล้ว จะตายก่อนกรือเปล่าหนอ
แต่วันนี้ตรวจสภาพพอท์ต ก็คงต้องภาวนา
ให้ดัชนีขึ้นไป1,700จุดนั่นล่ะถึงจะใกล้เคียง50ครับ50อิอิ
ฝันถึง วัน ฟ้าสวย...... อยากร่ำรวย-ด้วยเล่นหุ้น
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
- ครรชิต ไพศาล
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4637
- ผู้ติดตาม: 1
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 19
น้องปรัชญา เดียวรอให้ราคา FE ขึ้นไปเป็น 200 บาท ตัวเลขของน้องปรัชญา คิดเฉพาะ FE ก็เป็น 50 ล้านแน่ๆ จะใช้เวลาไม่เกิน 5 ปีหรอกครับน้องปรัชญา
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 20
ครรชิต ไพศาล เขียน:น้องปรัชญา เดียวรอให้ราคา FE ขึ้นไปเป็น 200 บาท ตัวเลขของน้องปรัชญา คิดเฉพาะ FE ก็เป็น 50 ล้านแน่ๆ จะใช้เวลาไม่เกิน 5 ปีหรอกครับน้องปรัชญา
คงต้องรอแตกพาร์ล่ะพี่ครรชิต
แล้วต้อง20บาทกว่าจะได้200บาทต่อหุ้น
แต่ทุนผมสูงกว่าพี่ครรชิตนะครับ
พี่ครรชิต คงถึง50ล้านก่อนผม ก็ CEI จ่ายอีกแล้วครับ
คุณstcokms
ผมขายอยู่ครับหุ้นน่ะ
แต่ส่วนมากจะขายเป็นการโอนกันระหว่าง เครือญาติ
ใครอยากได้อะไร ก็มาว่ากันที่ราคาตลาด
ผมก็เซ็นต์โอน ค่าเบิกโอนครั้งละ300บาทต่อ1รายการ
ของเคเค ซึ่งแพงกว่าฟิลลิปๆแค่100บาทต่อรายการครับ
ฝันถึง วัน ฟ้าสวย...... อยากร่ำรวย-ด้วยเล่นหุ้น
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
-
- ผู้ติดตาม: 0
"บินก่อนผ่อนทีหลัง" บทความของดร.นิเวศน์ครับ
โพสต์ที่ 22
โอ๊ย เห็นพี่พี่คุยกันถึง 50-100 ล้าน ปวดหัวครับ ผมยังมีไม่ถึง1ล้านเลย มีแต่หนี้ อิจฉาครับ