หน้า 1 จากทั้งหมด 1
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 19, 2006 12:26 pm
โดย iambuffet
เรามาลองแลกเปลี่ยนความเห็นกันนะครับ
ส่วนตัวผมคิดน่าน่าจะอ่อนค่าลง
ใช้การสังเกตุทั่ว ๆ ไปนะครับ
จากตลาดทุน ต่างชาติเริ่มขายหุ้นทิ้ง
จากความมั่นคงทางการเมือง
ซึ่งได้รับผลกระทบหลายอย่างเช่น เซ็น fta บางอย่างไม่ได้
งดการลงทุนใหญ่ ๆ
เพื่อน ๆ ท่านอื่น ๆ คิดว่าไงกันบ้างครับ
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 19, 2006 12:33 pm
โดย Willpower
ส่วนตัวแล้วผมว่าอย่าคาดเดากับค่าเงินดีกว่าครับ
เพราะตัว ธปท. ยังไม่มีการประมาณการไว้เลย เพราะ factor มันเยอะมาก
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 19, 2006 12:43 pm
โดย iambuffet
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันครับ
ไม่ใช่การคาดเดา เอาเหตุผลมาพูดคุยกันครับ
อันนี้น่าจะเป็นปัจจัยนึง
--------------------------------------------------------------------------
จำลองขายชาติ ตลาดหุ้นเจ๊ง 50,000ล้านบาท จากเบียร์ช้างขนเงินไปให้สิงค์โปร์
-----------------------------------------------------------------------
ข่าวจากผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤษภาคม 2549 13:33 น. .....สาเหตุที่ค่าเงินบาทผันผวน เนื่องจากมีการเทขายเงินบาทเพื่อซื้อเงินดอลลาร์สิงคโปร์ ในการเตรียมซื้อหุ้น บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ เจ้าของผลิตภัณฑ์เบียร์ช้าง ที่เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นสิงคโปร์ และยังมีแรงเก็งกำไรในค่าเงินบาท ทำให้เกิดความผันผวน โดยคาดว่าค่าเงินบาทในระยะสั้น ...
---------------------------------------------------------------------
http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/t ... 70199.html
------------------------------------------------------------------------
ระยะสั้นมีการคาดการว่าเป็นการขายบาทเพื่อเอาไปลงทุนหุ้นเบียช้าง
บางคนว่าเสร็จแล้วอาจจะกลับมา
แต่ผมคิดว่าไม่มีหลักประกันว่าจะกลับมาเลย
อาจจะลงทุนที่อื่นต่อก็ได้ หรืออาจจะกลับมาก็ได้
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 19, 2006 5:20 pm
โดย chatchai
แล้วเมื่อบริษัทไทยเบฟได้เงินจากการเพิ่มทุนครั้งนี้แล้ว บริษัทนำเงินไปลงทุนที่ไหนละครับ
ลงทุนในประเทศไทยหรือเปล่า ถ้าใช่เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนก็ต้องกลับมาที่ประเทศไทยครับ
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 19, 2006 5:27 pm
โดย booklover
ผมมองว่าถ้าในระยะยาวๆ(ไม่มองผันผวนระยะสั้น)ค่าเงิน
บาทเทียบ$น่าจะแข็งขึ้นนะครับ จากปัจจัยภายในของ
USA เอง
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 19, 2006 5:39 pm
โดย naris
ค่าเงินดอลล์ น่าจะแข็งมากกว่า เงินบาท นะครับ
เพราะว่า เขาเป็นผู้ผลิต ไวอาก้า ขายให้เรา :lol:
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 19, 2006 5:55 pm
โดย Viewtiful Investor
ไวอาก้า
เพื่อนขายอยู่ มีใครสนมะครับ
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 19, 2006 7:05 pm
โดย iambuffet
เท่าที่ผมสังเกตุดูแบบไม่มีตัวเลขชัดเจนนะครับ
อเมริการตอนนี้เหมือนคนป่วยที่รอการผ่าตัด
แต่ยังไม่ยอมผ่าตัดสักที เมื่อไหร่ที่อเมริกาเข้ารับ การผ่าตัดผมว่า
ค่าเงินดอลล่าจะต้องอ่อนเข้าสู่ระดับความเป็นจริง
ซึ่งก็จะเหมือนวิกฤติค่าเงินบาท
ส่วนไทยผมว่าเหมือนนักมวยที่ถูกชกจนมึนไปหมด
แต่เมื่อไหร่ที่หายมึน ผมว่าค่าเงินบาทน่าจะแข็งขึ้น
เมื่อได้รัฐบาลใหม่เข้ามา หากได้รับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดี
และเศรษฐกิจไทยน่าจะดีตามภูมิภาคเอเซีย
เพราะตอนนี้เศรษฐกิจไทยเหมือนคนหมดแรงจริง ๆ
ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเลย
ดังนั้นในระยะสั้นระหว่างเงินบาทกับเงินดอล
ในความคิดผมเหมือนคนป่วย กับนักมวยเมาหมัดชกกัน
บังเอิญว่าตอนนี้คนป่วยเป็นนักมวยระดับไมไทสัน ยังไงก็ดูดีกว่า
แต่เมื่อไหรที่ไทสันผ่าตัด และนักมวยไทยหายมึน
ผมว่าเงินบาทน่าจะแข็งขึ้น
ผมว่ายังไงผู้ส่งออกต่าง ๆ น่าจะเตรียมรับมือไว้ได้แล้ว
เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่
ระยะต่อไปบาทน่าจะแข็งค่าขึ้นครับ เมื่อเราได้รัฐบาล
และเมื่อ ดอล อ่อน อเมริกาจะน่าจะส่งออกได้มากขึ้น
บิล เกต ก็น่าจะมีความสุขครับ
ผมเชื่อเรื่องรุ่งเรืองแล้วก็ล่มสาย เมื่อล่มสลายแล้วก็กลับมารุ่งเรื่อง
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 19, 2006 7:19 pm
โดย jojosati
บทวิเคราะห์จาก TSEC เมื่อ 4 พ.ค. 49 ครับ
พอดี copy เก็บไว้
การแข็งค่าของเงินบาทน่าจะเริ่มมีจำกัดแล้ว... - แม้ตลอดเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ค่าเงิน
บาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง แต่เรามองแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาทนับจากจุดนี้ไป
น่าจะเริ่มมีจำกัดแล้ว โดยมีเหตุผลสนับสนุนดังนี้
1. คาดว่าไทยจะกลับมาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน เม.ย. ซึ่งถือเป็นการกลับมาขาด
ดุลในรอบเกือบ 1 ปี จากผลกระทบด้านราคาน้ำมันที่สูงขึ้น (อีกครั้ง) และรายได้ภาค
บริการที่ลดลงจากผลกระทบด้านฤดูกาล
2. คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะยังขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Federal Funds
Rate) อีก 0.25% เป็น 5.00% ในการประชุมวันที่ 10 พ.ค. นี้ ซึ่งจะทำให้อัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ กลับมาสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย (R/P 14 วัน)
ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.75%
3. ขณะนี้ ธปท. เริ่มเข้ามาดูแลค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดแล้ว เพราะเกรงว่าค่าเงินบาทที่แข็ง
เร็วเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศได้ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งภาคส่งออกที่ยังมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ
4. ในทางสถิติ การแข็งค่าของเงินบาทมักจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง
ไตรมาส 1 แต่หลังจากที่เข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง ค่าเงินบาทจะมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
5. มุมมองทางปัจจัยเทคนิค ค่าเงินบาทกำลังทดสอบบริเวณแนวรับสำคัญที่ 37.30-
37.40 บาท ซึ่งในเบื้องต้น หากค่าเงินบาทไม่ได้แข็งค่าแบบลืมหูลืมตา เราเชื่อว่าแนว
รับนี้น่าจะรับอยู่ (ทุกครั้งที่ทดสอบแนวรับนี้ เงินบาทมักจะอ่อนค่าในเวลาต่อมา)
...และอาจกระตุ้นให้เกิดแรงเทขายหุ้นในระยะสั้น - ทุกครั้งที่ค่าเงินบาทแข็งค่ามาก ๆ
มักจะกระตุ้นให้เกิดแรงเทขายหุ้นในตลาด ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมีการโยกเงินจากตลาดหุ้นเข้าสู่
ตลาดเงิน และอีกส่วนหนึ่งอาจเกิดจากความกังวลถึงผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจจากค่าเงิน
บาทที่แข็งขึ้น สิ่งนี้อาจทำให้เราเห็นแรงเทขายจากนักลงทุนต่างประเทศชัดเจนขึ้นจากช่วง
ปลายเดือน เม.ย. หลังจากที่ซื้อสุทธิสะสมนับตั้งแต่ต้นปี 49 มากถึง 1.1 แสนล้านบาท
ระวัง!!! โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/49 - เราเกรง
ว่าผลประกอบการไตรมาส 1/49 อาจต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งจะนำไปสู่การปรับ
ประมาณการผลประกอบการลงของโบรกเกอร์ที่ต่าง ๆ รวมไปถึงการปรับประมาณการ
เศรษฐกิจด้วย เพื่อจะได้สะท้อนผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง และค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้น
เลือกลงทุนเป็นรายตัว (selective buy) ในหุ้นที่คาดว่าจะมีผลประกอบการ 1Q49 ออกมาดี
โดยรวม เราลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้น : เงินสด ลงจาก 60 : 40 เดือนที่แล้ว เป็น 50 : 50
ในเดือนนี้ ส่วนแนวรับและแนวต้านสำคัญของเดือนนี้ เรามองไว้ที่ 745-750, 720-725 จุด
และ 800-810 จุดตามลำดับ สำหรับหุ้นที่เราแนะนำในเดือนนี้ คือ BCP, BECL, KBANK, KH,
SPALI และ TIPCO
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 19, 2006 8:33 pm
โดย TanTai
Viewtiful Investor เขียน:
เพื่อนขายอยู่ มีใครสนมะครับ
มียาลดไหมครับ? ผมหาอยู่ครับ :)
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 20, 2006 4:33 am
โดย san
http://www.forexdirectory.net/thb.html
ถ้าดูจากตารางนี้แล้ว โดยการ set
time scale ให้เป็น daily
แล้ว view time period ยาวซัก 1000 วัน
แล้วใช้ หัวข้อ study เพื่อดู technical ROC ดังนี้ ROC25 ROC75 ROC150 จะพบว่า ROC75 แสดงความสัมพันธ์ที่ดี กลับการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน ไม่ไวเกินไป ไม่ใช้เกินไป ลองดุสิคัรบ ว่า ถ้า ROC75 เกินค่า 100 เมื่อไร นั่น แสดงว่า มั่นใจได้แล้วว่าเงินบาทจะอ่อน ดุย้อนกลับไปได้เป็นปีนะครับ
ไม่รู้ว่าพอเชื่อได้ป่าว โดยวิธีนี้ ถ้าถามว่าเหตผลจริงๆ ที่เราจะวิเคราะหืจากเรื่องการ ไหลของเงิน ผมว่าเราเป็นลูกไล่เขาตลอดครับ เพราะว่าข่าวที่ออกทาง นสพ นั้น เป้นข่างที่ล่าช้า และออกโดยนักวิเคราะห์ ทั้งนั้น เขาจะอธิบายเมื่อมันเกิดเหตการณ์ขึ้นแล้วทั้งนัน้ แต่พวกเคลื่อนย้ายเงินทุนจริง มันไม่บอก่กนอทำหรอกครับ มันทำแล้ว หลายครั้งมันยังไม่บอกเลย บอกทำไม ไม่บอกดีกว่า ปล่อยให้ งง
ก็เลย บางครั้ง เทคนิคอล น่าจะอธิบาย บางอย่างที่เราไม่รู้ได้นะครับ
ดูการวิเคราะห์การไหลของเงิน ลองอ่านดูมันมีทั้ง 2 ด้าน บางคนก็บอกมันจะแข็ง บางคนก็บอกมันจะอ่อนลงอีก ยุ่งยากจริงๆ ยิ่งอ่าน ยิ่งงง
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 20, 2006 8:37 am
โดย Dech
TanTai เขียน:
มียาลดไหมครับ? ผมหาอยู่ครับ
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 20, 2006 8:54 am
โดย nanchan
naris เขียน:ค่าเงินดอลล์ น่าจะแข็งมากกว่า เงินบาท นะครับ
เพราะว่า เขาเป็นผู้ผลิต ไวอาก้า ขายให้เรา :lol:
จริงๆ แล้ว บาทก็แข็งนะ แต่ว่าบาทเราแข็งสู้เค้าไม่ได้
เค้าแข็งนานกว่า
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 20, 2006 11:53 am
โดย สุมาอี้
เรื่องทายทิศทางค่าเงินนี่ยากที่สุด แล้ว ไม่อยากหน้าแหก
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ค. 20, 2006 10:34 pm
โดย chatchai
มีหลายคนวิเคราะห์ว่าค่าเงินสหรัฐจะอ่อนค่ามานานเป็นปีๆแล้ว
และก็มีหลายคนวิจารณ์ว่าสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐจะตกต่ำมานานเป็นปีๆแล้วเหมือนกัน
แต่ยังไม่เป็นดังว่าซักทีแฮะ เมื่อไรดีละเนี่ย
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 21, 2006 4:01 pm
โดย san
เศรษฐกิจของ USA จะแย่หรือไม่
ผมคิดว่า ก็.....รอดู ระเบิดที่อยู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของ เมกา ดีกว่าครับ เพราะว่า ฟองสบู่ของ อสังหาริมทรัพย์ เมื่อแตกแล้ว มันจะลามไปหลายธุรกิจครับ ผลกระทบมันน่าจะแผ่ขยายออกไป น่าจะคล้ายๆ ของบ้านเรา
รอดูดีกว่าครับ ว่า ฟองสบู่ของ อสังหาริมทรัพย์ มันจะแตกเมื่อไร
ถ้าได้เห้นเมื่อไร ก็เมื่อนั้นแหล่ะครับ
น้องเพื่อนผมที่อยู่ เมกา ก่อนหน้านี้ ก็เห็นว่า ซื้อขาย บ้าน เป็นว่าเล่น เก็งกำไรนะครับ....
ใครมีเพื่อนที่อยู่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่เมกา ตอนนี้ ลองเช็คดูสิครับ ว่า ใกล้ยัง ผมว่ามันน่าจะเสียวๆ แล้ว นา ย่งดอกขึ้นไม่หยุด คนไอกัน มันซื้อบ้านเพื่อนการลงทุน วันนึงที่มันเห็นว่า ราคาบ้านไม่ดี หรือมีแนวโน้มแย่ลง คราวนี้ แย่งกันขาย เมื่อไร ก็เมื่อนั้นหล่ะครับ
แต่ว่าไม่รู้ว่าอีกนานป่าว
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 21, 2006 10:23 pm
โดย iambuffet
[quote="chatchai"]มีหลายคนวิเคราะห์ว่าค่าเงินสหรัฐจะอ่อนค่ามานานเป็นปีๆแล้ว
และก็มีหลายคนวิจารณ์ว่าสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐจะตกต่ำมานานเป็นปีๆแล้วเหมือนกัน
แต่ยังไม่เป็นดังว่าซักทีแฮะ
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 22, 2006 12:11 am
โดย booklover
วันก่อนอ่านเจอชีทที่มีข้อมูลเกี่ยวกับ big mac indicator
ผลคือค่าเงินไทยอ่อนกว่าความเป็นจริงประมาณ53%ครับ
ส่วนจีนประมาณ59% :D
(ข้อมูลเมื่อค่าเงินไทย40 นิดๆต่อ $1%ประมาณกลาง
49) ครับ
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 22, 2006 3:10 pm
โดย iambuffet
ถ้าวอเรนต์ บัฟเฟตต์ นักลงทุนเบอร์หนึ่งของโลก
ย้ายเงินออกจากสกุลดอลล่าไปยังเงินสกุลอื่น
ถ้าใครคิดจะสวนกระแสเขาก็เอา
แต่ผมคิดเหมือนเขาครับ
ในระยะยาวผมคิดว่าดอลต้องอ่อนค่าครับ
ส่วนระยะสั้นไม่อาจคาดเดาได้ครับ
เป็นไปตามอารมรณ์ตลาด
ใครถือหุ้นกลุ่มส่งออกเตือน ๆ กันไว้ครับ
ผมคงเตือนได้แค่นี้
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 9:37 am
โดย สุมาอี้
เมื่อวาน ธปท. ยังออกมาบอกว่าอยู่เลยว่า บัดนี้บาทนิ่งแล้วและจะอยู่ที 38.00 บวกลบ 0.50 ไปอีกอย่างน้อย 3-4 เดือน ขอให้พ่อค้าสบายใจได้
พอวันนี้บาทอ่อนทะลุ 38.50 ให้ดูทันทีเลย เพิ่งพูดแค่วันเดียว :shock:
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 25, 2006 10:58 pm
โดย iambuffet
ระยะสั้นเป็นไปตามอารมณ์
ระยะยาวเป็นไปตามความจริง
แต่เศรษฐกิจไทย ลองนึกดูดี ดี
ซึนามิ ไข้หวัดนก เงินที่ต้องอุดหนุนน้ำมัน
โครงการต่าง ต่าง ลองนึกดูแล้ว
เศรษฐกิจไทยจริงจริง แล้วก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน
ดอลล่าอาจจะอ่อนจริง แต่เงินบาทก็ใช่ว่าจะมีเสถียรภาพสักเท่าไหร่
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 12:08 am
โดย 2 dogs
ผมว่าเทียบยากนะเนี่ย เน่าทั้งคู่ เหมือนต้องมาเทียบกันว่า
ใครจะเน่ากว่ากัน ผีเน่ากะโลงผุ
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 12:15 am
โดย CK
เห็นด้วยกับท่านสุมาอี้ครับ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุนท่านหนึ่ง
บอกผมไว้เสมอ
"กฎข้อหนึ่งของการบริหารเงินคือ อย่าคาดการณ์ว่าเงินจะอ่อนหรือแข็ง"
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 3:47 am
โดย ปุย
[quote="hansome"]วันก่อนอ่านเจอชีทที่มีข้อมูลเกี่ยวกับ big mac indicator
ผลคือค่าเงินไทยอ่อนกว่าความเป็นจริงประมาณ53%ครับ
ส่วนจีนประมาณ59%
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 11:05 am
โดย booklover
วันก่อนได้มีโอกาสถามอาจารย์ที่คณะเศรษฐศาสตร์จุฬา
ท่านหนึ่งมาครับ
มาครับ อาจารย์บอกสรุปใจความได้อย่างนี้ครับ
"ไม่มีใครเชื่อหรอกว่ามันจะเป็นอย่าง Big mac indicator
100%
แต่เกือบทุกคนจะใช้เป็นแนวทางประกอบเพื่อมองว่า
ตลาดประเทศนั้นๆเหมาะกับการลงทุนหรือไม่อย่างไร"
แนวโน้มค่าเงินบาท ต่อจากนี้
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 26, 2006 11:08 am
โดย booklover
ความเห็นอาจารย์ invisible hand ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการ
ขึ้นดอกเบี้นของ FED ครับ
ระบบการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนของอเมริกานั้นไม่เหมือนใคร เพราะอเมริกาไม่มีเงินทุนสำรอง ดังนั้นสหรัฐจะ finance การขาดดุลการค้า ( และบัญชีเดินสะพัด ) ด้วยการพิมพ์เงินเพิ่ม และให้ธนาคารกลางประเทศอื่นๆ ถือในรูปแบบส่วนใหญ่คือ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เพื่อเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ดังนั้นสิ่งที่ทำให้อเมริกาขาดดุลการค้าได้ตลอดเพราะประเทศคู่ค้าเชื่อมั่นในเงินดอลล่าร์ ว่ามีความมั่นคงและเสถียรภาพที่สุดเมื่อเทียบกับเงินสกุลต่างๆ ที่เป็นเงินทุนสำรองได้ เช่น ยูโร เยน ปอนด์ เพราะทั้ง 3 สกุลดังกล่าวเองก็มีปัญหาเฉพาะของตัวเองเช่นกัน และที่ผ่านมาเงินดอลล่าร์ก็ไม่เคยทำให้ใครผิดหวังแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆ ในโลกก็ตาม เพราะที่ผ่านมาโดยเปรียบเทียบแล้วเงินสกุลดอลล่าร์ก็ยังดีกว่าสกุลอื่นๆ
สิ่งที่เป็นตัวกำหนดค่าของเงินที่ชัดเจนที่สุด คือ อัตราเงินเฟ้อ หากอัตราเงินเฟ้อยิ่งสูง ค่าของเงินจะลดลง เพราะเงิน 1หน่วยจะซื้อสินค้าได้ลดลง ถ้าเงินเฟ้อติดลบ ค่าของเงินจะมากขึ้น หากค่าของเงินตัวเองในอนาคตลดลง จะทำให้แรงจูงใจในการถือดอลล่าร์ลดลง ดังนั้น สิ่งที่อเมริกากลัวที่สุด ไม่ใช่การขาดดุลการค้าครับ แต่กลัวเงินเฟ้อ
หากใครเรียนเศรษฐศาสตร์พื้นฐานมาบ้าง จะนึกถึงกราฟ demand supply ตัดกัน มีแกน x เป็น gdp หรือ output และแกน y คือราคา หรือ price ซึ่งเป็นตัวบอกเงินเฟ้อ ดังนั้นสิ่งที่เป็นตัวกำหนด price และ output คือ demand supply ดังนั้น ทั้ง demand และ supply มีผลต่อเงินเฟ้อทั้งคู่
ในกรณีที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เงินเฟ้อในสหรัฐเกิดจาก supply side คือราคาน้ำมัน ทำให้ต้นทุนต่างๆ เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยด้าน demand คือ การบริโภคของประชากรในประเทศอยู่ในระดับสูงอยู่เพราะภาวะอสังหาฯ ที่ร้อนแรงทำให้ความมั่งคั่งของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น ทำให้มีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยสูง
แต่หากมองในแง่ demand supply ของน้ำมัน ราคาน้ำมันของโลกที่เพิ่มขึ้นเกิดจากทั้ง demand และ supply ประกอบกัน ด้าน supply คือ การควบคุมการผลิตของ opec รวมถึงข้อจำกัดในการเพิ่มกำลังการผลิตนอก opec ในด้าน demand ก็เพิ่มขึ้นพอสมควรเช่นกัน เพราะความต้องการของจีนและอินเดีย รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ยังเพิ่มขึ้นสูง
ดังนั้นการลดเงินเฟ้อกรณีนี้ การกระทำด้าน supply คือทำให้ราคาน้ำมันลดลงนั้นลำบาก ทางเดียวที่ทำได้คือการลด demand ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อ demand ลดลงก็จะทำให้ price หรือเงินเฟ้อ ลดลง ในขณะเดียวกันก็จะมีสิ่งที่เสียไปคือ gdp หรือ output จะลดลง
ดังนั้น การปล่อยให้เงินเฟ้อสูงขึ้นโดยไม่ทำอะไรจะมีผลเสียมากกว่า เพราะหากเงินเฟ้อสูงกว่า yield หรือผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเมื่อไหร่ก็แปลว่าการถือครองพันธบัตรให้ผลตอบแทนติดลบ หากเป็นเช่นนั้นก็จะทำให้มูลค่าของเงินดอลล่าร์ลดลง ธนาคารกลางต่างๆ จะลดการเพิ่มการถือครองเงินดอลล่าร์ลง ทำให้สหรัฐไม่สามารถหาเงินมา finance การขาดดุลการค้าได้พอ ดังนั้นแม้ขึ้นดอกเบี้ยแล้วค่าเงินดอลล่าร์แข็งขึ้น จะขาดดุลการค้ามากขึ้น สหรัฐก็ไม่กลัว เพราะเค้ากลัวการไม่มีเงินมา finance การขาดดุลมากกว่ากลัวการขาดดุลฯ ครับ
เมื่อดอกเบี้ยสหรัฐเพิ่มขึ้นถึงจุดหนึ่ง demand ของประเทศจะลดลง และทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวด้วยเพราะสหรัฐเป็นผู้ซื้อสำคัญของโลก เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความต้องการน้ำมันจะลดลง เมื่อความต้องการน้ำมันลดลง ราคาน้ำมันจะเริ่มลดลง และเงินเฟ้อจะเริ่มลดลง ทำให้ดอกเบี้ยเริ่มลดลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
เมื่อดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ก็ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ เพราะผลตอบแทนของทางเลือกอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตลาดหุ้น เช่น การฝากธนาคาร ซื้อพันธบัตรรัฐบาล เริ่มสูงขึ้น
แต่ผมไม่อยากให้กลัวกันเกินไป เพราะตอนนี้ดอกเบี้ยในตลาดโลกก็ไม่ได้อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์แต่อย่างไร แม้จะขึ้นอีก 2% จากนี้ก็ตาม และยังต่ำกว่าช่วงวิกฤติน้ำมันช่วงทศวรรษ 80 ที่ดอกเบี้ยตลาดโลกขึ้นไปสูงกว่า 10%
หุ้นที่กระทบจากภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยคือ หุ้นในภาคการผลิต ที่มักจะไม่สามารถผลักภาระต้นทุนได้ 100% โดยเฉพาะผู้รับจ้างการผลิตหรือ oem โดยเฉพาะหากหุ้นเหล่านี้มีเงินกู้ในสัดส่วนสูงแล้วด้วย ส่วนหุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าจะเป็นหุ้นในภาคบริการ ที่มีอำนาจในการผลักภาระต้นทุนสูง และหุ้นที่มีสินทรัพย์มากๆ เพราะราคาสินทรัพย์จะปรับขึ้นตามเงินเฟ้อ ทำให้ replacement cost ของสินทรัพย์หรือธุรกิจนั้นๆ สูงขึ้นครับ