Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

เห็นช่วงนี้ มีหลายคนเริ่มบ่นกันมากในหลายๆที่แล้วครับเรื่องหุ้น

เลยอยากทราบว่าสำหรับผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน คิดว่าภาวะตอน
นี้ ถือเป็นวิกฤตที่สามารถจมเรือทั้งลำ หรือ แค่คลื่นลูกใหญ่ที่ทำให้เรือ
โคลงแค่นั้นครับ  รบกวนพี่ๆ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับถือเป็นวิทยาทาน
ช่วงตลาดฟักตัวแบบนี้  เพราะมีบางคนเพิ่งเข้าตลาดมาไม่นาน อาจรู้สึกว่า
คราวนี้เป็น วิกฤตแล้วก็ได้

โดยส่วนตัว ปอดแดง แต่ไม่แสลงใจครับ  ยังยิ้มได้ ฮ่าๆ  ๆ 55555

ปล.จากละคร แดจังกึม
 " ถ้าเจ้าอ่อนแอเมื่อไหร่ แม้นเนินเขาเล็กๆ ก็เป็นดั่งภูเขาใหญ่ขวางกั้น
   แต่หากเจ้าเข้มแข็ง ไม่หวั่นไหว แม้นพายุพัดมา ก็เป็นดั่งสายลมแผ่วเบา"

อาจารย์ผมสอนว่า "อย่าคาดการณ์ตลาด" ครับ

ขอบคุณ ครับ คุณ CK  

ตลาดนี่ทำอะไรเหนือความคาดหมายเสมอเลย
หลังสุดเพราะความเหนือคาดหมายเลยได้ มา 1000 นึงเพราะพนันกันไว้
ว่า scc จะหลุด 200 ใน 2 ปีนี้อะเปล่า  ปรากฎว่า แค่ครึ่งปีก็เห็นผลแล้วครับ

สำหรับผมแล้ว  การที่หุ้นลงครั้งนี้  (ที่จริง  ถ้าดูดัชนีก็ลงมาตั้งแต่ต้นปี 47 แล้วนะ)  เมื่อดูเปอร์เซ็นต์ที่ดัชนีลงก็ถือว่ายังไม่มากนัก  ถือว่ายังไม่วิกฤต

แต่ถ้าพิจารณาด้วยเหตุผลทางพื้นฐาน  สำหรับผมแล้ว  ยังตัดสินไม่ได้ว่าจะเป็นปัญหาใหญ่หรือไม่  ต้องจับตาดูสภาพเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด  ยังไว้วางใจไม่ได้

ถ้าเกิดปัญหาใหญ่  ผลจากการปรับสถานะทางการเงินของประเทศ  และของบริษัท  จะทำให้ไม่เลวร้ายเหมือนปี 40 ค่อนข้างแน่ครับ

ปัญหาของนักเล่นหุ้นก็คือ  วิเคราะห์เองไม่เป็นครับ  จะเชื่อดัชนี  ดังนั้นจึงมักจะไม่มั่นใจ  จิตใจกระวนกระวาย  ขายก็ไม่ทัน  ซื้อก็ไม่ทัน  ตกรถเป็นประจำ  บางครั้งขึ้นรถไปแล้ว  รถจะวิ่งไปเชียงใหม่  พอถึงรังสิตก็ลงซะแล้ว

[quote="chatchai"]

ปัญหาของนักเล่นหุ้นก็คือ

DONT  WORRY
BE   HAPPY

[quote="wisut"]DONT

ผมว่าถ้ามองแค่ตลาดหุ้นอย่างเดียว ตกมาแค่นี้ เรียกว่า ชิล ชิล  :lol:   ยังไม่ได้ที่ตกจาก 500 กว่า เมื่อ 4-5 ปีก่อนเลยครับ อย่าซีเรียส

ผมมองว่าการลงรอบนี้ ทำให้หลายคนต้องใจสั่น .... ไม่ใช่เพราะเป็นการลงแค่ 140 จุดครับ

แต่เป็น 140 จุดที่แทบไม่มีการเด้ง คือ ไป Swing ที่ 700-720 พักนึงแล้วลงต่อ ... เรียกได้ว่าพวกหากินกับการเด้งอดอยากไปตามๆกัน ... ถ้าไปย้อนกราฟดูต้องถือว่าเป็น 140 จุดที่ถ้าไม่นับฟองบู่แตกแล้ว เป็น 140 จุดที่ลงได้อร่อยที่สุดรอบนึงเลยนะครับ ...  :D

Know what you do และ Do what you know ครับ

คุณ chatchai

ครับ และบางที โดดขึ้นรถกรุงเพพ-หาดใหญ่ หวังจะไปโดดลงประจวบ แต่ดันหลับไปตื่นอีกทีคนขับมาปลุก เพ่ๆ หาดใหญ่แล้วครับ  

ฮ่าๆ ๆ ๆ  สงสัยว่างวดนี้ คนขับหลับใน ขับเลยไปถึง มาเลย์ เลยรึเปล่าครับ
เนี่ย 55555555555555555555555

ยังไม่อยากเป็นรุ่นเก๋า  (555กลัวแก่  ที่จริงแก่มานานแล้ว555)

ผมคิดว่าพวกเราเหมือนกำลังเดินทางไปกับสำเภาใหญ่

เจอมรสุม  เจอคลื่นลม  แรงๆ

เจอพระอาทิตย์ขึ้นขอบฟ้าทะเลดูสวยงาม  สายลมเย็น  

แต่เวลามีข่าวร้ายหุ้นตก
เพื่อนร่วมชะตากรรมก็ถูกคลื่นลมพัดตกทะเลบ้าง
บางคนก็เมาคลื่น  อ้วกแตกอ้วกแตน    :vm:  :vm:  :vm:



ที่เข็ดก็เลิกลงจากเรือ  

ที่ไม่เข็ดก็สู้กันต่อไป  เพื่อให้มันรู้ซึ้ง  แบบตายเป็นตาย  

[quote="ปรัชญา"]ยังไม่อยากเป็นรุ่นเก๋า

chatchai เขียน:ปัญหาของนักเล่นหุ้นก็คือ  วิเคราะห์เองไม่เป็นครับ  จะเชื่อดัชนี  ดังนั้นจึงมักจะไม่มั่นใจ  จิตใจกระวนกระวาย  ขายก็ไม่ทัน  ซื้อก็ไม่ทัน  ตกรถเป็นประจำ  บางครั้งขึ้นรถไปแล้ว  รถจะวิ่งไปเชียงใหม่  พอถึงรังสิตก็ลงซะแล้ว

คัดท้าย เขียน: ครับ และบางที โดดขึ้นรถกรุงเพพ-หาดใหญ่ หวังจะไปโดดลงประจวบ แต่ดันหลับไปตื่นอีกทีคนขับมาปลุก เพ่ๆ หาดใหญ่แล้วครับ :lovl: :lovl: :lovl:

chatchai เขียน:DON'T  WORRY

BE CAREFUL

เด็ด ๆ ทั้งนั้น
หุ้นลงนี่สมองปลอดโปร่งนะครับ คิดอะไรกันได้คมคายดี  :lol:

ผมไม่เปิดหน้าจอเทรดมาสองสามวันแล้วครับ เงินหมดแล้ว 55555
ไม่รู้จะดูไปทำไม
รอผลประกอบการไตรมาสสองอย่างเดียว

คุณหมอT จ่ายเงินเพิ่มทุน พีเพิลการ์เม้น ไปรึยังครับ

ยังครับ :lol:

ที่ถามไม่ใช่อะไรหรอกครับคุณหมอT  เห็นว่าเงินหมด ไม่น่าเป็นไปได้  :lol:

[quote="ปรัชญา"]ยังไม่อยากเป็นรุ่นเก๋า

ขออนุญาตออกความเห็นนิดนึง
คิดว่า ปัจจัยที่กระทบต่อตลาดหุ้นในปัจจุบันมันซับซ้อนกว่าเดิมเยอะครับ ของเดิมมักจะเป็นแค่ปัจจัยภายในประเทศเท่านั้น แต่ว่าของใหม่มันอยู่ในกฎเกณฑ์ของความเป็นโลกาภิวัฒน์หนะครับ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์อะไรต่อมิอะไร
เค้าบอกว่าบางทีแค่ผีเสื้อกระพือปีกที่ญี่ปุ่น หรือ อเมริกา ก็มีผลมายังประเทศไทยได้แล้ว
กลยุทธใหม่ในการลงทุนจึงควรเป็นในลักษณะแบบผสมผสาน คือการลงทุนแบบอิงความน่าจะเป็น เอาไว้เสมอ
ก็คือถ้าเป็นชาว VI จะเน้นการลงทุนจากคลื่นตามยาว (คือเอาตัวเงินปันผลมาเป็นตัวให้กำไร)
ส่วนนักเก็งกำไรจะเน้นการลงทุนจากคลื่นตามขวาง คือเอาการกระเพื่อมขึ้นลงของหุ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ตอนนั้นแค่นั้น
แต่นักลงทุนสมัยใหม่จะต้องเอาปัจจัยต่างๆ ร่วมกับกรอบของเวลามาใส่สมการเพื่อดูว่า ในกรอบเวลา และ ปัจจัยที่กระทบอยู่ในตอนนั้น คลื่นตามยาวหรือคลื่นตามขวางที่จะให้ผลตอบแทนมากกว่ากัน ครับผม (กลยุทธของผมก็ยังทำไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างที่คิดไว้อยู่ดีครับ ที่อยากทำตอนนี้คือการได้ศึกษาทางเศรษฐศาสตร์เพื่อเอาไว้วิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ได้เก่งขึ้น เหอะๆ )

ขอให้หุ้นลงอีกคับ

ลูกไม่ท้อ เขียน: ก็คือถ้าเป็นชาว VI จะเน้นการลงทุนจากคลื่นตามยาว (คือเอาตัวเงินปันผลมาเป็นตัวให้กำไร)
ส่วนนักเก็งกำไรจะเน้นการลงทุนจากคลื่นตามขวาง คือเอาการกระเพื่อมขึ้นลงของหุ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ตอนนั้นแค่นั้น

ผมว่านักลงทุนแนว VI  ไม่ใช่เหมือนดังที่คุณลูกไม่ท้อคิดนะครับ

คือ  VI  ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาจะถือหุ้นระยะยาว  และไม่ใช่จะหวังกำไรจากเงินปันผลเพียงอย่างเดียว

การกระเพื่อมขึ้นลงของหุ้นที่เกิดจาก Mr.Market ย่อมเป็นสิ่งที่นักลงทุนแนว VI  หาประโยชน์ได้ครับ

เมื่อ Mr.Market ตกใจจากข่าวร้ายระยะสั้น  ขายหุ้นจนราคาต่ำกว่าราคาพื้นฐานมากๆ  VI  ก็จะซื้อเพื่อลงทุน

และเมื่อ Mr.Market มีอารมณ์ดีมากๆ  แย่งกันซื้อหุ้นจนราคาสูงเกินราคาพื้นฐานมากๆ  VI ก็จะขาย

Mon money เขียน:



ในฐานะที่อายุ27ปีนี้(ขอย้ำ) ยังไม่แก่และไม่เก๋า ขอเสนอให้ทุกท่านร่วมกันลงทุนสร้างทางยกระดับข้าม SETมหานทีโดยด่วน มิฉนั้นท่านอาจเมาคลื่นเดี้ยงก่อนถึงฝั่งแน่นอน

จะสร้างสะพานยกระดับความรู้  ให้ข้ามเสร็จ


มองลงจากเรือก็เห็น  เจ้ามือ(ฝูงฉลาม)
ว่าย ,วน, เวียน
หากินอยู่รอบลำเรือ  
คนที่ตกเป็นเหยื่อก็เล่าลือ
ไปทั่วว่าคนเล่นหุ้นมันไม่ดี  (เอ  สงสัยฟังแล้วเชื่อเลย  มิได้พิสูจน์)
จะตกเป็นเหยื่อเจ้ามือโดยง่าย

ทะเลก็เหมือนความโลภ
ตกลงทะเลก็ตกอยู่ในความโลภ

เจ้ามือก็อาศัยทะเลความโลภ  กินรายย่อยยับตลอดมา

เรื่องทำสะพานต้องระดับเจ้าสำนัก(มนตรี)  
ตอกเสาเตาหม้อก่อน  วิศกรบัญชี

ผมจะคอยเชียร์แล้วกันครับ   :lol:

ข้อมูลใหม่ ที่อาจเป็นปัจจัยกระทบ วิถี และลักษณะ การเคลื่อนไหวของกระแส คลื่นลม

http://www.huayuanjie.net/phpBB2/viewto ... 1799470253

ในตอนนี้ ตลาดหลักทรัพย์อนุญาตให้ บางโบรกสามารถให้ลูกค้า สามารถยืมหุ้น (เฉพาะใน set50)มาขายก่อนโดยคิดค่าธรรมเนียม แต่เวลาขายจะต้องตั้งสงกว่าราคาในขณะนั้น 1 ช่องเช่น ราคาเสนอซื้อ เสนอขาย 100 กับ 101 แล้วราคาอยู่ที่ 101 เราต้องตั้งขายที่ราคา 102 ทำให้เวลาตอนที่หุ้นกำลังลงจะขายได้ยาก
แต่วันที่3 กค. นี้ สามารถที่ขายหุ้นตามตัวอย่าง ที่ราคา100 ได้เลย

:lol:

จงอยู่กับปัจจุบัน
ไม่คาดหวังอะไรกับอนาคตและไม่ต้องเจ็บปวดกับอดีต
ถ้าหากคุณทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

และถ้าคุณตั้งความสำเร็จไว้สูง
แต่เดินไปไม่ถึงยังดีกว่า คนที่ไม่ได้ตั้งความสำเร็จไว้

และสุดท้ายคุณทำมันแล้วหรือยัง

[quote="chatchai"]

ผมว่านักลงทุนแนว VI  ไม่ใช่เหมือนดังที่คุณลูกไม่ท้อคิดนะครับ

คือ  VI  ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาจะถือหุ้นระยะยาว  และไม่ใช่จะหวังกำไรจากเงินปันผลเพียงอย่างเดียว

การกระเพื่อมขึ้นลงของหุ้นที่เกิดจาก Mr.Market ย่อมเป็นสิ่งที่นักลงทุนแนว VI  หาประโยชน์ได้ครับ

เมื่อ Mr.Market ตกใจจากข่าวร้ายระยะสั้น  ขายหุ้นจนราคาต่ำกว่าราคาพื้นฐานมากๆ  VI  ก็จะซื้อเพื่อลงทุน

และเมื่อ Mr.Market มีอารมณ์ดีมากๆ  แย่งกันซื้อหุ้นจนราคาสูงเกินราคาพื้นฐานมากๆ  VI ก็จะขาย

           :D  :D พี่ฉัตรชัยครับ อย่างปัจจุบัน ผลกระทบจากเศรษฐกิจจากประเทศนึงเวลาเกิดมักกระทบไปทั่วถ้วนหน้า  ทั้งแรงกดดันจากหลายด้านเข้ามาพร้อมกัน เงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน การเมืองในประเทศ  ซึ่งโยงใยกันไปหมด  แล้วเราจะขายยทันไหม ถ้าเกิดมันวูบมาแค่ข้ามคืนหรือว่ามันจะมีสัญญาณบางอย่างบอกล่วงหน้าเสมอครับ