ค้าปลีกในยามนี้
โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 26, 2006 12:32 pm
บล.เคจีไอ : กลุ่มค้าปลีก แนะนำให้น้ำหนักการลงทุน'เท่ากับตลาด'
ฟุตบอลโลกเป็นจุดเสริมรายได้ในไตรมาสที่ 3 ตามปกติไตรมาสที่ 3 ของทุกปีจะเป็นรายได้ที่ slow season สำหรับกลุ่มค้าปลีก อย่างไรก็ตามในปี้นี้เราคาดว่าฟุตบอลโลกจะเป็นจุดเสริมรายได้ในไตรมาสนี้ หากมองใน figure 1 จะเห็นว่าปริมาณการขายเครื่องดื่มและอาหารเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่มีเทศกาลฟุตบอลโลกหรือฟุตบอลยูโร นอกจากนี้ การขายเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะโทรทัศน์เพิ่มขึ้นสูงในช่วงเทศกาลฟุตบอลอีกด้วย ดังนั้นเราคาดว่าการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้าสำหรับอาหาร เครื่องดื่ม และเครื่องใช้ไฟฟ้าจะทำให้รายได้ของกลุ่มค้าปลีกอาทิเช่น BIGC, MAKRO และ CP7-11 ในไตรมาส 3/2548 เพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ผู้ค้าปลีกต่าง ๆ หันไปขยายสาขาขนาดเล็กมากขึ้น BIGC เริ่มทดลองเปิดร้านขนาด 200 ตารางเมตรในไตรมาส 2/2549 และคาดว่าจะเปิดร้านขนาดนี้ประมาณ 10 สาขาทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด นอกจากนี้ Lotus เองก็เร่งเปิดขยายสาขา Lotus Express อีกไม่ต่ำกว่า 150 สาขาถึงแม้ว่าสภาพเศรษฐกิจในช่วงนี้จะตกต่ำ แต่ MAKRO เป็นเพียงบริษัทเดียวที่ไม่เปิดสาขาขนาดเล็กเนื่องจากเห็นว่าบริษัทมีขีดความสามารถในการบริหารร้านค้าปลีกขนาดใหญ่มากกว่า แต่จากการที่บริษัทต่าง ๆ เร่งเปิดสาขาขนาดเล็กกันมากขึ้น เราไม่เห็นว่าจะทำให้เกิดผลกระทบต่อรายได้ของ CP7-11 อย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากจำนวนสาขาของทั้ง BIGC และ Lotus ยังห่างจากจาก CP7-11 อยู่มาก
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายสิ่งของที่จำเป็น ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้ตกต่ำลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและสถาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำรวมถึงการที่ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าการใช้จ่ายสำหรับสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น (staple products) จะไม่ได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญและยังคาดว่าร้านค้าปลีกที่ขายของในราคาถูกอย่าง BIGC และ MAKRO จะได้รับความสนใจมากขึ้นในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
คำแนะนำสำหรับการลงทุน
ถึงแม้ว่าแนวโน้มรายได้และกำไรของกลุ่มค้าปลีกจะยังดีอยู่ในไตรมาส 3/2549 เรามีมุมมองเชิงบวกที่ลดลงต่อราคาหุ้นของบริษัทในกลุ่มนี้เนื่องจากหากสังเกตุจาก figure 6 แล้วจะพบว่าราคาหุ้นของกลุ่มค้าปลีกจะปรับตัวไปในทางตรงกันข้ามกับตลาดหุ้นไทย ดังนั้นเราคาดว่าราคาหุ้นของบริษทขนาดใหญ่หรือหุ้น blue chip ที่ราคาตกลงค่อนข้างมากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาน่าจะได้รับความสนใจมากกว่าเนื่องจากจะให้ผลตอบแทนได้มากกว่าหากสถานการณ์ตลาดหุ้นทั่วไปในครึ่งปีหลังดีขึ้น ดังนั้นเราจึงปรับคำแนะนำการลงทุนในกลุ่ม commerce เป็นน้ำหนักการลงทุนเท่ากับตลาดจากเดิม น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาด สำหรับทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในกลุ่มนี้คือ BIGC เนื่องจากมีรายได้และกำไรค่อนข้างมั่นคงและมีการเติบโตของรายได้ดีกว่าบริษัทอื่นโดยเราคาดว่า BIGC จะมีอัตราการเจริญเติบโตของกำไรถึง 25% ในปีนี้ สำหรับ CP7-11 ถึงแม้ว่ากิจการส่วนของร้านสะดวกซื้อจะยังดีอยู่แต่โลตัสที่เมืองจีนจะเป็นตัวถ่วงกำไรของบริษัทต่อไป และจะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทผันผวนค่อนข้างมาก MARKO มีอัตราการเจริญเติบโตของกำไรไม่น่าสนใจ และ HMPRO น่าจะเป็นบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นสูงมากที่สุดในบรรดาค้าปลีกทัง้หมด ดังนั้น BIGC จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดสำหรับบริษัทในกลุ่มนี้