Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ขอโทษถ้าไม่รบกวนนะครับ

ตอน Pre-Open ผมเห็นมีขึ้น ATO มันคออะไรครับ แล้วใช้ยังไงโดยใคร

ขอบคุณล่วงหน้า

AT THE OPEN (คำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ตามราคาเปิดตลาด)
คำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ตามราคาเปิดตลาด ใช้เมื่อผู้ลงทุนต้องการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในช่วงเวลาเปิดการซื้อขายคราวแรก โดยเพียงแต่ต้องการซื้อหรือขาย ณ ราคาเปิดเท่านั้น ข้อควรระวังคือ ราคาเปิดเป็นราคาที่เกิดจากการคำนวณจากการเสนอซื้อขายที่มีการเข้าและถอนออกได้ตลอดเวลา ราคาเปิดจึงอาจเปลี่ยนได้เสมอแม้ขณะก่อนช่วงเวลาเปิดการซื้อขายคราวแรกเพี้ยงเสี้ยววินาที

เมื่อผู้ลงทุนส่งคำสั่ง ATO เข้ามา คำสั่ง ATO จะเข้าไปรอดูการเลือกราคาเปิดเพื่อที่จะทำรายการต่อจากรายการที่ก่อให้เกิดราคาเปิดนั้น จากนั้นระบบการซื้อขายจะคำนวณราคาเปิดตามเกณฑ์ ดังนี้

เป็นราคาที่ทำให้เกิดการซื้อขายมากที่สุด
ถ้ามีราคาที่ทำให้เกิดการซื้อขายมากที่สุด มากกว่า 1 ราคา จะใช้ราคาที่ใกล้เคียงกับราคาปิดครั้งก่อน
ถ้ามีราคาที่ใกล้เคียงกับราคาปิดครั้งก่อนมากกว่า 1 ราคา จะใช้ราคาที่สูงกว่าราคาปิดครั้งก่อน
เมื่อได้ราคาเปิดแล้ว ระบบการซื้อขายจะจับคู่ให้การเสนอซื้อขายที่กำหนดราคาแน่นอนก่อน หากมีจำนวนหุ้นเหลือจึงจะนำคำสั่ง ATO มาจัดเป็นการซื้อขายท้ายที่สุดเสมอ หากในกรณีที่คำสั่ง ATO สามารถจับคู่ได้เพียงบางส่วนเท่านั้น คำสั่งที่เหลือก็จะสิ้นสภาพไป ไม่มีการนำไปจัดลำดับเมื่อเปิดตลาดแล้ว

เค้าเริ่มแก้ปัญหาการทำราคาด้วยการใช้ ATO ATC ครับ

เห็นอาการเปิดตลาดวันนี้แล้วรู้สึก มาคุ ยังไงก็ไม่รู้

อาทิตย์นี้เมกาคงเงียบๆ เนื่องจากวันชาติ

กำลังสงสัยอยู่พอดีเลยครับ ขอบคุณทั้งคนถามและคนตอบครับ

ข้อควรระวัง

หลีกเลี่ยงการใช้ ATO และ ATC ในหุ้นที่ไม่ได้อยู่ใน SET50

คุณอาจจะได้ราคาที่ไม่พึงประสงค์

เช่น ceiling หรือ floor

เเม้เเต่ในหุ้น set 50 ก็ยังน่ากลัว ถ้าเป็นหุ้นที่ไม่มีวอลุ่มมากพอ

CK เขียน:ข้อควรระวัง

หลีกเลี่ยงการใช้ ATO และ ATC ในหุ้นที่ไม่ได้อยู่ใน SET50

คุณอาจจะได้ราคาที่ไม่พึงประสงค์

เช่น ceiling หรือ floor

ตกลงคิดวิธีนี้ขึ้นมา เพื่อให้ยุ่งยากมากขึ้นป่ะคะ

แล้วทำไมยกเลิกไปเลยมะได้รึ คือแบบ จะเปิด หรือ ปิด ก้อ นับถอยหลัง 5 4 3 2 1 แล้วซัดกันไปเลย ไรทำนองนี้ ไม่ง่ายกว่ารึ

ปิดโอกาส การทำราคา บ้าๆ บอๆ ไรนั่นด้วย คือ จะซื้อก็ต้องซื้อจริง ขายก็ขายมาเลยนะ หมดเวลาแล้วก็จบเกมเลย แฟร์ดีมะใช่รึ

งง งง งง

มีช่วง เตรียม เปิด - ปิด ไว้เพื่อเป็นช่องโหว่ ให้สร้างราคา แล้วค่อยมาหา วิธีแก้ ป้องกัน มิให้เกิดการสร้างราคา ทีหลังอีกทีนึง  .....ป๊าดดดด

แล้วถ้าข้อเสียคือ อย่างที่คุง ck ว่า ในหุ้นวอลลุ่มน้อยๆ สามารถ ทำให้พลาดเป็น ฟลอร์ หรือลิ่งได้

เอาเข้าไป พระเจ้าแม่ เอย เหอๆ  

สมัยก่อนก็นับถอยหลังอย่างนั้นนี่ครับ   แต่ทำให้แต่ละคนก็คอยจ้องเคาะซ้ายเคาะขวากันในวินาทีสุดท้ายบางทีก็เคาะกันแค่ 100หุ้นเอาวินาทีสุดท้าย    ซึ่งตลาดมองว่ามันไม่ใช่ความต้องการซื้อขายจริง ๆ แต่เคาะเพื่อทำราคา

เลยใช้วิธีมีช่อง call market แล้ว random เวลาที่จะปิดเอา   เพื่อไม่ให้คนมาจ้องเคาะทีละ 100 หุ้น    จะปิดที่ราคาไหนก็แล้วแต่ปริมาณซื้อขายจริง ๆ

ส่วน ATO กับ ATC จริง ๆ ก็คล้าย ๆ กับ bid ที่ ceiling หรือ offer ที่ floor     ต่างกันก็ตรงที่ถ้าไม่ได้ที่ราคานั้นก็ cancel ไปเลย      ประโยชน์อย่างนึงก็คงเพื่อลดการสั่งซื้อสั่งขายที่ราคาสุดโต่ง    ต่อไปตลาดอาจจะเริ่มจับตาพวกที่ชอบสั่งราคาเวอร์ ๆ ก็ได้มั้ง

ก็เป็นตามที่เพื่อนๆ ข้างบนได้แนะนำว่า
ไม่ควรใช้กับหุ้นที่มีการ Bid - Offer กันน้อยๆ
เพราะโอกาสที่ราคาจะผิดเพี้ยน จากที่คาดหวังไว้อาจเกิดขึ้นได้มาก

จริงๆ แล้ว ยังนึ่กไม่ออกว่า มันแตกต่างจากการสั่งแบบ MP Market Price ตรงไหน

   

2. ATO (At the Open) / ATC (At the Close)


ATO เป็นคำสั่งซื้อขายที่ใช้เมื่อผู้ลงทุนต้องการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ทันทีที่ตลาดเปิดการซื้อขาย ณ ราคาเปิด โดยสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้เฉพาะในช่วงก่อนเปิดตลาดทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย
ATC เป็นคำสั่งซื้อขายที่ใช้เมื่อผู้ลงทุนต้องการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ทันทีที่ตลาด ปิดการซื้อขาย ณ ราคาปิด สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ตั้งแต่เวลา 16.30 น. ถึงเวลาปิด (Random เวลาในช่วง 16.35 - 16.40 น.)
คำสั่ง ATO และ ATC เป็นคำสั่งที่มีเงื่อนไขเดียวกัน คือหากคำสั่งเสนอซื้อขาย สามารถจับคู่ได้เพียงบางส่วน ระบบการซื้อขายจะทำการยกเลิกจำนวนที่เหลือทั้งหมด โดยกำหนดในคำสั่ง
ดังกล่าวเป็นคำสั่งที่เป็น First Priority คือจะได้รับการจับคู่ซื้อขายก่อนคำสั่งประเภทระบุราคา (Limit Price Order)
ใช้ได้สำหรับการซื้อขายบนกระดานหลักและกระดานต่างประเทศเท่านั้น
ตัวอย่าง การซื้อขายหลักทรัพย์แบบ ATO\ATC <-- Click

Source: SET

ระบบจะจับคู่ให้กับ ATO/ATC ก่อนนะครับ ไม่ใช่จับทีหลัง
ดังนั้นถ้าอยากซื้อ/ขายหุ้นจริงๆ ที่ราคาเปิด/ปิด
โดยไม่สนใจว่าราคาเปิด/ปิดจะอยู่ที่เท่าไหร่ ให้ส่งคำสั่งซื้อ/ขาย ประเภทนี้
เพราะจะถูกจัดลำดับว่าเป็น First Priority ซึ่งมีโอกาสถูก Execute ก่อน

ถ้าต้องการระบุราคา ก็สามารถระบุราคาตามปกติอย่างเมื่อก่อนได้ครับ
แต่ Priority ที่ได้จะต่ำกว่าคำสั่งแบบ ATO/ATC

แล้ว ราคาปิด จะคำนวนจากอะไรคะ
หรือก้อคำนวนแบบเดิม คือ วัดกันด้วย ออเดอร์ ทั้งซื้อ และขาย
ใช้หลักการเดิมหรือไม่  :?:

[quote="007-s"]แล้ว ราคาปิด จะคำนวนจากอะไรคะ
หรือก้อคำนวนแบบเดิม คือ วัดกันด้วย ออเดอร์ ทั้งซื้อ และขาย
ใช้หลักการเดิมหรือไม่

[quote="HVI"][quote="007-s"]แล้ว ราคาปิด จะคำนวนจากอะไรคะ
หรือก้อคำนวนแบบเดิม คือ วัดกันด้วย ออเดอร์ ทั้งซื้อ และขาย
ใช้หลักการเดิมหรือไม่

Accidental Hero เขียน:น่าจะเป็นValue ที่สามารถจับคู่กันสูงสุด
หรือเปล่าครับ

น่าสนใจครับ

[quote="Accidental Hero"][quote="HVI"][quote="007-s"]แล้ว ราคาปิด จะคำนวนจากอะไรคะ
หรือก้อคำนวนแบบเดิม คือ วัดกันด้วย ออเดอร์ ทั้งซื้อ และขาย
ใช้หลักการเดิมหรือไม่

ขอบคุณค่ะ  

ถ้ามีสองราคาที่ทำให้เกิดปริมาณการซื้อขายสูงสุดเท่ากัน
จะเลือกราคาถูกกว่าหรือแพงกว่าครับ

CK เขียน:ถ้ามีสองราคาที่ทำให้เกิดปริมาณการซื้อขายสูงสุดเท่ากัน
จะเลือกราคาถูกกว่าหรือแพงกว่าครับ

เป็นราคาที่ทำเกิดการซื้อขายได้ปริมาณมากที่สุด
ถ้ามีราคาที่ทำให้เกิดปริมาณซื้อขายมากที่สุดมากกว่า 1 ราคา ให้ใช้ราคาที่ใกล้เคียงกับราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายก่อนหน้านั้นมากที่สุด
ถ้ามีราคาที่ใกล้เคียงกับราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายก่อนหน้านั้นมากกว่า 1 ราคา ให้ใช้ราคาที่สูงกว่าเป็นราคาปิด

ค้นคว้าต่อได้ที่นี่ครับ
http://www.set.or.th/th/operation/tradi ... te_p1.html

8)

ถ้ามีราคาที่ใกล้เคียงกับราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายก่อนหน้านั้นมากกว่า 1 ราคา ให้ใช้ราคาที่สูงกว่าเป็นราคาปิด

อ้อ งี้เอาใจผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อ นิ

007-s เขียน: อ้อ งี้เอาใจผู้ขายมากกว่าผู้ซื้อ นิ

เกิดยากมากๆครับ
ปกติแค่ Criteria แรกก็ได้ราคาปิดแล้ว

HVI เขียน:เกิดยากมากๆครับ
ปกติแค่ Criteria แรกก็ได้ราคาปิดแล้ว

ยากมากครับ ที่จะเกิด criteria 2 หรือ 3

เื่ืท่าที่ไปอ่านเงื่อนไข ใน set.or.th
ระบบ ATC/ATO ใหม่ คือได้ priority ก่อน การส่งคำสั่งซื้อขายแบบอื่นๆ ถ้าเป็น อย่างนี้ผมก็ไม่เห็นว่า มันจะต่าง อะไรกับ การ ตั้ง bid/offer ที่ ceiling/floor เลย เหมือนกัน เดี๊ยะๆ

ถูกต้องเเล้วครับ คุณ ent'

Ent' เขียน:เป็น อย่างนี้ผมก็ไม่เห็นว่า มันจะต่าง อะไรกับ การ ตั้ง bid/offer ที่ ceiling/floor เลย เหมือนกัน เดี๊ยะๆ

ผมว่าต่างกันอย่างน้อยในประเด็น
1. ตั้ง Bid/Offer ที่ Ceiling/Floor
Bid/Offer นั้นมีผลในการคิดราคาปิด/เปิด
ส่วน ATC/ATO ไม่มีผล แต่จะหยิบราคาปิด/เปิดนั้นมาใช้

2. ตั้ง Bid/Offer ที่ Ceiling/Floor
มีผลในการชี้นำราคาซื้อขาย
ATC/ATO ไม่มีผล

นั่นสิคะ ยังงงไม่หาย
แล้วตกลง คือออกมาตรการมาเพื่อจะแก้ปัญหาการทำราคา ช่วงเตรียมเปิดและปิด

แต่สรุปคือ ยังแก้ไม่ได้ เพราะราคากระพริบเตรียมเปิดหรือปิด ก็ยังมีวิธีการคำนวนด้วยการตั้งบิดและออฟเฟอร์

เพราะใครจะทำราคา ก็คือ เข้าไปตั้ง ราคาที่บิดและออฟเฟอร์ ให้ได้น้ำหนักกระพริบตามนั้น

อืมมม งง  :oops:

HVI เขียน:

ถ้างั้น กรณีนี้ จะเป็นอย่างไรครับ

มีคน bid ATC 1,000,000 หุ้น
และมี bid ที่ 10 บาท 1 แสนหุ้น

ส่วน offer มีที่ 10 บาท ถึง 11 บาท step ละ 1 แสนหุ้น
และมี offer ATC อยู่ 1 แสนหุ้น

ถ้า ATC ไม่มีผล จะปิดที่ 10 บาท ถูกไหมครับ

และคนที่ได้คือคนที่ bid ATC เข้าไป
แต่ได้แค่ 1 แสนหุ้น

ส่วนคน offer ที่ ATC ก็ขายได้ 1 แสนหุ้น คนอื่นอดหมด

วอลลุ่มแค่ 1 แสนหุ้นเอง

แต่ถ้าปิดที่ 10.80 บาท

คนที่ซื้อ ATC 1 ล้านหุ้น จะได้ครบหมด
คนที่ bid 10 บาท ไม่ได้อะไร

ส่วนคนขาย ATC 1 แสน และคนที่ตั้ง order
ไว้ที่ 10.00 - 10.80 จะขายได้หมด รวม 1 ล้านหุ้นพอดี

เกิด volume 1 ล้านหุ้น

ถ้าตามการคำนวณว่า ราคาปิดคือราคาที่ทำให้เกิดปริมาณการซื้อขายสูงสุด

ราคาปิดต้องเป็น 10.80 บาท

ไม่ใช่หรือครับ

HVI เขียน: ผมว่าต่างกันอย่างน้อยในประเด็น
1. ตั้ง Bid/Offer ที่ Ceiling/Floor
Bid/Offer นั้นมีผลในการคิดราคาปิด/เปิด
ส่วน ATC/ATO ไม่มีผล แต่จะหยิบราคาปิด/เปิดนั้นมาใช้

2. ตั้ง Bid/Offer ที่ Ceiling/Floor
มีผลในการชี้นำราคาซื้อขาย
ATC/ATO ไม่มีผล

ต่างกันอีกอย่างครับ  คือ ATC/ATO อาจถูกยกเลิกได้ถ้าไม่สามารถ execute ที่ราคาปิด/เปิด เพราะปริมาณหุ้นที่ราคานั้นไม่พอ     แต่ถ้าเสนอที่ celing/floor มันจะกวาดทุก step มาคิดถ้ายังมีหุ้น bid/offer เหลืออยู่

CK เขียน: ถ้างั้น กรณีนี้ จะเป็นอย่างไรครับ

มีคน bid ATC 1,000,000 หุ้น
และมี bid ที่ 10 บาท 1 แสนหุ้น

ส่วน offer มีที่ 10 บาท ถึง 11 บาท step ละ 1 แสนหุ้น
และมี offer ATC อยู่ 1 แสนหุ้น

ถ้า ATC ไม่มีผล จะปิดที่ 10 บาท ถูกไหมครับ

และคนที่ได้คือคนที่ bid ATC เข้าไป
แต่ได้แค่ 1 แสนหุ้น

ส่วนคน offer ที่ ATC ก็ขายได้ 1 แสนหุ้น คนอื่นอดหมด

วอลลุ่มแค่ 1 แสนหุ้นเอง

แต่ถ้าปิดที่ 10.80 บาท

คนที่ซื้อ ATC 1 ล้านหุ้น จะได้ครบหมด
คนที่ bid 10 บาท ไม่ได้อะไร

ส่วนคนขาย ATC 1 แสน และคนที่ตั้ง order
ไว้ที่ 10.00 - 10.80 จะขายได้หมด รวม 1 ล้านหุ้นพอดี

เกิด volume 1 ล้านหุ้น

ถ้าตามการคำนวณว่า ราคาปิดคือราคาที่ทำให้เกิดปริมาณการซื้อขายสูงสุด

ราคาปิดต้องเป็น 10.80 บาท

ไม่ใช่หรือครับ

ทำที่อ่านใน set.or.th ผมเข้าใจเหมือนกรณีที่สอง ของพี่ CK นะครับ ถึงบอกว่า ไม่แตกต่างจากการ bid/offer ที่ ceiling/floor เลย แค่เรียกต่างกันเท่านั้น

MisterK เขียน:
ต่างกันอีกอย่างครับ  คือ ATC/ATO อาจถูกยกเลิกได้ถ้าไม่สามารถ execute ที่ราคาปิด/เปิด เพราะปริมาณหุ้นที่ราคานั้นไม่พอ     แต่ถ้าเสนอที่ celing/floor มันจะกวาดทุก step มาคิดถ้ายังมีหุ้น bid/offer เหลืออยู่

ถ้ากรณีนี้ จะเกิดความต่างขั้นมา กรณี ตั้งจำนวนหุ้น bid/offer ที่ ATC/ATO มากกว่า จำนวนหุ้นที่เสนอซื้อหรือเสนอขายขณะนั้นๆ หมดเลย ซึ่งจะว่าไปแล้วมันเกิดได้อย่างมากเลยนะครับ   แล้วก็ ถ้า Volume ของ ATC/ATO น้อยกว่า หุ้นที่วางเสนอซื้อเสนอขายทั้งหมด ราคา ที่เป็นราคา project ที่แสดงขณะนั้นๆ ก็จะไม่นำเอา ATC/ATO มาคิดรึเปล่า ?? ถ้าเป็นอย่างนี้ฟังดูแล้ว งงๆ ดูบิดเบือนนะครับ