หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 06, 2006 11:30 pm
โดย MacroArt
สมมุติเล่นๆ ว่าถ้ามีสงครามเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศ หลายๆ ภูมิภาค จนบานปลายกลายเป็นสงครามขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของโลก

คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

ถ้าล้าง... จะเอาเงินไปลงทุนในทรัพย์สินอะไรถึงจะดีที่สุดในแง่ของผลตอบแทนการลงทุนและความเสี่ยง มีทรัพย์สินอะไรในยุคสงครามที่ดีกว่าทองคำแท่งบ้างครับ?

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 06, 2006 11:34 pm
โดย MacroArt
ที่ถามแบบนี้เพราะว่ามีเพื่อนมาเล่าให้ฟังว่ามีโอกาสได้สนทนากับพระป่า แล้วพระท่านเตือนเรื่องสงครามที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ท่านเตือนให้ระวัง ไม่ให้ประมาทในการดำเนินชีวิต แต่ก็อย่าไปตระหนกตกใจอะไรมาก

แต่พอดีวันนี้ได้คุยกับเพื่อนอีกคนที่เป็น engineer อยู่บริษัทผลิตรถสงคราม เพื่อนบอกว่าลูกค้าอเมริกาเพิ่งมี order สั่งซื้อรถสงครามไปหมื่นคัน นี่เป็นยอดของเฉพาะบริษัทเค้านะครับ

พอฟังมาแบบนี้ก็เลยเริ่มคิดแล้วครับว่าถ้าเกิดสงครามมันบานปลายขึ้นจริง จะทำยังไงกับพอร์ตตัวเองดี

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 07, 2006 12:08 am
โดย เจก
ถ้าสงครามนั้นมาใกล้เราจนมีผลลบกับบ.ที่ผมมีหุ้นอยู่ ผมก็คงขายแล้วเปลี่ยนมาเป็นทองอะคับ เพราะเหตุการณ์ยิ่งร้าย ทองน่าจะยิ่งขึ้น แต่ถ้ามันแย่จนเริ่มได้ยินเสียงระเบิดตูมๆ หรือเสียงปืนแล้วนี่ผมว่าผมคงต้องเปลี่ยนทองมาเป็นปลากระป๋อง+ม่าม่า แล้วเตรียมโกยครับ

เจก

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 07, 2006 8:39 am
โดย jaychou
ขายๆๆๆๆๆๆๆๆๆครับ ขายๆๆๆๆๆๆๆๆๆทุกรายการ

เกิดสงครามยังไงๆ เศรษฐกิจก็ต้องทรุดตัวตามมา

ไม่มีสินค้าไหนทนต่อเศรษฐกิจตกต่ำได้โดยกำไรไม่หดหรอกครับ

แม้แต่พวกปลาป๋อง มาม่า ถึงเวลาจริงๆ ก็ต้องถูกควบคุมราคา

โรงไฟฟ้า หลุมแก้ส หลุมน้ำมัน เกิดสงคราม ทหารท่านก็เข้าไปยึดครับ

ดีไม่ดีระเบิดลงตลาดหุ้น ขายไม่ทันจะยิ่งแย่กันใหญ่

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 07, 2006 8:41 am
โดย Jeng
เมื่อวานซื้อเกม ground control 2 มา

เกริ่นนำ เมื่อครั้งเกิดสงคราม 16 นาที ในปี ( Sixteen Minutes War ) ในปี 2093

อืม ถ้าเกิดสงครามจริง บางส่วนของโลกคงจะหายแว๊บไปจาก สงครามนิวเคลียร์

เรายังจะคิดซื้อทองกันอีกหรือ

ถึงเวลานั้น มาม่า น่าจะมีค่ากว่าทองนะ

หุ้นอาหารครับ อิอิ

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 07, 2006 10:16 am
โดย nowkung
ผมคงขายหุ้นตัวที่ซื้อขายคล่องๆ แล้วกลับไปช้อนในราคาที่ต่ำกว่า
แล้วก็ทุ่มเงิน 90% up ซื้อๆๆๆๆหุ้นอย่างเมามันครับ

สงครามไม่เกิดแถวประเทศไทยหรอกครับ

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 07, 2006 10:59 am
โดย arica
ขายครับ แล้วจะซื้อคืนด้วยครับ

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 07, 2006 11:46 am
โดย artvr4
nowkung เขียน:ผมคงขายหุ้นตัวที่ซื้อขายคล่องๆ แล้วกลับไปช้อนในราคาที่ต่ำกว่า
แล้วก็ทุ่มเงิน 90% up ซื้อๆๆๆๆหุ้นอย่างเมามันครับ

สงครามไม่เกิดแถวประเทศไทยหรอกครับ

ขายเหมือนกันครับ  ทำให้ต้นทุนต่ำกว่าเดิม ชอบครับ  ได้หุ้นเพิ่มขึ้นในจำนวนเงินน้อยกว่าเดิมด้วย  ผมเป็นพวก ลงทุน แต่ไม่ฝืนกระแสหลักครับ

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 07, 2006 12:20 pm
โดย san
อืมมมม
สงครามใหญ่ น่าจะใกล้เกิดจริงๆแล้วครับ   คงมีผลทำให้ผมต้องตัดสินใจ  ผมคงต้องล้าง พอร์ต จริงๆ ครับ  เฮ้อ........
....
เนื่องจากว่าระยะหลัง   ทำไปทำมา ขาดทุนมากกว่ากำไร
โดนเจ้านายใหญ่  ในบ้าน  ยื่น  notice  ว่าลงทุนประสาอะไร 555
....
สงสัยจำต้องล้างพอร์ตเพื่อเจ้านายใหญ่ตัวจริงๆครับ
อาวุธนายใหญ่ผม  ไม่มีอะไรครับ
....
แค่ไม่ยอมให้นอนเตียงเดียวกัน  
สงครามใหญ่แบบนี้  ผมยอมแพ้ครับ  
อิอิอิ

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 07, 2006 1:56 pm
โดย hot
ซื้อหุ้นซุปเปอร์มาเก็ตกับหุ้นน้ำตาลคับ

ถ้าเกิดสงครามนะ

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 07, 2006 2:10 pm
โดย hot
สงครามปัจจุบัน ผมน่ากลัวกว่า สงครามในอดีตมากนะคับ
เพราะระยะเวลาสงคราม ไม่ยืดเย้ยมากนัก

อย่างมากไม่เกิน5ปีก็รู้ผลถ้าเกิดสงครามโลกจริง

แต่ที่น่ากลัวเรื่อง

โรคระบาด กับภัยธรรมชาตินี่ซิ  ผมว่าน่ากลัวกว่า

ถ้ามีจริง คงไม่ต่ำกว่า500ปีแนะ ที่เราต้องเจอกัน

ยามสงคราม

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 07, 2006 5:29 pm
โดย นายสต็อก
ช่วงสภาวะสงคราม...

ผมเชื่อว่าการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
ความหวาดระแวง และ ความหวาดกลัวจะแพร่สะพัดไปทั่ว ถ้าเรามี
ครอบครัว เราก็ต้องปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของครอบครัวเรากัน 8)

ตลาดหุ้นในสภาวะแบบนี้ เชื่อมีแต่คนล้างพอร์ตครับ คนขนเงินสด
ไปซื้อสะสมของมีค่ารูปแบบอื่นๆ เช่น ทองคำ หรือ เพชรพลอย แทน
เพราะ อาจต้องอพยพย้ายถิ่นฐานจากแผ่นดินแม่ไป เค้าต้องมีหลัก
ทรัพย์ติดตัวไปเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ในสังคมใหม่ ขณะเดียวกันยาม
สงคราม ภาวะข้าวยากหมากแพงจะค่อยๆตามมา ฉะนั้น เสบียงอาหาร
เพื่อเลี้ยงปากท้องครอบครัวเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง:idea:

ยิ่งสงครามเกิดนานเท่าไหร่ เราก็ต้องมีเสบียงอาหาร และทุนทรัพย์
สำรองไว้ให้มากพอนานหลายเดือน หรือ อาจหลายปีก็ได้นะครับ!!! :roll:

ถ้านึกภาพไม่ออก ลองนึกถึงตอน เวียดนาม หรือ เขมร มีการทำสงคราม
เข่นฆ่ากันนับแสนนับล้านคนก็แล้วกันครับ คุณยังอยากจะกอดหุ้นไว้ หรือ
จะหนีเอาชีวิตรอดกับครอบครัว?... :?:

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 07, 2006 11:15 pm
โดย Accidental Hero
ถ้าเกิดสงคราม และไม่ต้องห่วงเรื่องการเอาชีวิตรอด

ผมคงไม่ล้างพอร์ต แต่อาจจะใช้การจัดการพอร์ตใหม่
เลือกถือหุ้นที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน ที่จำเป็นต้องใช้ทั้งในภาวสงครามและหลังสงคราม
อาจจะต้องมีการบริหารพอร์ตด้วยการชอร์ตพอร์ตบ้างเพื่อเพิ่มจำนวนหุ้น

ไม่แน่ใจว่าจะไปซื้อทองไหม ตอนนี้ไม่คิดจะทำเพราะไม่ชำนาญ
และไม่แน่ใจว่าหลังสงครามคนยังต้องการทองอีกไหม เพราะทองไหลมาสู่เอเซียเยอะ ฝรั่งอาจจะเขียนกติกาใหม่ ว่าทองไม่มีค่าก็ได้

เรื่องถือเงินสดไม่ต้องคิดเลย อาจจะได้กิน มาม่าห่อละพันหรือหมื่นบาท เงินเฟื้อสุดๆแน่นอน

อาจจะซื้อที่ดินดีๆ เก็บไว้ และเลือกหุ้นที่ดีเก็บไว้

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 07, 2006 11:23 pm
โดย Accidental Hero
ดัชนี Dow Jones ตลอด 100 ปี
รูปภาพ

ดัชนีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 1939-1945
รูปภาพ

จากประวัติศาสตร์
ดัชนี Dow jones ลดลงมากในช่วงก่อนเกิดสงคราม จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในอเมริกา ซึ่งเป็นภาวะกดดันให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามมา
ในภาวะสงคราม ดัชนีกลับไม่ลงมาก อาจจะมี panic เป็นช่วงๆในเหตุการณ์สำคัญ

เมื่อสงครามสิ้นสุด ตามมาด้วยการฟื้นตัวขนานใหญ่[/url]

โลกแห่งสงคราม

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 07, 2006 11:53 pm
โดย นายสต็อก
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2...

อเมริกาเข้าร่วมรบและชนะสงครามญี่ปุ่น เพราะ ทิ้งระเบิดปรมาณู
Fatman ที่ฮิโรชิมา กับ นางาซากิ!!! คนตายหลายแสนคน

อย่างว่าแหละครับ ชนะสงครามทีนึ่ง ได้ค่าปฏิกรรมสงครามจาก
ประเทศผู้แพ้ เป็นจำนวนเท่าไหร่ก็มิอาจทราบได้ แถมประเทศเค้า
เคยพิมพ์แบงค์ดอลล่าร์ออกมาเองได้อีกตั้งมากมาย ตามประสาพี่ใหญ่

ลองอเมริกาเป็นประเทศแพ้สงครามโลก และ ไม่มีระเบิดปรมาณู
มากมายอย่างทุกวันนี้ กราฟดาวโจนส์จะเป็นอย่างที่เห็นหรือเปล่า
ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ!!! :?:

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 08, 2006 12:19 am
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

Accidental Hero
Regular
โห กราฟนี่น่าคิดจริงๆ ว่าตอนมีสงคราม ถ้าจำไม่ผิด 1946 - 1964

แล้วดัชนีกลับขึ้น

ซึ่งตอนมีสงครามจริงๆแล้ว ดัชน่าลงมากกว่า

น่าคิดจริงๆ

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 08, 2006 5:26 am
โดย bigshow
ถ้ามันเกิดขึ้นจริง คงล้างไม่ทันหรอก  หุ้นแต่ตัวในพอร์ตสภาพคล่องก็ไม่ค่อยจะมีแล้วจะมีใครมา bid รับล่ะ  มีแต่คนขาย :cry:

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 08, 2006 5:30 am
โดย bigshow
แล้วอีก 70 ปี set  ไปถึง 10000 จุด แบบเค้าหรือเปล่า  แต่คงไม่ได้เห็นแน่ ตายก่อน

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 08, 2006 7:38 am
โดย สุมาอี้
ตอนเกิดสงครามโลก Sir John Templeton มองว่าอเมริกาอยู่ในภาวะซบเซาหลัง The Great Depression มานานเพราะภาวะ overcapacity สงครามจะทำให้รัฐบาลดูด capacity ไปส่วนหนึ่งเพื่อไปทำสงคราม จึงทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะหลุดจากภาวะ overcapacity นี้ได้

คิดได้ดังนั้น Sir John Templeton เมื่อสงครามเริ่มเกิดแล้วที่ยุโรป  Templeton จึงยืมเงินเจ้านาย $10000 มาซื้อหุ้น100 ตัวในตลาดที่ส่วนใหญ่กำลังจะล้มละลาย ในขณะที่ทุกคนปล่อยของหนีตาย

เมื่อสหรัฐเข้าสู่สงคราม สหรัฐก็หลุดออกจากภาวะ overcapacity ได้จริงๆ อย่างที่ Templeton คิดเอาไว้ และเขาก็ได้ "แจ้งเกิด" เลย

Templeton บอกว่า ในตลาดหุ้นคุณต้องทำตัวเป็นนักบุญถึงจะได้ตัง ถ้าทุกคนในตลาดต้องการซื้อ ช่วยพวกเขาสิ "ขาย" และถ้าทุกคนในตลาดดิ้นรนหาคนซื้อเพื่อจะขายหนีตาย ช่วยพวกเขาสิ "ซื้อ"   Templeton ชอบบอกว่าคำพูดนี้ของเขาเป็น Joke :rofl:

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 08, 2006 9:33 am
โดย woody
[quote="สุมาอี้"]Templeton บอกว่า ในตลาดหุ้นคุณต้องทำตัวเป็นนักบุญถึงจะได้ตัง ถ้าทุกคนในตลาดต้องการซื้อ ช่วยพวกเขาสิ "ขาย" และถ้าทุกคนในตลาดดิ้นรนหาคนซื้อเพื่อจะขายหนีตาย ช่วยพวกเขาสิ "ซื้อ"

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 08, 2006 1:18 pm
โดย BHT
[quote="สุมาอี้"]ตอนเกิดสงครามโลก Sir John Templeton มองว่าอเมริกาอยู่ในภาวะซบเซาหลัง The Great Depression มานานเพราะภาวะ overcapacity สงครามจะทำให้รัฐบาลดูด capacity ไปส่วนหนึ่งเพื่อไปทำสงคราม จึงทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะหลุดจากภาวะ overcapacity นี้ได้

คิดได้ดังนั้น Sir John Templeton เมื่อสงครามเริ่มเกิดแล้วที่ยุโรป

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 08, 2006 11:23 pm
โดย san
ผมไม่เชื่อเรื่องสงครามใหญ่ในช่วง 10 ปี ข้างหน้าครับ
...
เพราะเหตุผลคือ ขณะนี้ เมกาใหญ่ครองโลก ครับ  ยังไม่มีใครมีกำลังที่จะมาทัดทานกันได้แบบเนื้อๆ
...
นอกจาก เมกา ที่ใหญ่แล้ว    จีน ยังคงตามหลัง เมกาอีกเยอะ ในเรื่อง เทคโนโลยี่การสงคราม  อีกหลายสิบปี  ดังนั้น  จีน  รู้รักษาตัว รู้วิธีรอเวลา  อีกนานมากครับ
...
รัสเซียเหรอครับ  ยังต้องการเวลาพักฟื้นอีกนานนะครับ
...
ที่ใหญ่ๆอีกค่ายคือยูโร  อันนี้ก้ไม่เอาสงครามอีกแหล่ะครับ  เขาเองยังไง  สงครามโลกครั้งที่ 2 ยัง ผ่านไปไม่นานเท่าไร  ยังจำได้ดีมังครับ
...
มีแต่  อาหรับเท่านั้น ที่ยังมีอาการอยากสู้  
...
แต่ดูสิคัรบ  อาหรับจะมีอะไรเท่าไรกัน  เทคโนโลยี่ นิวเคลียร์เหรอคัรบ  อีกไม่นานก็เสร็จ เมกา  ถ้าดื้อ ไม่ปล่อยไว้หรอกครับ  อย่างเก่งก็เป็นสงครามเล็กๆ  แบบ   นักมวย รุ่น  100 โล  ไล่ทุบ  50 โล   แสงครามแบบนี้ให้รอตกต่ำๆ แล้วลุยซื้ออ่ะครับ
...
สงครามใหญ่ ยังไม่มีหรอกครับ  ใน  10  ปี  ข้างหน้า  ในเมื่อ มี ยักษ์แค่ 1 ตัว  ก็มีการครองโลกอยู่แล้ว  โดยเบ็ดเสร็จ
จีน รัสเซีย  ยุโรป  ไม่ใช่ ยักษ์คัรบ  แค่คนอ้วนๆ เท่านั้น

สงครามมักจะเกิดหลังจากมีภาวะเศรษฐกิจ ตกต่ำ ยาวนาน  แล้ว ทำให้ บางรัฐบาล  ต้องการหลีกเลี่ยงความสนใจของคนในชาติ  โดยการใช้นโยบาย ชาตินิยม
...
ดูอาเจนติน่า  สิคัรบ  รัฐบาลทหาร เล่นเบี่ยงประเด็นเศรษฐกิจ  โดยการลุยเกาะฟอล์คแลนด์   ท้ายที่สุดก็โดนทุบเอาๆ   จนตายคาเขียง    ทั้งที่มีลุ้น  ตอนที่เอา ซุปเปอร์เอตองด้า + มิตไซล จากฝรั่งเศส ยิงเรือหลวง  อังกฤษ ขาดกลางลำ จมกลางทะเล  หูยยย สุดยอด...มันแน่เว้ย   แต่....เทคโนโลยี่  การสงครามต่างกันมากเกินไปครับ  สุดท้ายเลย  เลย ล้องจุ้น
...
เทคโนโลยี่ การสงครามนะครับ   ยังกำหนดชะตา คนที่จะเป็นคนไล่ทุบคนอื่น ... ดูยิวมันทุบเฮชบอลเลาะสิคัรบ

รัสเซีย จีน  ยุโรป  ช่วงนี้  อยู่แบบ อยู่เฉยๆ ดีกว่าครับ  ยังไม่มี เหตุการเศรษฐกิจตกต่ำอย่างยาวนานครับ  ไม่งั้นได้เห้นแน่ๆ

ดังนั้น  ถ้าเป็นสงครามเล็กๆ  เก็บหุ้นลูกเดียวคัรบ  รอเวลาดีๆ  เก็บเต็มที่

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 09, 2006 10:58 am
โดย สุมาอี้
อันที่จริงความรู้เรื่องอเมริกาของผมก็มาจากวิชาเศรษฐศาสตร์มหภาคตอนเรียนเอ็มบีเอนั่นแหละครับ อาจารย์บอกว่าทุกคนที่เรียนกับเขาจะต้องสามารถเล่าเป็นฉากๆ ได้ว่าเกิดอะไรกับเศรษฐกิจอเมริกาบ้างในช่วง 80 ปีที่ผ่านมา ซึ่งผมว่าเป็นประโยชน์ทีเดียว เพราะเป็นประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากพอที่จะทำให้เราเรียนรู้อะไรได้มากทีเดียว

อาจารย์ให้อ่าน harvard case ประมาณ 7-8 อัน ซึ่งทุกอันแกคัดมาอย่างดี เป็นเรื่องวิกฤต 1929 เรื่องนโยบายลดภาษีของเคเนดี้ ฯลฯ นอกจากนั้นแกก็ชอบเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟังในห้อง และก็ชอบถามคำถามที่มีคำตอบที่ ช็อค คนฟัง ตามสไตล์เศรษฐศาสตร์ ผมได้อะไรเยอะจากอาจารย์คนนี้ทีเดียว

ตอนทำข้อสอบวิชานี้ผมภูมิใจมาก อาจารย์เอากระดานคำตอบมาแจกคืนให้ห้องแล้วถามว่าใครได้เต็มบ้าง ผมเห็นผมได้ 41.5 แต่ไม่รู้ว่าเต็มกี่คะแนน ก็เลยไม่ได้ยกมือ อาจารย์ก็เลยถามใหม่ว่า มีใครได้เกินคะแนนเต็มมั้ย ผมถึงได้รู้มันเต็มแค่ 40 และผมเป็นคนเดียวที่ได้เต็มและเกินมาอีก 1.5 อาจารย์บอกว่าคำตอบของผมเป็นคำตอบที่เกือบ "สมบูรณ์แบบ" ซึ่งไม่เคยมีใครตอบได้แบบนี้มาหลายเทอมแล้ว

เย็นวันนั้นกระดานคำตอบของผมก็ถูกถ่ายสำเนาไปให้เพื่อนทั้งห้องได้อ่านเพื่อเตรียมสอบ ภูมิใจเหลือเกินครับ เป็นเรื่องประวัติศาสตร์สหรัฐแท้ๆ เลย แต่กระเหรียงอย่างเราทำได้ดีกว่าคนอเมริกันเสียอีก มีเพื่อนชาวสิงคโปร์ที่มาถามผมด้วยความไม่พอใจว่าผมไปหาอาจารย์ที่ห้องบ่อยๆ หรือเปล่าทำไมถึงได้คะแนนมาก สะใจจัง

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 09, 2006 11:02 am
โดย setmaker
สุมาอี้ เขียน: เย็นวันนั้นกระดานคำตอบของผมก็ถูกถ่ายสำเนาไปให้เพื่อนทั้งห้องได้อ่านเพื่อเตรียมสอบ ภูมิใจเหลือเกินครับ เป็นเรื่องประวัติศาสตร์สหรัฐแท้ๆ เลย แต่กระเหรียงอย่างเราทำได้ดีกว่าคนอเมริกันเสียอีก มีเพื่อนชาวสิงคโปร์ที่มาถามผมด้วยความไม่พอใจว่าผมไปหาอาจารย์ที่ห้องบ่อยๆ หรือเปล่าทำไมถึงได้คะแนนมาก สะใจจัง
:cool:
มาตบมือให้ครับ :mrgreen:

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 1:10 am
โดย อองตวน
ว่าแต่ จะล้างทันมั๊ยหว่า

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 8:48 am
โดย CK
สุมาอี้ เขียน:ผมถึงได้รู้มันเต็มแค่ 40 และผมเป็นคนเดียวที่ได้เต็มและเกินมาอีก 1.5 อาจารย์บอกว่าคำตอบของผมเป็นคำตอบที่เกือบ "สมบูรณ์แบบ" ซึ่งไม่เคยมีใครตอบได้แบบนี้มาหลายเทอมแล้ว
:cool: :cheers:

ยอดเยี่ยมครับ เหนือคำบรรยาย
ผมแถมให้อีก 1.0 เป็น 42.50 :lol:

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 9:29 am
โดย woody
setmaker เขียน: :cool:
มาตบมือให้ครับ :mrgreen:
คนไทยทำอะไรไม่แพ้ใครในโลก อะไรประมาณนี้ได้ไหมครับ  :P

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 9:29 am
โดย por_jai
[quote="san"]ผมไม่เชื่อเรื่องสงครามใหญ่ในช่วง 10 ปี ข้างหน้าครับ
...
เพราะเหตุผลคือ ขณะนี้ เมกาใหญ่ครองโลก ครับ

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 9:45 am
โดย สุมาอี้
[quote="woody"]
คนไทยทำอะไรไม่แพ้ใครในโลก อะไรประมาณนี้ได้ไหมครับ

ถ้าเกิดสงครามใหญ่ขึ้น คุณจะล้างพอร์ตหุ้นมั้ยครับ?

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 18, 2006 10:15 am
โดย lekjong
สุมาอี้ wrote:

เย็นวันนั้นกระดานคำตอบของผมก็ถูกถ่ายสำเนาไปให้เพื่อนทั้งห้องได้อ่านเพื่อเตรียมสอบ ภูมิใจเหลือเกินครับ เป็นเรื่องประวัติศาสตร์สหรัฐแท้ๆ เลย แต่กระเหรียงอย่างเราทำได้ดีกว่าคนอเมริกันเสียอีก มีเพื่อนชาวสิงคโปร์ที่มาถามผมด้วยความไม่พอใจว่าผมไปหาอาจารย์ที่ห้องบ่อยๆ หรือเปล่าทำไมถึงได้คะแนนมาก สะใจจัง

รบกวนคุณสุมาอี้ครับว่า นำมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานได้หรือเปล่าครับ

อยากอ่านบ้างครับ  :D