Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

หนึ่งคือขายสินค้าให้ผู้หญิง

เหตุเพราะผู้ชายได้เงินมากยังไงก็ต้องให้ผู้หญิงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่คนใดก็คนหนึ่ง

สองคือขายของกิน

นอกนั้นถือว่ากำไรในระดับงั้นๆ

ข้อสองก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ข้อแรกคิดว่าไงครับ

จริงครับ เรื่องโรงเรียน เดี๋ยวนี้ต้องเป็นโรงเรียน inter แบบ bi-lang. เยอะมาก

ถ้าเข้าตลาดจริงก็ดี แต่คิดว่าเจ้าของไม่เอาเข้าหรอก กำไรดีมากไม่อยาก
แบ่งใคร  ฮ่า ๆ ๆ ๆ

ครับ เวลาใช้เงินซื้อของเด็ก พ่อแม่จะไม่ค่อยคิด

แต่ถ้าดูในห้างสรรพสินค้าจริงๆ
แผนกที่ gross profit margin สูงสุด
คือแผนกเครื่องสำอางครับ
ประมาณ 50 - 65%

(แปลว่า ราคาที่ห้างต้องจ่ายให้ supplier
สำหรับของราคา 100 บาท คือ 35-50 บาท)

อีกอย่าง ตามสถิติ ยอดสาวโสดพุ่งขึ้นเรื่อยๆ

http://www.maxnetsquare.com/webboard/vi ... st_id=2518

ซึ่งกลุ่มนี้ น่าจะมี spending power สูง
เพราะทำเงินได้ดี ไม่มีภาระผูกพัน

แต่ถ้ามาดูในแง่ power of spending แล้ว
ผมว่าสินค้าที่ขายให้ชาวสีม่วง ทำกำไรสูงสุดครับ
เพราะกลุ่มนี้มักจะมีความสามารถล้ำเลิศ
หาเงินได้เยอะ ไม่มีภาระผูกพันเช่นกัน

CK เขียน:แต่ถ้ามาดูในแง่ power of spending แล้ว
ผมว่าสินค้าที่ขายให้ชาวสีม่วง ทำกำไรสูงสุดครับ
เพราะกลุ่มนี้มักจะมีความสามารถล้ำเลิศ
หาเงินได้เยอะ ไม่มีภาระผูกพันเช่นกัน

เอ่อ . . . . . คิดได้ไงครับเนี่ย


หรือว่า


ใช้ประสบการณ์ตรงครับ


ล้อเล่นนะครับ

Top companies ranked by Highest Return on Revenue - Fortune Global 500

กลุ่มพลังงานยังครองแชมป์โดยการจัดอันดับจาก
Highest Return on Revenue
รองลงมาก็คือสินค้าที่มี Value added เช่น
ทรัพย์สินทางปัญญา (Software หรือ IT)
Microsoft ตามมาเป็นอันดับ 3 ด้วย Profit margin สูงถึง 30%

แต่ถ้าเป็นการจัดอันดับจาก Highest Profit
พบว่า 6 ใน 10 จาก Top 10 เป็นกลุ่มพลังงานครับ

nirun เขียน:เอ่อ . . . . . คิดได้ไงครับเนี่ย

มะด้ายคิดเองครับ

เป็น findings จาก research หลายๆ ปีที่ผ่านมา

jaychou เขียน:หนึ่งคือขายสินค้าให้ผู้หญิง

เหตุเพราะผู้ชายได้เงินมากยังไงก็ต้องให้ผู้หญิงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่คนใดก็คนหนึ่ง

สองคือขายของกิน

นอกนั้นถือว่ากำไรในระดับงั้นๆ

ข้อสองก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ข้อแรกคิดว่าไงครับ

ทั้งสองข้อจะจริงก็ต่อเมื่อเราขายอยู่คนเดียวไม่มีคู่แข่งเท่านั้นครับ แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่

ขายอะไรก็ได้ที่เราสามารถกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาแข่งกับเราได้ (ทั้งวิธีที่ดีและวิธีที่ชั่ว) กำไรดีทั้งนั้นครับ

ธุรกิจขายบริการทางเพศ never die ขายดีตลอดไม่ว่าเศรษฐกิจจะแย่ขนาดไหน

ขายสิ่งที่ยังไม่มีในปัจจุบัน แต่ผลิตออกมาก่อนและขายก่อนคนอื่น
ได้ทั้งราคา และ ปริมาณ แต่ต้องเปลี่ยนแปลงเร็ว เพื่อป้องกันสิ้นค้าเลียนแบบ ครับ
เท่าที่เห็นก็มีแต่ โปรแกรมMICROSOFT ครับ นอกนั้นยังคิดไม่ออก

เอามาจาก ยิวป่าวคับ

ที่สุดยอดคือขายอาหารให้ผู้หญิงคับ อิอิ...

less is more เขียน:ที่สุดยอดคือขายอาหารให้ผู้หญิงคับ อิอิ...

:lovl:

อย่างนี้ ต้องเป็นอาหารลดน้ำหนัก ท่าจะดีครับ   :lol:  :lol:  :lol:

เห็นส่วนใหญ่ผู้หญิงที่รู้จักนี่กินข้าวเหมือนแมวดมครับ

tanate เขียน:ขายสิ่งที่ยังไม่มีในปัจจุบัน แต่ผลิตออกมาก่อนและขายก่อนคนอื่น
ได้ทั้งราคา และ ปริมาณ แต่ต้องเปลี่ยนแปลงเร็ว เพื่อป้องกันสิ้นค้าเลียนแบบ ครับ
เท่าที่เห็นก็มีแต่ โปรแกรมMICROSOFT ครับ นอกนั้นยังคิดไม่ออก

เอ่อ... อันที่จริงแล้วไม่ใช่นะครับ
ไม่ว่าจะเป็น DOS ระบบปฏิบัติการที่ทำให้ Bill Gates เป็นเศรษฐีตั้งแต่อายุน้อย
แกไปซื้อมาแล้วเอามาพัฒนาต่อ
หรือ Windows 3.1 ระบบปฏิบัติการที่มี Interface สวยงาม และทำงานได้ในแบบ Multi-tasking
อันที่จริงแล้วก็ไปลอกมาแจก Macintosh ของ Steve Jobs
(ปาฐกฐาอันโด่งดังของ Steve jobs ที่กล่าวกับ บัณฑิตใหม่ Standford U.
มีประโยคหนึ่งแกพูดว่า "Microsoft just copy it" เสียง เฮ ลั่นเลยครับ)
ผู้เคลื่อนไหว หรือทำคนแรก เราเรียกว่า "First Mover"
ในทางกลยุทธ์ทางธุรกิจแล้วกลับพบว่าส่วนใหญ่แล้วจะไม่ใช่ผู้ที่ประสบความสำเร็จ
แต่ผู้ที่ประสบความสำเร็จมักจะเป็น "Fast Second"
หรือคนเอา idea ที่คิดว่ามันดีมาพัฒนาต่อ และทำอย่างรวดเร็ว และทำให้ติดตลาด

ผมว่าซอฟต์แวร์น่ะกำไรดีจริงๆนะ
ถ้าขายได้นะครับ
ถ้าขายไม่ได้นี่ก็คนละเรื่องไปเลย

พี่จ๊อบน่ะชอบลอกไอเดียเค้าเช่นกันครับ
ของอย่างนี้พูดยาก..
ตอนนี้เค้าก็โดนเอามาเปิดเผยหลายเรื่องเหมือนกัน

bennn เขียน:ผมว่าซอฟต์แวร์น่ะกำไรดีจริงๆนะ
ถ้าขายได้นะครับ
ถ้าขายไม่ได้นี่ก็คนละเรื่องไปเลย

พี่จ๊อบน่ะชอบลอกไอเดียเค้าเช่นกันครับ
ของอย่างนี้พูดยาก..
ตอนนี้เค้าก็โดนเอามาเปิดเผยหลายเรื่องเหมือนกัน

ขายสิ่งที่ยังไม่มีในปัจจุบัน แต่ผลิตออกมาก่อนและขายก่อนคนอื่น

สิ่งที่ผมแย้งคือประเด็นนี้ครับ ซึ่งเป็นการวิจัย และรวบรวมข้อมูลในทางธุรกิจน่ะครับ
(หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ในหนังสือ Fast Second)
ไม่ใช่ประเด็นซอฟต์แวร์กำไรดีหรือไม่ดี
เพราะอย่าง Microsoft เราก็เห็นอยู่แล้วว่า Profit Margin ตั้ง 30%
เพราะว่าต้นทุนหลักๆก็คือค่ามันสมองครับ แต่ถ้าหากพัฒนาเสร็จแล้ว
ต้นทุนก็แค่ค่าแผ่น CD ค่าบรรจุภัณฑ์แล้วก็ค่าขนส่ง
เพราะมันสามารถ copy กันได้ นี่แหละครับข้อได้เปรียบของทรัพย์สินทางปัญญา

เรื่องพี่จ๊อบชอบลอกไอเดียเค้าเนี่ยผมเพิ่งเคยได้ยินครับ
รบกวนช่วยบอกแหล่งที่มา หรือเล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานได้มั้ยครับ

ตามหัวข้อของกระทู้
ผมต้องการจะบอกถึงธุรกิจที่กำไรดีเลยยกธุรกิจซอฟต์แวร์มาบ้างครับ
ซึ่งคิดว่าน่าจะตรงประเด็น

ส่วนเรื่อง jobs ผมต้องการบอกว่าเค้าก็ลอกคนอื่นเช่นกัน
เป็นอีกแง่มุมนึงที่หลายคนอาจจะไม่รู้
feature ใหม่ๆของ OS X ที่จ๊อบภูมิใจ
Apples ก็เอามาใช้เฉยๆ อย่างเช่น Konfabulator  
บริษัทเล็กที่คิดขึ้นมาเค้าก็อยู่ไม่ได้
ต่างจาก Microsoft ที่จะไปซื้อบริษัทมาทำต่อ
จริงๆมีอีกหลายอย่างฝรั่งเค้าพูดเรื่องนี้กันหลายเว็บไซต์เหมือนกันครับ

http://www.russellbeattie.com/notebook/1007900.html
http://www.oreillynet.com/onlamp/blog/2 ... ocopi.html

แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องอย่างนี้พูดยาก..  เหมือนกันครับ

less is more เขียน:เอามาจาก ยิวป่าวคับ

ที่สุดยอดคือขายอาหารให้ผู้หญิงคับ อิอิ...

อิๆๆ อ่านเล่มเดียวกัน ไม่น่าเชื่อ ผมว่าหนังสือเก๊าเก่านะ