หน้า 1 จากทั้งหมด 1
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: เสาร์ ส.ค. 26, 2006 11:42 pm
โดย สุมาอี้
สมมติว่ามี 3 บริษัท ด้านอื่นๆ เหมือนกันหมด ยกเว้นโครงสร้างผู้ถือหุ้น
บริษัท 1 : เจ้าของถือหุ้น 70% เจ้าของเป็นผู้บริหารเอง ที่เหลืออีก 30% รายย่อยถือ
บริษัท 2 : เจ้าของถือหุ้นแค่ 10% เจ้าของเป็นผู้บริหารเอง ที่เหลือเป็นพวกสถาบันกับรายย่อยถือโดยที่บางสถาบันถือหุ้นมากกว่าเจ้าของเสียอีก
บริษัท 3 : หลายสถาบันถือหุ้นพอๆ กัน ไม่มีใครถือหุ้นเกิน 20% เลย ผู้บริหารเป็นมือปืนรับจ้างที่ได้รับแจก Warrant เป็น incentive
โครงสร้างแบบไหนรายย่อยอย่างเราอุ่นใจที่สุดครับ
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 12:01 am
โดย bajjo
ถ้าใน 3 กรณีนี้
ผมขอเลือก บริษัทที่ 1 ครับ
เจ้าของถือหุ้น และบริหารเอง
โดยส่วนใหญ่แล้ว ก็มักจะพยายามบริหารเพื่อให้บริษัทของตัวเองก้าวหน้า
แต่เปอร์เซนต์ถือหุ้นมากเกินไปหน่อย
กลัวอย่างเดียวคือ จะใช้อำนาจทุกอย่างโดยไม่มีใครยับยั้งได้
อาจจะไม่ค่อยอุ่นใจเท่าไหร่ แต่ถ้ามีกลิ่นไม่ค่อยดีก็ยังดีกว่าอันอื่น
ส่วนบริษัทที่ 2 จะโดนเทคโอเวอร์เมื่อไหร่ ไม่อาจทราบได้
ผู้บริหารบริษัท อาจจะไม่มีอำนาจบริหารเต็มที่ หรือโดนขัดขวางได้
อีกทั้ง เงินที่จะใช้พัฒนาบริษัทก็มักจะถูกแบ่งไปเป็นปันผลให้บริษัทที่ถือหุ้นนี้
สำหรับบริษัทที่ 3 มือปืนรับจ้างอาจจะไม่แบ่งปันผลให้ผู้ถือหุ้นเลยก็ได้
และอาจจะแบ่งค่าตอบแทนกรรมการไว้เยอะๆ
ส่วนเรื่อง warrant, ESOP ก็อาจจะทำให้เค้ามีส่วนร่วมถือหุ้นในอนาคตได้
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 12:13 am
โดย hongvalue
ผมก็เลือก บ.ล.ที่หนึ่งเพราะว่า ส่วนใหญ่ถ้าคนอื่นถือหุ้นรวมกันถึง 20% (ถ้าจำไม่ผิด) ก็จะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นได้ แต่ถ้าถึง 25 %ก็จะอนุมัติมติบางอย่างได้ ผมไม่อยากให้เกิดความมั่วซั่วว่าคนนอกจะมาคานอำนาจของผู้บริหารดั้งเดิมได้ เลยขอเลือก บ.ล.หนึ่งเหมือนกัน
ส่วน บ.ล.สอง อย่างเช่น oishi ที่ถือหุ้นเหลือแค่ 10 % ผมก็ว่ากิจการไม่น่าจะดีอะไรมาก อย่าง shin หรือ oishi ก็ขายหุ้นตอนที่ตัวเอง ถึงจุดสูงสุดทั้งนั้น ผมมีความรู้สึกว่าโครงสร้างหุ้นอย่างนี้สำหรับผมไม่ค่อยน่าสนใจ
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 7:49 am
โดย สุมาอี้
ถ้าเช่นนั้นทฤษฎีเรื่อง Good Corporate Governance ก็กำลังสวนทางความต้องการของนักลงทุนรายย่อยอยู่สิครับ ทฤษฏีนี้เขาบอกว่าผู้ถือหุ้นใหญ่มักเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยอยู่เสมอ ดังนั้นจึงไม่ควรมีใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และผู้ถือหุ้นไม่ควรเป็น insider ควรมีมือปืนรับจ้าง แต่มือปืนรับจ้างขาดความเป็นเจ้าของ ก็เลยต้องมี Warrant
อึม :roll:
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 8:50 am
โดย naris
เลือกข้อที่3ครับ
ข้อ 1 ไม่เด็ดขาด ถ้าเราไม่รู้จักผู้บริหารพอ
ข้อ 2 ก็กลัวความเฉื่อยของผู้บริหาร
ข้อ 3 น่าจะฟังเข้าท่าที่สุด
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 11:29 am
โดย por_jai
8) มันมักจะมีขนาดของบริษัทเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ข้อ3. ยกตัวอย่าง scc ที่มีทรัพย์สินเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ก็ใช้มืออาชีพ ใช้ระบบ มาบริหาร
ผมก็กล้าซื้อหุ้นเขานะ
ข้อ1. ถ้าเล็กๆอย่าง snc คุณสมชัยแกก็ดูแลของแกเอง
ก็สร้างงานสร้างความเติบโตให้กับองค์กร
ได้เป็นอย่างดี
จ้างคนอื่นมา ก็ทำได้ไม่ดีเท่าแกทำเองหรอกครับ
เพราะแกมีหุ้นเยอะด้วยในบริษัท
(ทำเยอะแกก็ได้เยอะไปด้วย)
sense of belongingมันก็สูงตามไปด้วย
ข้อ2.นี่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ดูได้อย่างมติชน
อย่าว่าแต่เคยดูดำดูดีผู้ถือหุ้นเลย
หุ้นตัวเองยังไม่ดูเลย
เกือบโดนอากู๋มาสวนเข้าให้แล้ว
ผมเห็นคุณภาพและโพสิชั่นนิ่งที่ดีของมติชน
แล้วเสียดายโปรดักส์ครับ
ทีปู่บัฟเฟ่ท์แกเชื่อถือวอชิงตันโพสท์
แล้วก็ถือมาหลายสิบปี
ราคาหุ้นขึ้นแล้วขึ้นอีก
เทียบกันไม่ได้เลย
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 1:20 pm
โดย hongvalue
โทษนะครับ ช่วยขยายความคำว่ามือปืนรับจ้างหน่อยได้ไหมครับ งงๆ ว่าเอาไว้ทำอะไรกันแน่
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 1:48 pm
โดย por_jai
8) มือปืนรับจ้าง ก็ตรงตัวเลยครับ
รับจ้างยิง(กบาล)คนทั่วราชอาณาจักร
คุณ hongvalue เกลียดหรือโกรธใครได้ที่แล้วหรือยังครับ...
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 2:37 pm
โดย hongvalue
แหม ไม่ได้เกลียดใครขนาดนั้นหรอกครับ ไม่อยากไปเสียเวลานั่งทำลายล้างใครครับ เอาเวลามาพัฒนาตัวเองดีกว่า มีคนไม่ทุกใจเยอะแยะ ต้องปล่อยวางบ้างล่ะครับ
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 3:38 pm
โดย Zero
ข้อ 1 ถ้าเรารู้จักเจ้าของเป็นอย่างดี และสามารถเชื่อได้ว่า เขาเป็นคนดี
มีฝีมือ ย่อมดีที่สุดครับ แต่โลกทุกวันนี้เราจะเชื่อใครได้บ้างละ
ข้อ 2 ผมค่อนข้างชอบถ้าผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นสถาบันนะครับ เหตุว่า
2.1 ถ้าลองนักลงทุนสถาบันซึ่งถือหุ้นมากกว่ายอมให้เจ้าของบริหารเอง
น่าจะแสดงได้หลายๆอย่าง ในเรื่องของความน่าไว้วางใจของผู้บริหารนั้น
2.2 ผู้บริหารที่ถือหุ้นไม่มากนักที่ยังได้บริหารอยู่สามารถถูกบลดออกจาก
การเป็นกรรมการได้โดยไม่ยากจากสถาบันที่ถือหุ้นใหญ่ ดังนั้นพวกเขาย่อม
ต้องแสดงฝีมือเต็มที่แน่นอน
2.3 นักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่ลงทุนในระยะยาว คล้ายๆพวกเรา VI พวกเขา
ก็จะให้ความสำคัญกับ ปันผลคล้ายๆเรา
2.4 เรื่อง Takeover ไม่น่าเป็นห่วงเพราะการที่เจ้าของถือหุ้นน้อยกว่า 30% ก็เหมือนโดน Take ไปแล้วนั่นแหละ
2.5 ที่น่าสนใจก็คือ นักลงทุนสถาบันสามารถเทขายหุ้นทิ้งได้ แต่เขาจะ
ทำอย่างนั้นทำไม ถ้าพื้นฐานของหุ้นยังดีอยู่
สุดท้ายม้นก็อยู่ที่ปัจจัยพื้นฐานหละครับผมว่านะ
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 7:17 pm
โดย BHT
แต่ที่เจอคือ เจ้าของให้พี่น้อง ลูก เมีย ถือกันคนละหน่อย ไม่กี่เปอร์เซ็นต์
แต่รวมกันก็ 60-70 เปอร์เซ็นต์น่ะสิ
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 8:51 pm
โดย สุมาอี้
ถ้ามูลค่าของบริษัทขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะตัวของเจ้าของ ผมจะชอบ 1 ที่สุด
แต่ถ้าบริษัทใหญ่แล้ว อยู่ได้ด้วยระบบ ไม่ได้อยู่ได้ด้วยคนๆ หนึ่ง อันนี้ผมจะชอบ 3 ที่สุด
ส่วน 2 นั้นผมว่าน่ากลัวที่สุด เพราะถ้าบริษัทไปได้ดีมากๆ เจ้าของจะรู้สึกโง่ที่เตะหมูเข้าปากหมาทำไปเท่าไรก็ให้คนอื่นหมด อีกอย่างก็คือจะมีไอ้โม่งซื้อขายหุ้นแทนเจ้าของได้ง่าย ในขณะที่ 1 นั้น หุ้นส่วนใหญ่ มองเห็น ได้ว่าเจ้าของยังถืออยู่ เล่นกลได้ยากกว่า
hongvalue : มือปืนรับจ้างหมายถึง กรรมการผู้จัดการที่เป็นแค่ลูกจ้าง ครับ มืออาชีพ ก็เรียก
อ่านๆ ดูแล้ว ความเห็นของทุกคนก็ไปในทำนองเดียวกันนะครับ
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 27, 2006 9:02 pm
โดย hot
ผมชอบที่3 มากที่สุด
เพราะ การทำกำไรสูงสุด ย่อมมีความเสี่ยงเหมือนกัน
แต่ถ้า ละ ความหนักใจ ที่เป็นเจ้าของกิจการออก
การตัดสินใจน่าจะง่ายกว่า
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 28, 2006 12:03 am
โดย yoyo
ผมคิดคล้ายๆพี่หลายคนที่ออกความเห็นมาแล้วนะ
คือไม่ 1 ก็ 3 แล้วแต่เงื่อนไขอื่นๆ
ถ้าผู้บริหารเก่งมากๆ ไว้ใจได้ ธุรกิจเล็กความสำเร็จขึ้นอยู่กับผู้บริหารเป็นหลัก ผมขอ 1
ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ธุรกิจดี ไม่ต้องพึ่งผู้บริหารมากขอ 3
ส่วนงานนี้ไม่ว่าจะน้องพลับหรือน้องโยโย่ไม่ "ขอสอง" แน่ๆ :lol:
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 28, 2006 12:38 am
โดย Mr.Freeze
เลือกข้อ 3 เหมือนกันครับ
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 28, 2006 7:47 am
โดย Muffin
ผมเลือก 3 ก่อนครับ ถัดมาเป็น 1
แต่ผมว่า 70% เยอะไป
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 28, 2006 12:35 pm
โดย BHT
บริษัทข้อ 3 มีตัวไหนบ้างครับ แนะนำหน่อย :lol: :lol:
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 29, 2006 8:17 am
โดย Zero
ผมว่าน่าจะดูที่พื้นฐานอยู่ดีครับ
คำว่าเจ้าของนี่หมายถึงผู้ก่อตั้งรึเปล่า
ถ้าผู้ก่อตั้งเหลือหุ้นแค่10% ยังจะนับเป็น
เจ้าของอยู่รึเปล่า
(สำหรับผม VI ทุกคนเป็นเจ้าของหมด)
ผมจึงมองว่าข้อ 2 และ 3 ต่างกันไม่มาก
ส่วนตัวมองว่า Incentive สำหรับผู้บริหารที่
ถือหุ้นซัก 10% ที่ได้ในรูปหันผลน่าจะมีผล
แรงกว่าอย่างอื่นๆนะ
โดยเฉพาะการรับความเสี่ยงที่มากเกินไป
เพื่อหวังผลระยะสั้น
อย่างไรก็ดีผมคิดว่าหุ้นทุกตัวจะเดินทางจาำก
1 ไป 2 แล้วก็ 3 ในที่สุดครับ
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 29, 2006 10:12 am
โดย beammy
บริษัทที่ดีนั้น
ควรจะมีโครงสร้างของ "เจ้าของ" และพวกของ "เจ้าของ" อยู่ในระดับไม่เกินไปกว่า 50%
นอกนั้น ควรเป็นรายย่อย และสถาบัน
ตามกระทู้ ผมเลือกข้อ 2 ครับ ...
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 29, 2006 1:09 pm
โดย miracle
แบบ1,2,3 ไม่เลือก ถ้าไม่เข้ากิจการนั้นๆๆ
หรือไม่เข้าว่ากิจการนั้นมีเนื้อเรื่องอะไรให้ทำต่อไป
ย้ำว่า เนื้อเรื่องน่า ไม่เอาเนื้อเรื่องที่ปล่อยข่าวลือ
จำพวกแจกwarrent ลดพาร์ เอาเนื้อๆๆเน้นว่าเพียวๆๆ
ว่ากำลังจะทำอะไร ทำไมถึงต้องเพิ่มทุน ต้องหาพันธมิตร(เพื่อผู้ถือหุ้น)
ประมาณนี้
ไม่เลือกจะดีกว่า ต้องมองแบบแสงผ่านได้ดีที่สุด
ทุกอย่างต้องพึ่งตัวเองเป็นที่ตั้ง
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 29, 2006 1:35 pm
โดย jaychou
น่าจะดูว่าเจ้าของถือหุ้นเป็นกี่เปอร์เซนต์ของมูลค่าสินทรัพย์ของตนมากกว่า
ถือ 10% แต่นั่นเป็น 90% ของสินทรัพย์ส่วนตัว
น่าจะเป็นผลดีกว่า
ถือ 70% ที่เป็น 0.01% ของสินทรัพย์ส่วนตัว
โครงสร้างผู้ถือหุ้น
โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 29, 2006 9:49 pm
โดย สุมาอี้
jaychou เขียน:น่าจะดูว่าเจ้าของถือหุ้นเป็นกี่เปอร์เซนต์ของมูลค่าสินทรัพย์ของตนมากกว่า
ถือ 10% แต่นั่นเป็น 90% ของสินทรัพย์ส่วนตัว
น่าจะเป็นผลดีกว่า
ถือ 70% ที่เป็น 0.01% ของสินทรัพย์ส่วนตัว
มีประเด็นครับ :D