หน้า 1 จากทั้งหมด 1
เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง จาก หุ้นลงแล้วก็ขึ้น
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 20, 2006 10:37 am
โดย Jeng
พร้อมๆกับคำพูดในเว็บไซด์ ในขณะที่หุ้นลง และในขณะหุ้นขึ้น
ktc 16 >>>> 24
ah 12.50 >>> 19.20
tta 18 >>>> 27
อืม ไว้กลับมาเล่น ตั้งใจกว่าเดิม คริๆ
เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง จาก หุ้นลงแล้วก็ขึ้น
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 20, 2006 4:21 pm
โดย thawattt
ได้เรียนรู้ว่า หุ้นมีขึ้น มีลง เป็นวัฏจักรของมันอยู่อย่างนั้น
จะบังคับให้ขึ้น มันอาจไม่ยอมขึ้นตาม แม้จะเชียร์สุดใจขาดดิ้นเท่าไรก็ตาม
หรือจะบังคับให้ลง มันอาจไม่ลงตาม จะสาบแช่งให้หุ้นมันลง มันก็ไม่ยอมจะลงซะที
ก็เป็นอนิจจังของมันอยู่อย่างนั้นครับ
แต่เวลาจะขึ้นจะลง ก็จะมีเหตุปัจจัยใหม่ ๆ ทำให้เป็นมูลเหตุให้ขึ้นหรือลง
เช่น KTC จากตอนที่ตก เพราะคุณภาพหนี้มีแนวโน้มแย่ลง แต่พอจะขึ้น อยู่ ๆ ธปท. ก็บอกว่าอาจจะยอมให้ปรับดอกเบี้ยขึ้นได้บ้างเป็นต้น หรือ TTA ตอนลง BDI INDEX ก็ปรับลงตลอด แต่พอหุ้นขึ้น ก็เพราะ BDI INDEX มันปรับตัวสูงขึ้นไปใหม่
หุ้นขึ้น หรือหุ้นลง จึงเป็นของธรรมดาครับ :lol:
เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง จาก หุ้นลงแล้วก็ขึ้น
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 20, 2006 4:55 pm
โดย nanchan
[quote="thawattt"]ได้เรียนรู้ว่า หุ้นมีขึ้น มีลง เป็นวัฏจักรของมันอยู่อย่างนั้น
เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง จาก หุ้นลงแล้วก็ขึ้น
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 20, 2006 7:21 pm
โดย rungtiwa
ตั้งข้อสังเกตุไว้ว่า เวลาหุ้นลงนักวิเคราะห์ส่วนมากจะบอกให้ซื้อ
แต่เวลาหุ้นกำลังขึ้น ส่วนมากจะบอกให้ยิ่งซื้อพร้อมปรับประมาณการ
อย่างตอน AH ลงจากประมาณ 20 กว่า นักวิเคราะห์บอกว่าซื้อลงทุน พอลงมาถึง 14 บาท กลับบอกว่าขายทำกำไร (เน้นขายทำกำไร) และบอกว่า Fair อยู่ที่ 13-14 บาท
พอราคากลับมาที่ 16 บาท ก็กลับคำวิเคราะห์ บอกว่าซื้อลงทุนอีก กำลังปรับประมาณการขึ้น
เฮ้อ ชีวิต
ปกติก็ไม่ค่อยได้เชื่อบทวิเคราะห์หรอก อาศัยแอบอ่านบทความที่ท่านๆๆๆๆๆ post เอกไว้นั่นแหละ จึงรอดตัวมาได้ทุกวันนี้
เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง จาก หุ้นลงแล้วก็ขึ้น
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 20, 2006 8:32 pm
โดย ลูกไม่ท้อ
ก็คิดเหมือนๆกันแหละครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมีความเห็นต่างก็คือ เวลาที่เซ็ตอินเด็กซ์ตกมากๆ มีข่าวร้ายกับตลาดมากๆ แล้วดันมีหุ้นบางตัวมันไม่ยอมลง ก็พอจะเป็นตัวบอกอะไรเราได้อย่างหนึ่งนะ อย่างที่เค้าว่าไม่เห็นทุกข์ ก็ไม่เห็นธรรม มันเหมือนว่า หนึ่ง หุ้นตัวนั้นพื้นฐานแข็งแกร่งมากๆ จนข่าวร้ายก็ไม่ทำให้สะเทือน หรือ สอง หุ้นตัวนั้นมันลงไปถึงจุดต่ำสุดของมัน ประมาณว่าติดดินแล้ว ข่าวร้ายจึงเหยียบให้มันลงต่ำไปกว่านั้นไม่ได้อีก
จึงสรุปได้ว่าอุปสรรคหรือเรื่องร้ายๆ สามารถใช้เป็นตัวทดสอบคนได้ฉันท์ใด ก็สามารถใช้เป็นตัวทดสอบหุ้นได้เหมือนกัน จริงไหมครับ
เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง จาก หุ้นลงแล้วก็ขึ้น
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 20, 2006 11:04 pm
โดย nanakorn
thawattt เขียน:ได้เรียนรู้ว่า หุ้นมีขึ้น มีลง เป็นวัฏจักรของมันอยู่อย่างนั้น
ทำให้ผมนึกถึง ความรู้สึกของผมที่มีมานานแล้วว่า สัญลักษณ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นกราฟ Sine หนึ่งคาบ ซึ่งเป็นบวกก่อนแล้วเป็นลบ สุดท้ายกลับมาอยู่ที่เดิม ถึงว่าตลาดหุ้นไทยเลยไม่ไปไหน
น่าจะจับแกนของกราฟเอียงขึ้นสักหน่อยนะครับ :D
เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง จาก หุ้นลงแล้วก็ขึ้น
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 20, 2006 11:24 pm
โดย thawattt
ตั้งข้อสังเกตุไว้ว่า เวลาหุ้นลงนักวิเคราะห์ส่วนมากจะบอกให้ซื้อ
แต่เวลาหุ้นกำลังขึ้น ส่วนมากจะบอกให้ยิ่งซื้อพร้อมปรับประมาณการ
ผมเจอที่แปลกกว่านั้น นักวิเคราะห์เขียน เชียร์ให้ขายหุ้น เพราะหมดอนาคต
แต่มองไปที่ Volumn การซื้อขาย เดี๋ยวก็มี Big lot มาทะยอยเก็บสะสมเป็นเดือนแล้ว เดี๋ยวก็มี Volumn ซื้อ จาก NVDR ของต่างชาติ มาทะยอยเก็บเป็นเดือนแล้วเช่นกัน
พอเก็บได้ที่ และราคาเริ่มขยับ
บทวิเคราะห์คงออกใหม่ว่า พื้นฐานตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว ให้ทะยอยซื้อลงทุนตรงดอยได้ครับ เดี๋ยวจะมีคนขายให้ครับ อิ อิ
ผมเคยเห็นงานวิจัยฉบับหนึ่งเขาบอกว่า หุ้นที่นักวิเคราะห์เชียร์ให้ขาย มักจะตกระยะสั้นสักพักหนึ่งเป็นส่วนใหญ่ แต่อีกไม่นานนัก ก็จะกลับมาใหม่ได้ ถ้าไม่ใช่เป็นหุ้นเน่าจริง ๆ ครับ
ดังนั้น อ่านบทวิเคราะห์ ก็ต้องอ่านมุมมองเท่านั้น การตัดสินใจอยู่ที่เราครับ ต้องรู้จักประเมินหุ้นด้วยตนเอง เพราะนักวิเคราะห์บางครั้งเขาก็ใช้ข้อมูลการเงินซึ่งเป็นข้อมุลLagging Indicator จากผลงานในอดีตมากำหนดราคาหุ้น แต่เราเล่นหุ้นต้องดูปัจจุบันและอนาคต
เหมือนปีเตอร์ลินซ์ เคยเขียนเรื่องธุรกิจตัวหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีนักวิเคราะห์เชียร์ซื้อ แต่ธุรกิจขายดีมาก ๆ จนกระทั้งผลงานเริ่มออกมาเรื่อย ๆ กำไรเพิ่มสูงมาก ๆ จนนักวิเคราะห์ต้องหันมาเชียร์ให้ซื้อ ก็พอดีช่วงนั้นธุรกิจเริ่มมีคู่แข่งขันเข้ามามาก ทำการตัดราคา ซึ่งทำให้กำไรในช่วงหลังก็เริ่มลดลง สุดท้ายก็ได้เวลาธุรกิจขาลง ตรงนั้นก็อยู่บนดอยพอดีครับ
บทวิเคราะห์จึงควรนำมาอ่านเป็นแนวทางครับ แต่เราต้องมากรองอีกชั้นหนึ่งครับ ดูเหตุการณ์ปัจจุบัน และมองอนาคตด้วย หลัง ๆ บทวิเคราะห์หลายบริษัทก็เริ่มมีมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น เขียนสวนทางกันมากขึ้นก็มี ดังนั้นอยู่ที่เราต้องเลือกและทำการวิเคราะห์ด้วยตนเองด้วย บทวิเคระห์บางเรื่องเขาต้องอาศัยหลักฐานข้อมุลที่อ้างอิงได้ ทำให้การวิเคราะห์นั้นอาจไม่ทันเหตุการณ์เท่าที่ควรครับ เพราะการอ้างหลักฐานที่ยังไม่เห็น บางครั้งก็เป็นความเสี่ยงในการวิเคระห์ ดังนั้นนักวิเคระห์ส่วนใหญ่เพื่อความปลอดภัย จึงต้องอ้างอิงข้อมูลหลักฐานทางการเงินที่ได้รับจากบริษัท หรือการให้สัมภาษณ์ครับ
ต่อไปน่าจะจัดอันดับบทวิเคราะห์ของ Broker กันบ้างก็ดีครับ เพือ่ให้เป็นแนวทางในการพัฒนาบทวิเคราะห์ให้ดียิ่งขึ้นครับ แบบนี้ใครเขียนบทวิเคราะห์ที่ได้อันดับต่ำ ๆ จะได้พัฒนาการวิเคราะห์ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นครับ
เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง จาก หุ้นลงแล้วก็ขึ้น
โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 21, 2006 4:20 pm
โดย เพื่อน
ต่อไปน่าจะจัดอันดับบทวิเคราะห์ของ Broker กันบ้างก็ดีครับ เพือ่ให้เป็นแนวทางในการพัฒนาบทวิเคราะห์ให้ดียิ่งขึ้นครับ แบบนี้ใครเขียนบทวิเคราะห์ที่ได้อันดับต่ำ ๆ จะได้พัฒนาการวิเคราะห์ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นครับ
อันนี้เข้าท่าดีครับ เห็นด้วยๆๆ
ว่าแต่บางทีมันขึ้นกับระยะเวลาในการพิสูจน์ด้วยสิครับ บางครั้งไปเห็นผลเอาในระยะยาว....สงสัยต้องแบ่งเป็นประเภทความน่าเชื่อถือในระยะ สั้น กลาง และยาว ว่าของใครเหมาะหรือไม่เหมาะกับแต่ละระยะเท่าไหร่
เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง จาก หุ้นลงแล้วก็ขึ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 22, 2006 9:35 pm
โดย khun_parinya
ผมเสียดาย KTC ที่สุด ตอนที่ลงไปถึง 16 บาท ตอนนั้นผมรวบรวมเงินไม่ทัน
เสียดายจริง ๆ
เพราะผมรู้อยู่แล้วว่า การที่เขาอัดฉีดเงินให้กับเกมส์อัจฉริยะ มันไม่น่าจะทำให้หุ้นตกไร้สาระแบบนั้น
มันเป็นโอกาส แต่ตังค์ไม่พอ :(
เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง จาก หุ้นลงแล้วก็ขึ้น
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 22, 2006 10:51 pm
โดย Belffet
ได้รู้ว่า พี่เจ๋งกับ TTA ...
:D
เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง จาก หุ้นลงแล้วก็ขึ้น
โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 24, 2006 1:32 pm
โดย วัวแดง
ธรรมดา =====> ธรรมชาติ