หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 17, 2006 6:09 pm
โดย Joi
SF งบสวยสุดๆ 3Q โตกว่าปีที่แล้ว 3 เท่ากว่า ราคายังขึ้นไม่มาก และกราฟเริ่มทำไฮ
SPACK งบงาม PE 6 เท่ากว่า DIV ปีละเกือบ 10% กราฟก็งาม
SECC งบก็งาม น่าจะมีข่าวดี
เพื่อนๆว่าไงครับ ผมพอจะได้เงินไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้บ้างไม๊ครับ Comment ทีครับ ขอบคุณ :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
มีแวว..
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 17, 2006 9:09 pm
โดย artid
มีแวว...สู้ๆๆ
Good things come in small packages BUT The bigger the better
--------------------------------------------------------
ข่าวคราวหุ้น ตปท.
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 17, 2006 9:37 pm
โดย KwanG
SF ตั้งแต่มีข่าวเพิ่มทุนราคาก้อลงเอาๆเลยนะค่ะ
ก่อนเพิ่มทุน foreign broker ให้ราคาปลายปีที่ 12-13 บาท เป็น small ที่น่าจับตา แต่ก้อมีบาง Broker ที่ยังไม่ค่อยมันใจเท่าไหร่
ตอนนี้น่าจะปรับ target price ลงมาแล้วมั้งค่ะ....น่าจะประมาณ 10 บาท เดือนที่แล้วผ่านไปแถวๆ อารีย์ เห็นว่าใกล้จะเสร็จแล้ว เลื่อนออกมาจากเดิมคือ กรกฎาคม....
พี่ๆ คิดว่าน่าจะ Okay มั้ยค่ะ
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 18, 2006 12:03 am
โดย Joi
SF ราคาเป้าหมายไม่น่าปรับลด น่าจะเพิ่ม แต่ละโบรก มีตั้งแต่ 10.88 - 13.80 บ. แต่ถ้า Q4 ออกมาน้องๆ Q3 ผมว่าน่าจะ 15 Up นะ
Spack ก็น่าสนใจ ราคาไปเรื่อยๆแต่มั่นคง ปันผลก็สูง กำไรก็โตขึ้น เจ้าของบอกราคาหุ้นเขาต่ำกว่าความเป็นจริง PE 6 เท่ากว่า นอกจากนี้ข่าวการควบ EPCO ยังคงมีอยู่
SECC เพื่อนบอกข่าวดี แต่มันไม่ยอมบอก ก็เลยซื้อตามมัน กำไรก็ดี
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 18, 2006 6:09 pm
โดย คนเรือ VI
SF ไปอ่านดูที่ร้อยคนร้อยหุ้นครับ
ตัวนี้เป็น leasehold นะครับ ตัวกำหนดรายได้ไม่เหมือน CPNนะครับ
ระวังด้วย
ผมมองว่าอาจจะต้องเพิ่มทุนไปเรื่อยๆ
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 18, 2006 11:35 pm
โดย Muffin
มาเตือนเหมือนกันครับ ดูแค่กำไรรายไตรมาสที่โตมากๆไม่ดีนะครับ
เพราะว่า บริษัทที่กล่าวมา ก็มีรายได้ที่ไม่ใช recurring income ที่เป็นก้อนใหญ่ๆอยู่นะครับ มันจะไม่เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆนะครับ ให้ระวังด้วยครับ
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 18, 2006 11:53 pm
โดย woody
Muffin เขียน:recurring income
ชอบคำนี้จังครับ :idea:
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 19, 2006 2:31 pm
โดย Joi
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ผมจะระวัง
SF ผมว่าเล่นได้จนถึง Q1 ปีหน้า งบคงดีต่อเนื่อง แต่หลังจากนั้นค่อยว่ากันคับ ก็เหมือน SIAM คับ จะทำกำไรให้สูงกว่าปีก่อนคงลำบาก เป็นวัฎจักรคับ SF เพิ่งจะเริ่มคับผม ผมว่ายังคงทำกำไรได้อยู่
SPACK ตัวนี้เหมือนฝากแบ๊งค์คับโตเรื่อยๆ ปันผลปีละเกือบ 10% และข่าวควบรวมกับ EPCO คับ
SECC กำไรดี น่าติดตาม
ยังงัยก็ขอบคุณข้อมูลที่มีประโยชน์คับ
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 19, 2006 9:34 pm
โดย beammy
SECC ต้องระวังอย่างยิ่งครับ เพราะธุรกิจนี้ ไม่มี Barrier to entry เลย ครับ
งบสวยจริงครับ แต่อย่าลืมว่าเขาเพิ่งจะเข้าตลาดฯ ไม่นานนัก
ธุรกิจนี้ไม่ขึ้นอยู่กับสภาพการณ์เศรษฐกิจซักเท่าไรครับ เพราะฐานลูกค้าของ SECC เป็นกลุ่มบุคคลเฉพาะเจาะจง ที่มีกำลังซื้อรถ Premium ที่ต้องการความแตกต่าง ซึ่งมีไม่มากนักในประเทศไทย
ให้ PE มากไม่ได้แน่นอนครับ เพราะไม่มี Loyalty ในตัว Brand เลย
คิดง่ายๆ ว่า ถ้า ETON ขาย Toyota Alphard Hybrid ถูกกว่า SECC ราวๆ 1-2 แสนบาท แม้ ETON มีสาขาน้อยกว่า SECC แต่ว่าลูกค้าไม่ได้กังวลว่าจะต้องออกรถจาก SECC เท่านั้น
ทำให้เค้กของตลาด Gray Market, SECC มีส่วนแบ่งไม่ถึง 50% แน่นอน ครับ ไม่ว่าเหตุผลใดๆ ก้อตาม
ธุรกิจนี้ ชี้เป็นชี้ตายในเรื่อง CRM เท่านั้นเลยครับ
ETON ก้อทำได้ไม่ต่างจาก SECC
เข้ามาแนะนำ ครับผม ...
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 12:56 am
โดย BHT
beammy เขียน:SECC ต้องระวังอย่างยิ่งครับ เพราะธุรกิจนี้ ไม่มี Barrier to entry เลย ครับ
งบสวยจริงครับ แต่อย่าลืมว่าเขาเพิ่งจะเข้าตลาดฯ ไม่นานนัก
ธุรกิจนี้ไม่ขึ้นอยู่กับสภาพการณ์เศรษฐกิจซักเท่าไรครับ เพราะฐานลูกค้าของ SECC เป็นกลุ่มบุคคลเฉพาะเจาะจง ที่มีกำลังซื้อรถ Premium ที่ต้องการความแตกต่าง ซึ่งมีไม่มากนักในประเทศไทย
ให้ PE มากไม่ได้แน่นอนครับ เพราะไม่มี Loyalty ในตัว Brand เลย
คิดง่ายๆ ว่า ถ้า ETON ขาย Toyota Alphard Hybrid ถูกกว่า SECC ราวๆ 1-2 แสนบาท แม้ ETON มีสาขาน้อยกว่า SECC แต่ว่าลูกค้าไม่ได้กังวลว่าจะต้องออกรถจาก SECC เท่านั้น
ทำให้เค้กของตลาด Gray Market, SECC มีส่วนแบ่งไม่ถึง 50% แน่นอน ครับ ไม่ว่าเหตุผลใดๆ ก้อตาม
ธุรกิจนี้ ชี้เป็นชี้ตายในเรื่อง CRM เท่านั้นเลยครับ
ETON ก้อทำได้ไม่ต่างจาก SECC
เข้ามาแนะนำ ครับผม ...
พอดีสนใจตัวนี้อยู่บ้าง รบกวนขอถามเพิ่มเติมหน่อยครับ อยากทราบว่าไม่มี barrier to entry เลยนี่ อธิบายเพิ่มเติมหน่อยคัรบ ถ้าผมมีเงินสักร้อยล้านอยากเปิดบริษัทนำเข้ารถมาขายเองนี่ ง่ายมากเหรอครับ มีบริษัทที่เข้ามาแย่งแชร์กันเยอะมั้ยครับ แล้วมีบริษัทที่เปิดขึ้นมาแล้วล้มหายตายจากไปเยอะมั้ยครับ
แล้วก็เรื่องการแข่งขันราคา เท่าที่ทราบ จะขายราคาเดียวกันนี่ครับ ไม่มีการแข่งกันด้านราคา เพราะดูเหมือนจะมีนโยบายมาจากทางเจ้าของค่ายรถ หรือว่ามีการตกลงกันนี่แหละ จำไม่ได้ อันนี้จริงหรือไม่จริงครับ
ส่วนแบ่งการตลาด เท่าที่ผมอ่านเจอ เค้ามียอดขายหลักพันล้านบาท ผมก็ไม่ทราบว่า ETON มีเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนอ่านเจอว่าเค้าเป็นรายใหญ่ รายอื่นจะขายกันได้แค่ไม่กี่ร้อยล้านต่อปีเอง อันนี้ก็ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยครับ
ขอบคุณครับ
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 9:03 am
โดย beammy
BHT เขียน:พอดีสนใจตัวนี้อยู่บ้าง รบกวนขอถามเพิ่มเติมหน่อยครับ อยากทราบว่าไม่มี barrier to entry เลยนี่ อธิบายเพิ่มเติมหน่อยคัรบ ถ้าผมมีเงินสักร้อยล้านอยากเปิดบริษัทนำเข้ารถมาขายเองนี่ ง่ายมากเหรอครับ มีบริษัทที่เข้ามาแย่งแชร์กันเยอะมั้ยครับ แล้วมีบริษัทที่เปิดขึ้นมาแล้วล้มหายตายจากไปเยอะมั้ยครับ
แล้วก็เรื่องการแข่งขันราคา เท่าที่ทราบ จะขายราคาเดียวกันนี่ครับ ไม่มีการแข่งกันด้านราคา เพราะดูเหมือนจะมีนโยบายมาจากทางเจ้าของค่ายรถ หรือว่ามีการตกลงกันนี่แหละ จำไม่ได้ อันนี้จริงหรือไม่จริงครับ
ส่วนแบ่งการตลาด เท่าที่ผมอ่านเจอ เค้ามียอดขายหลักพันล้านบาท ผมก็ไม่ทราบว่า ETON มีเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนอ่านเจอว่าเค้าเป็นรายใหญ่ รายอื่นจะขายกันได้แค่ไม่กี่ร้อยล้านต่อปีเอง อันนี้ก็ช่วยอธิบายเพิ่มเติมหน่อยครับ
ขอบคุณครับ
การเปิดบริษัทนำเข้ารถยนต์นั้น เพียงแค่มีเงินนำมาลงทุนทำโชว์รูม ทำการตลาด ฯลฯ ไม่เพียงพอครับ ยังต้องมี Connection กับบริษัทที่เรานำรถเข้ามาจำหน่ายภายในประเทศด้วย อันจะก่อให้เกิด Economy of Scale ครับ นั่นคือ ซื้อ Toyota Harrier Hybrid เข้ามา 50 คัน ย่อมได้รับส่วนลดมากกว่าซื้อเพียง 10 คัน เป็นแน่นอน ครับ
ผมยอมรับว่า SECC มีจุดแข็งทางด้านนี้ แต่เขาก้อมีค่าใช้จ่ายในการบริหารมากขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกันครับ เพราะในอนาคตคาดว่าจะเปิดสาขาให้ครบทุกภูมิภาค บ้านผมยังมีไม่กี่สาขาเอง -*-
ขั้นตอนการเปิดบริษัทนำเข้ารถยนต์ จึงง่ายมาก เพียงมีสายป่านที่ยาวพอ และความขยันในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เข้าใจตลาดรถยนต์ Premuim ฯลฯ
ดังจะเห็น Gray Market ที่ ณ ปัจจุบัน ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด
รายใหญ่ๆ ที่เป็นคู่แข่งของ SECC โดยตรง เห็นจะมีอยู่เยอะทีเดียวครับ (ผมก้อเป็นคู่แข่งเขานะ ฮ่าๆ)
ตัวอย่างเช่น Eton Import, J Auto Import, TSL, Infini, Benz Ramkhamhaeng ฯลฯ ซึ่งบริษัทที่กล่าวไปนี้ มีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์ Premuim พอสมควร ครับ และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
การแข่งขันทางด้านราคา จะมีให้เห็นอยู่น้อย หรืออาจจะน้อยมาก อาจเป็นเพราะรายอื่นๆ มีต้นทุนที่สูงกว่า SECC รายอื่นๆนั้น จึงไปเน้นในเรื่อง Option แทน
ตัวอย่างเช่น ผมขาย Nissan Fairlady 350Z ให้กับลูกค้า ราคา 5.1 ล้านบาท รุ่นเกียร์อัตโนมัติ ของแถมนั้น มีระบบนำทางให้ (Navigator), ระบบเบรก Brembo, เครื่องเสียง Bose, ความเร็วสูงสุดไม่ได้ล๊อคไว้ที่ 220, ประกันภัยชั้น1 ฯลฯ ลูกค้าก้อยังชื่นชอบ ครับ จึงอาจกล่าวได้ว่า SECC ไม่ได้มีจุดแข็งทางด้านราคาซักเท่าใดนักเลย เพราะเจ้าอื่นๆ ก้อมีของแถมต่างๆ ที่ใกล้เคียงกัน และ SECC ขายในราคา 5.3 ล้านบาท สำหรับรุ่นเกียร์อัตโนมัติอีกด้วย (แพงกว่าอีกแน่ะ)
ที่ผมกล่าวอ้างไปข้างต้นนั้น ธุรกิจนี้ชี้เป็นชี้ตายที่ระบบ CRM (Customer Relation Management) ครับ ซึ่งแต่ละที่ก้อไม่ได้มีความแตกต่างกัน การรับประกันค่าบำรุงรักษาตามระยะทาง 3 ปี หรือ 5 หมื่นกิโลเมตร, 3 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร ฯลฯ ก้อมีเหมือนๆ กัน
SECC จึงมีการทำการตลาดอย่างสม่ำเสมอ เห็นได้จากโฆษณาตามหน้าหนังสือพิมพ์ ที่มีบ่อยกว่าเจ้าอื่น ทำให้กลุ่มลูกค้าจดจำ รับรู้ ว่า บริษัทนี้มีโปรโมชั่นอะไรบ้างที่แปลกและแตกต่างไปจากเจ้าอื่น ณ เวลาเดียวกัน
เมื่อกล่าวถึงยอดขาย ธุรกิจนี้มี Gross Profit Margin น้อย เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ จึงทำให้กำไรสุทธิในแต่ละปีของ SECC นั้น มีไม่มาก เมื่อเทียบกับยอดขายในหลักพันล้านบาทขึ้นไป นั่นหมายถึง ธุรกิจนี้ ดูยอดขายอย่างเดียวไม่ได้ครับ อาจต้องดูนโยบายของทางบริษัทว่าจะเจาะกลุ่มลูกค้าแบบใด (ทาง SECC จะเจาะกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถ Hybrid เป็นหลัก) ที่บ้านผมอาจมียอดขายสู้ SECC ไม่ได้ แต่กำไรสุทธิก้อไม่ได้ห่างจาก SECC หลายช่วงตัวเลย เพราะไม่ได้เน้นที่ผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่ง อาจเป็นเพราะที่บ้านผมเน้นการนำเข้ารถที่มีสมรรถนะสูง, รถที่เป็น Limited Edition และเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่เฉพาะเจาะจง รถแบบนี้มี Margin มากทีเดียว ครับ
ยอดขายไม่ใช่สิ่งสำคัญครับ ควรเน้นที่ "กำไรสุทธิ" จะดีที่สุดครับ สำหรับธุรกิจนี้
และผมเชื่อว่า อีกไม่กี่ปี SECC ต้องประกาศเพิ่มทุนแน่นอนครับ ลักษณะคล้ายๆ กับ HMPRO
เข้ามาเพิ่มเติม ครับผม ...
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 9:42 am
โดย Joi
ขอบคุณมากๆเลยคับสำหรับข้อมูล :lol: :lol: :lol:
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 12:17 pm
โดย BHT
ขอบคุณอย่างมากครับ ได้รู้หลายอย่างทีเดียว ไว้มีโอกาสไปพบทาง secc จะได้ลองสอบถามมุมมองทางเค้าบ้าง
การเปิดบริษัทนำเข้ารถยนต์นั้น เพียงแค่มีเงินนำมาลงทุนทำโชว์รูม ทำการตลาด ฯลฯ ไม่เพียงพอครับ ยังต้องมี Connection กับบริษัทที่เรานำรถเข้ามาจำหน่ายภายในประเทศด้วย อันจะก่อให้เกิด Economy of Scale ครับ นั่นคือ ซื้อ Toyota Harrier Hybrid เข้ามา 50 คัน ย่อมได้รับส่วนลดมากกว่าซื้อเพียง 10 คัน เป็นแน่นอน ครับ
อันนี้ผมก็มองว่า เป็นสิ่งที่ทำให้เข้าเหนือกว่าคนอื่น หรือเรียกว่าได้เปรียบเชิงแข่งขันยั่งยืนก็ได้นะ แต่บางคนอาจมองว่าไม่ใช่ ก็แย้งด้วยครับ เผื่อได้มุมมองที่มองข้ามไป
ขั้นตอนการเปิดบริษัทนำเข้ารถยนต์ จึงง่ายมาก เพียงมีสายป่านที่ยาวพอ และความขยันในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เข้าใจตลาดรถยนต์ Premuim ฯลฯ
คนที่อยู่มานานกว่า น่าจะได้เปรียบคนใหม่อย่างชัดเจนทีเดียวนะครับ ดังนั้นเข้ามาใหม่ง่ายๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีกำไรอยู่รอดได้เลยนะครับ
เมื่อกล่าวถึงยอดขาย ธุรกิจนี้มี Gross Profit Margin น้อย เมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ จึงทำให้กำไรสุทธิในแต่ละปีของ SECC นั้น มีไม่มาก เมื่อเทียบกับยอดขายในหลักพันล้านบาทขึ้นไป
มาร์จิ้นน้อย แต่คนก็ยังอยากเข้ามาแย่งแชร์กัน มีอะไรดีเหรอเนี่ย
ยอดขายไม่ใช่สิ่งสำคัญครับ ควรเน้นที่ "กำไรสุทธิ" จะดีที่สุดครับ สำหรับธุรกิจนี้
และผมเชื่อว่า อีกไม่กี่ปี SECC ต้องประกาศเพิ่มทุนแน่นอนครับ
หมายถึงว่าขยายสาขามากไปจากการกู้เงิน จนต้องเพิ่มทุนเหรอครับ จำได้ว่าเค้าเข้าตลาดมาเพื่อเอาเงินไปลดหนี้นะครับ ก็ต้องตามดูว่าหนี้เพิ่มขึ้นบ้างหรือเปล่า ถ้าเพิ่มจนเยอะเกิน ก็คงมีแววได้เพิ่มทุน
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 12:20 pm
โดย beammy
ตามนั้นครับคุณ BHT ...
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 12:29 pm
โดย BHT
คุณ beammy ขอถามเรื่องค่าเงินหน่อยครับ
อยากทราบว่าจ่ายเงินค่ารถเป็นเงินสกุลอะไรบ้างครับ บาทเทียบดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมากได้ผลดีมั้ย แล้วถ้าเงินค่ารถไม่ใช่ดอลลาร์ เงินสกุลนั้นเทียบกับบาทแข็งขึ้นบ้างมั้ย ถ้าแข็ง ส่งผลดีมากน้อยอย่างไรบ้างครับ ตามที่ผ่านมาจริง
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 12:50 pm
โดย beammy
BHT เขียน:คุณ beammy ขอถามเรื่องค่าเงินหน่อยครับ
อยากทราบว่าจ่ายเงินค่ารถเป็นเงินสกุลอะไรบ้างครับ บาทเทียบดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมากได้ผลดีมั้ย แล้วถ้าเงินค่ารถไม่ใช่ดอลลาร์ เงินสกุลนั้นเทียบกับบาทแข็งขึ้นบ้างมั้ย ถ้าแข็ง ส่งผลดีมากน้อยอย่างไรบ้างครับ ตามที่ผ่านมาจริง
ขึ้นอยู่กับบริษัทที่เรา Deal ด้วย ครับ ว่าอยู่ประเทศอะไร
ถ้าผมจะสั่ง Porche 911 เข้ามาขาย เวลาทำสัญญา จะใช้เงิน Euro
แต่ถ้าจะสั่ง Mazda RX-8 เข้ามาขาย เวลาทำสัญญา จะใช้เงิน USD
โดยหลักของ Gray Market จะใช้เงิน 2 สกุลนี้เท่านั้น ครับ
เงินเยนญี่ปุ่นนั้น ไม่ใช้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนแต่อย่างใด แม้ว่าจะซื้อมาจากญี่ปุ่นก้อตามที
การทำสัญญา จะเป็นลักษณะสัญญาล่วงหน้า โดยกำหนดค่าเงินในขณะนั้นเป็นประมาณการครับ
คล้ายคลึงกับสัญญาซื้อขายน้ำมันของบริษัทน้ำมัน ครับ
ตัวอย่าง / ผมสั่ง RX-8 เข้ามา 12 คัน โดยกำหนดส่งมอบรถในเดือนมกราคม ค่าเงินที่ผมต้องจ่าย ก้อคือเงิน USD ในปัจจุบัน ณ ขณะนี้ ครับ คือเดือนพฤศจิกายน (แข็งค่าก้อยิ่งดีใหญ่ แต่ถ้าเงินอ่อนค่าลง แล้วสั่งมาเยอะ ก้อซวยไป) ขายเป็นเงินบาท + ภาษีศุลกากร ตามอัตราพิกัดความจุเครื่องยนต์ ครับ
แต่ถือว่าเป็นการฟันกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่มากนัก เมื่อเทียบเป็นเปอร์เซนต์ของรายได้ (ไม่ถึง 5% ของรายได้ เท่าที่ทราบมา ครับ ไม่มีนัยสำคัญอะไรกับธุรกิจ)
ครับผม ...
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 2:26 pm
โดย artvr4
ในธุรกิจนี้ คุณ Beammy ได้ป้องกันความเสี่ยงด้านค่าเงินหรือเปล่าครับ
หรือว่า ไม่ทำ จะมีผลต่อราคาตัวรถมั้ยครับ เวลาซื้อขาย สมมติ นะครับ
เดือนนี้ ค่าเงิน 36บาท ต่อ us บริษัท สั่งรถ ปอร์เช่มา 12คัน แล้วมาคิดราคาขายกับลูกค้า ในประเทศที่ราคา 20 ล้านบาท
พอหมด ล็อตนี้ แล้ว สั่งรถใหม่ สมมติ 3เดือนข้างหน้า ค่าเงินกลับมาที่ 40บาท
สั่ง รถปอร์เช่มา 12 คันเหมือนเดิม ตรงนี้ ราคาขายในประเทศ จะเปลี่ยนเป็น แพงขึ้นกว่า 20 ล้านบาท ใช่หรือเปล่าครับ
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 2:44 pm
โดย beammy
[quote="artvr4"] ในธุรกิจนี้ คุณ Beammy ได้ป้องกันความเสี่ยงด้านค่าเงินหรือเปล่าครับ
หรือว่า ไม่ทำ จะมีผลต่อราคาตัวรถมั้ยครับ เวลาซื้อขาย สมมติ นะครับ
เดือนนี้ ค่าเงิน 36บาท ต่อ us บริษัท สั่งรถ ปอร์เช่มา 12คัน แล้วมาคิดราคาขายกับลูกค้า ในประเทศที่ราคา 20 ล้านบาท
พอหมด ล็อตนี้ แล้ว สั่งรถใหม่ สมมติ 3เดือนข้างหน้า
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 3:58 pm
โดย phobenius
Joi เขียน:
Spack ก็น่าสนใจ ราคาไปเรื่อยๆแต่มั่นคง ปันผลก็สูง กำไรก็โตขึ้น เจ้าของบอกราคาหุ้นเขาต่ำกว่าความเป็นจริง PE 6 เท่ากว่า นอกจากนี้ข่าวการควบ EPCO ยังคงมีอยู่
การควบรวมระหว่าง spack กับ epco epco นี้จะได้ผลประโยชน์อะไรบ้างหรอครับ ผู้รู้แนะนำหน่อย เพราะเหมือนสองบริษัท ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกันมากในด้านวัตถุดิบ แต่เห็นข่าวออกมาบอกว่า จะเกื้อหนุนกันทางเทคโนโลยี แต่คิดว่า ประเด็นนี้ไม่น่าจะสร้างการเติบโตได้มากนัก ผมมองคิดว่า น่าจะเป็นประเด็นทางด้านการตลาดหรือปล่าว อันนี้ไม่แน่ใจ ใครมีข้อมูลช่วยบอกหน่อยสิ
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 6:26 pm
โดย Joi
Spack กับ Epco เกี่ยวกันคับ Spack ทำธุรกิจ Packaging โดยเฉพาะกล่องกระดาษ และกล่องลูกฟูก ส่วน Epco ทำธุรกิจการพิมพ์ครับ ตอนนี้ Spack ถือหุ้น Epco ประมาณ 22% และก็มีความเกื้อกูลและเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันอยู่
จากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร Spack ไม่นานมานี้ก็คงยังไม่ละทิ้งความคิดที่จะควบรวมกิจการกัน ซึ่งตอนต้นปีตั้งใจจะให้เสร็จปลายปีนี้ และมีเหตุการณ์ 19 กย. จึงชลอดูเหตุการณ์ก่อน แต่ยังมีความคิดอยู่
ASL ให้ราคา Spack ไว้ปีนี้ 3.02 บ. (ก่อนงบ Q3 ออก)
กิมเอ็งให้ไว้ที่ 4 บาท (หลัง Q3 ออก)
ผมเข้า SF SPACK SECC จะได้ตังไปเที่ยวเซี่ยงไฮ้ไม๊ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 6:32 pm
โดย Joi
อ้อ ลืมไป Spack ต้องใช้การออกแบบ และพิมพ์ข้างกล่อง หรือ Packaging ที่ได้งานมา ซึ่งตัวเองไม่ถนัด จึงต้องใช้ Tech ของ Epco ซึ่งก็จะเกื้อธุรกิจให้มีลูกเล่นด้านผลิตภัณฑ์และการพิมพ์มากขึ้น เพื่อเจาะลูกค้าใหม่ๆได้