หน้า 1 จากทั้งหมด 1

วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 10:16 am
โดย worapong
ชอบโรงพยาบาลนะครับ แต่อยากถามความเห็นเพื่อนๆว่าอ่านบทความนี้แล้วคิดอย่างไรกันบ้างครับ เพราะในมุมมองหนึ่ง ไม่สบายแล้ว อย่างไรก็ต้องไปหาหมอ คงรอไปหาปีหน้าไม่ได้ครับ ไม่เหมือนซื้อบ้านซื้อรถ แต่อีกด้านหนึ่งก็คิดว่า ถ้าเศรษฐกิจเกิดแย่ลง แล้วจะไปโรงพยาบาลแพงๆใกล้บ้าน หรือโรงพยาบาลถูกๆที่ไกลอีกหน่อยดี
วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล นิตยสารผู้จัดการ( ตุลาคม 2546)http://gotomanager.com/news/details.aspx?id=8259
โดยธรรมชาติของตลาดหุ้นทั่วโลก หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลจะถูกจัดอยู่ในประเภท ของหุ้นที่เรียกว่า Defensive Stock ซึ่งหุ้นในกลุ่มนี้มักจะไม่ได้รับผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น ขาขึ้นหรือขาลง
ในทางเดียวกัน หุ้นประเภทนี้ก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นหุ้นสำหรับการเก็งกำไร
แต่สำหรับธุรกิจโรงพยาบาลในประเทศไทย จะมีลักษณะที่ผิดเพี้ยนจากธรรมชาติดังกล่าวอยู่พอสมควร
หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในประเทศไทย เคยถูกเก็งกำไรอย่างหนักในช่วงปี 2534-2535 ด้วยเหตุผลที่นักลงทุนมองว่าเป็นช่วงของเศรษฐกิจขาขึ้น
"เมื่อคนมีรายได้ดีขึ้น ก็เริ่มคำนึงถึงเรื่องของสุขภาพ โอกาสที่คนจะเปลี่ยนพฤติกรรมจากที่เคยเข้าใช้บริการของโรงพยาบาลรัฐ มาเป็นโรงพยาบาลเอกชนจึงมีสูง ดังนั้น รายได้ของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน จึงมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น" เป็นเหตุผลที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่ใช้ในการแนะนำ ให้นักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในช่วงนั้น
หลังจากภาวะตลาดหุ้นได้ตกต่ำลงอย่างหนัก จากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ ตั้งแต่ต้นปี 2537 หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลจึงถูกผลกระทบไปด้วย ราคาหุ้นกลุ่มนี้ดิ่งลงอย่างรุนแรง และต่อเนื่อง
เมื่อฟองสบู่เศรษฐกิจของไทย เริ่มโป่งพองในช่วงปี 2538-2539 โรงพยาบาลหลายแห่งมีแผนขยายงานขนาดใหญ่ และอีกหลายแห่งเริ่มปรับแนวทางธุรกิจไปในรูปที่เป็นการผสมผสานกัน ระหว่างธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจพัฒนอสังหาริมทรัพย์
การเข้ามาร่วมทุนในโรงพยาบาลศิครินทร์ของกลุ่มจุลดิศ ตลอดจนแผนการสร้างอาคารใหม่ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิม ถึง 3 เท่าของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ การขยายสาขาออกไปสร้างเชนในต่างจังหวัดของโรงพยาบาลรามคำแหง ฯลฯ เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด
การขยายงานในลักษณะดังกล่าว ทำให้ทุกโรงพยาบาลมีการก่อหนี้จำนวนมหาศาล 80-90% ของหนี้ที่กลุ่มโรงพยาบาลสร้างขึ้นในช่วงนี้ เป็นหนี้เงินกู้จากต่างประเทศ
ดังนั้น เมื่อประเทศไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาทในปี 2540 โรงพยาบาลเกือบทุกแห่งจึงต้องประสบกับปัญหาฐานะทางการเงิน จากตัวเลขหนี้สินที่เพิ่มขึ้นสูงลิ่ว
โรงพยาบาลที่มีผลประกอบการดีอย่างบำรุงราษฎร์ หรือโรงพยาบาลที่กำลังอยู่ในช่วงของการขยายงานอย่างศิครินทร์ และโรงพยาบาลพญาไท ต้องถูกย้ายเข้าไปอยู่ในหมวดหุ้นกลุ่มฟื้นฟูกิจการ หุ้นหลายตัวในกลุ่มนี้ถูกสั่งห้ามการซื้อขาย ส่วนตัวไหนที่ตลาดหลักทรัพย์ยังคงเปิดให้ซื้อขายต่อไปได้ ก็ซื้อขายกันด้วยบรรยากาศที่เงียบเหงาและราคาลดลงมาเหลือเพียงไม่ถึง 10% จากจุดที่เคยขึ้นไปสูงสุด
หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลเพิ่งเริ่มจะกลับมีความคึกคักกันอีกครั้งเมื่อต้นปีนี้ ด้วยความมั่นใจของนักลงทุนที่มองเห็นสัญญาณชัดเจนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ดัชนีราคาหุ้นกลุ่มนี้กำลังอยู่ระหว่างการสร้างฐานการปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบใหม่
รวมระยะเวลาที่หุ้นกลุ่มนี้ต้องอยู่ในภาวะตกต่ำถึง 9 ปีเต็ม

วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 3:07 pm
โดย frontosa
คิดว่าทำไมต้องกู้จากต่าง
ประเทศ รายรับก็เป็นเงินบาท เสี่ยงเปล่าๆ

หรือว่ามีเหตุผลอื่น :?:

วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 3:43 pm
โดย hot
รวมระยะเวลาที่หุ้นกลุ่มนี้ต้องอยู่ในภาวะตกต่ำถึง 9 ปีเต็ม
แสดงว่าอาจรุ่งอีก9ปีหรือ

วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 21, 2006 9:05 am
โดย mee
ที่กู้ต่างประเทศ เพราะสมัยนั้นค่าเิงินค่อนข้างคงที่นะครับ และอัตราดอกเบี้ยต่างประเทศต่ำกว่ามาก

วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 21, 2006 9:34 am
โดย woody
mee เขียน:ที่กู้ต่างประเทศ เพราะสมัยนั้นค่าเิงินค่อนข้างคงที่นะครับ และอัตราดอกเบี้ยต่างประเทศต่ำกว่ามาก
ต่ำครับ ขนาดสถาบันการเงินบางแห่งกู้ต่างประเทศมาปล่อยในประเทศเลยทีเดียว แต่ดันเป็นการกู้ระยะสั้นแล้วมาปล่อยระยะยาว มันเลยเกิด Mismatched Funding จนล้มครืนกันเลยครับ

วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 21, 2006 9:49 am
โดย hot
ระบบการเงินโลกตอนนี้มีช่องโว่งแบบนั้นอีกไหมคับ

วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 21, 2006 10:04 am
โดย Saran
ที่ผมกลัวคือ หมอกะพยาบาล ที่มีคุณภาพจะไม่พอเอาอะครับ



เพราะส่วนหนึ่งหันมาลงทุนหุ้นกันเยอะขึ้น อิอิ (แซวเล่นครับ)

วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 21, 2006 10:43 am
โดย worapong
ที่ผมเอาข่าวสมัยโบราณให้อ่านนี่ ไม่ได้คิดว่าจากวันนี้ไปอีกสองสามปี โรงพยาบาลจะเจอปัญหาเรื่องหนี้เพิ่มเท่าตัวครับ แต่สงสัยว่าถ้าเศรษฐกิจมันไม่ได้ดีขึ้น แต่กลับแย่ลง คนจะเปลี่ยนมาเข้าโรงพยาบาลที่ถูกกว่าไหมครับ
เพราะตอนนี้ ผมเดาเอาเองว่าคนมีรายได้สูงขึ้น เลยมารักษาตัวแบบแพงๆได้ แล้วแต่ละโรงก็มีการเปิดศูนย์รักษาโรคซับซ้อน (แพงโคตร) เลยเป็นตัวเร่งให้รายได้สูงขึ้นครับ ถ้าเกิดเศรษฐกิจมันกลับทิศ โรงพยาบาลจะกระทบเยอะไหมครับ

วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 21, 2006 11:16 am
โดย woody
worapong เขียน:ที่ผมเอาข่าวสมัยโบราณให้อ่านนี่ ไม่ได้คิดว่าจากวันนี้ไปอีกสองสามปี โรงพยาบาลจะเจอปัญหาเรื่องหนี้เพิ่มเท่าตัวครับ แต่สงสัยว่าถ้าเศรษฐกิจมันไม่ได้ดีขึ้น แต่กลับแย่ลง คนจะเปลี่ยนมาเข้าโรงพยาบาลที่ถูกกว่าไหมครับ
เพราะตอนนี้ ผมเดาเอาเองว่าคนมีรายได้สูงขึ้น เลยมารักษาตัวแบบแพงๆได้ แล้วแต่ละโรงก็มีการเปิดศูนย์รักษาโรคซับซ้อน (แพงโคตร) เลยเป็นตัวเร่งให้รายได้สูงขึ้นครับ ถ้าเกิดเศรษฐกิจมันกลับทิศ โรงพยาบาลจะกระทบเยอะไหมครับ
กลับทิศนี่รุนแรงขนาดไหนครับ

วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 21, 2006 11:56 am
โดย Saran
ถ้าคิดแค่ในส่วนของลูกค้า สำหรับลูกค้าระดับบนแล้ว ผมไม่คิดว่าน่าจะมีปัญหานะครับ ลูกค้ากลุ่มนี้เศรษฐกิจจะเป็นยังไง ก็ไม่มีผลกระทบ ปกติก็มีกะตังค์ซื้อของแบรนด์เนมอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเรื่องของสุขภาพด้วย ราคาเท่าไรเท่ากันอยู่แล้วขอให้บริการดี มีคุณภาพไว้ก่อน

ส่วนลูกค้าระดับกลาง อาจมีส่วนบ้างที่คนกลุ่มหนึ่งจะหันไปใช้บริการประกันสังคมกันมากขึ้นซึ่งต้องติดตามดูว่ากฏระเบียบเงินช่วยเหลือตอนนี้เป็นยัีงไงต่อไป

แต่ในเรื่องที่จะย้ายไปเข้าโรงพยาบาลอื่นที่ถูกกว่า ผมคิดว่าไม่ค่อยมีส่วนเท่าไร น่าจะอยู่ที่การบริการของโรงพยาบาลมากกว่าที่มีผลทำให้ลูกค้าอยากเปลี่ยนไปใช้บริการของที่อื่น

ที่แน่ๆ คือ ถ้าหากเศรษฐกิจกลับทิศจริงๆ คงต้องดูว่าโรงพยาบาลไหนที่สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีกว่ากัน  8)

ผมมีหุ้นกลุ่มนี้อยู่ 1 ตัวครับ ความคิดเห็นอาจ bias บ้าง

วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 21, 2006 3:43 pm
โดย worapong
ขอโพสเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้ายครับ เพราะชักเมื่อยมือ
คือผมไม่ได้คิดว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นหรือแย่ลงนะครับ เพราะผมมองไม่เป็น มองไม่ออก ไม่ได้เรียนด้านนี้มา เพียงแต่อ่านข่าวเจอว่า ถ้าเศรษฐกิจดี คนจะยอมจ่ายมากขึ้น เพื่อรับการรักษาพยาบาลที่ดี ซึ่งถ้าดูจากกำไรของโรงพยาบาลในวันนี้ เทียบกับช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีก็น่าจะบอกได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ผมเองก็เชื่อว่า ในระยะยาวแล้ว โรงพยาบาลที่เข้มแข็งน่าจะเติบโตได้เนื่องมาจากการที่คนไทยเป็นโรคหัวใจ มะเร็ง และสารพัดโรคที่คนเมืองพึงเป็น รวมทั้งพอคนมาอยู่หนาแน่น มาเบียดกันในห้าง รถเมล์ ที่ทำงาน เกิดมีคนเป็นหวัดจามทีนึง โรคมันก็ติดกันได้ รวมทั้งโรคที่เกิดจากฝรั่งเอาเชื้อใหม่ๆข้ามทวีปมาเผยแพร่ให้เมืองไทย ผมคิดว่าด้านความต้องการรักษาโรคน่าจะเพิ่มขึ้นอีกตลอดห้าหรือสิบปีข้างหน้า ถ้าทุกโรงพยาบาลไม่ได้ขยายตัวจนล้นเกิน ผมเชื่อว่ากำไรของโรงพยาบาลจะเติบโตขึ้นได้เรื่อยๆ ผู้ที่ถือหุ้นโรงพยาบาลที่ยังมีการเติบโต สามารถแข่งขันได้ แล้วก็ซื้อมาในราคาที่ถูกๆ ย่อมได้กำไรพอสมควรครับ อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลเล็กๆ ก็ต้องตายไปบ้าง เป็นธรรมดา เหมือนกับโชว์ห่วย ที่โดนเซเว่นแย่งตลาดไป แต่กลับมุ่งประเด็นโจมตีเฉพาะโลตัส ผมไม่แน่ใจว่ารายได้ของเซเว่นที่เห็นในงบนั้น มาจากเซเว่นในเมืองไทยเท่าไร แต่ตอนนี้ รายได้เค้าแสนล้านแล้ว บิ๊กซี แค่หกหมื่นล้านเองครับ โลตัสผมจำไม่ได้ แต่คงดีกว่าบิ๊กซีแบบสูสีครับ

วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 21, 2006 4:35 pm
โดย bandi
วันนี้คุณตาของผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาล อยู่ที่ร.พ. 22 วัน เสียค่าใช้จ่าย 3 แสนกว่าบาท
ก่อนหน้านี้ก็อยู่อีกร.พ. เสียค่าใช้จ่ายไปประมาณหนึ่งแสน เป็นร.พ. เอกชนทั้งคู่ รวมแล้วก็สี่แสนกว่า เหนื่อยละครับงานนี้
ถ้าอนาคตคุณตาป่วยอีกคงไม่เข้าร.พ.เอกชนอีก คงต้องไปใช้บริการของรัฐสู้ราคาไม่ไหวแล้วครับ

วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 21, 2006 4:46 pm
โดย naris
bandi เขียน:วันนี้คุณตาของผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาล อยู่ที่ร.พ. 22 วัน เสียค่าใช้จ่าย 3 แสนกว่าบาท
ก่อนหน้านี้ก็อยู่อีกร.พ. เสียค่าใช้จ่ายไปประมาณหนึ่งแสน เป็นร.พ. เอกชนทั้งคู่ รวมแล้วก็สี่แสนกว่า เหนื่อยละครับงานนี้
ถ้าอนาคตคุณตาป่วยอีกคงไม่เข้าร.พ.เอกชนอีก คงต้องไปใช้บริการของรัฐสู้ราคาไม่ไหวแล้วครับ
ดูไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ยังหนุ่มแน่น ชอบรักการเที่ยว แต่ไม่ค่อยออมนะครับ

เทรนของการโตของอุตสาหกรรมเกิดจาก2ส่วนคือ ใช้เงินต่อหัวมากกว่าเดิม และ จำนวนคนที่จะใช้มีมากขึ้น

กลุ่มโรงพยาบาล ชัดเจนทั้ง2ส่วนครับ

วัฏจักรหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทย

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 21, 2006 6:01 pm
โดย woody
naris เขียน: ดูไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ยังหนุ่มแน่น ชอบรักการเที่ยว แต่ไม่ค่อยออมนะครับ

เทรนของการโตของอุตสาหกรรมเกิดจาก2ส่วนคือ ใช้เงินต่อหัวมากกว่าเดิม และ จำนวนคนที่จะใช้มีมากขึ้น

กลุ่มโรงพยาบาล ชัดเจนทั้ง2ส่วนครับ
Revenue = Price X Quantity ...