หน้า 1 จากทั้งหมด 1

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 3:40 pm
โดย MO101
ข้อมูลจากกรุงเทพธุรกิจ
http://203.154.97.32/2006/11/20/news_22 ... d=22135396

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า จับตาปีหน้า"กลุ่มวัสดุก่อสร้าง"มาแรง

กำไร บจ.ไตรมาสที่ 3 ทรุดถ้วนหน้า สำรวจพบเครือ ปตท.กำไรฮวบ ขณะที่ปูนใหญ่กำไรไตรมาสที่ 3 ลดเฉียด 10% นักวิเคราะห์มองแนวโน้มปีหน้าวัสดุก่อสร้างฟื้นเร็วสุด เหตุรับผลดีโครงการรัฐคืบ-น้ำมันลด กระตุ้นทั้งยอดขายและมาร์จิน ส่วนกลุ่มน้ำมันเสี่ยงกำไรร่วงหลังเห็นทิศทางราคาน้ำมันดิบลด
จากการรวบรวมผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสที่ 3/2549 พบว่า กลุ่มอุตสาหกรรมที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร โดยกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น 657.4% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน รองมาคือ กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์ ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 218.8% และกลุ่มการท่องเที่ยวและสันทนาการ มีกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น 76%

ขณะที่กลุ่มของใช้ครัวเรือน และสำนักงาน เป็นกลุ่มที่มีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ลดลงมากที่สุด หรือลดลง 2,774.5% และกลุ่มบริการเฉพาะกิจ มีกำไรสุทธิลดลง 1,089%

โดยเมื่อแยกเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่ากลุ่มธนาคารมีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ลดลง 9.5% โดยธนาคารกรุงไทย หรือ KTB มีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 มากสุด จำนวน 5,078.4 ล้านบาท รองมาคือ ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL กำไรสุทธิจำนวน 4,232.6 ล้านบาท อันดับ 3 คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 3,687.9 ล้านบาท

กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์กำไรสุทธิทั้งกลุ่มลดลง 26.3% โดยบริษัทที่มีกำไรสุทธิมากสุดคือ บริษัท สยามเจเนอรัล แฟคตอริ่ง หรือ SGF มีกำไรสุทธิ 507.3 ล้านบาท อันดับที่ 2 คือ บริษัทเงินทุนธนชาต มีกำไรสุทธิ 476.3 ล้านบาท อันดับที่ 3 คือ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) หรือ AEONTS มีกำไรสุทธิ 280.2 ล้านบาท

ส่วนกลุ่มประกันภัยและประกันชีวิต กำไรสุทธิทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้น 3% โดยบริษัท กรุงเทพประกันภัย หรือ BKI มีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 มากที่สุดในกลุ่ม โดยมีกำไรสุทธิ 190 ล้านบาท อันดับ 2 คือบริษัท ทิพยประกันภัย หรือ TIP มีกำไรสุทธิ 181.8 ล้านบาท ต่อมาคือ บริษัท ไทยพาณิชย์ นิวยอร์คไลฟ์ประกันภัย หรือ SNCYL มีกำไรสุทธิ 175.7 ล้านบาท

กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภคกำไรสุทธิรวมลดลง 6.9% โดยบริษัทปตท. หรือ PTT มีกำไรสุทธิมากที่สุดในกลุ่ม จำนวน 24,320.2 ล้านบาท รองมาคือ บริษัท ปตท.สผ. หรือ PTTEP มีกำไรสุทธิ 6,812.9 ล้านบาท บริษัท ไออาร์พีซี หรือ IRPC มีกำไรสุทธิ 2,630.5 ล้านบาท ซึ่งมากเป็นอันดับที่ 3 ของกลุ่ม และบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี โฮลดิ้ง หรือ RATCH มีกำไรสุทธิมากเป็นอันดับ 4 จำนวน 1,795.3 ล้านบาท

ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมี และเคมีภัณฑ์มีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ลดลง 44.2% และมีบริษัท ปตท.เคมิคอล หรือ PTTCH เป็นบริษัทที่มีกำไรสุทธิมากที่สุดในกลุ่ม จำนวน 4,627.7 ล้านบาท อันดับ 2 คือ บริษัท อะโรเมติกส์ หรือ ATC มีกำไรสุทธิ 2,816.7 ล้านบาท อันดับ 3 คือบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ หรือ TPC มีกำไรสุทธิ 831 ล้านบาท ขณะที่บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี หรือ TCCC มีกำไรสุทธิมากเป็นอันดับที่ 4 หรือมีกำไรสุทธิจำนวน 289 ล้านบาท และบริษัท ไทยคาร์บอนแบล็ค หรือ TCB ที่มีกำไรสุทธิ 287 ล้านบาท

ด้านกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร กำไรสุทธิลดลง 61.4% โดยบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC มีกำไรสุทธิมากสุดในกลุ่ม จำนวน 3,653.3 ล้านบาท อันดับ 2 คือบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น หรือ SHIN มีกำไรสุทธิ 855.4 ล้านบาท และบริษัท ยูไนเต็ด คอมมูนิเกชั่น หรือ UCOM มีกำไรสุทธิไตรมาสที่ 3 จำนวน 321.3 ล้านบาท นับว่ามากเป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่ม

ในส่วนของกลุ่มยานยนต์ พบว่ากำไรสุทธิรวมลดลง 6% ขณะนี้ บริษัท ไทยสแตนเลย์-การไฟฟ้า หรือ STAINLY มีกำไรสุทธิมากสุดในกลุ่ม จำนวน 325 ล้านบาท ต่อมาคือ บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี หรือ SAT มีกำไรสุทธิ 120.9 ล้านบาท อันดับถัดมาคือ บริษัท อาปิโก ไฮเทค หรือ AH มีกำไรสุทธิ 96.1 ล้านบาท บริษัท กู๊ดเยียร์ หรือ GYT มีกำไรสุทธิมากเป็นอันดับที่ 4 โดยมีกำไรสุทธิ 71 ล้านบาท

ขณะที่กลุ่มวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักรพบว่ากำไรสุทธิทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้น 657.4% โดยบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส หรือ INOX มีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 มากที่สุด จำนวน 951.1 ล้านบาท รองมาคือบริษัท สหวิริยา สตีล อินดัสตรี หรือ SSI มีกำไรสุทธิ 642.3 ล้านบาท บริษัท จี สตีล หรือ GSTEEL มีกำไรสุทธิมากเป็นอันดับที่ 3 ที่จำนวน 346.5 ล้านบาท และอันดับที่ 4 คือบริษัท จรุงไทย ไวร์แอนด์เคเบิ้ล หรือ CTW มีกำไรสุทธิ 185.5 ล้านบาท

กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งกลุ่มมีกำไรสุทธิลดลง 6.9% โดยบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ AP กำไรสุทธิสูงสุดจำนวน 636.1 ล้านบาท อันดับ 2 คือบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ หรือ LH มีกำไรสุทธิ 531.9 ล้านบาท ถัดมาคือบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN มีกำไรสุทธิ 431.6 ล้านบาท ขณะที่บริษัท อิตาเลียนไทย หรือ ITD มีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ลดลงมากที่สุดในกลุ่ม หรือขาดทุนสุทธิ 1,795.6 ล้านบาท

ในกลุ่มวัสดุก่อสร้างมีกำไรสุทธิทั้งกลุ่มลดลง 3.1% โดยบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC มีกำไรสุทธิมากที่สุดโดยมีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 จำนวน 7,598.2 ล้านบาท รองมาคือ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวงไทย หรือ SCCC มีกำไรสุทธิจำนวน 988.5 ล้านบาท อันดับ 3 คือ บริษัท ทีพีไอ โพลีน หรือ TPIPL มีกำไรสุทธิจำนวน 772.5 ล้านบาท

ส่วนกลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ กำไรสุทธิรวมทั้งกลุ่มลดลง 41.1% โดยบริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง หรือ PSL มีกำไรสุทธิมากที่สุดจำนวน 1,064.6 ล้านบาท รองมาคือ บริษัท โทรีเซนไทย หรือ TTA มีกำไรสุทธิ 861.8 ล้านบาท บริษัท อาร์ ซี แอล หรือ RCL มีกำไรสุทธิ 438.6 ล้านบาท และอันดับ 4 คือบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ หรือ BECL มีกำไรสุทธิ 402.4 ล้านบาท

ขณะที่กลุ่มเกษตรทั้งกลุ่มกำไรสุทธิลดลง 42.4% โดยบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ CPF ซึ่งมีกำไรสุทธิในงวด 9 เดือนปีนี้มากสุดในกลุ่ม จำนวน 681.2 ล้านบาท รองลงมาคือบริษัท ไทย อกริ ฟู้ดส์หรือ TAF มีกำไรสุทธิ 174.9 ล้านบาท ขณะที่บริษัท ลีพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือ LEE มีกำไรสุทธิมากเป็นอันดับที่ 3 ของกลุ่ม คือมีกำไรสุทธิ 109.5 ล้านบาท

ส่วนกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กำไรสุทธิทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้น 14.6% และบริษัทที่มีกำไรสุทธิมากสุดในกลุ่มคือ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ หรือ TUF มีกำไรสุทธิ 677.5 ล้านบาท รองลงมาคือบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MINT มีกำไรสุทธิ 240.2 ล้านบาท อันดับที่ 3 คือบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ หรือ TF มีกำไรสุทธิ 209.5 ล้านบาท

กลุ่มแฟชั่นมีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 ลดลงเช่นเดียวกัน โดยลดลง 24.7% สำหรับบริษัทที่มีกำไรสุทธิมากสุดในกลุ่มคือ บริษัท สหยูเนี่ยน หรือ SUC โดยมีกำไรสุทธิ 394 ล้านบาท รองมาคือบริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ ICC มีกำไรสุทธิ 98.9 ล้านบาท อันดับที่ 3 คือ บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ หรือ PRANDA มีกำไรสุทธิ 95.5 ล้านบาท อันดับที่ 4 คือบริษัท ไทยวาโก้ หรือWACOAL มีกำไรสุทธิ 91.5 ล้านบาท และบริษัท ลัคกี้เท็คซ์(ไทย) หรือ LTX มีกำไรสุทธิเป็นอันดับที่ 5 จำนวน 79.3 ล้านบาท

ขณะที่กลุ่มของใช้ในครัวเรือน และสำนักงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำไรสุทธิปรับตัวลดลงมากที่สุด คิดเป็นอัตรา 2,774.5% โดยมีบริษัท โมเดอร์น ฟอร์ม กรุ๊ป หรือ MODERN มีกำไรสุทธิมากสุดในกลุ่ม จำนวน 109.7 ล้านบาท รองมาคือบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ หรือ SITHAI มีกำไรสุทธิ 71.4 ล้านบาท และอันดับที่ 3 คือบริษัท ไดสตาร์ อิเลคทรอนิก หรือ DISTAR มีกำไรสุทธิ 68.3 ล้านบาท

ส่วนกลุ่มของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ บริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ S & J มีกำไรสุทธิมากที่สุดจำนวน 55.2 ล้านบาท และอันดับที่ 2 คือ บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) หรือ DSGT มีกำไรสุทธิ 49.8 ล้านบาท สำหรับกลุ่มบรรจุภัณฑ์ กำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้น 5.4% และพบว่า บริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ หรือ TFI มีกำไรสุทธิมากที่สุดในกลุ่ม โดยมีกำไรสุทธิ 101.2 ล้านบาท รองมาคือ บริษัท อลูคอน หรือ ALUCON มีกำไรสุทธิ 79.9 ล้านบาท และบริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ PTL มีกำไรสุทธิมากเป็นอันดับที่ 3 ของกลุ่ม โดยมีกำไรสุทธิ 75.3 ล้านบาท

กลุ่มกระดาษและวัสดุการพิมพ์ พบว่าบริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร หรือ AA มีกำไรสุทธิมากที่สุดในกลุ่มจำนวน 561 ล้านบาท และมีบริษัท ยูไนเต็ด เปเปอร์ หรือ UTP มีกำไรสุทธิมากรองลงมา ที่ 28.2 ล้านบาท ส่วนกลุ่มพาณิชย์ มีกำไรสุทธิรวมลดลง 27.2% โดยบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ หรือ BIGC มีกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3 มากสุด จำนวน 427.7 ล้านบาท รองมาคือ บริษัท ซี.พี.เซเว่น อีเลฟเว่น หรือ CP7-11 มีกำไรสุทธิ 382.3 ล้านบาท และบริษัท สยามแม็คโคร หรือ MAKRO มีกำไร 343.8 ล้านบาท

ขณะที่กลุ่มการแพทย์ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15.3% โดยบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BGH มีกำไรสุทธิมากสุด จำนวน 426.9 ล้านบาท รองมาคือบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ หรือ BH มีกำไรสุทธิจำนวน 308.9 ล้านบาท และบริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล หรือ KH มีกำไรสุทธิ 109 ล้านบาท

กลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์มีกำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้น 218.8% โดยบริษัท บีอีซี เวิลด์ หรือ BEC มีกำไรสุทธิมากสุด จำนวน 426.9 ล้านบาท อันดับ 2 คือ บริษัท อสมท หรือ MCOT มีกำไรสุทธิ 389.5 ล้านบาท ถัดมาคือ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป หรือ MAJOR มีกำไรสุทธิ 188.8 ล้านบาท และบริษัท ไอทีวี หรือ ITV มีกำไรสุทธิมากเป็นอันดับ 4 ของกลุ่ม จำนวน 88.7 ล้านบาท

ส่วนกลุ่มบริการเฉพาะกิจ กำไรสุทธิรวมลดลง 1,089% โดยทั้งกลุ่มมีผลขาดทุนสุทธิ 81.1 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.2 ล้านบาท โดยบริษัท บริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ GENCO มีกำไรสุทธิไตรมาสที่ 3 มากสุด ด้วยจำนวน 8.95 ล้านบาท

กลุ่มการท่องเที่ยวและสันทนาการ พบว่ากำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้น 76% โดยบริษัท แชงกรี-ลา โฮเต็ล หรือ SHANG มีกำไรสุทธิสูงสุดในกลุ่ม จำนวน 132.6 ล้านบาท รองมาคือบริษัท ลากูน่า รีสอร์ท แอนด์ โฮเท็ล หรือ LRH มีกำไรสุทธิจำนวน 97.6 ล้านบาท และบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป หรือ ERAWAN มีกำไรสุทธิจำนวน 94.8 ล้านบาท

ขณะที่กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กำไรสุทธิลดลง 2.8% โดยบริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ หรือ CCET มีกำไรสุทธิมากสุดในกลุ่ม ด้วยจำนวน 812.4 ล้านบาท บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส หรือ HANA มีกำไรสุทธิมากเป็นอันดับ 2 ด้วยจำนวน 677.5 ล้านบาท และอันดับ 3 คือบริษัท เดลต้า อิเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย) หรือ DELTA มีกำไรสุทธิจำนวน 609.7 ล้านบาท

ด้าน นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า จากผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ที่ประกาศออกมานั้น โดยรวมเป็นไปตามที่คาดการณ์ คือ กำไรสุทธิปรับตัวลดลง ส่วนมากเป็นเพราะบริษัทได้รับผลกระทบด้านความเชื่อมั่นของลูกค้า ประกอบกับต้นทุนราคาน้ำมันปรับตัวยังทรงตัวในระดับสูงในช่วงไตรมาสที่ 3 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจดทะเบียนลดลง ทั้งนี้มีเพียงกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเท่านั้นที่กำไรสุทธิปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ อาทิ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ก็มีกำไรสุทธิไตรมาสที่ 3 ที่ 7,598 ล้านบาท ลดลง 9.7% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8,415 ล้านบาท

ในปี 2550 ประเมินว่ากลุ่มวัสดุก่อสร้างจะเป็นกลุ่มที่ผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนของภาครัฐ ทั้งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการอนุมัติงบลงทุนในโครงการขนาดเล็กต่างๆ ที่เริ่มเห็นชัดในปีหน้า ส่วนปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่เริ่มทรงตัว และมีแนวโน้มลดลงในปีหน้า ส่งผลให้ผลประกอบการกลุ่มวัสดุก่อสร้างปีหน้าเพิ่มขึ้นได้จากทั้งยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ยังมีประเมินว่ากลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง และผู้รับจ้างวางระบบต่างๆ ที่จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามความมั่นใจในการลงทุนของภาคเอกชนและผู้บริโภค

"จุดที่สำคัญก็คือ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เริ่มปรับตัวลดลง ทำให้ผู้ที่อยู่ปลายน้ำได้รับประโยชน์ตามไปด้วย ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นด้วย"

เขากล่าวต่อว่า กลุ่มที่มองว่ากำไรสุทธิจะลดลงเมื่อเทียบกับปีนี้ คือ กลุ่มน้ำมัน เนื่องจากมีแนวโน้มว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงตามทิศทางราคาน้ำมันที่ดิบที่เริ่มแกว่งตัวลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามหากพิจารณาในแง่ยอดขายอาจไม่ลดลงมากนักเนื่องจากบริษัทในไทยยังใช้น้ำมันเป็นแหล่งพลังงานจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มส่งออก ที่จะมีกำไรสุทธิลดลง เพราะรับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มสื่อสารที่จะมีอัตรากำไรขั้นต้นลดลง เพราะมีการแข่งขันกันรุนแรง

ศนิชา ละครพล

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 20, 2006 4:40 pm
โดย miracle
ไม่ได้กล่าวถึงMAI
ฮิฮิ

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 19, 2007 10:59 pm
โดย MO101
ขุดกระทู้เก่าๆ มาให้ดู
คนละปีหนังคนละม้วน 555

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 19, 2007 11:48 pm
โดย BenjaMinburee
ตกใจหมดเลย นี่คือของปีก่อนใช่ไหมนี่ครับ :shock:

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 8:57 am
โดย crazyrisk
เดี๋ยว ตีตายเลย


อ่านแล้ว ตกกะใจ

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 9:09 am
โดย Luty97
ใครอ่านแล้ว ตกใจ โยน SCC หรือเปล่า นึกว่ากำไรลงไป 10%  พี่ท่านลงมา 10 กว่าบาทเลยนะ (จากราคาที่ขึ้นไปก่อนหน้า 2-3 วัน)  :lol:

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 9:31 am
โดย ผมกลัวเมีย
เล่นเป็นเด่ะ ๆ ไปด้าย

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 10:53 am
โดย Radio
อย่าแกล้งคนแก่ เด้อ อ่านแล้วเกือบหัวใจวาย

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 11:07 am
โดย wattae
ถึงว่า หุ้นที่ผมถือไว้ไม่มาซักตัว :twisted:  
ของปีที่แล้วนี่เอง  :lol:

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 5:34 pm
โดย KB
อ่านตั้งนาน ของปีที่แล้วหรอครับเนี่ย

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 10:07 pm
โดย san
ป๊าดดดด....................โถ่.............

เล่นบ้าๆ

เดี๋ยวคนแก่หัวใจวาย  ทำไงหล่ะ

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 20, 2007 10:24 pm
โดย ปุย
ในปี 2550 ประเมินว่ากลุ่มวัสดุก่อสร้างจะเป็นกลุ่มที่ผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนของภาครัฐ ทั้งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการอนุมัติงบลงทุนในโครงการขนาดเล็กต่างๆ ที่เริ่มเห็นชัดในปีหน้า ส่วนปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่เริ่มทรงตัว และมีแนวโน้มลดลงในปีหน้า ส่งผลให้ผลประกอบการกลุ่มวัสดุก่อสร้างปีหน้าเพิ่มขึ้นได้จากทั้งยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น
พย.49 ก็หลัง coup แล้วนา
ตกลง ปีนี้ วัสดุก่อสร้าง มาแรง ?

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 11:09 am
โดย Golden Stock
ปุย เขียน: พย.49 ก็หลัง coup แล้วนา
ตกลง ปีนี้ วัสดุก่อสร้าง มาแรง ?
นักเทียนเขียนมั้งครับ

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 11:25 am
โดย jung_oh
ขุดมางี้

ทำเอาผมใจหายแว้ปๆ อิอิ

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 22, 2007 4:56 pm
โดย MindTrick
วันนี้แดงยกแผง สงสัยมีคนตกใจ  :lol:

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 24, 2007 3:54 pm
โดย funza
ใจแป้วไปตามๆกัน

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:

บจ.ไตรมาสที่3กำไรทรุดถ้วนหน้า

โพสต์แล้ว: พุธ ต.ค. 24, 2007 6:44 pm
โดย BHT
สงสัยมีแววจะซ้ำเดิมอีกปี