Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ท่านใดที่มีชื่อหรือเคยมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทในตลาด มีความรู้สึกอย่างไรบ้างครับเมื่อเห็นชื่อตัวเองติดในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครับ

ยังไม่เคยติดครับ

ผมหวังว่าในชีวิตในต้องมีโอกาส บ้างล่ะน่า ถ้าติดคงภูมิใจมากๆ แน่นอน

ถามแบบนี้แปลว่ามีแววติดหุ...เอ้ย...ติดรายชื่อรายใหญ่

ยินดีด้วยครับพี่เก๋า  :lol:

คงต้องระวังให้ กาย และ ใจ ยึดติดดินอยู่ตลอดเวลา  ไม่งั้นอาจจะลอยไปๆเหมือนว่าว หรือ ลูกโป่งได้

Eto Demerzel เขียน:จะดีใจมากครับ



ถ้าได้ติดในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ของ PTT หรือ PTTEP ก็ได้

เอางั้นเลยเหรอครับพี่อีโต้
ไม่ค่อยโลภเท่าไหร่เลยนะครับ  :lol:  :lol:  :lol:

ไม่เคยเหมือนกันครับ
เดาๆว่าครั้งแรกคงภูมิใจน่าดู
แต่ถ้ากิจการไม่เป็นตามคาด คงเดี้ยงหนักเลย

S2Y สิครับ จ่ายแค่ 4 แสนกว่า ก็ได้ติดรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่แล้วครับ เพียงแต่ว่าอาจไม่ได้เงินคืน  :lol:

เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่นี่ต้องถือกี่ เปอร์เซ็นต์เหรอครับ  :?:

[quote="sunrise"]เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่นี่ต้องถือกี่ เปอร์เซ็นต์เหรอครับ

[quote="jaychou"]ถามแบบนี้แปลว่ามีแววติดหุ...เอ้ย...ติดรายชื่อรายใหญ่

ยินดีด้วยครับพี่เก๋า

ไม่เอาอ่ะ กลัวโดนยืมตังค์  :x

[quote="Kao"][quote="jaychou"]ถามแบบนี้แปลว่ามีแววติดหุ...เอ้ย...ติดรายชื่อรายใหญ่

ยินดีด้วยครับพี่เก๋า

ไม่อยากมีครับ

ไม่รู้ทำไม ...

ผู้ถือรายใหญ่ ต่างกับกรรมการ ไหมครับ
แล้วใครที่ต้องแจ้งกับ กลต. เวลามีการซื้อขาย..
อีกอย่างครับ แล้วถ้าซื้อขาย นี่ต้องแจ้งภายในกี่วัน หรือว่าตอนปิดตลาดครับ..

ISUZU เขียน:ผู้ถือรายใหญ่ ต่างกับกรรมการ ไหมครับ
แล้วใครที่ต้องแจ้งกับ กลต. เวลามีการซื้อขาย..
อีกอย่างครับ แล้วถ้าซื้อขาย นี่ต้องแจ้งภายในกี่วัน หรือว่าตอนปิดตลาดครับ..

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ตามนิยามของตลาดหลักทรัพย์คือผู้ที่ถือหุ้นตั้งแต่0.5%ขึ้นไปครับ
ส่วนกรรมการนั้นไม่จำเป็นต้องถือหุ้นก็ได้ เพียงแต่ต้องได้รับการรับรองจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น(จำไม่ได้ว่ากี่%)

ส่วนคนที่ต้องแจ้งกลต.ทุกครั้งที่มีการซื้อขาย(เท่าที่รู้)ก็คือ
- ผู้บริหาร(รวมทั้งคู่สมรส)ของบริษัท
- ผู้สอบบัญชีของบริษัท
- ผู้ที่ถือหุ้นตั้งแต่5%ขึ้นไป

ISUZU เขียน:ผู้ถือรายใหญ่ ต่างกับกรรมการ ไหมครับ
แล้วใครที่ต้องแจ้งกับ กลต. เวลามีการซื้อขาย..
อีกอย่างครับ แล้วถ้าซื้อขาย นี่ต้องแจ้งภายในกี่วัน หรือว่าตอนปิดตลาดครับ..

ถ้าถือเกิน 5% แล้วต้องแจ้งครับ

birdflu เขียน: แล้วการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่นี่นอกจากความรู้สึกแล้วมีอะไรที่แตกต่างจากรายย่อยไหมครับ เช่นหน้าที่ความรับผิดชอบต่อการดำเนินงานของบริษัท?

ไม่ต่างครับ

จริงๆแล้วผู้ถือหุ้นใหญ่ก็เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยที่มีหุ้นตั้งแต่0.5%ของทุนที่เรียกชำระแล้วของบริษัทครับ

%การถือหุ้น
0 - 0.49% =>ผู้ถือหุ้นรายย่อย
0.50%ขึ้นไป =>ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

Kao เขียน: ไม่ต่างครับ

จริงๆแล้วผู้ถือหุ้นใหญ่ก็เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยที่มีหุ้นตั้งแต่0.5%ของทุนที่เรียกชำระแล้วของบริษัทครับ

%การถือหุ้น
0 - 0.49% =>ผู้ถือหุ้นรายย่อย
0.50%ขึ้นไป =>ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

อืม...กระจ่างขึ้นแล้วครับ

Kao เขียน:ท่านใดที่มีชื่อหรือเคยมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทในตลาด มีความรู้สึกอย่างไรบ้างครับเมื่อเห็นชื่อตัวเองติดในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ครับ

ไม่รู้สิครับ  ผมว่าบางทีมันเท่ห์  แต่กินไม่ได้นะ


ตัวนี้ถ้าเก็บไว้ก็  :lol:  :lol:  :lol:




ตัวนี้ล่ะ  :lol:  :lol:  :lol:




ขอเป็นไม่เท่ห์ แต่มีกินดีกว่า  :lol:  :lol:  :lol:

ผมหมายถึง หุ้นที่ควรค่าแก่การนำเงินไปฝากผีฝากไข้ด้วยน่ะครับ :lol:

แล้วมีได้ข้อมูลบางอย่างเพิ่มเติมมากกว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยมั้ยครับ

คงไม่มีมั๊ง  แค่เกรงจราย

Kao เขียน:ผมหมายถึง หุ้นที่ควรค่าแก่การนำเงินไปฝากผีฝากไข้ด้วยน่ะครับ :lol:

เจ้าของหุ้นดีต้องภูมิใจอยู่แล้ว
แต่หุ้นใหญ่ๆเนี่ย ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้บ้าง  :roll:

น่าอิจฉาจังเลย ถือหุ้นกันทีเป็นแสนเป็นล้านหุ้น

ผมมีแค่ไม่กี่หมื่นหุ้นเอง

สักวันผมต้องทำให้ได้  :D

บริษัทที่ 1 คือ DIMET
ราคาพาร์ = 0.5 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 180,000,000 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 127.8 ล้านบาท

จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 900,000 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 0.71 บาท

ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 639,000 บาท

ผมเข้าใจว่า บริษัทฯนี้น่าจะเป็นหุ้นที่ทำเกี่ยวกับสี ทั้งสีในภาคอุตสาหกรรม และสีในงานทาอาคารภายนอก-ภายในทั่วไป
อยู่ในช่วงที่จะพยายามบุกตลาดสีทาอาคาร
ถ้าสำเร็จ ก็น่าจะได้ส่วนแบ่งจากเค็กก้อนโตนี้มาได้
แต่เนื่องจาก Dimet เป็นบริษัทฯที่มีขนาดเล็กมาก
ดังนั้น รายได้ที่เพิ่มขึ้น ย่อมส่งผลดีต่อบริษัทฯอย่างมาก

แค่ไม่เกิน 700,000 บาท คุณก็จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯนี้
และแน่นอน เมื่อปิดสมุดบัญชีเมื่อไหร่ คุณก็จะมีชื่อใน Settrade ทันทีครับ

(^_^)

บริษัทที่ 2 คือ L&E
ราคาพาร์ = 5 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 45,834,000 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 366.68 ล้านบาท

จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 229,170 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 8 บาท

ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 1,834,000 บาท

ผมเข้าใจว่า บริษัทฯนี้น่าจะเป็นบริษัทฯผลิตและจำหน่ายหลอดไฟ และโคมไฟ รวมทั้งรับออกแบบตกแต่งระบบ Lighting
งานหลักๆที่สร้างชื่อคือ การออกแบบไฟส่องสว่างสนามบินสุวรรณภูมิ ,เช็นทรัลขอนแก่น , ภายใน BIGC คอนโดมิเนียม และโรงแรมต่างๆ
บริษัทฯมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง
มี Retail Shop สำหรับขายสินค้าให้รายย่อย
บริษัทฯมีวิศวกรเก่งๆจำนวนมาก ที่มีความสามารถในการคำนวณและออกแบบระบบส่องสว่าง
ปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างเปิดตลาด Product ใหม่ คือ หลอด LED
รวมทั้งบุกตลาดต่างประเทศ
ถ้าทำได้จริง บริษัทฯน่าจะเติบโตได้ดีทีเดียว

ไม่ถึง 2 ล้าน คุณก็มีส่วนเป็นเจ้าของบริษัทฯนี้ได้ครับ

บริษัทที่ 3 คือ PAE (บริษัทฯสุด Love ของผมเอง)
ราคาพาร์ = 1.0 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 675,000,000 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 384.77 ล้านบาท

จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 3,380,000 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 0.57 บาท

ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 1,930,000 บาท

เป็นบริษัทที่มีขนาดเล็ก แต่มีลูกค้าขนาดใหญ่ อาทิเช่น CHEVRON , PTTEP , IRPC และการไฟฟ้าฯ
เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่เน้นลูกค้ากลุ่มพลังงาน
รวมทั้งบริษัทฯยังรับงานภาค Engineering รับออกแบบ และรับงาน Audit ตรวจสอบต่างๆให้กับภาคอุตสาหกรรม Oil&Gas
แต่เนื่องการการปรับตัวในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทขาดทุนอย่างหนัก
และส่งผลให้บริษัทฯมีฐานะการเงินที่ย่ำแย่ในปัจจุบัน
แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยน CEO คนใหม่ และวาง Businees Model ใหม่ จึงพอจะลุ้นเป็นหุ้น Turnaround ได้อีกตัว (แต่จะ Turn ได้ไม่ได้ อันนี้ต้องศึกษาเอาเองนะขอรับ)

แค่ไม่ถึง 2 ล้าน คุณก็ได้เป็นเจ้าของบริษัทรับเหมา ที่มีลูกค้าเป็นถึงบริษัทฯยักษ์ใหญ่ชั้นแนวหน้าของประเทศไทยแล้วอ่ะนะครับ

บริษัทที่ 4 คือ SLC
ราคาพาร์ = 0.1 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 3,030,000,000 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 212.14 ล้านบาท

จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 15,150,000 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 0.07 บาท

ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 1,060,500 บาท

เอ่อ...พอดีบริษัทฯนี้ ผมไม่ค่อยรู้จักอ่ะนะครับ
รู้แค่ว่า จากข้อมูลล่าสุด คุณฉาย เค้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของบริษัทฯนี้จ้า

บริษัทที่ 5 คือ NC
ราคาพาร์ = 10 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 14,951,000 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 224.26 ล้านบาท

จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 74,755 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 15 บาท

ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 1,121,325 บาท

บริษัทฯนี้เป็นบริษัทหนึ่งในเครือสหพัฒน์ฯ
และเป็นเจ้าของ Brand สินค้าที่ชื่อว่า Cherilon ซึ่งผู้หญิงเกือบทุกคน รู้จักยี่ห้อนี้เป็นอย่างดีในเรื่องของถุงน่อง
บริษัทกำลังบุกตลาด ชุดชั้นในชายในชื่อ SANREMO
ถ้าสามารถทำสำเร็จ นั่นหมายถึงเค็กชิ้นสำคัญ ของบริษัทฯเล็กๆแห่งนี้
ตอนนี้บริษัทฯร่วมของบริษัทฯนี้ที่ชื่อ NPK กำลังจะกลับเข้ามาเทรดในตลาดอีกครั้งหนึ่ง เร็วๆนี้
เนื่องจากทำผลงานที่ผ่านมาได้ดี พ้นเหตุแห่งการเพิกถอนได้แล้ว
รวมทั้งได้ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง Generation ที่ 3 ของสหพัฒน์มาบริหาร แถมแพลมๆว่า แผนระยะยาวจะพยายามทำให้บริษัทฯมีรายได้แตะระดับ 1,000 ล้านบาทให้ได้
ต้องติดตามผลงานกันต่อไปครับ

แค่เงินล้านนิดๆ คุณก็จะมีเอี่ยวเล็กๆในตระกูล "โชควัฒนา" ของกลุ่มสหพัฒน์ทันที

บริษัทที่ 6 คือ YCI
ราคาพาร์ = 10 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 7,000,000 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 37.8 ล้านบาท

จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 35,000 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 5.4 บาท

ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 189,000 บาท

บริษัทฯนี้ ผมดูทีไรก็อมยิ้มทุกที ว่า บริษัทฯอะไรจะเล็กซะขนาดนี้
ผมไม่รู้จักบริษัทฯนี้เท่าไหร่ รู้แต่ว่าทำและจำหน่ายสารเคมี
เป็นบริษัทเก่าแก่มากๆ โรงงานอยู่ที่ปราจีนบุรี
แต่ผมเชื่อว่าเงิน 189,000 บาท ซื้อหุ้นเค้า 35,000 หุ้นไม่ได้หรอก!!!!!!!!!
เพราะหุ้นไม่มีสภาพคล่องอย่างรุนแรง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

บริษัทฯนี้ แปลกดีจังอ่ะนะ เลยยกตัวอย่างมาให้ขำๆอ่ะจ๊ะ
แต่ไม่แน่นะ รุ่นพ่อแก่แล้ว รุ่นลูกมาทำ อาจจะมีเซอร์ไพส์ก็ได้ ใครจะรู้ (^_^)