Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ไม่ได้พูดถึงการเมืองนะครับ

อยากทราบว่าเพื่อนรู้สึก หรือมีอะไรบ่งชีว่าเศรษฐกิจไม่ดีหรือไม่

และการลงทุนในตลาดหุ้นจะกระทบอย่างไร

โบนัสลด หายไปเยอะเลย  :evil:

ผมรู้สึกได้ตั้งแต่เริ่มมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรแล้วครับ

ลูกค้ามาซื้อของ ผมก็ถามว่าทำไมไม่ค่อยมาเหมือนเมื่อก่อน
ใครๆ ก็บอกว่า ต้องรัดเข็มขัด การเมืองมันไม่ดี เศรษฐกิจไม่ดี

ยิ่งช่วงก่อนปฏิวัติ ขายแทบไม่ค่อยได้ ดีที่ว่าธุรกิจไม่มีหนี้สินไม่งั้นคงเครียดตายเลยครับ

อ้อ ร้านคู่แข่งที่ใหญ่กว่าผม 2 เท่า ก็ปิดกิจการไปแล้วครับ

ส่วนร้านคู่แข่งที่ใหญ่กว่าผม 4 เท่า(ใครๆในจังหวัดก็ต้องไปร้านนี้) ก็เซ้งตึกทิ้งไปแล้วครับ พร้อมกับเป็นหนี้คู่ค้าอีกร้อยกว่าล้าน

สัมผัสโดยตรงเลยครับ ไม่ได้มีอคติต่อใครครับ

รู้สึกว่ามันไม่ดีตั้งแต่ก่อนเปลี่ยนแปลงแล้วครับ

ผมคิดว่าการบ้านการเมืองควรจะนิ่งได้แล้วครับ

ประเทศเราบอบช้ำมามาก ควรจะรีบพัฒนาประเทศกันจริงจังเสียที อะไรคือจุดแข็ง จุดอ่อน

ตอนนี้จีนตั้งตัวติด กำลังเริ่มทำลายล้างธุรกิจต่างๆของโลกอยู่ครับ ในวงการที่ผมทำ คู่ค้าฝรั่งรายหนึ่ง โดนบริษัทจีนทุบเกือบตาย สินค้าระดับไฮเอนด์นะครับ ไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้ากิ๊กก๊อก

วงการนี้ในประเทศไทย เค้าบอกมีดีที่คนไทยยังไม่พัฒนาเอง ไม่กลัวของก๊อปครับครับ ฝรั่งยังมาจ้างทำงานอยู่ แต่ประทานโทษ จีนเค้าไม่ก๊อปแล้ว แถมกินรวบ ตั้งแต่ R&D, Production ไปจนถึง Sale/Marketing

หนักขนาดนั้นเชียวหรือ คุณทุ่งทานพระจันทร์ ผมมัวแต่เข้าวัด ไม่ได้ดูทีวี มาหลายเดือน ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์เท่าไร

อืม

ผมอยู่ต่าจังหวัดครับ ไม่ใช่เมืองธุรกิจ ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว

ดังนั้น อาจจะกระทบแรงหน่อยเพราะรายได้ของประชาชนส่วนใหญ่มาจากข้าราชการและเกษตรกรครับ

ไม่อู้ฟู่เหมือนตามเมืองใหญ่ๆ

ช่วงนี้ผมออกไปพบกับร้านค้าปลีกที่เป็นลูกค้า (บริษัทผมขายสินค้าที่ใช้ในอุตสาหกรรม) ลูกค้าก็บอกว่าเงียบมากครับ
เพราะหลังปฎิวัติ ต่างชาิติก็หยุดการขยายโรงงาน บ้างก็ปิดไลน์การผลิตไปซะเฉยๆ

ส่วนเมืองจีนช่วงนี้ก็น่ากลัวครับ
เขาไม่ได้ทำได้แต่ของถูกแล้ว เขาทำได้ทั้งของถูกและดี
สินค้า Hi-End เช่นพวกเครื่องเสียงที่ราคาหลักแสน เขาสามารถทำให้ราคาเหลือหลักพัน จนมีฝรั่งหลายคนซื้อเอาไปประมูลในเวป e-bay เสียด้วยซ้ำ

แล้วก็เขามีมุขไม้ตาย ตอนกลางวัน โรงงานผลิตของ Brand Name พอกลางคืน มีอีกกะ ผลิตของแบบเดียวกัน ไลน์การผลิตเดียวกัน ต่างกันที่เป็นยี่ห้อของเขาเอง

แต่ก็ว่าเขาไม่ได้ เพราะมันเป็นผลที่เขาวางแผนระยะยาวและรอบคอบมาก ตอนแรกเขาดึงให้คนไปลงทุนในประเทศเขามากๆ สนับสนุนให้เปิดโรงงานผลิตสินค้าทุกอย่าง ตั้งแต่ไม่จิ้มฟันยันเรือรบ แล้วพัฒนาคน ทำ knowledge transfer มาจากเมืองนอก แล้วค่อยออกมาสร้างสินค้าของตัวเอง ประมาณว่ารู้ว่าตัวเองโง่ ก็ถ่อมตัวให้คนอื่นสอน ยอมโดนเอาเปรียบ พอฉลาด ปีกกล้าขาแข็งแล้วค่อยออกมาโบยบินในตลาดโลก

 :shock:
           จีนถ้าสามารถพัฒนาด้านการวิจัย รวมทั้งพัฒนาด้านคุณภาพของสินค้า ก็เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวทีเดียว   :lol:  :lol:

ขอยืนยันอีกเสียงค่ะว่าจริง เศรษฐกิจไม่ดีตั้งแต่ก่อนเปลี่ยนแปลงการเมือง ตั้งแต่ตอนพันธมิตรชุมนุมกัน ตั้งแต่เจรจา FTA กับจีน

ผมไม่สนับสนุนการสร้างหนี้ ร้านผมเลยไม่มีหนี้ มีกำไรต่อเนื่อง มากน้อยตามสภาวะเศรษฐกิจ ยักษ์ใหญ่ล้ม แต่เราไม่ล้ม (ขอขายหุ้นได้ไหม 555)

ที่ร้านเลยไม่ขายของเงินผ่อน เลยไม่ต้องยุ่งกับบัญชีมากนัก ไม่ปวดหัว  ไม่มีปัญญาซื้อเงินสด เอ็งก็ไม่ต้องซื้อ เพราะสินค้าผม เข้าข่ายสินค้าที่ ไม่มีก็ไม่ตาย

ช่วงนี้เลยลำบากหน่อย  ดีที่มีทุนสำรองค่อนข้างเยอะ เลยชิวๆ

แนวคิดนี้ ผมเชื่อว่า สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกคน แม้จะไม่ได้ทำธุรกิจก็ตามที

คำว่าเศรษฐกิจพอเพียง ที่แท้จริง คือการใช้ชีวิตอย่างฉลาด อยากได้รถ ก็ซื้อได้ ถ้าคุณวางแผนการเงินเป็น

ถ้าทุกคน ใช้เงินเป็นไม่สร้างหนี้ ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะกลับมาดีอีกครั้ง

แต่คงยาก แทบเป็นเรื่องเพ้อฝัน เพราะนิสัยคนไทยส่วนใหญ่ ไม่ใช่แบบนั้น

ผมว่าเศรษฐกิจ มัน แย่ ตั้งแต่ ก่อนปฎิวัติแล้วครับ พอระยะเวลาสุกงอม
มา หนัก ก็ช่วงปฎิวัติ กันไป  

เห็นด้วยกับคุณ พี่ ปรัชญา ครับ
สองปี มานี้ คลุกคลีกับสังคมชนบท เห็นแล้วกลัวแทน กับนิสัยคนไทย เลยจริง มีมือถือ แพงกว่า ผมอีก ขนาดผมเป็นนายจ้างเค้าให้ทำงานนะ :lol:

เมืองไทยที่ผ่านมามีแต่เรื่องครับ
น้ำท่วมก็สาหัส

หันมาร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาบ้านเมือง
เลิกทะเลาะกันได้แล้วครับ

ผมทำโรงงานเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างเล็กๆครับ ปกติก็ขายดีใช้ได้ ตั้งแต่เดือนกันยามาเนี่ย ยอดตกไปประมาณ 15-20% ครับ

ถามโรงงานอื่นก็เป็นเหมือนกัน ปกติรถออกวิ่งส่งของทุกวัน เดี๋ยวนี้ วิ่งบ้างหยุดบ้าง

คิดว่าโครงการอสังหาเค้าชะลอตัวนะครับ อย่างนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อรายใหญ่หรือเปล่า เพราะรายเล็กๆเริ่มไม่ทำแล้ว เหลือแต่รายใหญ่ยังทำอยู่

Noonino เขียน:ผมทำโรงงานเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างเล็กๆครับ ปกติก็ขายดีใช้ได้ ตั้งแต่เดือนกันยามาเนี่ย ยอดตกไปประมาณ 15-20% ครับ

ถามโรงงานอื่นก็เป็นเหมือนกัน ปกติรถออกวิ่งส่งของทุกวัน เดี๋ยวนี้ วิ่งบ้างหยุดบ้าง

คิดว่าโครงการอสังหาเค้าชะลอตัวนะครับ อย่างนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อรายใหญ่หรือเปล่า เพราะรายเล็กๆเริ่มไม่ทำแล้ว เหลือแต่รายใหญ่ยังทำอยู่

ทุนน้อยก็กลัวหมดทุน  ต้องหยุดโครงการ  รอดูทิสทางลม

แบ๊งก์ต่างๆ  ก็ออกเปิดขายบ้านและที่ดินว่างเปล่าที่ยึดมาตามจังหวัดใหญ่
กรมบังคับคดี  ก็นำออกประมูลตลอด
ป้ายขายบ้านติดตามถนนหนทาง  บอกขาย  บอกเซ้ง

อาคารพานิชย์  หน้าบ้านผม  9คูหา  ตั้งแต่สร้างจนเสร็จ
ผ่านเวลาไป2ปี  ขายไม่ได้เลยสักคูหาเดียว  ล้นความต้องการแล้ว
ปีหน้าเป็นต้นไป  คงน่าจะซบเซาอย่างน้อย3ปี
หากทำเลไม่ดี  ราคาแพงเกินไป  ขายไม่ออก

คนที่เคยวางดาวน์บ้าน  เก็งกำไรอาคารพานิชย์  
ติดมือ  ผ่อนกันไปติดป้ายขายกันไป  ผ่อนหลายๆปี  ยอมขายเท่าทุนก็มีเยอะแยะตามต่างจังหวัด

ไม่จริงครับ  หลังปฏิรูปนี่ ยอดขายบริษัทผมแทบจะเรียกได้ว่า โตเท่าตัว ทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำแทบไม่มีวันหยุดเลยครับ  เรียกได้ว่าดีสุดๆๆในรอบหลายๆๆปี นี่เป็นตลาดในประเทศนะครับ

ซบเซาจริงๆครับ ของผมเป็นร้านค้าอยู่ต่างจังหวัด เท่าที่พูดคุยกับร้านค้าในประเภทเดียวกันและกลุ่ม supplier ต่างลงมติเป็นเอกฉันท์ครับว่า มันเงียบ....  สนิทดีจริงๆ  ไม่ว่าจังหวัดไหน (จะมีดีบ้างก็ที่เชียงใหม่ อาจเพราะได้รับอานิสงค์จากพืชสวนโลก) ผมคิดว่านี่เป็นเดือนธันวาคมที่เงียบที่สุด นับตั้งแต่ปี40 มาเลยครับ

มันแปลกดีเนอะ มันแปลกดีเนอะ

กำไรบริษัทจดทะเบียนดูจะเพิ่มขึ้น สวนทางกับชาวบ้านทั่วไปที่ทำธุรกิจ ต่างบอกว่าแย่ลง

โรงงานฟอกหนังคนเจอช่องทางก็ทำใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ส่วนโรงอื่นๆก็เงียบหายกันไป

หรือจะเป็นจริงพี่บอกกันว่าปีต่อไปคงมีการ Merge บริษัทกันเต็มไปหมด ใหญ่อาจจะชนะเล็กจริงๆก็ได้แฮะ

พูดถึงเมืองจีนนึกขึ้นได้ ไปอ่าน ประวัติศาสตร์ จีน จะเห็นบ่อยๆว่า คนจีนตั้งแต่สมัยพันปีที่แล้ว จะมีการใช้ ยุทธศาสตร์ เล่เหลี่ยม  กลยุทธ  ในการทำอะไรๆ หลายๆอย่าง

เศรษฐกิจมันแย่มาตั้งแต่ก่อนเปลี่ยนการปกครองแล้วครับ ตอนนี้เป็นผลกระทบที่ตามมาจากการบริหารงานของรัฐบาลก่อน

บริษัทใหญ่ๆ มีกำไรมากขึ้นเพราะมีคนใช้จ่ายมากขึ้น คนใช้จ่ายมากขึ้นเพราะมีเงินมากขึ้น แต่ผมเชื่อว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการก่อหนี้เสียส่วนใหญ่ โดยเฉพาะต่างจังหวัดผมเห็นเยอะมากเลย ยิ่งบริหารเงินไม่เป็น ก็กลายเป็นหนี้เป็นสินกันมากขึ้น

แบบบ้านผมเป็นร้านทองต่างจังหวัด ช่วงทองแท่ง 12000 - 13000 บาท ตอนนั้นกลับมีคนมาซื้อกัน ไม่ยักมีคนขาย บางคนไปกู้เงินมาซื้อก็มีเพราะมั่นใจว่ามันจะต้องขึ้นไป 15000 แน่ๆ

แล้วอย่างที่รู้ ราคาทองตกไปแตะหมื่นนิดๆ ตอนนี้ละครับมีแต่คนมาขาย มาจำนำ จำนำไม่กี่วันก็ต้องมาขายแล้วบอกว่ากู้เงินมาเลยหมุนไม่ทัน มีอยู่หลายรายเหมือนกันที่เอาทองผ่อนมาขายที่บ้านผม ดันไปผ่อนมาตอนราคาสูงๆ แล้วก็ต้องมาขายที่ราคาต่ำ ผมถามราคาที่ต้องผ่อนแล้วถึงกับอึ้ง เขาต้องผ่อนเดือนละ 700 บาท ทั้งหมด 24 เดือน คิดดู ถ้าคุณไปซื้อทองรูปพรรณตอนช่วงแพงสุดก็แค่บาทละ 13500 เอง แต่นี้ต้องผ่อนทองเป็นเงินรวม 16800 คิดดูละกัน

ที่แน่ๆ ชาวบ้านส่วนหนึ่งจนลงไปเยอะ เพราะเป็นหนี้

ปรัชญา เขียน:

ทุนน้อยก็กลัวหมดทุน

[quote="ROGER"]ไม่จริงครับ

เดาว่าคุณโรเจอร์ทำเสื้อเหลืองขาย  ไม่ก็ทำหนังสือเกี่ยวกับเจ้าชาย เอ้ย..พระราชาจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุกขาย

เดาว่าคุณโรเจอร์ทำเสื้อเหลืองขาย  ไม่ก็ทำหนังสือเกี่ยวกับเจ้าชาย เอ้ย..พระราชาจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุกขาย

:lol:  :lol:  :lol:

ถ้ารัฐบาล ไม่เร่งแก้การกินดีอยู่ดี จะเกิดการเปรียบเทียบรัฐบาลชุดก่อนได้

ของผมขายมือเป็นระวิงเลยครับ ขายแทบไม่ทัน






















คีย์ขายหุ้นครับ

บ้านผมอยู่จังหวัดแถวภาคกลางครับ ผมว่าเศรษฐกิจมันเริ่มไม่ดีมาตั้งแต่กลางปีนี้แล้วครับ ก่อนจะมีการปฏิวัติเสียอีก ที่บ้านขาย
วัสดุก่อสร้างที่อยู่ระดับอำเภอ มาปลายปีเจอน้ำท่วมซ้ำอีก เสียหายกันอย่างมากๆ   ทุกๆเดือนจะมีเซล มาขายของเขาก็บอกว่าทุกๆที่ก็ขายกันไม่ค่อยดีเหมือนๆกัน ตอนนี้เวลาขายของก็พยายามเน้นขายเงินสดเป็นหลัก กำไรน้อยหน่อยไม่เป็นไร ขายเชื่อก็ให้น้อยหน่อย เน้นแน่นอนไว้ก่อน
  เซลที่ขายสินค้าบางตัว เล่าว่า เจ้านายของเขาบอกว่าถ้าเดือน
มีนา เมษา ปี 50 ยอดขายยังไม่ค่อยกระเตื้องละก้อ ปีหน้าคงเป็นปีที่เหนื่อยหนักหนาที่สุดอีกปีหนึ่ง  :(

จังหวัดผมก็ค่อนข้างเงียบ   ต่างกับตอนกลางปียังกะฟ้ากะเหว  อย่างว่าครับ  กลางปี ยางโลละเหยียบร้อย    อะไรอะไรก็ขายดี  แม่ค้า  ร้านค้านั่งยิ้มแฉ่งทั้งวันเหมือนคนบ้า   ขนาดรถยนต์ยังขายดีเหมือนแจกฟรี    ผิดกับ 2-3 เดือนก่อน  นั่งหน้าบูดเหมือนคนขาดสารอาหารกันทั้งตลาด     แต่ตอนนี้ดีขึ้นครับ  2  อาทิตย์ที่ผ่านมา  ราคายางขึ้นมา โลละสิบกว่าบาทแล้ว      
         เห็นด้วยกะพี่ปรัชญา  เพราะอาชีพผมคลุกคลีกับรากหญ้าทุกวัน  เห็นชัดครับ  ผมประเมินจากลูกน้องและลูกค้าครับ  ร้อยละ 70  หนี้เพียบ  ทั้งมือถือ  มอไซด์   ที่สำคัญไม่ว่ายางจะโลร้อย หรือโล  40    เหล้า  เบียร์ก็ยังขายดีเหมือนเดิม      
           อาชีพผมรับซื้อน้ำยาง  แล้วนำมาแปรรูปเป็นยางแผ่นรมควันครับ   มีสวนยาง  สวนปาล์มอีกอย่างละหน่อย  ส่วนที่เป็นสวนนี่รายได้หายไปครึ่ง  แต่ส่วนโรงรมยางก็เรื่อยๆครับ  เพราะอยู่ได้กับส่วนต่าง  ราคาน้ำยางกับยางแผ่นรมควัน    
          เจ็บใจอย่างเดียวสำหรับผม  คือ  ตอนเริ่มเล่นหุ้นใหม่ๆ สักปลายมิ.ย  เห็นจะได้  ตอนราคายางวิ่งขึ้นอย่างเดียว   ทำไมไม่เคยคิดจะมองไอ้ STA  TRUBB  ก็ไม่รู้     ดั๊นไปเชื่อมาร์น้องรัก  วนเวียนไปมาอยู่ แบงค์กะน้ำมัน   และอสังหา

ผมว่าทักกี้เค้าคงมีแผนแล้วว่าวงจรเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร  ก่อหนี้ช่วงแรกแล้วอัดด้วยกระบวนการกระตุ้นแบบต่างๆในลักษณะเสริมศักยภาพ  เศรษฐกิจมันก็น่าจะเดินไปได้ แต่มาสะดุดอย่างนี้ก็มีหวังเละ  เศรษฐกิจมันคงสั่งไม่ได้ในเวลาชั่วข้ามคืน  นีแหละข้อเสียของการเมืองที่ไม่มั่นคงเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย

คงพูดไม่ได้หรอก ว่า เศรษฐกิจ หดตัวเพราะ การก่อหนี้ เพราะยังไม่มีตัวเลขยืนยันได้    เพราะเท่าที่ดูจริงๆ การหด ตัว เกิดจาก รายได้เท่าเดิม หรือ ลดลง แต่ ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพราะเงินเฟ้อ น้ำมันแพง ทุกคน จึงประหยัดมากขึ้น