หน้า 1 จากทั้งหมด 1
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 22, 2006 6:12 pm
โดย chatchai
สำหรับผมแล้ว รู้ว่ามีผลกระทบไม่มากก็น้อย แต่ไม่รู้ว่ามากน้อยแค่ไหน
มีใครรู้บ้างครับ
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 22, 2006 6:21 pm
โดย poppo
มารอฟัง เพิ่ง post ถามอ.วิบูลย์ไป
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 22, 2006 7:15 pm
โดย ด๊กดิงด่าง
คนรู้น้อยอย่างผมก็ดูเอาจากความเป็นจริงที่เกิดขึ้น แต่ต้องมองให้ครบทุกด้านว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 22, 2006 9:22 pm
โดย BHT
คนรู้น้อยอย่างผม ก็เดาว่า อะไรที่จะต้องพึ่งเงินทุนต่างประเทศ คงเสียหายมิใช่น้อยเลย
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 22, 2006 9:26 pm
โดย artvr4
ผมว่า ยังเร็วไปที่จะประเมินครับ แม้ว่าจะเกินผลกระทบแล้วก็ตาม
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 22, 2006 9:38 pm
โดย tanate
ผมเริ่มไม่เข้าใจVI คำว่าปัจจัยพื้นฐานคืออะไรกันแน่
เราเฝ้าเพียรวิเคราะห์หาราคาพื้นฐาน เมื่อได้เวลาที่ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน
ก็เป็นเวลาที่เราต้องซื้อไม่ใช้หรือครับ
แต่ขณะนี้ เรากลับกลัวต่างชาติขาย
มันควรจะดีใจที่ได้ซื้อของถูกซิครับ
What is the best VI?
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 22, 2006 10:02 pm
โดย yakole
ส่วนผมไม่รู้ครับ เช้าวันอังคารยังตั้งซื้อหุ้นที่อยากได้แบบกดราคาอยู่เลยครับ ผลก็คือได้ทุกตัว ราคาที่ได้ก็เกือบสูงสุด ช่วงบ่ายก็ยังทยอยซื้ออีกหน่อย เหตุผลที่ซื้อ คือมันเป็นราคาที่เราดูแล้วว่าไม่แพง จิตใจตอนนั้นคิดว่า
ถ้าวันต่อๆไป ราคาหุ้นลงไปอีก ก็จะซื้ออีกตามเงินที่มี คิดว่าวันนั้นนายตลาดคงมีอารมณ์เสียมากๆ แต่ก็ยอมรับได้นะครับว่าถ้าวันต่อๆมาดัชนีมันจะลงแรงๆอีกถึงแม้ว่า เงินที่เราจะซื้อหุ้นได้หมดไปแล้ว เพราะเราคิดว่า เรารู้ตัวว่า
เรากำลังทำอะไรอยู่
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 22, 2006 10:02 pm
โดย ด๊กดิงด่าง
ถ้ามองระยะยาวคิดว่าน่าจะขึ้นอยู่กับพัฒนาการในเชิงโครงสร้างมากกว่าว่าเราสามารถยกระดับความสามารถในการแข่งขันที่ไม่ต้องอิงกับเรื่องค่าเงินได้แค่ไหน(เทคโนโลยี่ ประสิทธิภาพการบริหารจัดการขององค์กรธุรกิจ คุณภาพสินค้า อุตสาหกรรมต่อเนื่อง ฯลฯ) ค่าเงินสุดท้ายคงจบลงที่ศักยภาพโดยรวมของประเทศมากกว่า เพราะอย่างไรสินค้าที่เราผลิตก็ยังเป็นที่ต้องการของตลาดโลกอยู่ เพียงแต่ความเสี่ยงใหม่ที่เกิดขึ้นทำให้ราคาของกิจการเราถูกลง(p/e)
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 22, 2006 10:14 pm
โดย ek_tt
วันนั้นก็ซื้อครับ แต่ซื้อแบบกล้าๆกลัวๆ (ต้องฝึกใจอีกเยอะครับ) คือกลัวว่าวิธีการในวันนั้นจะมีผลกระทบไปถึงพื้นฐานด้วยหรือเปล่าน่ะครับ
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 23, 2006 12:25 am
โดย เพื่อน
จากประสบการณ์ของผม หลายครั้งที่คนวิจารณ์ไม่ได้อยู่ร่วมในกระบวนการตัดสินใจตั้งแต่เริ่มต้น มักจะวิจารณ์ได้ถูกแต่ไม่ทั้งหมด.....บางครั้งการวิจารณ์พุ่งไปที่เรื่องเพียงเรื่องเดียว แต่ไม่ทันได้นึกว่า คนที่อยู่ในกระบวนการตัดสินใจเค้าคิดเลยจุดนี้ไปเรียบร้อยมาก่อนแล้ว เพราะเรื่องที่เค้าเผฉิญอยู่มันมีมากและผูกพันธ์กันมากกว่าที่คนที่อยู่วงนอกจะทันคิด
ขอเล่าประสบการณ์ ผมเองก็เคยถูกวิจารณ์งานบ่อยๆ ส่วนใหญ่คนที่วิจารณ์มักจะไม่ได้อยู่ร่วมในการถกปัญหาต่างๆในกระบวนการตัดสินใจเพื่อหาทางออกตั้งแต่เริ่มต้นให้ได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด(บางทีก็ต้องยอมเสียบางอย่างไปบ้าง)
ยกตัวอย่างงานหนึ่งที่ผมเคยออกแบบอาคารไว้ พองานเสร็จก็มีคนวิจารณ์พอสมควร ทำนองออกแบบแปลนนิ่งอาคารไม่ดี ทำไมไม่เอาลิฟท์ไปไว้ตำแหน่งนั้น ทำไมไม่ทำให้พื้นที่ชั้นล่างใหญ่กว่านี้ เพื่อจะได้ใช้ค้าขายมากขึ้น ทำไมอย่างนั้นอย่างนี้สารพัด แถมด้วยคำพูดประเภท ถ้าเป็นเค้าออกแบบ เค้าจะทำแบบนั้นแบบนี้ดีกว่าตั้งเยอะ
.....หลายครั้งที่ผมก็ขี้เกียจอธิบายเค้า เพราะต้องเริ่มท้าวความที่มาที่ไปกันตั้งแต่เริ่มและเค้าจะไม่ยอมเข้าใจอย่างอื่นที่เค้าไม่อยากรู้อีกหลายๆเรื่องทั้งด้านกฎหมายและโครงสร้างอาคารรวมถึงความต้องการหลักของเจ้าของอาคาร....แต่เค้าลืมคิดไปว่า ก่อนหน้านี้มีคนมาออกแบบไว้2-3ราย ไม่สามารถขออนุญาติก่อสร้างได้ จะทำได้ก็เพียงเพียง4ชั้นบนที่ดินแสนแพงและมีพื้นที่จำกัดมาก(พร้อมกับบอกให้เจ้าของอาคารไปแอบต่อเติมทีหลัง) ในขณะที่ผมออกแบบให้สามารถสร้างได้8ชั้นอย่างถูกกฎหมาย....ไม่ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะเลย(แต่ต้องFight กับ ผู้ตรวจของ กทม.นานเหมือนกัน)
สรุปจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมเลยไม่อยากวิจารณ์เรื่องที่ผมยังไม่เข้าใจภาพรวมทั้งหมดว่าดีหรือแย่แค่ไหน เพราะผมคิดว่าเรื่องบางเรื่องที่เราพูดๆกันอยู่เรายังมองมันง่ายเกินไป อย่างเช่นทำไมไม่แก้ปัญหาโดยใช้ดอกเบี้ยหละ....ผมว่ากลุ่มคนระดับนี้เค้าคิดผ่านเรื่องนี้ไปตั้งนานแล้วมั้งครับ
แต่ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ควรสนใจเพราะเกินความรู้..... เราสามารถวิจารณ์ในเชิงสร้างสรรค์ได้ โดยเฉพาะการวิจารณ์เชิงตั้งคำถามและสนใจคำตอบของเค้าจริงจัง....แบบที่คุณฉัตรชัยทำไว้ก็โอเคครับ ผมว่าช่วยกระตุ้นความสนใจดี และคนที่มีอำนาจตัดสินใจจะได้ระวังว่ามีคนคอยตรวจคอยถามอยู่
แต่ถ้าเป็นเรื่องฉ้อโกง...นี่ ผมเห็นวิธีการมามากพอสมควรโดยเฉพาะในแวดวงก่อสร้างและการจัดซื้อจัดจ้าง ....คาดคะเนได้ไม่ค่อยพลาดพร้อมกับหาข้อมูลได้ไม่ยาก ค่อนข้างพร้อมที่จะวิจารณ์ได้ทันทีครับ
เรื่องเศรษกิจเศรษศาสตร์นี่คงต้องยกให้คุณฉัตรชัยครับ.... 8)
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 23, 2006 1:18 am
โดย moo
ทำให้เราอยากรู้ว่า
เงินในกระเป๋าเรา 100 บาท
มีค่าจริงๆ เท่าไหร่กันแน่
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 23, 2006 8:47 am
โดย beammy
ผลกระทบในครั้งนี้ ผมไม่รู้ว่ามันจะมีผลเสียต่อตลาดหุ้นแบบนี้ ครับพี่ฉัตรชัย
ถ้ารู้ก่อนนะ สงสัยวันที่ 19 ผมคงได้ซื้อหุ้นที่เล็งไว้เข้าพอร์ตในจำนวนที่มีความหมาย (กว่าที่มีอยู่นี้) ครับ
...
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 23, 2006 10:52 am
โดย Frankie
ถ้ารู้ก่อนเหรอครับ ผมคงไม่ขายในวันที่ 19 อย่างมากขนาดนั้นหรอกครับ
แต่เพราะไม่รู้มาก่อนและไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร ทำให้ผมยังไม่อยากซื้อหุ้นกลับ
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 23, 2006 11:09 am
โดย yoyo
tanate เขียน:ผมเริ่มไม่เข้าใจVI คำว่าปัจจัยพื้นฐานคืออะไรกันแน่
เราเฝ้าเพียรวิเคราะห์หาราคาพื้นฐาน เมื่อได้เวลาที่ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน
ก็เป็นเวลาที่เราต้องซื้อไม่ใช้หรือครับ
แต่ขณะนี้ เรากลับกลัวต่างชาติขาย
มันควรจะดีใจที่ได้ซื้อของถูกซิครับ
What is the best VI?
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่กลัวต่างชาติขายหุ้นหรอกครับ
แต่มันมีผลกระทบต่อด้านอื่นๆ อีกหลายด้านครับ
- เรื่องระดมทุนก็เรื่องนึง ไม่ว่าจะระดมเงินกู้ การเพิ่มทุน หรือ IPO
- เรื่องความน่าเชื่อถือประเทศซึ่งมีผลต่อการลงทุนทางตรงในประเทศเราด้วย อย่างต่างชาติที่คิดจะมาเปิดโรงงานลงทุนในไทย (ซึ่งจะทำให้เกิดงานที่เพิ่มขึ้น) เค้าอาจจะเปลี่ยนใจไปประเทศอื่นได้
มีอีกหลายอย่างครับที่กระทบ ไม่ใช่แค่เรื่องกลัวเค้าขายหุ้นหรอกครับ แต่ก็อย่างที่คุณ Tanate ว่า อย่างเพิ่งไปกังวลมากเกินไป คิดให้ดีว่าอะไรมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ถ้าหุ้นที่เราเล็งไว้โดนผลกระทบน้อยมาก ราคาลงมามากๆก็ซื้อซะ วันที่ 19 เองผมก็ไม่ได้ซื้อขายซักกะหุ้น เพราะดูแล้วหุ้นที่ผมเล่นไม่น่าจะโดยผลกระทบอย่างมีนัญสำคัญ
Re: ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 23, 2006 12:32 pm
โดย khun_parinya
[quote="chatchai"]สำหรับผมแล้ว
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 24, 2006 1:01 am
โดย เพื่อน
yoyo เขียน:อย่างต่างชาติที่คิดจะมาเปิดโรงงานลงทุนในไทย (ซึ่งจะทำให้เกิดงานที่เพิ่มขึ้น) เค้าอาจจะเปลี่ยนใจไปประเทศอื่นได้
อยากทราบความเห็นคุณyoyoว่าทำไมถึงคิดว่าต่างชาติที่จะลงทุนเปิดโรงงานถึงเปลี่ยนใจหละครับ....ที่ผมเห็นคนที่คิดจะลงทุนในกิจการอย่างจริงจัง ดูเหมือนเค้าไม่กังวลเรื่องหุ้นในตลาดจะกระทบกับการลงทุนของเค้าเท่าไหร่นะครับ และบริษัทใหญ่ๆอีกจำนวนมากเค้าก็ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้นนะครับ ผมเคยได้ยินมาว่าบริษัทฯใหญ่ๆในเมืองไทยมีมากกว่า2หมื่นแห่ง แต่อยู่ในตลาดแค่ประมาณ400เท่านั้น ไม่ทราบจริงเท็จแค่ไหน...ไว้จะลองเช็คๆดูอีกทีครับ
....ถ้าผมเป็นลุงบัฟเฟ่ต์ หรือลุงลินช์ ผมจะหันมามองหุ้นเมืองไทยตอนนี้นะครับ....ตอนนี้คนไทยกำลังpanicกังวลว่าจะไม่มีชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนระยะสั้นในเมืองไทย ทำให้ทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยที่ชอบเล่นระยะสั้นปี2ปีขายของลดราคากัน...แล้วราคามันน่าสนมั้ยหละ....ส่วนเรื่องการบริหารประเทศก็ต้องสำรวจไปด้วยพร้อมๆกันก่อนจะลงมือ
ส่วนลุงโซรอส และเพื่อนๆคงโกรธและไม่ค่อยชอบ...ไปหาที่อื่นดีกว่า
ปล. ผมคิดว่าตอนที่เค้าออกมาตรการนี้ทีแรก เค้าคิดจะสกัดนักเก็งกำไรในตลาดหุ้นด้วยเป็นหลักเลยครับ พอดีผมได้ยินหลักการผ่านรายการวิทยุรายการหนึ่งวันที่18 อ.จรัล ออกมาให้สัมภาษณ์สดเลย ทำนองเดียวกับมาตรการเลย ไม่น่าจะบังเอิญ....แต่มาตรการออกมาในวันจันทร์ทันที ซึ่งถ้าสังเกตุดูดีๆจะรู้ว่ารีบร้อนผิดปรกติ คงเพราะกลัวเรื่องข่าวรั่วแล้วจะมีคนได้ประโยชน์ไปจริงๆ....
ที่ผมสังเกตุว่าผิดปรกติ เพราะมาตรการแบบนี้เค้ามักจะประกาศกันเย็นวันศุกร์ หรือยิ่งเป็นวันหยุดยาวก็ยิ่งดี เพื่อลดผลกระทบแบบทันทีทันใดจนเกิดอาการช็อคแบบที่เราเห็นกัน....ไม่เชื่อลองไปดูมาตรการสำคัญเก่าๆดูสิครับ
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 24, 2006 12:11 pm
โดย woody
เพื่อน เขียน: ผมเคยได้ยินมาว่าบริษัทฯใหญ่ๆในเมืองไทยมีมากกว่า2หมื่นแห่ง แต่อยู่ในตลาดแค่ประมาณ400เท่านั้น ไม่ทราบจริงเท็จแค่ไหน...ไว้จะลองเช็คๆดูอีกทีครับ
ขึ้นอยู่กับการนิยามคำว่าใหญ่ครับ ไม่ทราบว่าจะ cut off กันอย่างไรดี
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 24, 2006 12:27 pm
โดย ทุ่งทานพระจันทร์
ผมมีความเห็นว่า
ต่างชาติจะมาลงทุนในเมืองไทย มั่นใจแค่ไหนอยู่ที่ตัวผู้บริหารมากกว่าครับ
และเหตุการณ์ของตลาดหุ้น ก็สะท้อนผลงานของผู้บริหารครับ
เหมือนผมไปเช่าที่เขาค้าขาย ปีนี้เดือนละ 4000 เจ๊าเจ้าของที่สัญญาจะหามาตรการทุกอย่างทำให้คนมาจับจ่ายในย่านนี้ให้ได้ (อาคารพานิชย์ย่านนี้เป็นขอเจ๊หมด) 1 ปีผ่านมาเราขายดีมีกำไร จากคนในพื้นที่ของเจ๊ เจ๊เจ้าของที่ ขอค่าต่อสัญญา สามแสน ค่าเช่าเดือนละหมื่น ถ้าจะเลิก มีค่าเสื่อมราคาของตึกอีกสองแสน
นั่นคือความมั่นใจของผู้เข้ามาลงทุน ต่อผู้คุมกฏของบ้านครับ
ไม่รู้เจ๊เจ้าของที่ แกจะเปลี่ยนกฏอะไรอีกหรือเปล่า
อันนี้มุมมองของเด็กน้อยอย่างผมครับ
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 25, 2006 8:54 pm
โดย เพื่อน
[quote="ทุ่งทานพระจันทร์"]ผมมีความเห็นว่า
เหมือนผมไปเช่าที่เขาค้าขาย ปีนี้เดือนละ 4000 เจ๊าเจ้าของที่สัญญาจะหามาตรการทุกอย่างทำให้คนมาจับจ่ายในย่านนี้ให้ได้ (อาคารพานิชย์ย่านนี้เป็นขอเจ๊หมด)
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 25, 2006 9:52 pm
โดย yoyo
อยากทราบความเห็นคุณyoyoว่าทำไมถึงคิดว่าต่างชาติที่จะลงทุนเปิดโรงงานถึงเปลี่ยนใจหละครับ....ที่ผมเห็นคนที่คิดจะลงทุนในกิจการอย่างจริงจัง ดูเหมือนเค้าไม่กังวลเรื่องหุ้นในตลาดจะกระทบกับการลงทุนของเค้าเท่าไหร่นะครับ
อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้กระทบแค่ตลาดหุ้นอย่างเดียวนะครับ แต่กระทบถึงความน่าเชื่อถือของประเทศด้วย ... นักลงทุนต่างชาติอาจจะกลัวว่าในอนาคตจะมีมาตราอะไรแปลกๆออกมาอีกรึเปล่า มีครั้งแรกแล้วจะมีครั้งที่ 2 อีกก็ไม่แปลก
หรือผลกระทบอย่างหนึ่งที่พี่ฉัตรชัยได้เขียนเอาไว้คือเรื่องการระดมทุนด้วยหุ้นกู้ ถ้านักลงทุนที่เข้ามาเปิดโรงงานในไทยต้องการระดมทุนจะทำอย่างไรครับ ต้องจ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้นหรือครับ ทีนี้ถ้าคนระดมทุนด้วยหุ้นกู้กันไม่ค่อยสะดวกเพราะต้องจ่ายแพงขึ้น อาจจะทำให้ต้องหันไปกู้ยืมจากธนาคารแทน ทีนี้ลองคิดต่อเล่นๆว่า เมื่อคนไปกู้ธนาคารกันเยอะขึ้น Demand เงินกู้จะสูงขึ้น ดอกเบี้ยที่ว่าจะลงก็อาจจะยากขึ้น ดีไม่ดีอาจจะเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ สุดท้ายแล้วต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนจาก risk premium ของประเทศที่สูงขึ้น ทำให้การลงทุนในประเทศไทยมความน่าสนใจลดลง ...
ผมอาจจะมองโลกในแง่ร้ายไปบ้างนะครับ .. ผมไม่ได้เก่งในเรื่องของเศรษฐศาสตร์มหาภาคเท่าไหร่ อาศัยการคิดผลกระทบต่อเป็นทอดๆไป อาจจะตกหล่นไปบ้างต้องขออภัย
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 25, 2006 11:01 pm
โดย nanchan
ผมว่าผมอ่านเจอแต่นักลงทุนญี่ปุ่นยังเชื่อมั่นในประเทศไทยอยู่นะครับ
และก็ขอให้แก้ไขปัญหาเรื่อง บาทแข็งด้วยซ้ำ
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 26, 2006 10:13 pm
โดย yield
yoyo เขียน:
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่กลัวต่างชาติขายหุ้นหรอกครับ
แต่มันมีผลกระทบต่อด้านอื่นๆ อีกหลายด้านครับ
- เรื่องระดมทุนก็เรื่องนึง ไม่ว่าจะระดมเงินกู้ การเพิ่มทุน หรือ IPO
- เรื่องความน่าเชื่อถือประเทศซึ่งมีผลต่อการลงทุนทางตรงในประเทศเราด้วย อย่างต่างชาติที่คิดจะมาเปิดโรงงานลงทุนในไทย (ซึ่งจะทำให้เกิดงานที่เพิ่มขึ้น) เค้าอาจจะเปลี่ยนใจไปประเทศอื่นได้
มีอีกหลายอย่างครับที่กระทบ ไม่ใช่แค่เรื่องกลัวเค้าขายหุ้นหรอกครับ แต่ก็อย่างที่คุณ Tanate ว่า อย่างเพิ่งไปกังวลมากเกินไป คิดให้ดีว่าอะไรมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ถ้าหุ้นที่เราเล็งไว้โดนผลกระทบน้อยมาก ราคาลงมามากๆก็ซื้อซะ วันที่ 19 เองผมก็ไม่ได้ซื้อขายซักกะหุ้น เพราะดูแล้วหุ้นที่ผมเล่นไม่น่าจะโดยผลกระทบอย่างมีนัญสำคัญ
ผมคิดว่าเมืองไทยคงไม่เหมือนตลาดใหญ่ ๆ ที่ว่าการเก็งกำไรหรือเม็ดเงินจากกลุ่มใดกล่มหนึ่งมีผลต่อราคาหุ้นมากน่ะครับ เพราะตลาดเรามันยังเล็กอยู่
ราคาของหุ้นยังไงก็ขึ้นลงตาม demand and supply ไม่ได้ขึ้นกับมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นครับ ดังนั้น vi ในความคิดของผมในสถานการณ์อย่างนี้ก็ต้องเป็น arbitraguers ประเภทหนึ่งแหล่ะครับ จริงไม๊ครับ
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 27, 2006 10:21 am
โดย chatchai
yield เขียน:ราคาของหุ้นยังไงก็ขึ้นลงตาม demand and supply ไม่ได้ขึ้นกับมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นครับ
ถ้าราคาในระยะสั้นอาจจะใช่ แต่ในระยะยาวคุณคิดว่าอะไรมากำหนด Demand และ Supply ละครับ
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 27, 2006 2:52 pm
โดย Muffin
[quote="เพื่อน"][quote="ทุ่งทานพระจันทร์"]ผมมีความเห็นว่า
เหมือนผมไปเช่าที่เขาค้าขาย ปีนี้เดือนละ 4000 เจ๊าเจ้าของที่สัญญาจะหามาตรการทุกอย่างทำให้คนมาจับจ่ายในย่านนี้ให้ได้ (อาคารพานิชย์ย่านนี้เป็นขอเจ๊หมด)
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 10, 2007 2:14 am
โดย Lady
ขอต่อในแง่ของจินตนาการ ในเรื่องของเจ๊ นะคะ
พอดีคุณพ่อ เป็นผู้จัดตลาดและเป็นผู้ค้าในตลาดด้วยเหมือนกัน
เลยพอจะเข้าใจความรู้สึก เจ๊ บ้าง
คือการขึ้นค่าที่ และค่าต่อสัญญา เนี่ยไม่ใช่เรื่องแปลก
มันต้องดูรายละเอียดก่อนหน้าที่คุณจะเช่าที่ 4,000 บาท
ถ้าตลาด หรือ ตึกยังใหม่อยู่ผู้จัด หรือ เจ๊ จะไม่เก็บค่าหัวเตียงหรือค่าเช่าสำหรับเจ้าประจำ
ค่าเช่าก็ถูกหน่อย เพราะต้องการดึงผู้ค้ามาเช่า พอผู้เค้าเยอะพอที่ตั้งเป้าขั้นต่ำไว้ ( หรืออาจจะติดตลาด เกินคาดเลยก็ได้ )
บวกกับระยะเวลาอีก 1ปี สามารถทำให้คนรู้จักตึกหรือตลาด ได้เป็นจำนวนมาก ( ช่วง 1 ปีนี้ เจ๊ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ แจกของ,ใบปลิว หรือวิธีไหนก็แล้วแต่ เพื่อดึงผู้ซื้อเข้าตึก )
จากนั้นจึงกำหนดราคาใหม่ ในช่วงเวลาที่ผู้ค้ามีกำไรอยู่ตัวแล้ว
จะมีค่าต่อสัญญาของตึก หรือถ้าเป็นตลาดคือค่าหัวเตียง ปีละครั้ง
และค่าเช่าต่อเดือน (อยู่ที่ เจ๊ แกจะพิจารณาว่า ตึกของเจ๊มีศักยภาพในการทำกำไรให้ผู้ค้าได้แค่ไหน ไม่ใช่ว่าผู้จับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นมาแค่ 50 % แต่ดันเพิ่มค่าเช่าซะเว่อร์ เป็น 100 - 200% นี่ก็ออกแนวหน้าเลือด )
หลังจากปรับราคาใหม่แล้ว ผู้ค้าก็พิจารณาเอาเอง
พอใจก็ต่อสัญญา ไม่พอใจจะย้ายไปที่อื่น ก็เป็นสิทธ์ของคุณ
แต่โดยปกติแล้ว การที่ค่าเช่า ถูก หรือ แพง ไม่ได้หมายความว่า " ค่าเช่าแพงแล้วเราจะเสียเปรียบเสมอไป "
ถ้าเช่าต่อ มีกำไรดี หักลบแล้ว ยังไง ก็อยู่ได้สบาย ๆ
กับหาที่เช่าใหม่ถูก ๆ แต่ไม่รู้จะขายได้มั้ย และต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ กว่าร้านเราจะเข้าที่ และมีลูกค้าประจำ
Ps. แต่พ่อเค้าใจดีนะ วันไหนฝนตก ขายไม่ได้ ไม่เก็บค่าเช่าเต็ม แต่ถ้าวันไหนขายดีพ่อเก็บค่าเช่าเท่าเดิม ไม่มีเก็บเพิ่ม .... รักพ่อจัง ^^
ไม่ทราบว่าจะมีประโยชน์ในแง่คิด ตามหัวข้อรึป่าว
แต่เห็นว่า เป็นอีกแนวนึงที่ มาจากด้านของเจ๊ น่ะค่ะ
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 15, 2007 12:00 pm
โดย คนเรือ VI
ต้องดูว่า มัน penallise อย่างเดียวหรือเปล่า อาจจะต้องดูว่ามันจะ reward ยังไงด้วยครับ