Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

อยากทราบความเห็นจากเพื่อนๆในห้องนี้ว่า
มองตลาดภาพรวมในปีหน้าอย่างไรบ้างครับ
คิดว่ามันดีกว่าหรือแย่กว่าปีนี้ครับ

ธุรกิจ อย่างกลุ่ม โรงแรม โรงบาน ค้าปลีก จะดีต่อเนื่องหรือไม่

ธุรกิจอะไร ที่แย่จนกู่ไม่กลับ ควรหลีกเลี่ยง

และ อะไรที่จะเป็นม้ามืด ในปีหน้า

--------------------------------------------------------------------------------------

สองอาทิดก่อนช่วงตลาดหุ้นตกหนักๆ black tuesday เพื่อนผม <ชาวมาเลย์ กะ สิงคโปร์>
มันถามผมว่า มันอยากจะลองเปลี่ยนมาซื้อหุ้นไทยดูบ้าง เพราะมันเห็นว่ารอบบ้านเค้าไปกันหมดแล้ว มีแต่ไทยนี่แหละที่ยังย่ำอยู่กะที่...
มันถามผมว่าหุ้นอะไรน่าสนใจ...ผมได้ยินก็ไม่กล้าแนะนำอะไร...กัวเด๋วทำเจ๊งแล้วมาโทดเรา...  :shock:  :shock:

[quote="ลุงทีม"]อยากทราบความเห็นจากเพื่อนๆในห้องนี้ว่า
มองตลาดภาพรวมในปีหน้าอย่างไรบ้างครับ
คิดว่ามันดีกว่าหรือแย่กว่าปีนี้ครับ

ธุรกิจ อย่างกลุ่ม โรงแรม โรงบาน ค้าปลีก จะดีต่อเนื่องหรือไม่

ธุรกิจอะไร ที่แย่จนกู่ไม่กลับ ควรหลีกเลี่ยง

และ อะไรที่จะเป็นม้ามืด ในปีหน้า

--------------------------------------------------------------------------------------

สองอาทิดก่อนช่วงตลาดหุ้นตกหนักๆ black tuesday เพื่อนผม <ชาวมาเลย์ กะ สิงคโปร์>
มันถามผมว่า มันอยากจะลองเปลี่ยนมาซื้อหุ้นไทยดูบ้าง เพราะมันเห็นว่ารอบบ้านเค้าไปกันหมดแล้ว มีแต่ไทยนี่แหละที่ยังย่ำอยู่กะที่...
มันถามผมว่าหุ้นอะไรน่าสนใจ...ผมได้ยินก็ไม่กล้าแนะนำอะไร...กัวเด๋วทำเจ๊งแล้วมาโทดเรา...

สินค้าเกษตรนี่อยากให้ลดการส่งออก
ลดการผลิตลง ส่งเสริมการแปรรูปแพ็กเก็จ
เพิ่มมูลค่ามากกว่าผลิตเชิงปริมาณ

สมมุต เราทั้งประเทศบริโภคสินค้าเกษตร
ในปริมาณ 50% ของการส่งออก
เราก็ลดการผลิตเหลือเพียง60%
ทำให้ลดการนำเข้าที่ไม่จำเป็นลงได้มากทีเดียว
ไปเน้น
อุตสาหกรรม ท่องเที่ยว

ให้มากขึ้นสร้างจุดเด่นในแต่ละพื้นที่
แล้วนำมาเชื่อมทำเป็นแพ็กเก็กทัวร์
เสนอกับ บริษัทใหญ่ใหญ่ที่ต้องการลดความตึกเครียด
กับพนักงาน
เน้น
อุตสหากรรมการจัดงานมากขึ้น

ที่ผมแปลกใน
ที่ต่างประเทศ
เป็นเกมส์เป็นอุตสาหกรรม

เราควร ทำให้เกมส์เป็นอุตสาหกรรม
ส่งเสริม พัฒนา บุคคลกร ให้มากขึ้น
จัดการแข่งขันระดับภาค จังหวัด ตำบล
มากขึ้น  เพื่อคัดคนเก่งมาพัฒนาอุตสาหกรรมนี้

แต่ฝันนี้จะเป็นจริงได้แค่นไหน

มาฟังกลยุทธ์แต่ละท่านไว้ก่อน แต่ปีหน้าหมอดูทักบอกว่า ตลาดหุ้นไม่ดีสักเท่าไหร่ เลยต้องหาตัวรายได้มั่นคงไว้ก่อนครับผม

ผมขอเดานะครับ.....

นโยบายของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการควบคุมเงินลงทุนต่างด้าว การควบคุมและการปรับปรุง พรบ. ธุรกิจต่างด้าวน่าจะเป็นตัวแปรสำคัญของตลาดโดยรวมในปีหน้านะครับ

การเปลี่ยนแปลงจะกระทบโดยตรงต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ ที่มีบทบาทสำคัญต่อตลาดทุนไทย

ผมมองว่าการเปลียนแปลงคงเป็นอะไรที่คงเลี่ยงไม่ได้แล้ว ยิ่งสรุปได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น เพราะตลาดจะได้รับรู้ และปรับตัวรับสภาพได้เร็วขึ้น

ความไม่ชัดเจน และไม่แน่นอนตรงนี้น่าจะทำมีการเคลื่อนย้ายเงินทุนต่างชาติให้เห็นเป็นระยะในตั้งแต่ต้นปีหน้าจนกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องกฎระเบียบและการควบคุม และจะทำให้ตลาดหุ้นโดยรวมผันผวนไปซักพักใหญ่ๆ

โดยรวมกลุ่มส่งออกคงจะดีกว่าเพื่อน ส่วนรายตัวคงต้องเลือกหุ้นที่มีความเป็นสัญชาติไทยให้มากที่สุดเพื่อเลี่ยงการทิ้งบอมบ์จากต่างชาติ

ผมให้น้ำหนัก โรงแรมมากที่สุดครับ

คนที่ผมอ่านความเห็นแล้วคิดว่าน่าสนใจที่สุดคนหนึ่งใน thaivi คือคุณ hot นี่แหละครับ

เห็นท่านพูดถูกๆผิดๆ เป็นเอกลักษณ์นี่แหละ แต่มุมมองเฉียบเหลือหลาย

ดันกระทู้ขึ้นมาครับ

ขอกลยุทธ์ปีหน้าด้วยครับ

เน้น Defensive Stock ที่ปันผลมากกว่า 5% จะหวังส่วนต่างคงเป็นเรื่องยาก

เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียงดีกว่าครับ    

ปล. คุณสุมาอี้ครับ คุณนั่นแหละต้องเป็นผู้บอกกลยุทธ์นะครับ แหมเอาเปรียบนี่นา  :evil:  :evil:

เห็นด้วยครับ...ผมว่าพี่สุมาอี้น่าจะเป็นคนแนะนำกลยุทธ์มากกว่านะครับ...  :shock:  :shock: :lol:  

สำหรับผมคิดว่า...ทั้งกลุ่ม โรงแรม, โรงบาน และ ค้าปลีก น่าจะดีต่อเนื่องนะครับ...
โดยกลุ่มโรงแรมนั้นน่าสนใจที่สุด...ถ้าไม่มีปัจจัยภายนอกพวกสึนามิหรือแผ่นดินไหวมากระทบ...ยังไงๆเมืองไทยก็ยังน่าเที่ยวไม่แพ้ใครอยู่แล้วในภูมิภาคนี้...ค่าครองชีพก็ยังถูกมาก เมื่อเทียบกับ...มาเลย์,อินโด, สิงคโปรค์, หรือ แม้แต่กัมพูชา...  :shock:  :shock:
จะมีสูสีหน่อยก็เวียดนามนี่แหละ...แต่จำนวนแหล่งท่องเที่ยวและความน่าสนใจเค้าก็ยังสู้เราไม่ได้อยู่ดี

ส่วนม้ามืดของแท้...เดาว่าน่าจะอยู่ในกลุ่มอีเล็ตนะ...  :shock:  :shock:

Hit-and-Run

เอาด้วยคน

ผมมองว่าปีหน้าน่าจะเป็นปีที่ยากสุดตั้งแต่ลงทุนมา เพราะน่าจะมีระเบิดเวลาซัก 5 ลูก เป็นอย่างต่ำ

1. หมดระยะเวลาผ่อนปรนภาษีเหลือ 25% ต่อไปต้องมาจ่าย 30% แล้ว
มีโอกาสที่รบ.จะต่ออายุให้ แต่ผมมองว่ารบ.นี้คงไม่สนมั้ง พอเพียงแบบสุดขอบ นักลงทุนเป็นปีศาจ

2. มาตราฐาน บัญชี ใหม่ ถึงจะไม่ส่งผลต่อการดำเนินงาน แต่ก็สร้างความวุ่นวายได้พอควร เพราะต้องย้อนไปแก้ของเก่าด้วย บ.ที่มีรายได้จากบริษัทย่อยมากๆ โดนดี พวกนี้เป็น Big-Cap ซะหลายตัวด้วย E ลด P/E เพิ่ม SET คงลด นักลงทุนธรรมดาคงขวัญกระเจิง
ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มเมื่อไหร่ แต่คิดว่าทำแน่

3. BASEL 2 ถึงจะโดนแค่ Bank แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะทำให้ Bank ต้องปรับระบบการทำงานหรือเปล่า ต้องขอศึกษาเพิ่ม งึมๆๆ

4. ค่าเงิน USD ถ้าไปถึงจุดที่ประเทศทั้งหลายเริ่มลดการถือเงิน USD เป็นทุนสำรอง ผมว่าผลกระทบมัน "สุดๆ" นะ อันนี้ผมว่าเป็น Time Bomb ลูกใหญ่สุด แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ ผลกระทบเป็นไงบ้างก็ไม่แน่ใจ แต่คงวุ่นวายน่าดู

5. ......อันนี้ออกไปทางความรู้สึกมากกว่า....เพื่อนๆที่ทำงานกับต่างชาติ (EU, US) บอกว่าหลัง coup ดูไม่น่ามาลงทุนที่ไทยเลย ยิ่งหลัง 19/12 ผมว่าชื่อเสียงประเทศนี้คงเละเป็นอึ ปีหน้าคงได้เห็นผลกระทบแบบด้วยตาตัวเอง -_-'

ส่วนบริษัทไหนดีเนี่ย ก็ต้อง

1. บริษัทเล็กๆใน MAI(ยังจ่าย tax 20%) ที่มีรายได้จากตัวเองเป็นหลัก ไม่ใช่พึ่งพาบริษัทย่อย ทำธุรกิจนำเข้าสินค้ามาขาย(USD ร่วงก็ดีสิ)
พูดไปก็เหมือนเชียร์ หุ้นเรือธงของ port ตัวเอง ก็ออกแบบ port มาหยั่งงี้อ่ะ  :P

2. ดูขัดๆหน่อย แต่ผมสนใจพวก Bank เพราะ 3 เสาหลักการลงทุนมี
1 Equity & 2 Debt (Bank, Bond)

Equity ห่วย Bond โดนอ๋วยถล่ม ก็เหลือแต่ไปกู้ Bank มาขยายกิจการ

ต้องขอศึกษา Basel2 ซะหน่อยว่า เป็นไงมั่ง

ทำเกมส์ ทำอนิเมชั่น...
อุตสาหกรรมนี้ คนเก่งๆบ้านเรา โดนดึงตัวไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้านเยอะแล้วหละครับ...

ปีหน้า ถ้าสถานการณ์ทั่วไปยังไม่เปลี่ยนแปลง
ผมคงจะเลือกลงทุนในแบบลดความเสี่ยงในรูปแบบของตัวเอง...
คือ สำหรับหุ้นถือ...เลือกลงทุนหุ้นที่พื้นฐานดีขนาดเล็ก ที่กองทุนหรือฝรั่งเล่นได้ยาก...แล้วก็มีปันผล
สำหรับการเก็งกำไร...เล่นสั้นทำกำไรทีละน้อยหรือเพิ่มเงินลงทุนใน TFEX

ปีหน้า ถ้าผมไม่เอาเงินออกไปทำอย่างอื่น..ที่ดีและเสี่ยงน้อยกว่าในตลาด ผมก็คงทำแบบนี้จริงๆ

ปีหน้า คิดว่าการช่วงชิงทรัพยากรธรรมชาติจะมีมากขึ้น
ในเอเชีย คงลดการถือครองดอลล่าสหรัฐลง

ผลผลิตการเกษตร ในตลาด future น่าจะปรับตัวสูงขึ้นมาก
โลหะมีค่า ก็จะปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ตามเงิน us ที่ด้อยค่าลง
ตอนนี้ทองคำก็ไป อยู่ 633 ปรับขึ้นมาแล้ว

หุ้นที่น่าสนใจสำหรับผม  เป็นหุ้นน้ำตาลตัวหนึ่ง และหุ้นอุตสาหกรรมฟิล์มที่กำลังกลับมาฟื้นตัว

มั่วๆเอานะคะ

1 หลีกเลี่ยงหุ้นบิ๊คแคป

2 หลีกเลี่ยงหุ้นรัฐวิสาหกิจ

3 หลีกเลี่ยงหุ้นที่มีสัดส่วนหนี้สูง โดยเฉพาะที่ต้องเติบโตด้วยการพึ่งพาเงินกู้มาขยายการลงทุน

4 พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ในการลงทุนในบริษัทที่เน้นผลิตสินค้าฟุ่มเฟือย (ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันปกติ)

5 เล่นสั้นต้องออกเร็ว เล่นยาวควรต่อราคามากๆ :lol:

6 ถ้าขี้เกียจปวดหัว ก็เลิกเล่น ไปรอปี 2555 (เลขสวย :lol: )

อิอิ

หุ้นประเภท รายได้มั่นคงเรียบร้อยแล้วในปีหน้า
หุ้นการผลิตที่ต้นทุนน่าจะลดลงอย่างชัดเจน หลังจากที่ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นมามาก

ถ้ามองว่าธนาคาร จะลดดอกเบี้ยลง
real demand ของอสังหาก็ควรจะฟื้นเช่นกันครับ

แนวการพัฒนาคงเปลี่ยนจากคอนโดไปบ้าน
ราคาถูกแนวราบมากขึ้นนะผมว่า

ผมไม่เคยเห็นปีไหนจะง่ายซักที

หุ้นขึ้นแรงๆ ก็ไม่กล้าซื้อ ตกรถ
หุ้นลงหนักๆ ก็ใจสั่น ช้ิอนไม่ทัน

หุ้นซึมๆ เชื่องๆ ท่าทางจะถูกกับจริตผมมากที่สุึด

ปีหน้า ถ้าไม่มีอะไีีรพลิกรุนแรง ผมก็คงถือหุ้นเดิมๆ ไปอีกปีครับ ส่วนใหญ่ในพอร์ต ไม่มีฝรั่งถือ ปันผลดี และไม่มีบริษัทย่อย

พอดีผมมักน้อยน่ะ หวังแค่เสมอตลาดไปปีต่อปีก็โอเคแล้ว(แต่ถ้าตลาดติดลบ ผมขอเสมอตัวนะ เดี๋ยวผิดบัญญัติข้อแรก อ ปู่)

หุ้นโรงแรม...ม้ามืดของผม...โดนลองของแต่ต้นปีเรยส์ครับ...  :shock:  :shock:

นั่นสิครับ ดัชนีลงร้อยละสาม เอราวัณดันลงเกือบร้อยละสิบห้า งงเลย

คุณ eto wrote

เอากลยุทธ์ปีหน้าของผมมะ


Hit-and-Run

หรือว่า

wait a little bit and hit it harder so we dont have to run
make it "Home run"

แต่ถ้าตีแรงแล้ววืด ก็
Run home แล้วกัน