หน้า 1 จากทั้งหมด 1

** ย้อนรอย อังคารทมิฬ 108 จุด **

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 04, 2007 11:23 pm
โดย tummeng
เป็นประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นไทย วันนี้ว่างๆๆ เลยอยากขอบันทึกเก็บเป็นข้อมูลเอาไว้น่ะครับ (ข้อมูลหลักๆๆได้มาจาก sinthorn summary จากเวป Panthip)
(วันเวลาผ่านไป ย้อนกลับมาดูคงจะได้อะไรกันบ้างล่ะครับ)

รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ

Most Active Value
รูปภาพ

Top Losers
รูปภาพ

Brokers - Net Buy/Sell
รูปภาพ

Broker Rank
รูปภาพ

Indices
รูปภาพ

*********

รูปภาพ
รูปภาพ
คาดว่า วันนี้คงได้ลงในกราฟอันนี้แน่นอน

รูปภาพ

** ย้อนรอย อังคารทมิฬ 108 จุด **

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 04, 2007 11:24 pm
โดย tummeng
ส่วนสาเหตุเริ่มต้นมาจากข่าวนี้ ..................

ธปท.สั่งแบงก์หักสำรอง30% เงินทุนระยะสั้นไหลเข้า
18 ธันวาคม 2549 16:55 น.

(Update) ธปท.ออกมาตรการเก็งกำไรค่าเงินบาท สั่งธนาคารพาณิชย์หักสำรอง 30% ของเงินทุนไหลเข้าระยะสั้น ที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี และมูลค่าเกิน 20,000 ดอลลาร์ต่อรายการ มีผลพรุ่งนี้ ค่าบาททรุดทันทีหลังประกาศมาตรการ

ดร.ธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แถลงมาตรการสกัดเก็งกำไรค่าเงินบาท เมื่อ 16.30 น.วันนี้ว่า สั่งให้ธนาคารพาณิชย์กันเงินไว้ 30%ของเงินทุนนำเข้าที่มีอายุต่ำกว่า 1ปี โดยหากต่างประเทศมีการนำเงินทุนเข้ามา ให้ธนาคารพาณิชย์ดึงเงินทุนดังกล่าว 30%สำรองไว้ทันที แต่หาก เม็ดเงินดังกล่าว มีอายุเกิน 1ปี ธนาคารพาณิชย์ จะคืนเงิน 30%ให้กับนักลงทุนต่างประเทศดังกล่าว โดยจะบังคับใช้สำรองเงินนำเข้าที่เกินกว่า 20,000 ดอลลาร์ต่อรายการ ไม่รวมกลุ่มผู้ส่งออก

"ทั้งนี้มาตรการดังกล่าว เพื่อลดการเก็งกำไรระยะสั้น และลดความผันผวนของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากในช่วงเดือนธันวาคม มีเงินระยะสั้นสัปดาห์ละ 950 ล้านดอลลาร์ จากพฤศจิกายน ที่เฉลี่ยสัปดาห์ละ 300 ล้านดอลลาร์ "ดร.ธาริษา กล่าว

เงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น ซึ่งเป็นการปรับตัวแข็งค่าขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมา และเป็นการปรับแข็งค่ามากสุดในรอบ 9 ปี จากเงินทุนต่างประเทศที่ไหลเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาท เพราะมีการขายเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดเพื่อแลกเป็นเงินบาทจำนวนมาก ทำให้ ธปท.จำเป็นต้องประกาศมาตรการเพิ่มเติมในการดูแลค่าเงินบาทเพื่อลดการเก็งกำไรในช่วงเย็นวันนี้ (18 ธ.ค.)

สำหรับมาตรการของธปท. มีรายละเอียดดังนี้ :

ในช่วงที่ผ่านมา พบว่ายังคงมีเงินทุนนำเข้าระยะสั้นเพื่อเก็งกำไรในค่าเงินบาทในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้ค่าเงินบาทยังคงผันผวนและแข็งค่าขึ้นเกินกว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศ จึงเห็นควรมีมาตรการ เพิ่มเติมโดยกำหนดให้สถาบันการเงินที่รับซื้อหรือแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินบาท ต้องกันเงินสำรองเป็นเงินตราต่างประเทศไว้จำนวนร้อยละ 30 ของเงินตราต่างประเทศดังกล่าว ส่วนที่เหลือร้อยละ 70 ให้รับซื้อหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทให้แก่ลูกค้า ยกเว้นเงินตราต่างประเทศที่รับซื้อ หรือแลกเปลี่ยนเป็น เงินบาทที่ได้รับจากค่าสินค้า บริการ หรือเงินที่บุคคลหรือนิติบุคคลไทยได้รับคืนจากการลงทุนในต่างประเทศ ไม่ต้องกันเงินไว้ตามมาตรการนี้ โดยมีรายละเอียดและวิธีปฏิบัติดังนี้

1. ลูกค้าที่สถาบันการเงินกันเงินไว้จะขอคืนเงินได้ เมื่อครบกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่ถูกกันเงิน โดยลูกค้าต้องแสดงเอกสารหลักฐานให้ชัดเจนว่าเงินที่ตนนำเข้ามาลงทุนนั้นอยู่ในประเทศไม่น้อยกว่า 1 ปี
2. เมื่อสถาบันการเงินพิสูจน์และรับรองแล้วว่าลูกค้ารายนั้นมีการนำเข้าเงินทุนและอยู่ในประเทศไม่น้อยกว่า 1 ปีแล้ว ให้แจ้ง ธปท. เพื่อดำเนินการส่งเงินให้สถาบันการเงินคืนแก่ลูกค้าต่อไป
3. ลูกค้ารายใดนำเงินลงทุนกลับคืนก่อนครบระยะเวลา 1 ปี จะได้รับเงินคืนเพียง 2 ใน 3 ของเงินที่กันไว้
4. ธุรกรรมเงินตราต่างประเทศที่สถาบันการเงินต้องปฏิบัติตามสัญญาการรับซื้อหรือ แลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทที่ได้ตกลงก่อนวันที่ 19 ธันวาคม 2549 ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องกันเงินตราต่างประเทศดังกล่าว
5. สำหรับธุรกรรมเงินตราต่างประเทศที่เป็นการลงทุนโดยตรง (Foreign Direct Investment) ที่เป็นส่วนของทุน หรือเงินโอน ให้ลูกค้าผู้ถูกกันเงินยื่นคำร้องผ่านสถาบันการเงินพร้อมเอกสารหลักฐาน เมื่อสถาบันการเงินพิสูจน์และรับรองความถูกต้อง และ ธปท. เห็นสมควร จะคืนเงินดังกล่าวแก่ลูกค้าโดยเร็ว
6. เมื่อสถาบันการเงินกันเงินดังกล่าวแล้ว ให้นำส่งแก่ ธปท. ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไป
7. ผลประโยชน์ที่ ธปท. ได้จากมาตรการนี้จะดูแลเพื่อใช้เป็นประโยชน์ของรัฐและสาธารณชนต่อไป

มาตรการที่กำหนดให้ต้องดำรงเงินสำรองเงินทุนระยะสั้นจากต่างประเทศ ที่ออกเพิ่มเติมในวันนี้ เคยใช้มาแล้วในหลายประเทศในภาวะที่จำเป็น เพื่อควบคุมการนำเข้าเงินทุนระยะสั้น และ ธปท. เห็นว่า เป็นมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาท ธปท. จะได้ติดตาม และประเมินผลของมาตรการอย่างใกล้ชิดต่อไป

** ย้อนรอย อังคารทมิฬ 108 จุด **

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 04, 2007 11:25 pm
โดย tummeng
หลังจากนั้นก็มีข่าวนี้ออกตามมาอีกหนึ่งวัน

"ปรีดิยาธร"ผ่อนผันเงินตปท.ที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไม่ต้องหักสำรอง 30%

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยว่า ทางการตัดสินใจผ่อนผันมาตรการสกัดการนำเงินทุนระยะสั้นเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาทล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้น โดยเงินลงทุนจากต่างประเทศที่นำมาลงทุนในตลาดหุ้นไม่ต้องถูกหักสำรอง 30% ของวงเงิน ให้มีผลตั้งแต่เช้าวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้หารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายแล้ว
ส่วนเงินลงทุนระยะสั้นที่นำมาลงทุนผ่านตลาดตราสารหนี้และการลงทุนในตั๋วเงินระยะสั้น ยังต้องถูกหักสำรองตามเกณฑ์ดังกล่าวต่อไป

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เชื่อว่าในวันพรุ่งนี้ตลาดหุ้นจะปรับตัวดีขึ้นได้แน่นอน ภายหลังจากที่มีการผ่อนปรนมาตรการดังกล่าว เพราะน่าจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศ มีความสบายใจขึ้น ขณะที่พื้นฐานตลาดหุ้นไทยก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง จึงเชื่อว่าในวันพรุ่งนี้เงินทุนต่างชาติคงจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยตามปกติ

"อาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร กว่าที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย จะทยอยปรับตัวขึ้นกลับมาสู่ระดับเดิม  แต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ซึ่งต่อจากนี้ทางภาครัฐ ก็คงต้องมีการชี้แจงกับสถาบันการเงิน ทั้งในและนอกประเทศ " ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ชี้แจงถึงสาเหตุที่ต้องผ่อนผันมาตรการดังกล่าวว่า มาตรการธปท.ที่ออกมาส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นลดลงไปมากกว่า 100 จุด แต่ยังมีสัญญาณที่ดีที่มีการรีบาวน์ในช่วงท้ายตลาดจาก 580 จุดมาปิดที่ 622 ถือว่าผ่านจุดที่ต่ำสุดไปแล้ว และจากนี้คงไม่ลงต่ำกว่านั้นอีก

หลังจากตลาดหุ้นปิดทำการ กระทรวงการคลังได้เรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง ธปท.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ธนาคารพาณิชย์ทั้งไทยและต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์ และคัสโตเดียน เพื่อหารือถึงแนวทางที่จะทำให้มาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทยังคงดำเนินต่อไปได้ ขณะเดียวกันก็ไม่กระทบกับการลงทุนในตลาดหุ้น

ทั้งนี้ ข้อสรุปจากการหารือเห็นว่ามาตรการดังกล่าวเดิมออกมาเพื่ออุดช่องโหว่ไม่ให้มีเงินเข้ามาเก็งกำไรในค่าเงินโดยเฉพาะเงินลงทุนระยะสั้นผ่านตลาดตราสารหนี้และตั๋วเงินระยะสั้น ซึ่งช่องทางของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI)และเงินลงทุนในตลาดหุ้นถือเป็นช่องทางที่เล็กกว่า ดังนั้นเพื่อไม่ให้เงินลงทุนดังกล่าวชะลอตัว จึงเห็นว่าควรจะเปิดให้เงินจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนใน FDI และ ตลาดหุ้นไม่ต้องถูกหัก 30% เพื่อทำให้นักลงทุนต่างประเทศหมดความกังวล ซึ่งจะทำให้เงินเข้ามาลงทุนตามปกติ โดยให้มีผลตั้งแต่เวลา 8.30 น.วันพรุ่งนี้

ธนาคารพาณิชย์จะเป็นผู้ดูแลการโอนเงินเพื่อเข้ามาลงทุนใน FDI ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เพื่อลงทุนอะไร ขณะที่โบรกเกอร์และคัสโตเดียนจะต้องรายงานการลงทุนในตลาดหุ้นของบัญชี non-resident ให้กับธปท.ทุกสัปดาห์โดยแยกบัญชีให้มีความชัดเจน และเงินทุนต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นดังกล่าวจะต้องไม่โยกย้ายเข้าไปลงทุนตลาดตราสารหนี้และตั๋วเงินระยะสั้นที่จะต้องมีการควบคุมตามเกณฑ์กันสำรอง 30% ต่อไป

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า การดำเนินมาตรการของธปท.ไม่ถือว่าเป็นความผิดพลาดในด้านนโยบาย เพราะการดูแลค่าเงินบาทถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการส่งออกที่ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ และต้องยอมรับว่ามาตรการทุกมาตรการต้องมีผลข้างเคียง ซึ่งทางการก็ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดและแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จภายในวันเดียว
        อีกทั้งการตัดสินใจใช้มาตรการดังกล่าวเป็นอำนาจตามกฎหมายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)และไม่จำเป็นต้องมีใครมารับผิดชอบผลของการใช้มาตรการดังกล่าว เพราะไม่มีผลเสียอะไรต่อเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่การขึ้นลงของตลาดหุ้นเป็นเรื่องปกติซึ่งไม่ต้องห่วง เชื่อว่าเมื่อปรับตัวลงได้ก็ขึ้นได้เช่นกัน และตลาดหุ้นไทยมีพื้นฐานที่ดี ความเชื่อมั่นก็ยังอยู่ในระดับที่ดี
        "ไม่ใช่ความผิดพลาดของนโยบาย เพียงแค่เป็นการป้องกันไม่ให้บาทแข็ง ซึ่งต้องยอมรับว่ามาตรการทุกมาตรการต้องมีผลข้างเคียง แต่เราก็ต้องเฝ้าติดตามและแก้ไขโดยเร็ว เรื่องหุ้นไม่ต้องห่วงมันลงได้ก็ขึ้นได้ แต่ในภาพแมคโครไม่มีอะไรเสีย ไม่ต้องมีคนรับผิดชอบ"
        "กนง.มีอำนาจในการออกมาตรการที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนตามพระราชบัญญัติ กนง.ผมก็ต้องเชื่อมือเขา แต่เมื่อมีปัญหาผมก็ต้องรีบตาม และแก้ไขให้เสร็จในวันเดียว"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว

รูปภาพ

ปล.ใครมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็ช่วยกันโพสต์ได้นะครับ :lol:

** ย้อนรอย อังคารทมิฬ 108 จุด **

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 28, 2007 2:14 pm
โดย tummeng
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล แถลงข่าวการลาออก

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 กุมภาพันธ์ 2550 14:08 น.

 ปรีดิยาธร เปิดโต๊ะแถลงลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ปัดสวะบริหารศก.ผิดพลาด อ้างไม่ต้องการทำงานในสภาวะปิดบังอำพราง พร้อมโยนบาปคนในรัฐบาลเอื้อพันธมิตร โบรกฯชี้ นักลงทุนมึน รมต.เศรษฐกิจ ไขก๊อกลาออกช่วงศก.กำลังวิกฤติ แนวโน้มตลาดหุ้นมีสิทธิหลุด 660 จุด
     
      วันนี้(28 ก.พ.) ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดแถลงข่าวว่าได้ยื่นหนังสือลาออกต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว มีผลวันที่ 1 มีนาคมนี้ ซึ่งนายกฯก็เห็นด้วย
     
      "ผมไม่ต้องการทำงานในสภาวะที่มีการปิดบังอำพราง และไม่ต้องการทำงานในสภาวะที่ดูเหมือว่ารัฐบาลอยู่ภายใต้อิทธิพลของคนบางกลุ่ม" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวในการแถลงข่าว
     
      ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ยังระบุอีกว่า ผมไม่เห็นด้วยกับรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลชุดนี้ที่เอื้อประโยชน์กับสื่อมวลชนบางราย รวมทั้งไม่เห็นด้วยกับการที่บุคคลในรัฐบาลชุดก่อนเข้ามาช่วยงานด้านเศรษฐกิจพอเพียง เป็นข้ออ้างที่ไม่สมจริงและมีจุดประสงค์ที่ปิดบังอำพราง และการถอนตัวออกไปก็ไม่เป็นการถอนตัวอย่างแท้จริง เพราะสายสัมพันธ์ยังคงอยู่ เนื่องจากยังมีตัวเชื่อมอยู่ในรัฐบาล[/img]

** ย้อนรอย อังคารทมิฬ 108 จุด **

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 17, 2007 10:26 pm
โดย tummeng
เห็นข่าว K.chartchai madman เลยนึกได้ว่าเคยตั้งกระทู้นี้ไว้เมื่อปีที่แล้ว เลยขอดันขึ้นมาหน่อย หนึ่งปีผ่านไปมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

***********************

ธปท.ผ่อนคลายมาตรการกันสำรอง30%เพิ่ม มีผล18ธ.ค.

เรื่อง การผ่อนคลายมาตรการดูแลเงินทุนเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม

นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการดูแลเงินทุนเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม ดังนี้

ตามที่ ธปท. ได้ประกาศมาตรการดำรงเงินสำรองเงินนำเข้าระยะสั้นเป็นมาตรการชั่วคราว เพื่อควบคุมการนำเข้าของเงินทุนระยะสั้น และป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาทและดูแลเงินบาทมิให้ผันผวนเกินกว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2549 นั้น ในช่วงที่ผ่านมามาตรการดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้นและเคลื่อนไหวสอดคล้องกับค่าเงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค ภาคการผลิตและการส่งออกได้มีการปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงค่าเงินได้ดีขึ้นทั้งการกระจายตลาด และการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

อย่างไรก็ดี ธปท. ตระหนักถึงผลกระทบของมาตรการนี้ต่อการทำธุรกรรมทางการเงินของเอกชนในประเทศและผู้ลงทุนต่างประเทศ จึงได้ทำการปรับปรุงมาตรการมาเป็นระยะเพื่อเพิ่มความคล่องตัวแก่ภาคธุรกิจ ได้แก่ การอนุญาตให้ทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Fully Hedge) แทนการกันสำรองสำหรับเงินกู้ เงินลงทุนในตราสารหนี้และหน่วยลงทุน รวมทั้ง ยกเว้นการกันสำรองสำหรับเงินลงทุนในตราสารทุนที่มีลักษณะเหมือนหุ้น ได้แก่ Warrant และหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอีทีเอฟ นอกจากนี้ ยังได้ผ่อนคลายระเบียบการโอนเงินออกนอกประเทศและการถือครองเงินตราต่างประเทศ เพื่อให้ภาคธุรกิจมีช่องทางลงทุนในต่างประเทศและมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งช่วยให้เงินทุนเคลื่อนย้ายมีความสมดุลมากขึ้นในระยะยาวด้วย

ปัจจุบันปัจจัยภายนอกประเทศยังคงมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (Subprime) ในสหรัฐฯ และภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อและตลาดการเงินต่างประเทศที่สำคัญ ส่งผลกดดันต่อทั้งค่าเงินสกุลหลักและกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ ซึ่งอาจมีผลกระทบถึงภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยได้ ธปท. จึงเห็นว่า ยังคงมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อการดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่เพื่อช่วยบรรเทาภาระต่อภาคธุรกิจ จึงเห็นควรผ่อนคลายมาตรการดำรงเงินสำรองสำหรับเงินทุนนำเข้าระยะสั้น รวมทั้ง ผ่อนคลายระเบียบควบคุมเงินทุนออกนอกประเทศเพิ่มเติม ดังนี้

1. ผ่อนคลายมาตรการดำรงเงินสำรองเงินนำเข้าระยะสั้นในส่วนของหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศของภาคธุรกิจ และเงินลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อลดต้นทุนทางการเงินและสนับสนุนการลงทุนในประเทศ ดังนี้

1.1 ยกเว้นการกันเงินสำรองและการทำ Fully Hedge กรณีนิติบุคคลในประเทศนำเงินตราต่างประเทศที่เป็นเงินกู้ยืมมาขายรับบาทในจำนวนตามสัญญาเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ สรอ. และมีกำหนดระยะเวลาการกู้ที่ชัดเจนตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป

1.2 กรณีนิติบุคคลในประเทศที่มีเงินกู้สกุลเงินตราต่างประเทศ โดยมีแหล่งเงินได้ค่าสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศในอนาคตเพื่อนำมาชำระคืนเงินกู้ดังกล่าวได้เต็มจำนวน (Natural Hedge) ให้สามารถยื่นขออนุญาตต่อ ธปท. เป็นรายกรณีพร้อมเอกสารหลักฐานตามที่กำหนด

1.3 ยกเว้นการกันเงินสำรองและการทำ Fully Hedge กรณีผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองเดิม นำเงินตราต่างประเทศมาขายรับบาทเพื่อชำระค่าซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองเดิมที่ออกขายเพิ่มเติม โดยผู้ถือหน่วยลงทุนดังกล่าวจะต้องเป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าว ณ วันปิดสมุดทะเบียนก่อนการขายหน่วยลงทุนเพิ่มเติม

2. ผ่อนคลายระเบียบการฝากและโอนเงินตราต่างประเทศเพิ่มเติมเพื่อให้ธุรกิจไทยบริหารจัดการเงินตราต่างประเทศได้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีแนวทางการผ่อนคลาย ดังนี้

2.1 ผ่อนผันให้บุคคลในประเทศฝากเงินตราต่างประเทศกับสถาบันการเงินในประเทศได้ในวงเงินที่เพิ่มขึ้น และยกเว้นให้ผู้ที่มีแหล่งเงินได้จากต่างประเทศฝากเงินในบัญชีโดยไม่ต้องยื่นเอกสารแสดงภาระผูกพัน ดังนี้

ก. บัญชีที่มีแหล่งเงินได้จากต่างประเทศ ฝากได้ไม่จำกัดจำนวน และไม่ต้องแสดงภาระผูกพัน

ข. บัญชีที่มีแหล่งเงินจากในประเทศ - กรณีไม่มีภาระผูกพัน ฝากได้ไม่เกิน 1 แสนดอลลาร์ สรอ. สำหรับบุคคลธรรมดา และ 3 แสนดอลลาร์ สรอ. สำหรับนิติบุคคล - กรณีลูกค้ามีภาระผูกพัน (ไม่กำหนดเวลา) ให้ฝากได้ไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ สรอ. สำหรับบุคคลธรรมดา และ 100 ล้านดอลลาร์ สรอ. สำหรับนิติบุคคล ทั้งนี้ หากบุคคลในประเทศต้องการฝากเงินตราต่างประเทศเกินกว่าวงเงินที่กำหนดดังกล่าว จะฝากได้อีกไม่เกินยอดรวมของภาระผูกพันภายใน 12 เดือน

2.2 ผ่อนผันให้บุคคลในประเทศลงทุนโดยตรงหรือให้กู้ยืมแก่กิจการในต่างประเทศได้มากขึ้น โดยเพิ่มวงเงินและขยายขอบเขตการลงทุนหรือให้กู้ยืมให้ครอบคลุมถึงกิจการในต่างประเทศที่อยู่ในเครือเดียวกันแต่ไม่มีการถือหุ้นกันโดยตรงด้วย ดังนี้

ก. บริษัทแม่ในไทยลงทุน หรือให้กู้แก่บริษัทลูก และบริษัทในเครือในต่างประเทศรวมกันไม่เกิน 100 ล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อปี

ข. บริษัทลูกในไทยลงทุน หรือให้กู้แก่บริษัทแม่ และบริษัทในเครือในต่างประเทศที่มีบริษัทแม่เดียวกันรวมกันไม่เกิน 100 ล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อปี

ค. บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยลงทุนตาม ก และ ข ได้ไม่จำกัดจำนวน และให้กู้ยืมตาม ก และ ข ได้ไม่เกินกรณีละ 100 ล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อปี

2.3 เพิ่มวงเงินซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ จากไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ สรอ. เป็นไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์ สรอ. ต่อปี

ทั้งนี้ การผ่อนคลายมาตรการดำรงเงินสำรองเงินนำเข้าระยะสั้นตามข้อ 1 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2550 ส่วนการผ่อนคลายระเบียบการโอนและฝากเงินตราต่างประเทศตามข้อ 2 จะมีผลหลังจากกฎกระทรวงมีผลบังคับใช้แล้ว

ธปท. จะประเมินภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินของไทยและต่างประเทศ รวมทั้งการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศเป็นระยะ และจะพิจารณายกเลิกมาตรการดำรงเงินสำรองเงินนำเข้าระยะสั้นเมื่อสถานการณ์เหมาะสม โดยขึ้นกับการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ ความผันผวนของค่าเงินสกุลหลัก และภาวะตลาดการเงินโลก รวมทั้ง ความสมดุลของการไหลเข้าออกของเงินตราต่างประเทศจากการค้าและเงินทุนเคลื่อนย้าย

สำหรับประกาศเกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการการดำรงเงินสำรองเงินนำเข้าระยะสั้นข้างต้นสามารถเรียกดูได้จาก www.bot.or.th ภายใต้ เรื่องเด่น และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากศูนย์ Hotline ธปท. ที่หมายเลข 0-2283-6011

** ย้อนรอย อังคารทมิฬ 108 จุด **

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 17, 2007 10:40 pm
โดย tummeng
รูปภาพ

ราคา PTT วันสุดท้ายก่อนขึ้น SP เพื่อรอการตัดสินของศาลปกครองสูงสุด

********************

PTT ยังอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ต้องโอนสิทธิท่อก๊าซมาเป็นของรัฐ

Posted on Friday, December 14, 2007

จากกรณีที่เครือข่ายองค์กรเพื่อผู้บริโภคได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 31 ส.ค.49 ให้เอาผิด คณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอน พระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบมจ. ปตท. (PTT) พ.ศ. 2544 และ พระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2544 เกี่ยวกับการแปลงสภาพเป็นบริษัทมหาชนตามพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2542

ในวันนี้ (14 ธ.ค. 50) ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาในประเด็นสำคัญ ๆ ดังนี้

1. การตั้งคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้ง บมจ. ปตท. เพื่อแปลงสภาพการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยมาเป็น บมจ. ปตท. เป็นไปโดยชอบธรรมไม่ขัดต่อพรบ. ทุนรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องการตั้งผู้ทรงคุณวุฒิบางคน อาทิ นายเชิดพงษ์ สิริวิชช์ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ และนายวิเศษ จูภิบาล ล้วนสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด และเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

2. กระบวนการทำประชาพิจารณ์ดำเนินการได้ถูกต้องตามขั้นตอน โดยการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2544 ที่ ไบเทค ได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าอย่างทั่วถึงตามสื่อสารมวลชนต่าง ๆ เป็นเวลานาน และมีผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นถึง 1,877 คน

3. การไม่เพิกถอนกฎหมายแปรรูปทั้ง 2 ฉบับคือ พระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิ และประโยชน์ของบมจ. ปตท. (PTT) พ.ศ. 2544 และ พระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2544

4. การขอให้ PTT โอนท่อก๊าซกลับมาเป็นของรัฐ ได้แก่ ที่ดินที่ได้มีการวางระบบท่อส่งก๊าซในโครงการท่อบางปะกง-วังน้อย, ชายแดนไทยพม่า-ราชบุรี และ ราชบุรี-วังน้อย เนื่องจากมีการใช้อำนาจในฐานะหน่วยงานของรัฐในการเวนคืนที่ดินมาจากประชาชน แต่ PTT ได้แปลงสภาพเป็นบริษัทเอกชนไปแล้ว จึงควรต้องมีการดำเนินการให้ถูกต้อง

ทั้งนี้ PTT จะยังคงเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า กิจการของ PTT เกี่ยวข้องกับกิจการพลังงานและความมั่นคงของประเทศ ตลอดจนตลาดทุนของไทย อย่างไรก็ตาม การดำเนินการต่าง ๆ ที่มีผลเกี่ยวข้องกับการตัดสินในวันนี้ จะต้องทำให้เสร็จสิ้นก่อนที่พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน 2550 มีผลบังคับใช้

ทางด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังอยู่ระหว่างรอการชี้แจงข้อมูลจาก PTT เพื่อเผยแพร่แก่ผู้ลงทุนและประชาชนทั่วไป หลังจากได้ขึ้นเครื่องหมาย (H) พักการซื้อขายตั้งแต่เย็นวานนี้ (13 ธ.ค. 50) ตามที่ PTT ได้ร้องขอมา โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์อีกครั้ง เมื่อ PTT ได้ชี้แจงข้อมูล รวมทั้งแจ้งถึงผลกระทบและขั้นตอนการดำเนินการของบริษัทอย่างชัดเจน เพียงพอ กลับมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ และข้อมูลดังกล่าวได้รับการเผยแพร่แก่ผู้ลงทุนในวงกว้างแล้ว

ส่วนคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกหนังสือชี้แจง ฉบับที่ 99/2550 มีใจความสำคัญว่า คำพิพากษาดังกล่าวมิได้มีผลกระทบต่อสถานการณ์เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ PTT แต่อย่างใด อย่างไรก็ดี การที่ PTT แยกทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโอนคืนให้รัฐ อาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของ PTT ขณะนี้ PTT อยู่ระหว่างพิจารณาผลกระทบดังกล่าว

สำหรับกรณีกองทุนรวม ผู้ลงทุนยังคงซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมได้ตามปกติ อย่างไรก็ดี เนื่องจากกรณีดังกล่าวมีผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นของ PTT และตลาดหลักทรัพย์ฯ หยุดการซื้อขายหุ้น PTT เป็นการชั่วคราว ซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้ไม่สามารถคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ มูลค่าหน่วยลงทุน ราคาขายและราคารับซื้อคืนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่มีการลงทุนในหุ้น PTT ได้

** ย้อนรอย อังคารทมิฬ 108 จุด **

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 18, 2007 7:17 am
โดย sawarut
ข้อมูลเยอะดีคับ

ทางสำนักวิเคราะห์ หลายสำนัก ยังประเมิน ptt ในทางบวก เห็นว่ามีทิศทางชัดเจน

ส่วนตัวผมมองพี่ ฝรั่ง เป็นตัวตัดสินคับ เห็นจากวันศุกร์เป็นต้นมา ขายกระจายเลย ปลด sp เมื่อไหร่ก็รู้คับ

ปล การลงมีความเสี่ยงงงงงงง

:roll:  :roll:  :roll:

** ย้อนรอย อังคารทมิฬ 108 จุด **

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 18, 2007 8:11 am
โดย boy2t
ลองคิดในทางกลับกัน อาจทำให้เงินทุนไหลออกได้ง่ายขึ้น

** ย้อนรอย อังคารทมิฬ 108 จุด **

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 18, 2007 2:06 pm
โดย tummeng
ครม.สรุปโอนทรัพย์สิน ปตท. 1.5 หมื่นล. คิดค่าเช่าย้อนหลัง 5% "ประเสริฐ" โร่แจงนักลงทุนวันนี้

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 18 ธันวาคม 2550 11:52 น.
 
 "ประเสริฐ" เผยที่ประชุม ครม.ผ่านเกณฑ์โอนสินทรัพย์ ปตท. จำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท และคิดค่าเช่าท่อก๊าซ 5% ของรายได้ รวมทั้งจ่ายย้อนหลัง 5 ปี นับตั้งแต่ปี 2544 พร้อมตั้งคกก. 1 ชุด เพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน เตรียมชี้แจงนักลงทุนที่ตลาดหุ้น 12.30 น.วันนี้
     
      วันนี้(18 ธ.ค.) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยความคืบหน้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เช้าวันนี้ อนุมัติหลักการโอนสินทรัพย์ของ ปตท. กลับคืนให้กับแผ่นดิน ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในมูลค่าเบื้องต้น 1.5 หมื่นล้านบาท และคิดอัตราค่าเช่าท่อก๊าซในอัตราขั้นต่ำ 5% ของรายได้ รวมทั้งให้ ปตท. จ่ายค่าเช่าย้อนหลัง 5 ปีนับตั้งแต่ปี 2544 หลังการแปรรูปเป็นบริษัทมหาชน และเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นในเดือน ธ.ค.44
     
      นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น 1 ชุดเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินของ ปตท. ด้วย

** ย้อนรอย อังคารทมิฬ 108 จุด **

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 19, 2007 5:13 am
โดย PaZZaHut
ถ้าถือตั้งแต่วันนั้น...ถึงวันนี้จะเป็นยังไงหนอออออออ



:D  :D  :D