Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ขอบคุณสัมมนาดีๆๆที่จัด ณ ที่ตึกตลาด(ห)ลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
รอบนี้มีคนบรรยายหลักคือพี่มน ( ดอท ดำ ) และมีพิธีกรหลักคือคุณwooddy ส่วนผู้บรรยายเสริม คือ พี่Muffinและท่านแม่ทัพสุมาอี้
สนุกมากครับเนื่องจากวงเล็กไม่ใหญ่เท่าครั้งที่พี่พรใจมาบรรยาย และได้ความรู้เรื่องการขุดหลุมหลบภัยระเบิดที่เกิดในช่วงนี้ว่าต้องขุดหลุมอย่างไง
และสุดท้ายที่ลืมขอบคุณไม่ได้คือ สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย และ ตลาด(ห)ลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เสียดายมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ได้ไป  :(

ไปมาครับ บรรยากาศเป็นกันเองมากๆครับ

แต่พอดีไปฟัง ท่าน ดร นิเวศน์ นะครับ เลยไม่ได้มีโอกาสแนะนำตัวครับ

ไม่ทราบว่าพี่มัฟฟิน จะจำผมได้ป่าวหว่า กะว่าจะเผาคนสนิทพี่ให้ฟังสักหน่อย 555 แซวเล่นนะครับพี่  :D

น่าจะมีสรุปวิธีขุดหลุมหลบภัยให้สมาชิกท่านอื่นที่ไม่สามารถไปร่วมการบรรยายได้ด้วยนะครับ คงมีประโยขน์มากๆกับสถานะการณ์ตอนนี้

ไม่ได้ไปเลย  อยู่ไกลครับ

อนาคต  ฟันทน

คุณมน  เจ้าสำนัก  จะเป็นผู้นำการลงทุนแบบ  VI  หนึ่งเดียว
(ก็รูปหล่อ  คารม  คมขำ   ซะขนาดนั้น  อิอิ)

ที่จำได้แต่ละคนนี้โดน
ตอนวันที่19/09/2549 ยังไม่ค่อยหนัก
ตอนวันที่19/12/2549 ก็ยังไม่ค่อย
แต่โดนไม้สุดท้ายนี้แต่ละคนหน้าเขียวเลย

พี่มนเน้นย้ำเรื่องMargin of safetyและจุดซื้อ
ถ้าใครไม่มั่นใจแบบว่าซื้อแล้วนอนไม่หลับก็ไม่ต้องซื้อ
ถ้าใครสู้ไม่ไหวจะล้างPortแล้วออกจากตลาดก็เชิญ
ถ้าใครจะล้างแล้วกลับมาใหม่ก็ซื้อหุ้นแล้วนอนตาหลับ ไม่ต้องเอาเท้ามาก่ายหน้าผาก
นี้คือเอาเคร็ดวิชาพี่มนที่สอนวันนี้มาบอก

เหตุการณ์ถ้าหนักแบบสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็
เดี๋ยวมันตายด้านเอง (ชินชาหรือชาชินไปเอง แบบไม่ต้องให้ทันตแพทย์มาฉีดยาชาล่ะ)  
เหตุการณ์ก็ให้ดูผลประกอบการสองไตรมาสล่ะกันว่า มันจะReturn of Jedi หรือHelp Me!!!??? ก็ดูกันเองล่ะกัน

ถ้าผิดพลาดอะไรก็ให้พี่ๆๆ ที่เข้าร่วมบรรยายแก้ให้ด้วย

มาขอโทษดร. Muffin ครับ เมื่อวานคุยกันผมบอกว่าจะไป
แต่พอดีติดงานที่บ้านพอดี เลยไม่ทันได้ไป .. ขอโทษคร้าบบบ...
เสียดายด้วย มือเซียนขึ้นเวทีกันเพียบเลย

ไปมาเหมือนกันครับ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นพวกพี่ๆ
ขอบคุณสำหรับสัมมานาดีๆแบบนี้ครับ

ปล.พี่สุมาอี้กำลังจะออกหนังสือใหม่อีกแล้วครับ ไว้ให้พี่เค้ามาโปรโมตเองดีกว่านะครับ

ไม่ได้ไป  :'O

ใครไปมาช่วยเล่าให้ฟังด้วยครับ  :?

ติดธุระอดไปเลยเรา

โดยสรุปนะครับ เรียงตามที่นึกออกจากพี่มน พี่สุมาอี้ พี่ Muffin และอาจะมีผมเติมสีสันบ้างนิดหน่อย ฮะฮะ ฉะนั้นโปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะครับ ( ติด rate ผู้ปกครองควรแนะนำ  :twisted: )

- ในเรื่องของเหตุการณ์ความไม่สงบนั้น สำหรับวันที่มีการปฏิวัติ 19 Sep 06 น่าจะถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้เห็นแล้วว่าบ้านเมืองเราจะไปทางไหน เทียบกับเหตุการณ์ที่ US บุกอิรัก หรือ อัฟกานิสถาน

แต่ในเรื่องของมาตรการ 30% และระเบิดนั้นไม่ได้มีลักษณะที่ทำให้สถานการณ์ชัดเจนขึ้น ดังนั้นสำหรับการซื้อสวนนั้นเราก็ควรพิจารณาให้รอบคอบด้วย ไม่ควรเอาแต่ละกรณีมาปนกันโดยยึดถือว่าถ้าตกหนักๆ แล้วต้องสวนเสมอ อย่างมาตรการ 30% ถ้าซื้อสวนไปแล้ว BOT ไม่กลับนโยบายในคืนวันนั้นคนซื้อสวนไปจะเป็นอย่างไรก็คงไม่อาจทราบได้ บางคนอาจจะมั่นใจมากกว่าต้องมีการเปลี่ยนนโยบาย อันนี้ก็คงต้องถือว่าเป็นความสามารถพิเศษที่สามารถอ่านเกมส์ได้ขาด แต่ถ้าไม่เป็นอย่างที่คิดหล่ะ ...อะไรจะเกิดขึ้น

- ไม่ว่าตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรขึ้นหรือลง พยายามใช้ชีวิตให้เหมือนเดิมไม่ใช่ว่าหุ้นขึ้นแล้วฟู่ฟ่า สุรุ่ยสุร่าย พยายามให้มีเงินสดเหลือเสมอสำหรับเหตุการณ์ต่างๆ

- Margin of Safety เป็นสิ่งสำคัญ หุ้นตกแท้จริงแล้วควรจะเป็นเรื่องน่ายินดีด้วยที่ทำให้เราได้โอกาสซื้อของในราคาที่คงหาไม่ได้ในตอนปกติ ถ้าพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วนะครับ

- อนาคตจะเป็นเช่นไรไม่สามารถรู้ได้ ขอให้เอาเวลานี้ไปคิดดีกว่าว่า บริษัทประเภทไหน Business Model แบบใดที่จะอยู่รอดหรือได้ผลกระทบน้อยที่สุด ยกตัวอย่าง MINT ในอดีตที่ไม่ว่าจะมี Tsunami  หรือเหตุการณ์อะไรก็แล้วแต่ก็ยังสามารถยืนยัดได้ อันนี้หมายถึงผลประกอบการนะครับไม่ใช่ราคาหุ้น! ( พี่มนไม่ได้เชียร์ให้ซื้อนะครับ แค่เอาไว้ยกตัวอย่าง )

- งบไตรมาส 4 คงไม่มี effect อะไรมากนัก แต่น่าจะชัดเจนขึ้นในอีก 3-6 เดือน (ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรมาเสริมแล้วนะครับ)

- ควรระวังการเล่นข่าวจากวิกฤติในช่วงสั้นๆ ยกตัวอย่างที่บอกว่าจะติดตั้ง CCTV นั้นอาจจะไม่ใช่กำไรในระยะยาว จริงๆ ใครก็น่าจะทำได้ (เที่ยบกับพวก Rotiboy)

- นอกจากความกังวลในเรื่องของ bomb และ ข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องการเมืองแล้ว ให้ระวังอีกเรื่องไว้ด้วยนั่นคือ กฎหมาย Nominee

- ในขณะที่ประเทศไทยให้ผลตอบแทนโดยรวมติดลบ หุ้นต่างประเทศกลับทำ new high หรือสร้างผลตอบแทนให้แต่ละที่อย่างเป็นกอบเป็นกำ ถามว่ามีโอกาสไหมที่ซักวันหนึ่งนักลงทุนต่างประเทศจะเริ่มหันมามองตลาดไทยบ้างถ้าเริ่มคิดว่ามี Reward ที่เริ่มคุ้มกับความเสี่ยงบ้างแล้ว จากอดีตไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ความร้ายแรงอะไรก็แล้วแต่ ยกตัวอย่างเช่นรัฐประหาร รสช. ซึ่งมีการสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิต ท้ายที่สุดแล้วถ้า return ที่คาดว่าน่าจะได้น่าสนใจพอนักลงทุนต่างชาติก็จะกลับมาเอง ทั้งนี้ Expected Return เฉลี่ยของหุ้นในตลาดฯ โดยทั่วไปควรจะอยู่ที่ 10% เทียบแล้ว SET ควรน่าจะอยู่แถว 700 อย่างไรก็ดี เราก็ต้องเผื่อค่าความเบี่ยงเบนไว้ด้วย ดังเช่นในอดีตที่หุ้นอยู่ในภาวะหมีนานหลายๆ ปี ก่อนที่จะให้ return เป็น 100% ในบางปี อีกเช่นกัน

- ทุกวิกฤติจะสร้างเศรษฐีใหม่ๆ เสมอ

- ซื้อหุ้นเมื่อรู้สึกสบายใจที่จะซื้อ

- ทำบุญทำทานบ้าง

ท้ายที่สุดนี้ก็ขอขอบคุณพี่มนตรี พี่สุมาอี้ และพี่ Muffin มากๆ นะครับสำหรับความรู้ทีได้นำมา share กันในวันนี้

พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ที่ถามคำถามและช่วยกันแชร์ความเห็นเพื่อเปิดมุมมองใหม่ๆ

และก็ทุกท่านที่ยังให้ความสนใจเข้าร่วมงาน แม้ว่าครั้งนี้จะมีการ pr ที่ค่อนข้างชุกละหุกไปซักเล็กน้อย

อ้อ เกือบลืม ... ใครรู้ว่าจะไปลงทุนที่ฮานอยได้อย่างไรก็อย่าลืมมาบอกพี่มนด้วยนะครับ ฮิฮิ

แซวพี่มนต่อ
เอ๋ไม่รู้สาวเวียดนามจะชอบแบบพี่มนหรือแบบใครน่าที่นั่งแถวหน้าด้านซ้ายคนที่สองที่พี่มนแซวอ่ะ

- อนาคตจะเป็นเช่นไรไม่สามารถรู้ได้ ขอให้เอาเวลานี้ไปคิดดีกว่าว่า บริษัทประเภทไหน Business Model แบบใดที่จะอยู่รอดหรือได้ผลกระทบน้อยที่สุด ยกตัวอย่าง MINT ในอดีตที่ไม่ว่าจะมี Tsunami  หรือเหตุการณ์อะไรก็แล้วแต่ก็ยังสามารถยืนยัดได้ อันนี้หมายถึงผลประกอบการนะครับไม่ใช่ราคาหุ้น! ( พี่มนไม่ได้เชียร์ให้ซื้อนะครับ แค่เอาไว้ยกตัวอย่าง )

พี่มน บอกว่าเรื่อง MINT หาอ่านได้ใน กรุงเทพธุรกิจ(bizweek) เล่มล่าสุดคับ  :D

[quote="EAKEPON"][quote] - อนาคตจะเป็นเช่นไรไม่สามารถรู้ได้ ขอให้เอาเวลานี้ไปคิดดีกว่าว่า บริษัทประเภทไหน Business Model แบบใดที่จะอยู่รอดหรือได้ผลกระทบน้อยที่สุด ยกตัวอย่าง MINT ในอดีตที่ไม่ว่าจะมี Tsunami

เสียดายจังไม่ได้ไป ต้องไปทำงานครับ

[quote="metro"]ไปมาครับ บรรยากาศเป็นกันเองมากๆครับ

แต่พอดีไปฟัง ท่าน ดร นิเวศน์ นะครับ เลยไม่ได้มีโอกาสแนะนำตัวครับ

ไม่ทราบว่าพี่มัฟฟิน จะจำผมได้ป่าวหว่า กะว่าจะเผาคนสนิทพี่ให้ฟังสักหน่อย 555 แซวเล่นนะครับพี่

   

เสียดายครับไม่ได้  :(

โห พี่มัฟจำไว้เลย ..