...หุ้นเวียดนามใกล้1000จุด แต่SETไทยยังอยู่650..
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 19, 2007 1:57 pm
รายงานพิเศษ...หุ้นเวียดนามใกล้1000จุด แต่SETยังอยู่650..
วันนี้หากมามองตลาดหุ้นย่านเอเชียแล้ว ความร้อนแรงวินาทีนี้ ต้องยกให้ตลาดหุ้นเวียดนาม
เป็นอันดับ 1 อัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง ท่ามกลางเม็ดเงินลงทุนจากต่าง
ประเทศหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย โดยนาย ลี มินห์ ฮัง ผู้อำนวยการสำนักสถิติแห่งชาติ
เวียดนาม ระบุว่า ผลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีในปีนี้จะขยายตัวในอัตรา
8.17% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ความร้อนแรงของเศรษฐกิจเวียดนาม ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่าง
ร้อนแรง ทำให้เป็นเวียดนามเป็นตลาดหุ้นที่มีการเติบโตสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเซีย
แปซิฟิก และเติบโตสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก (รองจากตลาดหุ้นซิมบัมเว่) ในปีนี้ โดยนับตั้งแต่
วันที่ 30 ธันวาคมปีที่ผ่านมา มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ มาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้น
เวียดนามเพิ่มขึ้นสูงถึง 60% ขณะที่ในช่วง 2 ปีหลังสุด มาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นเวียดนามเพิ่มขึ้น
มากกว่า 10 เท่า มาอยู่ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ และมีจำนวนบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 22
บริษัทเป็น 35 บริษัทในปัจจุบัน
ล่าสุด ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามใกล้แตะ 1000 จุด ทั้งๆที่ปลายปีที่ผ่าน ดัชนีฯอยู่ที่ 700 จุด
แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาสามารถยืนเหนือ 900 จุดได้ โดยตลาดหุ้นเวียดนามเริ่มเปิดการซื้อขายครั้ง
แรกเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2000 หรือ กรกฎาคม 2543
สัญญาณตลาดหุ้นที่ดี ย่อมบ่งชี้ถึงฝีไม้ลายมือการบริหารประเทศของรัฐบาลเวียดนามว่า
เจ๋งเพียงใด...แน่นอน ตลาดหุ้นที่ดี ย่อมมีสินค้าที่นักลงทุนให้การยอมรับ ซึ่งเวียดนามเตรียมเร่ง
นำหุ้นรัฐวิสาหกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้แล้วเสร็จภายในปี 2009 ตามแผนปรับ
โครงสร้างกิจการของรัฐเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน
โดยนาย วู วาน นินห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเวียดนามกล่าวว่า เวียดนามจะเร่ง
รัดแผนแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้เสร็จสิ้นในปี 2009 ซึ่งจะเป็นการขายหุ้นให้กับนักลงทุนในประเทศ
และพันธมิตรต่างประเทศและรัฐบาลได้เห็นชอบร่างแก้ไขกฎหมายกิจการรัฐวิสาหกิจมาตรา
187 แล้ว ซึ่งเป็นกระบวนแรกที่จะเปิดทางให้มีการนำหุ้นรัฐวิสาหกิจเข้าจดทะเบียนในอนาคต
ทั้งนี้ กิจการที่อยู่ในแผนแปรรูปของรัฐบาลเวียดนามได้แก่ กิจการพลังงาน โทรคมนาคม
กิจการเดินเรือ กิจการน้ำมันและก๊าซ ไปจนถึงธนาคารและประกันภัย ปัจจุบันธนาคารรัฐ
วิสาหกิจชั้นนำ 4 แห่งของเวียดนามเตรียมอยู่ระหว่างเตรียมการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาด
หลักทรัพย์โฮจิมินห์ภายในปี 2007 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหาที่ปรึกษาต่างชาติ
ธนาคารทั้ง 4 แห่งได้แก่ State Bank of Viet Nam (SBV), Bank for Foreign of
Viet Nam Trade (Vietcombank), Bank of Investment and Development of Viet
Nam (BIDV) และ the Mekong Housing Bank (MHB)
นั่นคือ ภาพรวมคร่าวๆ สำหรับตลาดเวียดนามที่ชาวหุ้นไทยแลนด์ มองแล้ว อด อิจฉาชาว
หุ้นเวียดนามหรือมังกรน้อยไม่ได้....เพราะ ตลาดหุ้นไทย เคยลงนาม MOU ให้ความช่วยเหลือ
ตลาดหุ้นเวียดนาม The Ho Chi Minh City Securities Trading Center (HoSTC) ด้าน
เทคโนโลยี และการดูแลบำรุงรักษาระบบงานซื้อขายหลักทรัพย์ เมื่อปี 2543 จนทำให้ศูนย์ซื้อขาย
หลักทรัพย์แห่งนครโฮจิมินห์เปิดให้บริการได้ในเดือนกรกฎาคม 2543
พอเหลียวมองตลาดหุ้นไทยวันนี้ กลับเหี่ยวเฉา ดัชนีตลาดยังคงเคลื่อนไหวระดับ 600 จุด
ต้นๆ ขณะที่โบรกเกอร์ต่างชาติบางแห่งมองระยะสั้นดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจได้เห็น 550 จุด ขณะ
ที่โบรกเกอร์บางรายมองดัชนีตลาดสิ้นปีนี้ มีเป้าหมายอยู่ที่ 720-740 จุด ท่ามกลางปัจจัยการ
เมืองไทยยังเป็นตัวกดดันหรือตัวถ่วง
ตลาดหุ้นไทยกี่ไม่เดือน ก็จะมีอายุครบ 32 ปี ในวันที่ 30 เมษายน 2518 ซึ่งย่างเข้าสู่ปีที่
33 และในอนาคต ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ก็จะย้ายที่ตั้งบนถนนสายบันเทิง หรือถนน
รัชดาฯ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกล้วนตั้งบริเวณศูนย์กลางทางการเงิน...ตลาดหุ้นไทยนับว่า ผ่านร้อน
ผ่านหนาวมาเยอะ ดัชนีตลาดเคยทะลุ 1700 จุด เคยตกต่ำเหลือกว่า 200 จุดช่วงวิกฤติ
เศรษฐกิจ
มาวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่บริเวณ 650 จุด ท่ามกลางปัจจัยลบรอบด้าน ปัจจัยบวกยังไม่
โผล่หน้ามาเห็น นักลงทุนในประเทศสวมบทผู้ชมนั่งเฝ้าหน้าจอเป็นส่วนใหญ่ สะท้อนได้จากวอลุ่ม
เทรดแต่ละวัน ซึ่งถือว่าลดลงค่อนข้างมาก หากเล่นหรือเข้าเทรดดิ้งจบในวัน นักลงทุนสถาบัน
ในประเทศซื้อขายสลับกันไป ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ยังยืนยันค่อยๆซื้อ พร้อมกับการขายหุ้น
ออกมาเหมือนกัน
ตลาดหุ้นอับเฉาเช่นนี้ ย่อมบ่งชี้ ถึงนโยบายการบริหารประเทศของรัฐบาล ตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)รวมทั้ง
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน ทั้งในอดีต ปัจจุบันได้เป็นอย่างดีว่า มีฝีมือไร้เทียมทานเพียง
ใด ความฝันในอดีตที่หวังจะเป็นเสือตัวที่ห้าสูญสิ้นไปหมดแล้วหรือ.... ตอนนี้จึงมองไม่ออกว่า
เศรษฐกิจไทยจะเสือหรือแมว หรือ ไม่ใช่ทั้งเสือทั้งแมว จุด จุด จุด
อาจจะเป็นเรื่องเศร้า หรือเวรกรรม สำหรับตลาดหุ้นไทย ถ้าเรามัวจ้องทำลายล้างซึ่งกัน
และกัน จนทำให้เศรษฐกิจเดินไปอย่างเชื่องช้ากว่าที่ควรจะเป็น ผู้ประกอบการภาคเอกชน รอ
คอยว่า เมื่อไร ผู้มีอำนาจ วาสนา จะคำนึงเห็นแก่ผลประกอบการของประเทศชาติอย่างแท้จริง
มิใช่มัวเล่นเกมการเมืองลูกเดียว ดัชนีตลาดหุ้นย่อมเป็นสิ่งสะท้อนภาวะเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
หรืออีกนัยหนึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน
หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อนาคต รัฐบาล ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ
ไทย สำนักงาน ก.ล.ต. บริษัทหลักทรัพย์ อาจจะต้องเดินทางไปเยี่ยมชมประเทศเวียดนาม และ
กิจการตลาดหุ้นเวียดนามก็ได้ เพราะตอนนี้ตลาดหุ้นเวียดนามมีพัฒนาหรือเติบโตได้อย่างน่าทึ่ง
ทั้งๆที่เพิ่งเกิดไม่ถึง 7 ปี แต่ดัชนีหุ้นเวียดนามกลับพุ่งทะยานใกล้แตะ 1000 จุด สรุปง่ายๆ ทิ้ง
ห่างตลาดหุ้นไทยไปเรื่อยๆ
การพัฒนาการตลาดหุ้นเวียดนามอย่างรวดเร็ว อาจจะเป็นเสน่ห์ให้บริษัทหลักทรัพย์ใน
ประเทศไทยสนใจไปหาช่องทางทำมาหากิน รวมทั้งนักธุรกิจไทยก็ได้ อย่างน้อยไม่ต้องมีปัจจัย
การเมืองคอยกดดัน ..และอนาคตชาวหุ้นไทย อาจกระโดดไปเทรดหุ้นเวียดนามก็ได้ ใครจะรู้
จักรภพ .. รายงาน
วันนี้หากมามองตลาดหุ้นย่านเอเชียแล้ว ความร้อนแรงวินาทีนี้ ต้องยกให้ตลาดหุ้นเวียดนาม
เป็นอันดับ 1 อัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง ท่ามกลางเม็ดเงินลงทุนจากต่าง
ประเทศหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย โดยนาย ลี มินห์ ฮัง ผู้อำนวยการสำนักสถิติแห่งชาติ
เวียดนาม ระบุว่า ผลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีในปีนี้จะขยายตัวในอัตรา
8.17% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ความร้อนแรงของเศรษฐกิจเวียดนาม ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่าง
ร้อนแรง ทำให้เป็นเวียดนามเป็นตลาดหุ้นที่มีการเติบโตสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเซีย
แปซิฟิก และเติบโตสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก (รองจากตลาดหุ้นซิมบัมเว่) ในปีนี้ โดยนับตั้งแต่
วันที่ 30 ธันวาคมปีที่ผ่านมา มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ มาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้น
เวียดนามเพิ่มขึ้นสูงถึง 60% ขณะที่ในช่วง 2 ปีหลังสุด มาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นเวียดนามเพิ่มขึ้น
มากกว่า 10 เท่า มาอยู่ที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ และมีจำนวนบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 22
บริษัทเป็น 35 บริษัทในปัจจุบัน
ล่าสุด ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามใกล้แตะ 1000 จุด ทั้งๆที่ปลายปีที่ผ่าน ดัชนีฯอยู่ที่ 700 จุด
แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาสามารถยืนเหนือ 900 จุดได้ โดยตลาดหุ้นเวียดนามเริ่มเปิดการซื้อขายครั้ง
แรกเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2000 หรือ กรกฎาคม 2543
สัญญาณตลาดหุ้นที่ดี ย่อมบ่งชี้ถึงฝีไม้ลายมือการบริหารประเทศของรัฐบาลเวียดนามว่า
เจ๋งเพียงใด...แน่นอน ตลาดหุ้นที่ดี ย่อมมีสินค้าที่นักลงทุนให้การยอมรับ ซึ่งเวียดนามเตรียมเร่ง
นำหุ้นรัฐวิสาหกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้แล้วเสร็จภายในปี 2009 ตามแผนปรับ
โครงสร้างกิจการของรัฐเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน
โดยนาย วู วาน นินห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเวียดนามกล่าวว่า เวียดนามจะเร่ง
รัดแผนแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้เสร็จสิ้นในปี 2009 ซึ่งจะเป็นการขายหุ้นให้กับนักลงทุนในประเทศ
และพันธมิตรต่างประเทศและรัฐบาลได้เห็นชอบร่างแก้ไขกฎหมายกิจการรัฐวิสาหกิจมาตรา
187 แล้ว ซึ่งเป็นกระบวนแรกที่จะเปิดทางให้มีการนำหุ้นรัฐวิสาหกิจเข้าจดทะเบียนในอนาคต
ทั้งนี้ กิจการที่อยู่ในแผนแปรรูปของรัฐบาลเวียดนามได้แก่ กิจการพลังงาน โทรคมนาคม
กิจการเดินเรือ กิจการน้ำมันและก๊าซ ไปจนถึงธนาคารและประกันภัย ปัจจุบันธนาคารรัฐ
วิสาหกิจชั้นนำ 4 แห่งของเวียดนามเตรียมอยู่ระหว่างเตรียมการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาด
หลักทรัพย์โฮจิมินห์ภายในปี 2007 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหาที่ปรึกษาต่างชาติ
ธนาคารทั้ง 4 แห่งได้แก่ State Bank of Viet Nam (SBV), Bank for Foreign of
Viet Nam Trade (Vietcombank), Bank of Investment and Development of Viet
Nam (BIDV) และ the Mekong Housing Bank (MHB)
นั่นคือ ภาพรวมคร่าวๆ สำหรับตลาดเวียดนามที่ชาวหุ้นไทยแลนด์ มองแล้ว อด อิจฉาชาว
หุ้นเวียดนามหรือมังกรน้อยไม่ได้....เพราะ ตลาดหุ้นไทย เคยลงนาม MOU ให้ความช่วยเหลือ
ตลาดหุ้นเวียดนาม The Ho Chi Minh City Securities Trading Center (HoSTC) ด้าน
เทคโนโลยี และการดูแลบำรุงรักษาระบบงานซื้อขายหลักทรัพย์ เมื่อปี 2543 จนทำให้ศูนย์ซื้อขาย
หลักทรัพย์แห่งนครโฮจิมินห์เปิดให้บริการได้ในเดือนกรกฎาคม 2543
พอเหลียวมองตลาดหุ้นไทยวันนี้ กลับเหี่ยวเฉา ดัชนีตลาดยังคงเคลื่อนไหวระดับ 600 จุด
ต้นๆ ขณะที่โบรกเกอร์ต่างชาติบางแห่งมองระยะสั้นดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจได้เห็น 550 จุด ขณะ
ที่โบรกเกอร์บางรายมองดัชนีตลาดสิ้นปีนี้ มีเป้าหมายอยู่ที่ 720-740 จุด ท่ามกลางปัจจัยการ
เมืองไทยยังเป็นตัวกดดันหรือตัวถ่วง
ตลาดหุ้นไทยกี่ไม่เดือน ก็จะมีอายุครบ 32 ปี ในวันที่ 30 เมษายน 2518 ซึ่งย่างเข้าสู่ปีที่
33 และในอนาคต ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ก็จะย้ายที่ตั้งบนถนนสายบันเทิง หรือถนน
รัชดาฯ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกล้วนตั้งบริเวณศูนย์กลางทางการเงิน...ตลาดหุ้นไทยนับว่า ผ่านร้อน
ผ่านหนาวมาเยอะ ดัชนีตลาดเคยทะลุ 1700 จุด เคยตกต่ำเหลือกว่า 200 จุดช่วงวิกฤติ
เศรษฐกิจ
มาวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่บริเวณ 650 จุด ท่ามกลางปัจจัยลบรอบด้าน ปัจจัยบวกยังไม่
โผล่หน้ามาเห็น นักลงทุนในประเทศสวมบทผู้ชมนั่งเฝ้าหน้าจอเป็นส่วนใหญ่ สะท้อนได้จากวอลุ่ม
เทรดแต่ละวัน ซึ่งถือว่าลดลงค่อนข้างมาก หากเล่นหรือเข้าเทรดดิ้งจบในวัน นักลงทุนสถาบัน
ในประเทศซื้อขายสลับกันไป ขณะที่นักลงทุนต่างชาติ ยังยืนยันค่อยๆซื้อ พร้อมกับการขายหุ้น
ออกมาเหมือนกัน
ตลาดหุ้นอับเฉาเช่นนี้ ย่อมบ่งชี้ ถึงนโยบายการบริหารประเทศของรัฐบาล ตลาดหลักทรัพย์
แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)รวมทั้ง
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน ทั้งในอดีต ปัจจุบันได้เป็นอย่างดีว่า มีฝีมือไร้เทียมทานเพียง
ใด ความฝันในอดีตที่หวังจะเป็นเสือตัวที่ห้าสูญสิ้นไปหมดแล้วหรือ.... ตอนนี้จึงมองไม่ออกว่า
เศรษฐกิจไทยจะเสือหรือแมว หรือ ไม่ใช่ทั้งเสือทั้งแมว จุด จุด จุด
อาจจะเป็นเรื่องเศร้า หรือเวรกรรม สำหรับตลาดหุ้นไทย ถ้าเรามัวจ้องทำลายล้างซึ่งกัน
และกัน จนทำให้เศรษฐกิจเดินไปอย่างเชื่องช้ากว่าที่ควรจะเป็น ผู้ประกอบการภาคเอกชน รอ
คอยว่า เมื่อไร ผู้มีอำนาจ วาสนา จะคำนึงเห็นแก่ผลประกอบการของประเทศชาติอย่างแท้จริง
มิใช่มัวเล่นเกมการเมืองลูกเดียว ดัชนีตลาดหุ้นย่อมเป็นสิ่งสะท้อนภาวะเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
หรืออีกนัยหนึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน
หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อนาคต รัฐบาล ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ
ไทย สำนักงาน ก.ล.ต. บริษัทหลักทรัพย์ อาจจะต้องเดินทางไปเยี่ยมชมประเทศเวียดนาม และ
กิจการตลาดหุ้นเวียดนามก็ได้ เพราะตอนนี้ตลาดหุ้นเวียดนามมีพัฒนาหรือเติบโตได้อย่างน่าทึ่ง
ทั้งๆที่เพิ่งเกิดไม่ถึง 7 ปี แต่ดัชนีหุ้นเวียดนามกลับพุ่งทะยานใกล้แตะ 1000 จุด สรุปง่ายๆ ทิ้ง
ห่างตลาดหุ้นไทยไปเรื่อยๆ
การพัฒนาการตลาดหุ้นเวียดนามอย่างรวดเร็ว อาจจะเป็นเสน่ห์ให้บริษัทหลักทรัพย์ใน
ประเทศไทยสนใจไปหาช่องทางทำมาหากิน รวมทั้งนักธุรกิจไทยก็ได้ อย่างน้อยไม่ต้องมีปัจจัย
การเมืองคอยกดดัน ..และอนาคตชาวหุ้นไทย อาจกระโดดไปเทรดหุ้นเวียดนามก็ได้ ใครจะรู้
จักรภพ .. รายงาน