Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมเคยคิดเหมือนกันครับ ว่าถ้าเราเชื่อตรงข้ามกับตลาดเราจะทำกำไรได้
แต่คราวนี้ยังไงผมก็ยังเชื่อว่าปีนี้มันไม่ดีอยู่ดี

สิ่งที่ผมสนใจ  ก็คือ  เหตุผลมากกว่าครับ

Eto Demerzel เขียน: นี่ดร.ก้องออกมาฟันธงว่า
หุ้นจะซึ่มยาวปีนี้ เห็น 500 กว่า

กูรูใหญ่แกว่างั้นเหรอครับ  :shock:

งั้น Asia P. ลงไปก่อนละกันนะ

แกคงต้องการจะตีปี๊บเฉยๆ ใครเห็นเป็นจริงเป็นจังอาจตกเป็นเหยื่อ

เหอๆ เหมือนทันตแพทย์ท่านหนึ่งว่าไว้เด๊ะเลยพี่อีโต้

คุณ ETO คิดเหมือนผมเลยครับ

ถ้าถามเหตุผล คงไม่มีมังครับ แค่ความรู้สึก น่ะครับ เพราะเห็นคนส่วนใหญ่มองลงทีไรนี่ ไม่ลงซักทีครับ แต่พอมองขึ้นกันทีไร เป็นลงทุกที

อาจจะอีกเดี๋ยว อยู่ๆก็จะมีข่าวดีออกมา (ข่าวอะไรยังไม่รู้) แล้วก็ทำให้ bullish กันใหญ่ อะไรทำนองเนี้ยอ่ะครับ (อาจจะ....ประเภท ต่างชาติโยกเงินจากตลาดพันธบัตร มาลงในหุ้น เพราะไม่ถูกมาตรการกันสำรอง โดยต่างชาติมองว่าบาทยังแข็งต่อไปได้ อิอิอิ)

ถ้าคิดอย่างนี้ต้องอ่านหนังสือชื่อ เศรษฐศาสตร์แห่งความจริง ครับ มีแนวคิดแบบแหวกๆแต่ก็เข้ากับตลาดเก็งกำไรดีครับ

ถ้างี้เวลาเค้าคิดว่าจะไป500 เอาก็เอา2คูณ แล้วเผื่อซักหน่อยให้ส่วนลด15-20%

เวลาเค้าว่าจะไป 1พัน เราก็เอามาหารสอง แล้วให้ส่วนเพิ่มประมาณ15-20%
เหมือนเดิม

555

แต่รู้สึกเค้าจะเปลี่ยนบ่อย เอาแน่ไม่ค่อยได้นี่ดิ

มิน่าหุ้นถึงผันผวน ไซด์เวย์ตลอด เฮ้อ

nanchan เขียน:ถ้างี้เวลาเค้าคิดว่าจะไป500 เอาก็เอา2คูณ แล้วเผื่อซักหน่อยให้ส่วนลด15-20%

500x2=1000 ลด 15-20%= ปีนี้จบที่ 800-850

nanchan เขียน:เวลาเค้าว่าจะไป 1พัน เราก็เอามาหารสอง แล้วให้ส่วนเพิ่มประมาณ15-20%
เหมือนเดิม

1000/2=500 เพิ่ม 15-20%= ปีนี้จบที่ 575-600

แสดงว่าตามหลักพี่นัน แสดงว่า ปีนี้จบที่ 800-850 วันจันทร์ ขุดไหมาซื้อเพิ่มเร็วๆๆ (แซวพี่นันเล่นนะ..)  :lol:  :lol:

คือว่า scenario ที่หุ้นไทยจะไป 800 มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะครับ ถ้าการเมืองไทยสามารถผ่าทางตันได้และเงินเฟ้อลงแรงมากจนดอกเบี้ยต้องลงตามเหลือแค่สัก 3% อย่างนี้หุ้นควรจะต้องวิ่งได้ไกลจากจุดนี้มากพอสมควรทีเดียว เพราะตอนนี้ div yield อยู่เกือบ 4.5% สูงที่สุดในรอบ 10 ปีเลย

ก็ขึ้นอยู่กับว่าสุดท้ายจะเป็น scenario ไหน เดาไม่ออก ไม่รู้จริงๆ

nanchan's

เวลาเค้าว่าจะไป 1พัน เราก็เอามาหารสอง แล้วให้ส่วนเพิ่มประมาณ15-20%
เหมือนเดิม

555 <---------------

 :D  :D  :D

Mr. Boo เขียน:nanchan's

สุมาอี้ เขียน:คือว่า scenario ที่หุ้นไทยจะไป 800 มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะครับ ถ้าการเมืองไทยสามารถผ่าทางตันได้และเงินเฟ้อลงแรงมากจนดอกเบี้ยต้องลงตามเหลือแค่สัก 3% อย่างนี้หุ้นควรจะต้องวิ่งได้ไกลจากจุดนี้มากพอสมควรทีเดียว เพราะตอนนี้ div yield อยู่เกือบ 4.5% สูงที่สุดในรอบ 10 ปีเลย

ก็ขึ้นอยู่กับว่าสุดท้ายจะเป็น scenario ไหน เดาไม่ออก ไม่รู้จริงๆ

หวังเช่นนั้นจริงๆครับ

ผมว่า วิกฤตการณ์คราวนี้แรงแค่นั้น หุ้นก็น่าจะเด้งแรงได้เท่านั้นเมื่อฟ้าหลังฝนนะ

Raphin Phraiwal เขียน:

เพียงแค่ขำๆ ฟังแล้วก็พอขำๆ เอาเป็นอารมณ์ไม่ได้นะท่าน Eto

คุณสุมาอี้ ดูตรงไหนครับ div yield ของทั้งตลาด 4.5 %

ผมว่าไม่น่าจะเป็นไปได้

หุ้นส่วนใหญ่ที่ปันผลดีๆก็ประมาณ 10 % แต่มีหุ้นอีกเยอะเลย ที่ปันผลน้อยมากๆ

ผมเคยใช้ตัว setsmart  ถ่วงน้ำหนักปันผลด้วยมาร์เก็ตแค็ป แล้วกลับมาหารเฉลี่ยด้วยมาร์เก็ตแค็ปทั้งตลาดอีกทีได้ประมาณ 4.3 ครับ ตัวเลขแต่ละวันจะไม่เท่ากัน แต่น่าจะอยู่มากกว่าสี่ครับ

Noonino เขียน:คุณ ETO คิดเหมือนผมเลยครับ



ถ้าคิดอย่างนี้ต้องอ่านหนังสือชื่อ เศรษฐศาสตร์แห่งความจริง ครับ มีแนวคิดแบบแหวกๆแต่ก็เข้ากับตลาดเก็งกำไรดีครับ

ผมอ่านจบแล้วคับ...

เจ๋งดีคับ.. แต่ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่คับ

pm มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไหมคับ...


 ผมว่า น่าจะมีการปรับ ดร.ก้องเกียรติบ้างนะคับ เวลาเขาทำนาย set เนี่ยจะได้มีฐานของความเป็นจริงอยู่บ้าง ไอ้ผมน่ะไม่มีอะไรเป็นการส่วนตัวกับท่านหรอก แต่สงสารเด็กๆ ใหม่ๆ ที่เขาเริ่มมาลงทุนในหุ้นสิคับ... หรือว่า เด็กไทยต้องเสียค่าโง่ก่อนทุกคนคับ...

crazyrisk เขียน:
ผมอ่านจบแล้วคับ...

เจ๋งดีคับ.. แต่ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่คับ

pm มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไหมคับ...

ผมว่าแนวคิดนี้ apply ยากครับ แต่มันเป็นความน่าทึ่งอย่างนึงตอนที่ผมอ่านแนวคิดที่ว่า "ผลมาก่อนเหตุ" ครับ เพราะผมว่ามันค่อนข้างจริงทีเดียว ประเภที่ว่า หลายครั้ง หุ้นก็ขึ้นหรือลงโดยที่หา "เหตุ" ไม่ได้ (แต่ผลออกมาแล้วคือ หุ้นขึ้นหรือลง) เสร็จแล้วพอวันต่อมานักวิเคราะห์ก็หา "เหตุ" มาใส่เอา

ถ้า apply กับตลาดน้ำมันตอนที่ขึ้นไปเยอะๆแล้วก็มีพวกออกมาบอกว่าราคาน้ำมันดิบจะขึ้นไป 100 เหรียญ พอตอนนี้น้ำมันราคาลงเยอะ ก็มาบอกว่าเพราะอากาศไม่หนาวเหมือนที่คาดไว้ ไม่ทราบว่าไม่หนาวกันอย่างไร เร็วนี้ผมว่าเคยเห็นข่าวที่มีคนหนาวตายในอเมริกามาแล้ว ถ้าไม่หนาวจริงจะออกข่าวคนหนาวตายทำไม แล้วเหตุที่ว่าอากาศไม่หนาวนี่จะเป็นจริงได้ยังไงล่ะครับ

อย่าง set ตอนนี้ก็มีแต่ข่าวร้าย กลัวกันไปมากมาย กลัวกฏหมาย nomonee ว่าจะทำให้ต่างชาติถอนทุน กลัวคำพูดนายกฯว่าเดี๋ยวจะมีระเบิดอีก ฯลฯ ถ้ากลัวกันขนาดนี้ set อาจจะกลับไปเหนือ 750 อีกทีในปีนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้ แล้วเดี๋ยวตอนนั้นเค้าก็หา "เหตุ" มาให้ "ผล" กันอีกนั่นแหละ

หุ้นรายตัวนั้น หลายๆครั้งเราก็ไม่รู้ว่าทำไมหุ้นตัวนั้นตัวนี้ถึงขึ้น หรือลง "ล่วงหน้า" ประกาศผลประกอบการ แล้วพอผลออกก็มาถึงบางอ้อ นั่นก็คือ "ผล" มาก่อน "เหตุ" อีกนั่นแหละ (แต่หลายๆท่านใน web นี้ก็ต้องแย้งว่า อันนี้จริงๆเหตุมาก่อนผล เพราะบริษัทนั้นมี กำไร หรือ ขาดทุน ไปแล้ว ส่วนผลประกอบการคือการประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้น เพราะฉะนั้น เหตุ ยังมาก่อนผล เสมอ - อันนี้ผมไม่เถียงครับ)

ผมก็คิดคล้ายๆ คุณ ETO คือ  คิดสวนกับตลาด

เมื่อคนส่วนใหญ่ออกมาบ่นอย่างหมดหวัง........SET มักจะขึ้นไปโดยไม่คาดหมาย

เมื่อนักวิเคราะห์ประสานเสียงกันว่า SET จะขึ้นไปเท่าโนนเท่านี้.........SET มักจะลงเยอะ

การให้ข่าวสารของนักวิเคราะห์.......มีผลประโยชน์แอบแฝงทั้งนั้น

SET จะขึ้นหรือลงมากแค่ไหน มันก็แค่บอก Mood ของตลาด....เป็นภาพสะท้อนของเหตุการณ์ระยะสั้น


สำหรับผม...
ผมสนใจแต่ว่าหุ้นแต่ละตัวจะทำกำไรได้มากแค่ไหนในอนาคต....จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน

เพราะในที่สุดแล้ว.........ราคาหุ้นจะสะท้อนผลประกอบการที่แท้จริงของบริษัท

ถ้าราคาน้ำมันดิ่งลงเรื่อยๆ ราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันที่มีสัดส่วนในตลาดสูง จะดึงดัชนีลงมาหรือไม่ครับ

ถ้าคิดอย่างนี้ต้องอ่านหนังสือชื่อ เศรษฐศาสตร์แห่งความจริง ครับ มีแนวคิดแบบแหวกๆแต่ก็เข้ากับตลาดเก็งกำไรดีครับ
หาซื้อไดที่ไหนเอ่ย

สุมาอี้ เขียน:เพราะตอนนี้ div yield อยู่เกือบ 4.5% สูงที่สุดในรอบ 10 ปีเลย

ก็ขึ้นอยู่กับว่าสุดท้ายจะเป็น scenario ไหน เดาไม่ออก ไม่รู้จริงๆ

pegaxus เขียน:ถ้าราคาน้ำมันดิ่งลงเรื่อยๆ ราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันที่มีสัดส่วนในตลาดสูง จะดึงดัชนีลงมาหรือไม่ครับ

div yield&peที่ดูว่าราคาตลาดต่ำนั้น เป็นไปได้มั๊ยว่า E&divมาจากลุ่มน้ำมันที่มีสัดส่วนมาก
ถ้ากำไรของกลุ่มผ่านจุดพีคไปแล้ว ต่อไปpeจะค่อยๆสูงขึ้นหรือเปล่า
เอ.หรือpeทรงๆแต่หุ้นเล็กๆกลางๆในตลาดกลับมีกำไรดีขึ้นเนื่องจากน้ำมันลดราคาลงดอกเบี้ยแท้จริงลดลง

Eto Demerzel เขียน:ประมาณว่า เจอกันใหม่ 5xx หรือ 4xx

ทำไมผมมีความรู้สึกว่า หุ้นจะขึ้นไปอีกนาน


พอเซียนๆ พากันออกมาฟันธงว่า... SET จะขึ้น

ไปซัก 800 จุด หรือ 1,000 จุด

ทำไมผมมีความรู้สึกว่า หุ้นกำลังจะ peak แล้ว


แปลกรึเปล่าครับ

Volumnตลาดยังดูไม่เหือดเนี่ยครับ

bajjo เขียน:งั้น Asia P. ลงไปก่อนละกันนะ

ซ้อนหลักเอได้ยังคับลงมาเยอะ

ฝากเตือนท่านนายพลอีโตะ ฯอีกรอบ

ยูนิไทไลน์  กำลังจะเลิกชำระบัญชี
เพื่อจดทะเบียนเลิกบริษัทแล้วนะครับ
ถ้าท่านนายพลยังไม่ได้ขายให้เจ้าสัว ช.
ควรติดต่อขายได้แล้วครับ

กำไรเห็นๆ  มากกว่าหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

triathlon เขียน:ถ้าคิดอย่างนี้ต้องอ่านหนังสือชื่อ เศรษฐศาสตร์แห่งความจริง ครับ มีแนวคิดแบบแหวกๆแต่ก็เข้ากับตลาดเก็งกำไรดีครับ
หาซื้อไดที่ไหนเอ่ย

ผมซื้ออ่านมาประมาณ 2 ปีมาแล้วอ่ะครับ ตอนนี้ไม่เห็นมีในตลาดเลย ถ้าจำไม่ผิด ผมซื้อที่ร้านดอกหญ้านะครับ คงพิมพ์น้อย เพราะดูเหมือนว่าคนเขียนเค้าจะพิมพ์เอง ขายเองน่ะครับ

yield เขียน:ผมเคยใช้ตัว setsmart  ถ่วงน้ำหนักปันผลด้วยมาร์เก็ตแค็ป แล้วกลับมาหารเฉลี่ยด้วยมาร์เก็ตแค็ปทั้งตลาดอีกทีได้ประมาณ 4.3 ครับ ตัวเลขแต่ละวันจะไม่เท่ากัน แต่น่าจะอยู่มากกว่าสี่ครับ

น่าจะเป็น Dividend Yield (ไม่ใช่ Dividend) ถ่วงน้ำหนักด้วย Market Cap แล้วหารด้วย Market Cap รวมหรือเปล่าครับ

ให้ Pi เป็นราคาต่อหุ้น, Di เป็น Dividend ต่อหุ้น, ni เป็นจำนวนหุ้น, และ DYi เป็น Dividend Yield ของบริษัท i
m เป็นจำนวนบริษัททั้งหมด

Dividend Yield ของตลาด = Total Dividend/Total Market Cap
                                     = (n1*D1+n2*D2+...+nm*Dm)/Total Market Cap
                                     = (P1*n1*D1/P1 + P2*n2*D2/P2 +...+ Pm*nm*Dm/Pm) / Total Market Cap
                                     = ( Market Cap1*DY1 + Market Cap2*DY2 + ... + Market Capm*DYm)/Total Market Cap

[quote="nanakorn"][quote="yield"]ผมเคยใช้ตัว setsmart

พี่ eto เมื่อไหร่ที่พวกเกจิอาจารย์พากันมาบอกว่า set จะขึ้นไปอีกนาน ช่วยกลับมาเตือนอีกครั้งนะครับ :lol:

รอ ดร ก้องเกียรติ ส่งสัญญาณ