Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

naris เขียน:ผมไม่มีหุ้นส่งออก

แต่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับการแข็งค่าของเงินอย่างนี้นะครับ

ผมว่ามันผิดปกติไปหน่อย แถมผู้ส่งออกจะรับมือกันไม่ทัน

กลัวว่าท่านหม่อมของเราจะทำอะไรแรงๆมาอีกนะงานนี้ :lol:

วันนี้ีมีแบงค์สัญชาติญี่ปุ่น ที่เคยเป็นขาใหญ่ในตลาด Baht Offshore เทขาย USD/THB ลงมา เลยทำให้ USD/THB ลงไป Low ที่ 33.95 ที่ตลาด Offshore
สาเหตุคาดว่าน่าจะเป็นเพราะประกาศมาตร 30% ข้อที่ 4.3 หรือไม่ก็เป็นการบริหาร Cash Flow ผิดพลาด ทำให้ต้องซื้อ USD/THB onshore แล้วขาย USD/THB offshore ทิ้ง

Thai Baht Rises to Strongest Since 1997 as Investors Buy Stocks

By Jake Lee and Yumi Teso

Jan. 25 (Bloomberg) -- The Thai baht rose to the strongest since 1997 in offshore trade, as international investors increased purchases of the country's stocks.

The economy will expand as much as 5 percent in 2007, driven by exports, Prime Minister Surayud Chulanont said yesterday. Finance Minister Pridiyathorn Devakula on Jan. 18 said growth was ``at least 5 percent'' last year. Global investors have been net buyers of equities for the past 10 days, the longest streak since October, stock exchange data show.

``Fund inflows into Thai stocks are a good factor and supportive for the baht,'' said Minoru Shioiri, a senior manager of the foreign-exchange trading and credit division in Tokyo at Mitsubishi UFJ Securities Co.

The baht rose to as strong as 33.91 against the dollar, and was at 34.04 as of 2 p.m. in London, according to data compiled by Bloomberg. The currency traded at about 35 in late Asian trade yesterday, according to Sumitomo Mitsui Banking Corp. Thailand's SET Index rose 0.5 percent to 660.71, a three-week high.

Since mid-December, the central bank has imposed penalties on investors withdrawing funds within a year and issued measures to boost money leaving the country, to help stem currency gains. Bank of Thailand Governor Tarisa Watanagase Jan. 22 said she doesn't want the baht to move ahead of other regional currencies.

Korean Economy Slows

South Korea's won dropped as much as 0.1 percent after a central bank report showed the economy slowed more than expected in the fourth quarter and exports fell.

Cooling demand from the U.S., together with the won's 8.6 percent climb last year, is curbing overseas sales. A stronger currency makes Korean goods sent abroad more expensive relative to regional rivals, reducing demand and exporter earnings. Sales abroad account for about 40 percent of the economy.

``It's quite a weak number and foreign investors are beginning to realize the Korean economy is going to slow,'' said Tetsuo Yoshikoshi, a market analyst at the treasury unit of Sumitomo Mitsui Banking Corp. in Singapore. ``The won should be one of the weakest currencies this year.''

The won weakened to as low as 937.20 and ended the day little changed at 936.00 against the dollar, according to Seoul Money Brokerage Services Ltd. It may drop to 1,000 by June, said Yoshikoshi.

Asia's third-largest economy grew 0.8 percent in the fourth quarter, the Bank of Korea said today, less than the median 1 percent forecast in a Bloomberg survey of 13 economists. The economy expanded 1.1 percent in the prior three months. Exports dropped 1 percent compared with a 2.9 percent gain in the previous three months.

Policy Meeting

The Malaysian ringgit held at 3.5005 against the dollar, near the highest since 1998. The central bank tomorrow will probably keep its benchmark interest rate unchanged for a sixth straight meeting to spur growth after inflation eased in the last three months of 2006.

The government predicts the $131 billion economy expanded 5.8 percent in 2006 and estimates growth of 6 percent this year.

``People are deciding Malaysia is a good bet,'' said David Mann, a foreign-exchange strategist at Standard Chartered Bank Plc in Hong Kong. ``It's become an increasingly popular currency to go for.''

Bank Negara Malaysia will maintain its overnight policy rate at 3.5 percent, according to all 16 economists in a Bloomberg News survey.

In Indonesia, the rupiah was at 9,103 against the dollar from 9,079 yesterday. The nation's Investment Coordinating Board yesterday said foreign direct investment dropped 33 percent last year.

Elsewhere in Asia, the Singapore dollar rose 0.1 percent to S$1.5347, according to data compiled by Bloomberg. The Philippine peso closed at 48.81 from 48.84 yesterday, according to the Bankers Association of the Philippines.

To contact the reporters on this story: Yumi Teso in Singapore at [email protected] ; Jake Lee in Hong Kong at [email protected]

Last Updated: January 25, 2007 09:14 EST

@DNA@ เขียน:ข่าวจาก Bloomberg.com ไม่รู้ว่า คนให้สัมภาษณ์รู้จริงรึเปล่านะครับ

http://www.bloomberg.com/apps/news?pid= ... currencies

ซากทัพ เขียน: เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ พิมพ์แบงค์กงเต๊กออกมาเลย
เคยอ่านข่าวว่า กรีนสแปมเคยทำแบบนี้นี่ครับ แถมยังบังคับซื้อพันธบัตรหากใครขายของให้ มาแอพพลายกับบ้านเราจะดีไหม มีเอฟเฟคอย่างไรบ้างครับ

comment นี้จากกรณี ที่มีพ่อค้าหัวเสต้องการนำ THB ไปขายที่ตลาด offshore แล้ว นำ USD มาแลกกลับที่ตลาด onshore...  :shock:  :shock:

.......... เค้าไม่ต้อง ขนเงินไป-ขนเงินมาหรอกครับ ...........

.......... เพราะพวกที่ทุบค่าเงินบาทให้แข็ง เค้ารอ Take Profit กันในตลาด Offshore กันเลยครับ หลังจสกส่งมอบ Forewad .........

......... ข่าวที่เช็คจากเพื่อนที่อยู่ในสาย Forex ของแบ้งค์ลูกครึ่ง ....... ช่วง สิ้นเดือน กพ. ก็จะถึง due ที่ ธปท. ต้องเริ่มทยอยส่งมอบ เงินบาทที่ไปทำ Forewad เอาไว้ ในตลาด Offshore แล้วครับ .........

.......... ซึ่ง Due ของ Forewad จะมีทางเลือก สอง ทางคือ ..........

......... 1. ชำระเป็นส่วนต่าง ......... คือ ที่ ธปท. มีภาระจากการเข้าไปแทรกแซง ตั้งแต่ 38.xx ไล่ลงมาถึง 35.xx แต่ ณ. วันส่งมอบ สมมุติราคา ณ. วันส่งมอบที่ตลาด Offshore = 33.00 ..........

.......... ซึ่งคิดว่า ธปท. คงไม่ทำ เพราะจะ Realized Loss ไปเลยจริงๆ +++ สามหมื่นล้านบาท +++ ...........

.......... ( จากการให้ปากคำของ ผู้ว่าฯ ต่อ คณะ กมธ. การเงิน และ Cross Check จากตัวเลขภาระ Foreward ที่ BOT. รายงานทุกวันศุกร์ ( ล่าสุดมี 7.9 พันล้าน US.$ ) คูณด้วย Loss คร่าวๆ ประมาณเกือบๆ 4 บาทต่อUS.$ ) ............

......... หรือ 2. ส่งมอบกันจริงๆ ซึ่ง ธปท. ต้อง เอาเงินบาท ประมาณ 2.8 แสนล้าน บาท ไปส่งมอบ ( คำนวณเคร่าๆ จาก 7.9 พันล้าน US.$ คูณ ค่าเฉลี่ยที่ทำ Forewad น่าจพะประมาณ เกือบๆ 37 บาท ) ........

......... ถ้าจะส่งมอบ บาท กันจริง ผมก็ว่าระบบการเงินในประเทศก็คงจะปั่นป่วน เพราะจะทำให้สภาพคล่องในระบบ เหือดแห้งไปเลย ...........

......... การเงินในระบบก็จะเพี้ยนๆไปเลยครับ เช่น เกิดเงินฝืด ดบ.ค่อยๆขึ้น ฯลฯ ..........

......... แล้วพอ คู่ Due ของ ธปท. ได้เงินบาทไป ก็คงไป Take Profit ในตลาดOffshore อีกที แล้วก็ปิด Position ..........

......... ตอนนี้ ตลาดเงิน Offshore จึงจะผันผวนมากครับ เพราะ ฝั่งตรงข้ามกับ ธปท. คงจะรวมหัวกัน ทุบให้ บาทแข็งไปเรื่อยๆ ให้แข็งนานที่สุด จนกว่าจะส่งมอบกันเสร็จ .........

........ ซึ่งก็จะกดดันให้ ตลาด Onshore ถูก Take Profit รีบ ขาย ดอลล์ ซื้อบาท จากทั้ง Importer และ Exporter ด้วยครับ อย่างที่เป็นข่าว .........

......... เราคงต้องเตรียมตัว เตรียมใจ รับแรงกระแทก ที่จะต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ๆครับ ..........

......... อยู่ที่ผู้กุม นโยบาย ว่าจะผ่อนหนักให้เป็นเบาได้หรือไม่ ...........



ด้วยสติมั่น

Lukhoon

***ผลกระทบค่าเงิน ต่อ ตลาดทุน***

สวัสดีครับเพื่อนๆ

ไม่ได้มาคุยกันหลายวันเหตุเนื่องจากไปพักผ่อนดูฟุตบอลที่ต่างประเทศครับ และอีกอย่างไม่รู้จะเขียนอะไรเพราะเขียนไปก็ซ้ำๆ

เมื่อวานเห็นมีหลายกระทู้ในหลายบอร์ดพูดเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาก ผมอยากเรียนว่ามันเป็นค่าเงินบาทในตลาดต่างประเทศครับไม่ใช่ค่าเงินบาทในประเทศ ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากมาตราการ 30 % โดยตรงครับ

ตามที่ผมได้เคยเรียนไว้ว่ามาตราการนี้เป็นมาตราการที่รุนแรงเกินเหตุและเป็นการเข้าแทรกแทรงตลาดเงินโดยตรงซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าทำ เพราะเป็นการตัดขาดตลาดเงินในประเทศ(onshore)และตลาดเงินในต่างประเทศ(offshore)ออกจากกัน

เมื่อตลาดในต่างประเทศมีเงินบาทน้อยแต่มีความต้องการเงินบาทมากค่าเงินก็จะสวิงแบบนี้ละครับ (เหมือนหุ้นที่ขาดสภาพคล่อง ซึ่ง bid กับ offer ห่างกันหลายช่อง) ผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นก็คือหากค่าเงินบาทในประเทศและต่างประเทศต่างกันมากขนาดนี้ก็อาจทำให้มีการขนเงินบาทออกนอกประเทศโดยนักเก็งกำไรได้ ลองดูประวัติศาสตร์ครับเมื่อก่อนที่เหรียญบาททำด้วยเงินบริสุทธิ์และเมื่อเอาเหรียญบาทไปหลอมมาขายแล้วได้มากกว่า 1 บาท เหรียญบาทก็จะหายไปจากตลาดทันทีเพราะมีขบวนการขนเงินบาทไปหลอมขาย

มีบางท่านสงสัยว่าทำไมธนาคารชาติลดดอกเบี้ย RP แล้ว ทำไมธนาคารพาณิชย์ลดดอกฝากแต่ไม่ลดดอก***้ อันนี้ตอบง่ายครับ กล่าวคือธนาคารพาณิชย์เค้าทราบครับว่าดอก***้มันจะยังลดไม่ได้ เนื่องจากเป็นผลโดยตรงอีกอย่างหนึ่งของมาตราการ 30%ครับ

เนื่องจากข้อจำกัดจากมาตราการดังกล่าวทำให้เงินจากต่างประเทศเข้ามาไม่ได้ ในขณะเดียวกันรัฐทำงบประมาณขาดดุลเป็นแสนล้านซึ่งโดยปกติรัฐมักจะระดมเงินผ่านตลาดพันธบัตร แต่เมื่อตลาดพันธบัตรถูกปิดทำให้เงินจากต่างประเทศเข้ามาซื้อมาได้ ธนาคารชาติก็ต้องหันมาออกพันธบัตรขายนักลงทุนในประเทศ หรืออาจกล่าวได้ว่ามาแย่งสภาพคล่องภายในประเทศโดยตรง แข่งกับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะยังผลให้มีการแข่งกันเรื่องดอกเบี้ยระหว่างธนาคารชาติและธนาคารพาณิชย์เพื่อดึงเงินฝากระหว่างกัน อันนี้ยังไม่นับบริษัทอีกหลายแห่งในประเทศที่มีแผนงานระดมทุนในปีนี้แล้วต้องมาออกหุ้น***้เพื่อดึงเงินในระบบอีกครับ

สิ่งที่ผมเป็นห่วงก็คือเมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งแล้วธนาคารชาติไม่ยกเลิกมาตราการดังกล่าวอาจส่งผลให้มีการเก็งกำไรค่าเงินบาทผ่านตลาดหุ้น โดยอาจมีการขายหุ้นที่รุนแรงเพื่อสะสมเงินบาทโดยนักลงทุนต่างประเทศ(เนื่องจากมีความต้องการเงินบาทมากในต่างประเทศ)

กลับมาเรื่องหุ้นครับ ต่างชาติซื้อหนักช่วงแรกแล้วแผ่วปลาย น่าจะคาดได้ว่าเป็นการซื้อเพื่อทำ short covering และหรือเพื่อรอความชัดเจนจากทางการเรื่องมาตราการ 30% ว่าจะเอาอย่างไร

ผมเองไม่ใช่นักวิเคราะห์หุ้นรายวันดังนั้นผมไม่สามารถให้ความเห็นเป็นรายวันได้ แต่ยังคงยืนยันว่าหากมาตราการดังกล่าวไม่ถูกยกเลิก 5xx หรือ 4xx ก็จะได้เห็น

ตลาดบ้านเรามีกรรมครับไม่ได้ประโยชน์จากการที่หุ้นรอบบ้านเราเข้าสู่ภาวะกระทิงเลย และที่ผมเป็นห่วงคือเมื่อตลาดรอบบ้านเราเค้าเข้าสู่ภาวะกระทิงมาเป็นปีแล้ว หากเค้าปรับตัวลงแรงๆ บ้านเราก็คงต้องถูกกระทบเช่นกัน

เอาละครับวันนี้เขียนมากแล้ว ขอจบแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ

ผู้ตั้งกระทู้cp

1. ชำระเป็นส่วนต่าง ......... คือ ที่ ธปท. มีภาระจากการเข้าไปแทรกแซง ตั้งแต่ 38.xx ไล่ลงมาถึง 35.xx แต่ ณ. วันส่งมอบ สมมุติราคา ณ. วันส่งมอบที่ตลาด Offshore = 33.00 ..........

.......... ซึ่งคิดว่า ธปท. คงไม่ทำ เพราะจะ Realized Loss ไปเลยจริงๆ +++ สามหมื่นล้านบาท +++ ...........

Rockriverarms เขียน:วันนี้ได้คุยกับเพื่อนที่ import ทองคำเค้าโทรไปที่สิงค์โปร์ถามเรื่องค่าเงินบาท ได้ข่าวว่ามีเงินทุนเข้ามาฝากตราสารในไทยเยอะมาก ทั้งๆที่เจอมาตรการ30% ก็ไม่ได้สนใจ ดูเหมือนว่าเงินเหล่านี้มองว่าแนวโน้มดอกเบี้ยในต่างประเทศจะลดลง ซึ่งเรื่องดอกเบี้ยอาจจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งแต่แนวโน้มของค่าเงินบาทจริงๆเค้าอจจะมองว่าน่าจะแข็งกว่านี้ ซึ่งสัดส่วนของค่าเงินมันมากพอๆกับอัตราดอกเบี้ย ผมก็ฟังมาอีกทีนะ เรื่องพวกนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก