Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

พนักงานธนาคารก็หวังแต่ว่าตัวเองไม่อยากถูกให้ออก

กลัวต่างชาติเข้ามาแล้วจะทำงานไม่ได้  เพราะเมื่อต่างชาติเข้ามา  ภาษาอังกฤษย่อมเป็นสิ่งสำคัญ  การบริหารงานและการทำงานแบบจริงจังย่อมมากขึ้น

สู้ให้ทหารซึ่งทำธุรกิจไม่เป็นเข้ามาดีกว่า  จะได้ทำงานสบายๆไปเรื่อยๆเหมือนในอดีต

แล้วถ้าธนาคารถูกยุบค่อยว่ากันใหม่

ตอนนี้น้อยคน ที่จะมองเรื่องการพัฒนาองค์กรให้แข่งขันได้ในตลาด

ไปหมกหมุ่นอยู่แต่ ต่างชาติจะยึดกิจการ  

อีกองค์กรที่ผมไม่เห็นด้วยคือ TOT ทำงานเช้าชามเย็นชาม  :?

เคยไปติดต่อสาขาของธนาคารทหารไทยที่ซอยหลังสวนเพื่อซื้อ RMF LTF ปรากฏ พนักงานให้รอหนึ่งชั่วโมงเศษๆ เพราะพนักงานไม่รู้เรื่อง เลยโทรไป บลจ ทหารไทย ภายในครึ่งชั่วโมง ส่งคนมารับทั้งเงิน และอกสาร
เลยถึงบางอ้อ เขาบอกว่าสาขานี้เป็นไทยทนุโดนยึดมา พนักงานยังไม่ได้ปรับตัว
อืม อนาคตแบงค์นี้น่าจะเหนื่อยนะ ลูกค้าเอาเงินหลายแสนไปให้ ยังไม่เกท จะหา fee based income แข่งกะคนอื่นไหวเรอะ

ท่าจะแย่  8)

เคยใช้บริการของทหารไทยเหมือนกันครับ ห่วยแตกมาก พอๆกับ ktb ดีนะที่ ktc แยกออกมา แต่หลังๆนี่ก็เริ่มห่วย สงสัยลูกค้าเยอะเกิน

[quote="lekmak333"]ตอนนี้น้อยคน ที่จะมองเรื่องการพัฒนาองค์กรให้แข่งขันได้ในตลาด

ไปหมกหมุ่นอยู่แต่ ต่างชาติจะยึดกิจการ

Natural Selection ของชาร์ลส ดาร์วิน ยังใช้ได้ดีเสมอ ครับ ...

ในข่าว  สหภาพบอกว่า  ธนาคารมีสินทรัพย์มากกว่าเจ็ดแสนล้าน  ต่างชาติใช้เงินสอง-สามหมื่นล้านก็ได้ธนาคารไป

อ่านเผินๆก็รู้สึกว่า  เฮ้ย.....ทำไมมันชั่วอย่างนี้วะ  ใช้เงินแค่นี้ก็ยึดธนาคารได้ง่ายๆ  ไอ้คนที่ปล่อยให้ยึดไปเนี่ย  มันขายชาติชัวร์ๆ  (อีกแล้ว)

แต่ขอโทษครับ  ถ้าอ่านงบดุลเป็น  สินทรัพย์เจ็ดแสนล้านก็จริง  แต่หนี้สินก็เจ็ดแสนล้านเหมือนกัน  แถมงบกำไรขาดทุนของคุณยังขาดทุนตั้งหมื่นสองพันล้าน  และยังไม่เห็นวี่แววว่าจะฟื้นเมื่อไหร่

แล้วคนไทยสามารถแกะงบการเงินออกสักกี่เปอร์เซนต์เชียว.......

พูดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว  พร้อมที่จะบิดเบือนความจริงได้ง่ายๆ แล้วเมื่อไหร่จะแก้ปัญหาได้ตรงจุดสักทีล่ะครับ........

ไม่ละอายใจบ้างหรือ........

นี่เลย  ตัวเลขเป๊ะๆ

Assets 736,508.78 ลบ.  
Liabilities 671,320.48  ลบ.
Equity  64,706.48  ลบ.

มาต่อจากคุณสามัญชน
การที่คนไทยจำนวนมาก (อาจจะเป็นส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ) ไม่เข้าใจเรื่องงบการเงิน และไม่ได้มีวิธีคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์ คือทุกสิ่งต้องพิสูจน์ ต้องตรวจสอบไตร่ตรองก่อนถึงเขื่อ ทำให้ประเทศเราล้าหลัง
แต่มองแบบเห็นแก่ตัวก็คือ คนที่คิดเป็นวิทยาศาสตร์ก็ได้เปรียบ

เรื่องพวกนี้สื่อสามารถช่วยกรองได้

วันนี้นั่งฟังลูกหม่อมสัมภาษณ์สุขภัณฑ์ Star มีตอนหนึ่งพูดถึงกม.ผูกขาดทางการค้า ทางสตาร์บอกว่าเป็นโอกาสเพราะผลของกม.จะทำให้คู่แข่งรายใหญ่ต้องลด market share ทางสตาร์จะได้มีโอสที่จะมีตลาดเพิ่ม

ลูกหม่อมก็ไม่ขัดไม่ขวาง ไม่ออกความเห็นต่าง

ผมว่ามันคงไม่มีกม.ไหนออกมาว่าถ้าคุณขายมากกว่าเท่านั้นเท่านี้แล้วคุณผิดกฏหมายหรอกนะ ปกติกม.แบบนี้ต้องควบคู่ไปด้วยการดำเนินกิจการที่ผิดใช้อำนาจเหนือตลาดในการกีดกันการแข่งขัน หรืออะไรที่ว่าไว้ในกม.

แต่พอฟังรายการนี้จะรู้สึกว่าจะมีกม.ใหม่ที่ทำให้บริษัทห้ามขายของมากเลยขีดกำหนดของกม. น่าเศร้าใจ

Boring Stock Lover เขียน: มีตอนหนึ่งพูดถึงกม.ผูกขาดทางการค้า ทางสตาร์บอกว่าเป็นโอกาสเพราะผลของกม.จะทำให้คู่แข่งรายใหญ่ต้องลด market share ทางสตาร์จะได้มีโอสที่จะมีตลาดเพิ่ม

ถ้าเป็นการเอากฏหมาย Anti-Trust มาใช้จริงๆ แล้วน่าจะเรียกว่า กม. ต่อต้านการแข่งขันทางการค้า ตัวกฎหมายเองไม่ได้ห้ามมียอดขายเยอะเกิน แต่ดูว่าบริษัทได้กระทำอะไรที่เป็นการเอาเปรียบคู่แข่ง ผู้บริโภค หรือกีดกันไม่ให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม

ผู้บริหารถ้าพูดแบบนี้คงเข้าใจผิดเรื่องกฎหมายนี้ หรือแย่กว่านั้นก็เจตนาให้ข้อมูลผิดนะครับ

Antitrust laws, or competition laws, are laws which prohibit anti-competitive behavior and unfair business practices. The laws illegalize certain practices deemed to hurt businesses or consumers or both, or generally to violate standards of ethical behavior.

ดูก่อนท่านสามัญชน

นัยหนึ่ง ...รายใหญ่ถือหุ้นแบงค์ คงไม่ได้หวังปันผลหรอกครับ

น่าจะหวังปล่อยกู้เลี้ยงเงินให้เครือธุรกิจตนมากกว่า

ดูอย่าง LH จะไปตั้งแบงค์ทำไม ถ้าไม่ได้หวังให้มีเงินมาซื้อบ้านแลนด์ฯ

ถ้าใช้เงินสามหมื่นล้าน คุมชะตากรรมของเงิน อสังหา ฯลฯ เจ็ดแสนล้านได้

ไม่เลวครับท่าน




แต่พวกรายย่อย ไม่มีเหตุจะให้เล่นหุ้นแบงค์ ตามที่รู้กัน

[quote="สามัญชน"]นี่เลย

ถ้าใช้เงินสามหมื่นล้าน คุมชะตากรรมของเงิน อสังหา ฯลฯ เจ็ดแสนล้านได้

ไม่เลวครับท่าน

เหตุผลฟังขึ้นครับท่านเจย์  และก็เห็นด้วยเต็มๆ

ทีนี้มาเรื่องสหภาพต่อ.....
จริงๆแล้วปัญหาของ TMB อยู่ที่ไหน  เท่าๆที่ฟังมา  อย่างน้อยๆก็เรื่องการบริการอย่างที่ท่านฉัตรชัยและเพื่อนๆพูดมา

หรือมีบางท่านบอกว่าเป็นเรื่องความสามารถในการแข่งขัน  จำนวนสาขา  ประสิทธิภาพของสาขา  ประสิทธิภาพผู้นำองค์กร  ประสิทธิภาพพนักงาน  เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยกำหนดผลแพ้ชนะในทางธุรกิจทั้งสิ้น

ถ้าชนะคุณได้โบนัส  ถ้าแพ้คุณใช้เงินภาษีไปโปะ  น่าเศร้าจริงๆ.....

เพื่อนๆคิดว่า  มีพนักงานสินเชื่อธนาคาร  ซักกี่คนที่เข้าใจเรื่อง  งบกระแสเงินสด

รู้แล้วจะหนาว