Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

หุ้นที่เพิ่มทุนครั้งใหญ่เพราะต้องการขยายธุรกิจ เมื่อเงินเข้าบริษัทแล้ว จำนวนหุ้นจะเพิ่มขึ้นทันทีแต่กำไรสุทธิจะยังไม่เพิ่ม EPS จึงร่วงลง จนกว่าบริษัทจะนำเงินนั้นไปลงทุนจนเสร็จแล้วเริ่มสร้างผลตอบแทนได้กำไรสุทธิจึงค่อยเพิ่มขึ้น

แบบนี้ถ้าเราเข้าไปซื้อหุ้นนั้นทันทีที่ประกาศเพิ่มทุนเพราะเห็นด้วยกับโครงการขยายธุรกิจของบริษัท จะเสี่ยงสูงมั้ยครับ เพราะ EPS ที่กำลังจะร่วงลงก่อนอาจทำให้ราคาหุ้นร่วงลง

ที่ผ่านมาหลายตัวเป็นอย่างนั้นนะครับ ตลาดชอบทิ้งหุ้นนั้นไปก่อน รอจนกำไรสุทธิใกล้จะเพิ่มแล้วค่อยกลับมาซื้อ ที่หนักๆ เลยก็ BCP เพราะต้องรออีก 4 ปี โรงกลั้นที่ upgrade ถึงจะเริ่มแสดงกำไรให้เห็นได้ ตอนนี้ตลาดทิ้งหุ้นนี้ไปเลย

PG ก็โดนแบบเดียวกัน
PB ก็ดูเหมือนจะโดนแบบเดียวกัน (ไม่แน่ใจ)

ใครมีประสบการณ์การกับตัวอื่นๆ บ้าง เอามารวบรวมกันหน่อย เป็นกรณีศึกษา วันหลังหุ้นเราประกาศเพิ่มทุนจะได้ตัดสินใจได้ดีขึ้น

อุอุ มีคนใช้หลักท่าน "มนุษย์ปลา" เพิ่มอีกคนละ  8)

สำหรับผม การเพิ่มทุนคงเป็นผลพลอยได้มากกว่า
ถือบริษัทที่ดี เติบโตต่อเนื่องจนถึงวันที่ จำเป็นต้องหาเงินมาขยาย
ถ้าเลือกทางออกหุ้นเพิ่ม ก็คงรอรับ W
แต่พอได้ W แล้ว ต่อไปก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ว่าจะ dilute ซักแค่ไหน
และเตรียมสละเรือเมื่อท่าไม่ดี

ตามความเห็นส่วนตัวนะ ผมชอบให้กู้เงินระยะยาวมาลงทุนเพิ่ม
มากกว่าการออกหุ้นเพิ่ม หรือจะใหดีที่สุด ต้องเอากำไรสะสมมาลงทุนเพิ่ม โดยไม่ก่อหนี้เพิ่มดีที่สุดครับ

ผมซื้อแล้วเขาก็ประกาศเพิ่มทุนเหมือนกัน
(แต่ยังนอนหลับนะ  สู้คุณhotไม่ได้แค่งบก็นอนไม่หลับซะแล้ว  555แซวหน่อย)

ผมว่าคงต้องดู เป็นกรณีครับ

บริษัทหนึ่ง ใช้การเพิ่มทุน ส่งผลทำให้ EPS ลดลงก็จริง แต่จะเพิ่มขึ้นอนาคต
หากโครงการประสบความสำเร็จ แต่หากเกิดปัญหาสภาพคล่อง ก็ยังสามารถใช้ส่วนของหนี้ช่วยได้ และไม่ทำให้ DE เพิ่มสูงเกินไป ซึ่งก็จะส่งผลให้ EPS ไม่สูงมากเท่าการกู้  


แต่ อีกบริษัท เลือกที่จะรักษา EPS ไว้ โดยการก่อหนี้แทน ซึ่งทำให้ DE เพิ่มแทน และหากกระแสเงินสดเกิดปัญหา อาจส่งผลให้ บริษัทประสบปัญหาขาดทุนทันที และหากจะแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มทุนก็อาจไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากไม่มีคนซื้อก็ได้ และการใช้วิธีนี้ หากโครงการประสบความสำเร็จแล้วผลตอบแทนผู้ถือหุ้นจะสูงขึ้นเป็นเท่าตัว

คงต้องดูเป็นรายๆๆ อุตสาหกรรม และดู Vision ผู้บริหารครับ

บริษัท ที่ฮิตเพิ่มทุน ตอนนี้ อาจมองว่า การกู้เงินเป็นความเสี่ยง สำหรับความสามารถชำระคืน ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้


การเพิ่มทุนมีความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะมีปัญหาก็แค่ราคาหุ้นลดลงไม่ถูกฟ้อง  :twisted:  :twisted:

หรือหากมองอีกแง่ ก็ หนี้มีสูงแล้ว แบงค์อาจไม่ให้กู้อีก  :lol:  :lol:

ผมว่าต้องดูที่ Five force model นะ ว่าในขณะนั้นบริษัทนั้นอยู่ในสถานะแบบไหน มีคู่แข่งเยอะหรือไม่ สินค้ามีลักษณะเป็นที่ต้องการจริงหรือไม่ มีอะไรโดดเด่นหรือไม่ มี Compettitive advantage หรือไม่ ได้สร้างmodel ให้เป็นลักษณะที่ผู้บริโภคจำเป็นที่จะต้องพึ่งพิงอย่างมากหรือไม่  หรือจะดูจาก BCG model ก็ได้ เช่นว่า เป็น the star , Cow , Dog ?  การเพิ่มทุนนั้นจะสามารถสร้างการ Invade เข้าไปหาผู้บริโภคได้จริงหรือไม่
ว่าๆไปก็เหมือนกับการลงทุนเปิดบริษัทใหม่อย่างไงอย่างงั้นเลย ถ้าธุรกิจเดิมที่ทำอยู่มีความสามารถในการ Invade เข้าไปหาผู้บริโภคได้ดีจริง และการเพิ่มทุนนั้นเพราะเห็นว่าประชากรมีการขยายตัวและ บริษัทเราก็มีสินค้าที่เป็นที่ต้องการจริง ไม่ว่าประชากรจะเพิ่มอย่างไร ก็จะเพิ่มdemandตามไปด้วยการเพิ่มทุนก็ถือว่า Make sense
แต่ถ้าผิดไปจากนี้ ผมถือว่า เป็นการเพิ่มทุนที่มีการปิดบังอำพรางอะไรบางอย่างอยู่หรือไม่ อิๆ (ขอยืมคำของหม่อมอุ๋ยมากล่าว)

ภายหลังที่เพิ่มทุนทันที เนื่องจากเงินที่เพิ่มเข้าไปยังไม่ได้ทำงาน ก็ดูเหมือนว่านักลงทุนจะให้ราคาเงินที่เพิ่มเข้าไปใหม่นี้เท่ากับมูลค่าของมันเองเท่านั้น คือให้ PB สำหรับเงินใหม่เป็น 1  ดูจากสูตรที่ใช้ในการคำนวณหามูลค่าหุ้นหลังจากการเพิ่มทุนที่ใช้กันมากใน TVI ก็จะพบว่าเป็นอย่างนี้ (การนำ Market Value มาบวกกันโดยตรงกับ มูลค่าเงินที่เพิ่มเข้าไป)

หลังจากเพิ่มทุนไปเป็นระยะเพียงพอที่เงินที่เพิ่มเข้าไปใหม่จะทำผลตอบแทนเดียวกับ Equity ที่มีอยู่ก่อนเพิ่มทุน  คือบริษัทมี RoE กลับเข้าสู่ค่าเดิม  นักลงทุนก็จะไม่ให้ราคาของเงินเพิ่มทุนที่ PB=1 อีกต่อไป  แต่จะให้เหมือนๆกับ Equity ที่มีอยู่ก่อนเพิ่มทุน  ดังนั้นราคาหุ้นก็น่าที่จะเพิ่มขึ้น

ดังนั้น ถ้าบริษัทสามารถนำเงินที่เพิ่มขึ้น ไปทำผลตอบแทน ที่ประสิทธิภาพที่ไม่ต่างจากเดิมมากนัก  การลงทุนภายหลังที่บริษัทเพิ่มทุนทันที ในขณะที่นักลงทุนยังตีราคาเงินที่เพิ่มทุนเท่ามูลค่าดั้งเดิมของมัน  ก็น่าที่จะเป็นประโยชน์ครับ

ปัญหาคือ แล้วบริษัทจะทำได้จริงหรือเปล่า

[quote="nanakorn"]ภายหลังที่เพิ่มทุนทันที เนื่องจากเงินที่เพิ่มเข้าไปยังไม่ได้ทำงาน ก็ดูเหมือนว่านักลงทุนจะให้ราคาเงินที่เพิ่มเข้าไปใหม่นี้เท่ากับมูลค่าของมันเองเท่านั้น คือให้ PB สำหรับเงินใหม่เป็น 1

แต่ต้องตรวจ mkt cap เก่า ก่อนเพิ่มทุนเหมือนกันว่ามันวิ่งขึ้นมาเยอะก่อนหรือเปล่า เพราะ mkt cap เก่าเองก็อาจจะมี growth expectation อยู่ข้างในอยู่ก่อนแล้วก็ได้

หุ้นไม่พุ่ง เพิ่มทุนสำเร็จยากครับ

จำได้มั้ยเอ่ย 8,000 ล้าน ของ N-PARK เอาไปละลายยังเพิ่มกันได้ไม่มีใครบ่น เพราะราคาพุ่ง

เยี่ยมครับท่านสุมาอี้ แต่บางตัวนักลงทุนก็ไม่กลัวเพิ่มทุนนะ อย่างเช่น
HMPRO

มาต่อครับ

เสียดายเงินที่หายไปกับบริษัทไม่เข้าท่า อย่างที่บอกไป เงิน 8000 ล้านถ้ามาอยู่ในกิจการดีๆ Mkt.Cap ของ SET คงใหญ่กว่านี้เยอะ

นี่คือ"หน้าที่"อันหนึ่งของนักลงทุนที่จะเลือกจัดสรรเงินลงทุนกับกิจการที่ดี มิฉะนั้นแล้ว ผลดีก็ไม่เกิดกับเศรษฐกิจ และผลร้ายก็เกิดกับนักลงทุนเอง