หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ภาพใหญ่ ฟังไว้บ้างก้ดี !!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:37 pm
โดย LOSO
พลวัตเศรษฐกิจ :China Effects ว่าด้วยฟองสบู่จีน
2 มีนาคม พ.ศ. 2550 08:00:00

ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : จีนกำลังเจอศึกหนักในการจัดการกับภาวะฟองสบู่ ด้านหนึ่งไม่สามารถปล่อยให้เศรษฐกิจฟองสบู่เดินหน้าไปแบบนี้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจระยะยาว อีกด้านหนึ่งหากออกมาตรการแรงเกินไป เพื่อสกัดกั้นฟองสบู่ก็จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การลงทุน และตลาดทุน

ผลกระทบไม่ได้เกิดขึ้นในจีนเท่านั้น แต่มีผลต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินทั่วโลก เพียงมีข่าวว่า จีนจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ควบคุมฟองสบู่ตลาดหุ้น และรัฐสภาจะออกกฎหมายควบคุมการลงทุนจากต่างชาติเข้มงวดขึ้น

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงแรงร่วงลงไป 9% ซึ่งเป็นการปรับตัวมากที่สุดในรอบกว่า 10 ปี ประกอบกับการออกโรงเตือนของอลัน กรีนสแปน ว่า เศรษฐกิจสหรัฐและธุรกิจสหรัฐเข้าสู่จุดสุดท้ายของวงจรขาขึ้นแล้ว

เป็นผลทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกปั่นป่วนเลยทีเดียว ตลาดหุ้นปรับลดลงทั่วโลก เริ่มต้นตั้งแต่ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลงอย่างแรงกว่า 400 จุดภายในวันเดียว ตลาดหุ้นลอนดอนดิ่งลง 150 จุดภายในวันเดียวกัน

ดาวโจนส์นั้นดิ่งลงต่ำที่สุดนับแต่เกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน เมื่อปี 2540 ตลาดหุ้นยุโรป เอเชีย และละตินอเมริกาล้วนปรับตัวลงแรงไปในทิศทางเดียวกัน เป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ที่เกิดขึ้นจากตลาดจีน

การเก็งกำไรน่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หากจีนออกมาตรการแรงเพื่อควบคุมฟองสบู่

การดีดกลับของดัชนีหุ้น และการเด้งกลับของราคาสินทรัพย์ทั่วโลก น่าจะเกิดขึ้นได้เป็นระยะๆ แต่ไม่น่าจะเป็นแนวโน้มใหญ่

แนวโน้มใหญ่ คือ การปรับฐานของตลาดหุ้นและราคาสินทรัพย์ในตลาดโลก จะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง เพื่อสะท้อนความเป็นจริง และน่าจะถึงจุดต่ำสุดหรือเกิดวิกฤติขึ้นได้ในปี พ.ศ.2551-2552

การทำนายหรือพยากรณ์นี้ ผมมองอยู่บนสมมติฐานที่ว่า ดอลลาร์จะอ่อนตัวลงอย่างแรง ฟองสบู่จีนแตก และเกิดสงครามขึ้นระหว่างอิหร่านกับสหรัฐอเมริกา หากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอีกรอบ จะดันให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โลกก็อาจหลีกเลี่ยงภาวะ Stagflation ได้ยาก

อัตราเงินเฟ้อสูงในหลายประเทศรวมทั้งไทย เป็นโรคระบาดจากราคาน้ำมันแพง และมีความเชื่อมโยงกับฟองสบู่ของจีน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลายล้วนปรับตัวสูงขึ้น จากความร้อนแรงของความต้องการของเศรษฐกิจจีน

ในความเห็นของผม ผมเชื่อว่า การปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมัน ไม่ใช่ปรากฏการณ์ชั่วคราวที่เป็นผลมาจากนักเก็งกำไรอย่างแน่นอน จีนและอินเดียบริโภคน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลย่อมมีผลช็อกต่อวงการน้ำมันเป็นธรรมดา

จีนประเทศเดียวมีการบริโภคน้ำมันเพิ่มขึ้น 17-20% เมื่อปีที่แล้ว และมีการบริโภคสูงมากกว่า 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน การบริโภคน้ำมันเพิ่มขึ้นในระดับมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ย่อมสร้างแรงกดดันให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสูงขึ้นแน่นอน และทำให้ปัญหาภาวะโลกร้อนมีความรุนแรงมากกว่าเดิมหลายเท่านัก

การบริโภคเพิ่มขึ้นในระดับเกือบ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน สำหรับประเทศเดียวนั่นถือว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ครั้งที่มีความเติบโตของความต้องการบริโภคน้ำมันอย่างก้าวกระโดดในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลก คือ เศรษฐกิจสหรัฐพ้นวิกฤติในปี ค.ศ.1977 และช่วงมหัศจรรย์ของเศรษฐกิจยุโรปในปี ทศวรรษ ค.ศ.1960

ราคาน้ำมันจะลดลงอย่างแรงก็ต่อเมื่อเกิดปัญหาการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรงและฟองสบู่จีนแตก หรือมีการค้นพบแหล่งพลังงานใหม่ หรือเทคโนโลยีใหม่เพื่อผลิตพลังงาน

ฟองสบู่ของจีนน่าจะแตกภายในเวลาไม่เกิน 2 ปีนับจากนี้ แล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วย บางคนคิดกันเลยเถิดไปถึงขั้นมองว่า จีนจะประสบชะตากรรมเดียวกับอดีตประเทศสหภาพโซเวียต คนที่คิดและพูดแบบนี้ อาจจะไม่ทราบว่าจีนนั้นเขามีอภิมหายุทธศาสตร์ 100 ปี เพื่อเตรียมรับการเปลี่ยนแปลง เตรียมผู้คนให้พร้อม และบูรณาการทฤษฎี 3 ตัวแทนสู่ระบบตลาดแบบสังคมนิยม

มูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีนนั้นอยู่ที่ระดับมากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ มีการตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า จะให้เพิ่มขึ้นเป็น 40,000-50,000 ล้านดอลลาร์ ในระยะ 4-5 ปีข้างหน้า ก็อาจสะดุดลงได้ หากเกิดอะไรขึ้นกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน

มีการจัดวางการสืบทอดอำนาจอย่างเป็นขั้นตอนและระบบ ทำให้ความเสี่ยงอันเกิดจากการช่วงชิงอำนาจในพรรคคอมมิวนิสต์และความไร้เสถียรภาพลดลง ชาวพรรคคอมมิวนิสต์ได้ยกระดับตัวเองให้สามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทน "ความก้าวหน้า" ของสังคมจีนยุคใหม่ 2 ประการ คือ พลังการผลิตที่ก้าวหน้า และวัฒนธรรมที่ก้าวหน้า

การช่วงชิงอำนาจในพรรคคอมมิวนิสต์จะยังไม่เกิดขึ้น เท่าที่ไม่มีวิกฤตการณ์ฟองสบู่แตก ความเสี่ยงทางการเมืองจะเกิดขึ้นทันที หากเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจขึ้นมา เพราะจะเป็นข้ออ้างของกลุ่มสุดโต่งต่อต้านการปฏิรูปลุกขึ้นมาช่วงชิงการนำในพรรค อย่างไรก็ตาม วัฒนธรรมแบบทุนนิยม และเครือข่ายของขั้วปฏิรูปยังคงแข็งแกร่งในระดับนำของรัฐบาลและพรรค พลังการผลิตแบบทุนนิยมภายใต้การปกครองแบบรวมศูนย์สังคมนิยม น่าจะทะลวงข้อกีดกั้นต่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของจีนได้

วัฒนธรรมที่ก้าวหน้าของจีน คือ วัฒนธรรมที่ยึดมั่นในความเป็นวิทยาศาสตร์ การอุทิศตัวให้ส่วนรวม ความขยันหมั่นเพียรเพื่อศึกษาหาความรู้ ริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อรองรับความเจริญทางด้านวัตถุที่เกิดจากการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนอาจหลุดพ้นความเป็น "ไดโนเสาร์" ทางทฤษฎีมาร์กซ์ จากความริเริ่มของคนเล็กผู้ยิ่งใหญ่อย่างเติ้งเสี่ยวผิง นำเสนอทฤษฎี แมวขาวดำไม่สำคัญ ขอให้เป็นแมวจับหนูเก่ง แต่ผู้นำรุ่น 4 ของจีน อย่าง หู จิ่น เทา อาจไม่หลุดพ้นปัญหาวิกฤตการณ์ของระบบทุนนิยมฟองสบู่ครับ

ภาพใหญ่ ฟังไว้บ้างก้ดี !!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:39 pm
โดย LOSO
***  แนวโน้มใหญ่คือการปรับฐานของตลาดหุ้นและราคาสินทรัพย์ในตลาดโลก จะยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องเพื่อสะท้อนความเป็นจริงและน่าจะถึงจุดต่ำสุดหรือเกิดวิกฤติขึ้นได้ในปี พ.ศ.2551-2552  ****

ภาพใหญ่ ฟังไว้บ้างก้ดี !!!!

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 02, 2007 11:41 pm
โดย LOSO
*** การออกโรงเตือนของอลัน กรีนสแปน ว่า เศรษฐกิจสหรัฐและธุรกิจสหรัฐเข้าสู่จุดสุดท้ายของวงจรขาขึ้นแล้ว ***

ภาพใหญ่ ฟังไว้บ้างก้ดี !!!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 03, 2007 12:12 am
โดย Ryuga
ไชโย...... ไม่ได้ฟังเรื่องดีๆ มานานแล้ว ข่าวดีมากเลยนะครับ  :D

ภาพใหญ่ ฟังไว้บ้างก้ดี !!!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 03, 2007 9:55 am
โดย Capo
อา.....ปีนี้ต้องลดสต็อกอย่างจริงจังซะแหล๋ว

ภาพใหญ่ ฟังไว้บ้างก้ดี !!!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 03, 2007 12:48 pm
โดย nott
ไชโย...... ไม่ได้ฟังเรื่องดีๆ มานานแล้ว ข่าวดีมากเลยนะครับ  
ทำไมคิดเหมือนกันเลยเนี่ย  :D

ภาพใหญ่ ฟังไว้บ้างก้ดี !!!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 03, 2007 12:56 pm
โดย Ryuga
ทำการบ้านดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
เขาพรั่นพรึงอกสั่นฤาหวั่นไหว
เราตั้งมั่นเชื่อมั่นไม่หวั่นใคร
ล้วนกำไรไหลเข้ากระเป๋าเอย  (ฮู่... จิงป่าวเนี่ย)  :mrgreen:

ภาพใหญ่ ฟังไว้บ้างก้ดี !!!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 03, 2007 3:42 pm
โดย Ryuga
ทำการบ้านดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
เขาพรั่นพรึงอกสั่นฤาหวั่นไหว
เราตั้งมั่นเชื่อมั่นไม่หวั่นใคร
เพราะงั้นงัยเลยติดดอยจ๋อยเลยเรา  (5555555555....................)  :rofl:  :rofl: