แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ปี 2550
-
- Verified User
- โพสต์: 934
- ผู้ติดตาม: 0
แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ปี 2550
โพสต์ที่ 1
เพื่อนๆหลายคนในที่นี้มีความเห็นอย่างไร อยู่ในช่วงชะลอตัว อิ่มตัว ผ่านจุดสูงสุดแล้ว หรือว่ายังจะสามารถโตต่อไปได้อีกเพราะมีหุ้นหลายตัวที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
ปีนี้ยังทรงตัว และจะสดใสขึ้นในปี2551
โพสต์ที่ 2
ปีนี้ด้วยสภาพเศรษฐกิจแบบนี้และภาวะการเมืองยังอึมครึมแบบนี้ ตลาดรถยนต์ในประเทศน่าจะมีแนวโน้มลดลงถึงทรงตัวครับ แต่จะได้การเติบโตของตลาดส่งออกรถยนต์มาชดเชย ทำให้โดยรวมแล้วถือว่ายังพอทรงตัว หรือเติบโตได้นิดหน่อย
หากถึงปลายปีไม่เกิดความวุ่นวายทางการเมือง,ไม่เกิดอุทกภัยเหมือนปีที่ผ่านมา และแบงค์ชาติทยอยลดดอกเบี้ยได้อีกสัก0.75-1เปอรเซนต์ ประกอบกับราคาน้ำมันไม่เด้งไปเกินกว่านี้ หรือมีแนวโน้มลดลงแล้วละก้อ กำลังซื้อของประชาชนจะกลับมา และตอนนั้นตลาดรถยนต์รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาคึกคักได้อีกรอบ
หมายเหตุ...ต้องมีเงื่อนไขสหรัฐไม่โจมตีอิรัก หรือ จีนไม่เกิดต้มยำกุ้งด้วยนะครับ หากเกิดสองกรณีนี้ ตัวใครตัวมันครับพี่น้องงงงงงงงง
หากถึงปลายปีไม่เกิดความวุ่นวายทางการเมือง,ไม่เกิดอุทกภัยเหมือนปีที่ผ่านมา และแบงค์ชาติทยอยลดดอกเบี้ยได้อีกสัก0.75-1เปอรเซนต์ ประกอบกับราคาน้ำมันไม่เด้งไปเกินกว่านี้ หรือมีแนวโน้มลดลงแล้วละก้อ กำลังซื้อของประชาชนจะกลับมา และตอนนั้นตลาดรถยนต์รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาคึกคักได้อีกรอบ
หมายเหตุ...ต้องมีเงื่อนไขสหรัฐไม่โจมตีอิรัก หรือ จีนไม่เกิดต้มยำกุ้งด้วยนะครับ หากเกิดสองกรณีนี้ ตัวใครตัวมันครับพี่น้องงงงงงงงง
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
ยอดขายรถ
โพสต์ที่ 4
ด้านนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงยอดการผลิตและการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่ามีการผลิตรถยนต์ทั้งสิ้น 86,458 คัน เติบโตขึ้น 0.30% แบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 46,069 คัน คิดเป็น 53.28% ของยอดผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 40,389 คัน คิดเป็น 46.72% ของยอดผลิตทั้งหมด
สำหรับรถยนต์นั่งมีการผลิตทั้งสิ้น 21,843 คัน คิดเป็น 25.26% ของยอดผลิตทั้งหมด และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10.28% รถยนต์โดยสารขนาด 10 ตันขึ้นไปผลิตได้ 12 คัน ลดลง 52% รถยนต์บรรทุกผลิตได้ 64,603 คัน ลดลง 2.66% และรถกระบะขนาดต่ำกว่า 1 ตัน ไม่มียอดการผลิต
ส่วนรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดการผลิต 62,971 คัน คิดเป็น 72.83% ของยอดผลิตทั้งหมด ลดลง 2.11% แบ่งเป็นรถกระบะบรรทุก 29,707 คัน ลดลง 5.45% รถกระบะดับเบิลแค็บ 30,593 คัน เพิ่มขึ้น 12.30% รถกระบะ PPV 2,671 คัน ลดลง 52.89% รถบรรทุกต่ำกว่า 5 ตัน ผลิตได้ 519 คัน ลดลง 32.25% รถบรรทุกขนาด 5-10 ตัน ผลิตได้ 312 คัน เพิ่มขึ้น 17.29% รถบรรทุกมากกว่า 10 ตัน ผลิตได้ 801 คัน ลดลง 16.65%
ด้านตลาดส่งออกนั้นรถยนต์นั่งผลิตเพื่อการส่งออกได้ 12,551 คัน คิดเป็น 57.46% ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง โตเพิ่มขึ้น 34.35% รถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 33,518 คัน คิดเป็น 53.23% ของยอดผลิตรถกระบะ โตเพิ่มขึ้น 7.22% โดยแบ่งเป็นรถกระบะบรรทุก 9,627 คัน โต 16.89% รถกระบะดับเบิลแค็บ 22,948 คัน โตขึ้น 14.54% รถกระบะ PPV 943 คัน ลดลง 68.47%
สำหรับตลาดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศนั้น รถยนต์นั่งมีการผลิต 9,292 คัน คิดเป็น 42.54% ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ลดลง 11.21% รถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 29,453 คัน คิดเป็น 46.77% ของยอดผลิตรถกระบะ ลดลง 10.93% โดยแบ่งเป็นรถกระบะบรรทุก 20,080 คัน ลดลง 13.38% รถกระบะดับเบิลแค็บ 7,645 คัน เพิ่มขึ้น 6.09% และรถกระบะ PPV 1,728 คัน ลดลง 35.50%
รถจักรยานยนต์ในเดือนมกราคมที่ผ่านมามีการผลิตทั้งสิ้น 283,747 คัน ลดลง 10.92% แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (ซีบียู) 159,563 คัน ลดลง 18.89% และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยาน ยนต์ (ซีเคดี) 124,184 คัน เพิ่มขึ้น 1.93%
ในส่วนของการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนมกราคม 2550 มีจำนวนทั้งสิ้น 40,708 คัน เพิ่มขึ้น 23.97% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 18,329.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.06% เครื่องยนต์มีมูลค่าการส่งออก 619.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.69% ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 7,388.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.71% อะไหล่รถยนต์มีมูลค่าการส่งออก 476.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.40% รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์ทั้งเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่มีมูลค่า 26,815.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.71%
การส่งออกรถจักรยานยนต์มีจำนวน 127,837 คัน (รวมซีบียูและซีเคดี) ลดลง 4.75% มูลค่า 1,636.12 ล้านบาท ลดลง 27.59% ชิ้นส่วนรถจักร ยานยนต์มีมูลค่าการส่งออก 1,122.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.40% อะไหล่รถจักรยานยนต์มีมูลค่าการส่งออก 32.62 ล้านบาท ลดลง 33.97% รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ 2,791.65 ล้านบาท ลดลง 10.70%
สำหรับรถยนต์นั่งมีการผลิตทั้งสิ้น 21,843 คัน คิดเป็น 25.26% ของยอดผลิตทั้งหมด และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10.28% รถยนต์โดยสารขนาด 10 ตันขึ้นไปผลิตได้ 12 คัน ลดลง 52% รถยนต์บรรทุกผลิตได้ 64,603 คัน ลดลง 2.66% และรถกระบะขนาดต่ำกว่า 1 ตัน ไม่มียอดการผลิต
ส่วนรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดการผลิต 62,971 คัน คิดเป็น 72.83% ของยอดผลิตทั้งหมด ลดลง 2.11% แบ่งเป็นรถกระบะบรรทุก 29,707 คัน ลดลง 5.45% รถกระบะดับเบิลแค็บ 30,593 คัน เพิ่มขึ้น 12.30% รถกระบะ PPV 2,671 คัน ลดลง 52.89% รถบรรทุกต่ำกว่า 5 ตัน ผลิตได้ 519 คัน ลดลง 32.25% รถบรรทุกขนาด 5-10 ตัน ผลิตได้ 312 คัน เพิ่มขึ้น 17.29% รถบรรทุกมากกว่า 10 ตัน ผลิตได้ 801 คัน ลดลง 16.65%
ด้านตลาดส่งออกนั้นรถยนต์นั่งผลิตเพื่อการส่งออกได้ 12,551 คัน คิดเป็น 57.46% ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง โตเพิ่มขึ้น 34.35% รถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 33,518 คัน คิดเป็น 53.23% ของยอดผลิตรถกระบะ โตเพิ่มขึ้น 7.22% โดยแบ่งเป็นรถกระบะบรรทุก 9,627 คัน โต 16.89% รถกระบะดับเบิลแค็บ 22,948 คัน โตขึ้น 14.54% รถกระบะ PPV 943 คัน ลดลง 68.47%
สำหรับตลาดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศนั้น รถยนต์นั่งมีการผลิต 9,292 คัน คิดเป็น 42.54% ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ลดลง 11.21% รถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 29,453 คัน คิดเป็น 46.77% ของยอดผลิตรถกระบะ ลดลง 10.93% โดยแบ่งเป็นรถกระบะบรรทุก 20,080 คัน ลดลง 13.38% รถกระบะดับเบิลแค็บ 7,645 คัน เพิ่มขึ้น 6.09% และรถกระบะ PPV 1,728 คัน ลดลง 35.50%
รถจักรยานยนต์ในเดือนมกราคมที่ผ่านมามีการผลิตทั้งสิ้น 283,747 คัน ลดลง 10.92% แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (ซีบียู) 159,563 คัน ลดลง 18.89% และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยาน ยนต์ (ซีเคดี) 124,184 คัน เพิ่มขึ้น 1.93%
ในส่วนของการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนมกราคม 2550 มีจำนวนทั้งสิ้น 40,708 คัน เพิ่มขึ้น 23.97% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 18,329.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.06% เครื่องยนต์มีมูลค่าการส่งออก 619.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.69% ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 7,388.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.71% อะไหล่รถยนต์มีมูลค่าการส่งออก 476.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.40% รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์ทั้งเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่มีมูลค่า 26,815.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.71%
การส่งออกรถจักรยานยนต์มีจำนวน 127,837 คัน (รวมซีบียูและซีเคดี) ลดลง 4.75% มูลค่า 1,636.12 ล้านบาท ลดลง 27.59% ชิ้นส่วนรถจักร ยานยนต์มีมูลค่าการส่งออก 1,122.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.40% อะไหล่รถจักรยานยนต์มีมูลค่าการส่งออก 32.62 ล้านบาท ลดลง 33.97% รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ 2,791.65 ล้านบาท ลดลง 10.70%
-
- Verified User
- โพสต์: 92
- ผู้ติดตาม: 0
แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ปี 2550
โพสต์ที่ 5
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารบริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด รายงานสภาพตลาดรถจักรยานยนต์เดือนแรกของปี 50 เปิดประเดิมด้วยยอดการจดทะเบียนของผู้ใช้จำนวน 150,672 คัน เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 101% แต่เติบโตขึ้นจากเดือนก่อนหน้าถึง 120% ในจำนวนนี้เป็นยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าจำนวน 106,229 คัน คิดเป็นสัดส่วนตลาด 71% เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 108% เมื่อแบ่งการจำหน่ายออกเป็นแต่ละประเภทพบว่า สัดส่วนตลาด 52% หรือจำนวน 77,925 คัน ยังคงเป็นเค้กก้อนใหญ่สำหรับรถครอบครัว ส่วนรถแบบ เอ.ที. มีสัดส่วนตลาดที่ 44% และรถยอดนิยมอันดับ 1 ประจำเดือน ม.ค. ยังคงเป็นเป็นฮอนด้า Wave 100 ที่จำนวน 46,963 คัน ส่วนรถยอดนิยมในกลุ่ม เอ.ที. อันดับ 1 ยังคงเป็นรุ่นฮอนด้าคลิก ที่จำนวน 25,926 คัน