เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมไปเดินดูงาน
10th Discovery Thailand & Discovery World 2007
ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต
เข้าไปสอบถามทัวร์ไปปักกิ่ง กับหนุ่มสาวทัวร์
พนักงานประจำบู๊ธพูดแบบภูมิใจ
ของเดือนมีนาคมและเมษายน เต็มหมดแล้วครับ
ส่วนนกแอร์ ใครอยากได้ตั๋วถูก
ก็ยืนต่อแถวรอ ไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง
ที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ภรรยาผมนัดเพื่อนไว้ตอนเที่ยงวันอาทิตย์
ปรากฏว่า เดินหาร้านอาหารจนเซ็ง
กว่าจะหาที่นั่งกินได้ ในร้านที่ไม่ค่อยมีคนเข้าอยู่แล้ว
ยิ่งฟูจิ นี่เป็นกรณีศึกษาจริงๆ
หนึ่งอาทิตย์หลังจากระเบิดตอนปีใหม่
วันเสาร์อาทิตย์
คนกินยังต้องนั่งรอคิว เหมือนเดิม
สรุปได้ว่า
คนมองโลกในแง่ดี
มักจะผ่อนคลายความเครียด
ด้วยวิธีการของตัวเอง
ส่วนคนมองโลกในแง่ร้าย
ก็เลือกที่นั่งเครียด นอนเครียด
"ในเรื่องที่อยู่นอกเหนือความควบคุมของตัวเอง"
ตอนฟองสบู่แตกปี 40
ผมและครอบครัวได้รับผลกระทบไม่มาก
เพราะสถาบันการเงิน ไม่ได้ล้มหมดทั้งระบบ
"ไม่มีหนี้
กระจายความเสี่ยงในการลงทุน
ไม่ว่าตลาดหุ้นหรือตลาดเงิน
ต้นทุนทางสังคมสูง"
คือคำตอบของการผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ
มีน้อยก็ใช้น้อย มีมากก็ใช้มาก
ไม่ใช่ มีน้อยใช้มาก มีมากใช้น้อย
แบบนั้นเรียกว่าเศรษฐกิจ ไม่รู้จักพอเพียงประมาณตน
จะก่อหนี้ ก็ต้องเป็นหนี้ที่ก่อรายได้
หนี้ที่ก่อเพื่อการบริโภค
ไม่เคยก่อเหมือนพวกรากแก้ว
ที่กำลังจะตายหยังเขียด
เพราะฝีมือการดึงต้นข้าวให้สูงขึ้น
ด้วยกองทุนสารพัดที่เอามาปรนเปรอ
เพื่อนผมซึ่งเป็นผู้จัดการภาคของบริษัทมอเตอร์ไซด์
ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยบอกว่า
ตอนี้ยอดขายของบริษัท
ลงไปต่ำพอๆกับช่วงฟองสบู่แตก
สำหรับคนที่ใช้เศรษฐกิจพอเพียง
แม้แต่หนี้ที่ก่อเพื่อการบริโภค
ก็ยังใช้บัตรเครดิตให้เป็นหนี้ที่ก่อรายได้
กินส่วนต่าง
ระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์สี่สิบห้าวัน
กับการจ่ายเงินสดเพื่อการบริโภคในทันที
:roll: :roll: :roll: :roll: :roll:
เรื่องเกียร์ว่าง
วันก่อนคุยกับเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นตำหนวดยศพลตำรวจตรี
เคยอยู่ในตำแหน่งสำคัญแถวๆ สุวรรณภูมิ
ตอนนี้หมุนเวียนตำแหน่ง
กลับเข้าประจำกอง แถวๆทุ่งมหาเมฆ
เขาบอกว่า ช่วงนี้สถานการณ์อึมครึม
แต่ผมใส่เกียร์ "ทำงานตามหน้าที่"
ไม่เข้าข้างฝ่ายไหนทั้งนั้น