วิกฤต เงินหยวน กระทบอะไรไทยบาท? ถ้าหยวนจะเลิกผูกกับ dollar
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 26, 2003 11:38 am
กาแฟดำ : เงินหยวนของจีน... เริ่มจะ หยวน แล้ว
ใครที่บอกว่าผู้นำจีน จะไม่มีวันยอมปรับค่าเงินหยวน ไม่ว่าใครจะกดดัน และโวยวายเพียงใด ก็เห็นจะต้องคิดใหม่แล้ว
แน่นอนว่า จีนจะไม่ยอมถูกมองว่าถูกมะกันหรือญี่ปุ่น บีบให้ต้องปรับค่าเงินหยวนให้แข็งขึ้น เพราะหลายประเทศบ่นดังๆ ว่า จีนจงใจทำให้เงินสกุล เหรินหมินบี้ ของตัวเองอ่อน จึงได้เปรียบในการส่งสินค้าไปแข่งขายกับคนอื่นในตลาดโลก
ผู้นำจีนตั้งแต่ประธานาธิบดี หูจิ่นเทา ถึงนายกรัฐมนตรี เวินเจียเป่า ที่ออกมาตระเวนเยี่ยมเยียนหลายประเทศในช่วงหลังนี้ ออกมาบอกแล้วว่าจีนจะทำเรื่องนี้ตามความจำเป็น และโดยการไตร่ตรองและพิจารณาของตัวเอง ใครจะมาบีบคั้นหรือกดดันไม่ได้
ตอนนี้ก็เริ่มทำอย่างเงียบๆ แล้ว เพราะเรื่องการ รักษาหน้า เป็นเรื่องใหญ่สำหรับจีน แต่แน่นอนว่า ผู้นำรุ่นใหม่นี้จะไม่ใช้อุดมการณ์หรือความดื้อรั้น มาเป็นแกนของนโยบาย
เพราะเขาต้องการจะค้าขายกับชาวโลก และต้องการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยน เพื่อให้เกิดความถูกต้องชอบธรรม
ดังนั้น จึงอย่าได้แปลกใจถ้าหากธนาคารแห่งชาติ หรือธนาคารกลางของจีน จะปรับเปลี่ยนจากการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนตายตัวกับดอลลาร์มะกัน มาเป็นการผูกกับเงินตะกร้าหลายสกุล และเพื่อสะท้อนว่าจีนกำลังค้าขายกับมากมายหลายประเทศในส่วนต่างๆ ของโลก เงินหยวน ของจีนก็อาจจะผูกกับตะกร้าถึง 10 สกุล
จากนั้นก็อย่าได้แปลกใจเช่นกันว่า ธนาคารกลางของจีนอาจจะประกาศว่าจีนจะผ่อนปรนอัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลหยวนเพิ่มเติม ด้วยการใช้ระบบ managed float หรือ ลอยตัวอย่างมีการบริหาร ซึ่งก็แปลว่าธนาคารกลางของเขา จะยอมปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนวันต่อวันผันแปรไปได้ตามตลาด แต่ก็จะเข้าไปแทรกแซงเป็นครั้งๆ เพื่อไม่ให้เกิดความผันผวนเกินเหตุ
หากจีนก้าวไปถึงระบบ managed float ก็ต้องถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งใหญ่ และต้องการจะเป็นส่วนสำคัญในระบอบเศรษฐกิจของโลก
นี่ไม่ใช่ข่าวโคมลอยเป็นแน่แท้ เพราะแนวทางนี้ได้รับการกล่าวขานในหนังสือพิมพ์ China Business Post ของจีน เมื่อต้นอาทิตย์นี้เอง
แม้จะไม่มีกรอบเวลาชัดเจนว่าความเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดได้เมื่อใด และเป็นประเด็นที่ได้รับความเห็นชอบจากระดับนำทางการเมืองของปักกิ่งแล้วหรือยัง แต่การมีข่าวออกมาในทำนองนี้ในสื่อของจีนเอง ก็ย่อมจะทำให้น่าเชื่อได้ว่านี่เป็นก้าวใหม่ที่สำคัญของนโยบายการเงินของจีน หลังจากที่เราได้รับทราบเสียงเรียกร้องจากหลายประเทศ และคำตอบโต้จากผู้นำจีนในเรื่องนี้
เพียงแค่ข่าวนี้บอกว่าทิศทางนี้กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษา และพิจารณาของระดับสูง ก็ทำให้เชื่อได้ว่าอะไรๆ ในระดับสูงของจีน กำลังจะได้เวลาเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งแล้ว
จีนกำหนดให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน กับดอลลาร์มะกันอยู่ที่ 8.3 มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1994 หรือเกือบ 10 ปีมาแล้ว ในช่วงนั้นแรงกดดันที่จะทำให้อัตราแลกเปลี่ยน มีความคล่องตัวก็ไม่ใคร่จะเป็นประเด็นนัก เพราะการค้าขายและลงทุนของจีนกับคนอื่น ยังอยู่ในระดับที่เพิ่งจะคึกคัก
แต่วันนี้ จีนเป็นตัวละครสำคัญของเวทีเศรษฐกิจโลก ไม่อาจจะเพิกเฉยต่อความเห็นและผลกระทบที่นโยบายของตัวเองมีต่อคนอื่นได้อีกต่อไปแล้ว
และเป็นการบอกกล่าวสำหรับรัฐบาลไทยและนักธุรกิจไทย ไม่ว่าจะมีส่วนเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนในจีนหรือไม่ก็ตาม นโยบายเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนของเงินหยวน ย่อมจะมีผลต่อเมืองไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในภาวะที่การทูตกับเศรษฐกิจและการเมืองผูกพันใกล้ชิดกันอย่างยิ่งเช่นนี้ ความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าวและถ้อยแถลงทุกประโยคล้วนต้องตีความให้กระจ่างและรอบด้านกันจริงๆ
ปีใหม่นี้จะได้เห็นบทบาทคล่องแคล่วและคึกคักของเงินหยวนของจีนอย่างค่อนข้างแน่นอน
ใครที่บอกว่าผู้นำจีน จะไม่มีวันยอมปรับค่าเงินหยวน ไม่ว่าใครจะกดดัน และโวยวายเพียงใด ก็เห็นจะต้องคิดใหม่แล้ว
แน่นอนว่า จีนจะไม่ยอมถูกมองว่าถูกมะกันหรือญี่ปุ่น บีบให้ต้องปรับค่าเงินหยวนให้แข็งขึ้น เพราะหลายประเทศบ่นดังๆ ว่า จีนจงใจทำให้เงินสกุล เหรินหมินบี้ ของตัวเองอ่อน จึงได้เปรียบในการส่งสินค้าไปแข่งขายกับคนอื่นในตลาดโลก
ผู้นำจีนตั้งแต่ประธานาธิบดี หูจิ่นเทา ถึงนายกรัฐมนตรี เวินเจียเป่า ที่ออกมาตระเวนเยี่ยมเยียนหลายประเทศในช่วงหลังนี้ ออกมาบอกแล้วว่าจีนจะทำเรื่องนี้ตามความจำเป็น และโดยการไตร่ตรองและพิจารณาของตัวเอง ใครจะมาบีบคั้นหรือกดดันไม่ได้
ตอนนี้ก็เริ่มทำอย่างเงียบๆ แล้ว เพราะเรื่องการ รักษาหน้า เป็นเรื่องใหญ่สำหรับจีน แต่แน่นอนว่า ผู้นำรุ่นใหม่นี้จะไม่ใช้อุดมการณ์หรือความดื้อรั้น มาเป็นแกนของนโยบาย
เพราะเขาต้องการจะค้าขายกับชาวโลก และต้องการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยน เพื่อให้เกิดความถูกต้องชอบธรรม
ดังนั้น จึงอย่าได้แปลกใจถ้าหากธนาคารแห่งชาติ หรือธนาคารกลางของจีน จะปรับเปลี่ยนจากการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนตายตัวกับดอลลาร์มะกัน มาเป็นการผูกกับเงินตะกร้าหลายสกุล และเพื่อสะท้อนว่าจีนกำลังค้าขายกับมากมายหลายประเทศในส่วนต่างๆ ของโลก เงินหยวน ของจีนก็อาจจะผูกกับตะกร้าถึง 10 สกุล
จากนั้นก็อย่าได้แปลกใจเช่นกันว่า ธนาคารกลางของจีนอาจจะประกาศว่าจีนจะผ่อนปรนอัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลหยวนเพิ่มเติม ด้วยการใช้ระบบ managed float หรือ ลอยตัวอย่างมีการบริหาร ซึ่งก็แปลว่าธนาคารกลางของเขา จะยอมปล่อยให้อัตราแลกเปลี่ยนวันต่อวันผันแปรไปได้ตามตลาด แต่ก็จะเข้าไปแทรกแซงเป็นครั้งๆ เพื่อไม่ให้เกิดความผันผวนเกินเหตุ
หากจีนก้าวไปถึงระบบ managed float ก็ต้องถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายครั้งใหญ่ และต้องการจะเป็นส่วนสำคัญในระบอบเศรษฐกิจของโลก
นี่ไม่ใช่ข่าวโคมลอยเป็นแน่แท้ เพราะแนวทางนี้ได้รับการกล่าวขานในหนังสือพิมพ์ China Business Post ของจีน เมื่อต้นอาทิตย์นี้เอง
แม้จะไม่มีกรอบเวลาชัดเจนว่าความเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดได้เมื่อใด และเป็นประเด็นที่ได้รับความเห็นชอบจากระดับนำทางการเมืองของปักกิ่งแล้วหรือยัง แต่การมีข่าวออกมาในทำนองนี้ในสื่อของจีนเอง ก็ย่อมจะทำให้น่าเชื่อได้ว่านี่เป็นก้าวใหม่ที่สำคัญของนโยบายการเงินของจีน หลังจากที่เราได้รับทราบเสียงเรียกร้องจากหลายประเทศ และคำตอบโต้จากผู้นำจีนในเรื่องนี้
เพียงแค่ข่าวนี้บอกว่าทิศทางนี้กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษา และพิจารณาของระดับสูง ก็ทำให้เชื่อได้ว่าอะไรๆ ในระดับสูงของจีน กำลังจะได้เวลาเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งแล้ว
จีนกำหนดให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน กับดอลลาร์มะกันอยู่ที่ 8.3 มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1994 หรือเกือบ 10 ปีมาแล้ว ในช่วงนั้นแรงกดดันที่จะทำให้อัตราแลกเปลี่ยน มีความคล่องตัวก็ไม่ใคร่จะเป็นประเด็นนัก เพราะการค้าขายและลงทุนของจีนกับคนอื่น ยังอยู่ในระดับที่เพิ่งจะคึกคัก
แต่วันนี้ จีนเป็นตัวละครสำคัญของเวทีเศรษฐกิจโลก ไม่อาจจะเพิกเฉยต่อความเห็นและผลกระทบที่นโยบายของตัวเองมีต่อคนอื่นได้อีกต่อไปแล้ว
และเป็นการบอกกล่าวสำหรับรัฐบาลไทยและนักธุรกิจไทย ไม่ว่าจะมีส่วนเกี่ยวกับการค้าและการลงทุนในจีนหรือไม่ก็ตาม นโยบายเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนของเงินหยวน ย่อมจะมีผลต่อเมืองไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในภาวะที่การทูตกับเศรษฐกิจและการเมืองผูกพันใกล้ชิดกันอย่างยิ่งเช่นนี้ ความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าวและถ้อยแถลงทุกประโยคล้วนต้องตีความให้กระจ่างและรอบด้านกันจริงๆ
ปีใหม่นี้จะได้เห็นบทบาทคล่องแคล่วและคึกคักของเงินหยวนของจีนอย่างค่อนข้างแน่นอน