Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

วันนี้ได้ไปฟังสัมมนามา  วิทยากรประกอบด้วย ดร.นิเวศน์  คุณมนตรี คุณวิบูลย์ และอีกท่านหนึ่งน่าจะชื่อ วิสิฐฏ์(หรือเปล่า)  สามท่านแรกพูดได้ดีมาก  ส่วนท่านหลังก็ดีเหมือนกันครับและคงจะถูกอกถูกใจผู้ฟังแนว trader  เพราะท่าน trade ค่อนข้างบ่อยมาก

ผมลองสรุปความเห็นของดร.ดูนะครับ เพราะท่านไม่ยอมมาโพสท์ในเว็บ  ส่วนอีกสองหนุ่มหล่อนั้น  ผมไม่สรุปครับ  เพราะทั้งสองท่านเข้าเว็บบ่อยอยู่แล้วอ่ะ  อิอิอิ

หลักๆ  ดร.บอกว่า  ให้เลือกหุ้นที่อยู่ในระดับ  great  และซื้อในช่วงที่

1. ตลาดหุ้นซบเซา
2. อุตสาหกรรมนั้นไม่ค่อยดี
3. บริษัทนั้นประสบปัญหาบางอย่าง

ทั้งสามข้อนี้แม้มีเพียงข้อใดข้อหนึ่งก็ถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อ   และถ้าโชคดีมากๆคือไปเจอทั้งสามข้อรวมกันก็ยิ่งดีไปใหญ่  เพราะมักจะซื้อได้ในราคาที่ถูกมากๆ

หลักๆก็เท่านี้ครับ  ผมนั่งนึกนั่งฝันตามก็ได้ความว่า  อืม........เป็นสุดยอดวิชาจริงๆครับ   ง่ายๆ  สบายๆ แต่มีประสิทธิภาพสูงมาก   โอกาสพลาดจากวิธีนี้มีน้อยจริงๆในขณะที่โอกาสประสบผลสำเร็จมีสูงมาก

เอ๊ะ.....ทำไมดูไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรเลย  

อืม......คงจะเข้าทำนอง  เมื่อบรรลุถึงสุดยอดวิชา  ยอดวรยุทธก็เก็บงำประกายได้มิดชิด  ดูแล้วก็ไม่มีอะไรปรุงแต่งให้มากเกินไป  เรียบๆ ง่ายๆ  ที่ชาวยุทธจักรเรียกว่า  สูงสุดยอดสู่สามัญนั่นเอง

ผมนับถือแนวคิดของ ดร.นิเวศน์มากครับ

และถ้ามองดีๆก็จะพบว่า  แนวคิดนี้  ตรงกันเป็นอย่างยิ่งกับของ  บัฟเฟตต์ ๆ บอกว่า  ซื้อหุ้นที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน  และถือไว้ตราบนานเท่าที่บริษัทยังดีอยู่

หุ้น great  ก็ต้องนับได้ว่าเป็นหุ้นที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืนเช่นกัน  เพราะไม่อย่างนั้นจะเรียกว่า great  ได้อย่างไร

อย่างหุ้นธนาคารในบ้านเรา   ท่านบอกว่ายังไม่ถึงขั้น great  แค่อยู่ในขั้น good  เท่านั้นเอง  เหตุผลเพราะว่า  ธนาคารบ้านเรายังไม่มีตัวใดตัวหนึ่งที่ยิ่งใหญ่เพียงพอที่จะผูกขาดความได้เปรียบต่างๆ  ธนาคารอันดับที่ 2 , 3 , หรือ 4  ก็อยู่ในขนาดที่ไล่ๆกัน  ไม่ได้ทิ้งกันห่างแต่อย่างไร  ธนาคารใดสามารถคิดกลยุทธ์ใหม่ๆได้  ก็จะได้แค่ระยะหนึ่ง  อีกสักพักธนาคารที่เหลือก็จะทำได้เหมือนกัน   อืม.....จริงด้วยแฮะ

ถามว่า ณ.ปัจจุบันมีหุ้นอะไรเป็นหุ้น great  บ้างสำหรับตลาดเมืองไทย   ท่านบอกว่า  หุ้นโมเดิร์นเทรด  เป็นหุ้น great ผมฟังแล้วก็คล้อยตาม  เพราะผมเองก็เชื่อว่าด้วยโมเดลทางธุรกิจของโมเดิร์นเทรดนั้น  มีความได้เปรียบ traditiontrade เป็นอย่างมาก  เพราะไปสอดคล้องกับพฤติกรรมมนุษย์  และเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น  แต่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วทั่วโลก  และผมก็เชื่อเช่นเดียวกันว่า  โมเดิร์นเทรด  จะยิ่งใหญ่ต่อไปอีกอย่างน้อยเป็นสิบๆปี

อา..........การไปฟังงวดนี้ช่างคุ้มค่ายิ่งนัก

แต่ช้าก่อน  เมื่อผมกลับมาถึงบ้านและได้พูดคุยกันกับแฟนผม(ซึ่งไปฟังมาเหมือนกัน)  เอ๊ะ.......มีข้อสงสัยแฮะ........ท่านดร.คงไม่มาตอบ  แต่เพื่อนๆที่ได้ไปฟังมาจะกรุณาตอบก็จะเป็นพระคุณครับ

1. ทำไมโมเดิร์นเทรด  ถึงเป็นหุ้น great  ในเมื่อ คู่แข่งอันดับ 2  3  หรือ 4  ก็ไล่ๆกัน  อันดับ 1  ทำอะไรได้  อันดับ 2  3  4  ก็ทำได้เช่นกัน  ทำไมไม่เป็นแค่ขั้น  good

2. หุ้น great ที่โตเต็มที่แล้ว(ตัวไหนที่ยังโตไม่เต็มที่ย่อมน่าสนใจ เพราะยังโตได้อีกมาก)ก็จะเปลี่ยนจากหุ้นเติบโต  ไปเป็นหุ้นแข็งแกร่ง  หรือไม่  ซึ่งผมมองว่าหุ้นเติบโตนั้นน่าสนใจกว่าหุ้นแข็งแกร่ง

3. ดังนั้นที่ ดร.บอกว่า  ให้เลือกหุ้นที่อยู่ในระดับ  great  นั้น  จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องเพิ่มคำว่า growth เข้าไปด้วย

[quote="สามัญชน"]แต่ช้าก่อน

[quote="สามัญชน"]
2. หุ้น great ที่โตเต็มที่แล้ว(ตัวไหนที่ยังโตไม่เต็มที่ย่อมน่าสนใจ เพราะยังโตได้อีกมาก)ก็จะเปลี่ยนจากหุ้นเติบโต

[quote="สามัญชน"]
3. ดังนั้นที่ ดร.บอกว่า

วันนี้ได้เจอน้อง Kao ผู้ที่เคยบริจาคเงินให้โรงบาลพี่หนึ่งหมื่นบาท  และได้ขอบคุณ น้อง Kao ด้วยตัวเองไปแล้ว

ยังเหลือคุณ Accidental Hero
คุณ  CopyWriter  ที่ยังไม่ได้ขอบคุณด้วยตนเองครับ

AOT นี่เข้าข่าย Great ที่กำลังเจอปัญหาหรือเปล่าครับ ???  :D

[quote="สามัญชน"]วันนี้ได้เจอน้อง Kao ผู้ที่เคยบริจาคเงินให้โรงบาลพี่หนึ่งหมื่นบาท

ขออนุญาตแสดงความเห็นนะครับ ผมชอบหุ้นที่เป็น Better มากกว่า Good หรือ Great ครับ เพราะฟังแล้วดูสบายใจดีกว่าครับ เพราะ Better จะเป็นหุ้นที่ยังโตต่อเนื่อง หรือหลายท่านบอกว่าต้องมี Growth ครับ  แต่ถ้ามองว่าธุรกิจดีแล้ว หรือดีจนถึงที่สุดแล้ว ตรงนี้ฟังแล้วเหมือนจะมีอะไรปรับปรุงเพิ่มมูลค่าเพิ่มชักจะไม่ค่อยได้ หรือทำได้ยากขึ้น เหมือนดีแล้วจนมีโอกาสที่ธุรกิจจะอยู่บนดอยหนาว ๆ ยังไงชอบกลครับ อิ อิ  :lol:

เพราะถ้าขาดซึ่ง Growth แล้ว ในระยะยาวตามทฤษฎีของ Boston Model มันมีโอกาสจากหุ้นที่เป็น Cash cow ตกไปเป็น Dog ได้ ถ้ามันไม่โต

ถ้าหากเลือกได้ อยากเลือกหุ้นที่อยู่ในกลุ่มที่เป็น Star ครับ เพราะเติบโตในอุตสาหกรรมกรรมที่เป็นดาวรุ่ง ซึ่งอัตราการเติบโตของตลาดที่ค่อนข้างสูง และบริษัทมี Market Share ที่สูงด้วย แถมกำไรในรูปกระแสเงินสดก็สูงมาก และมีโอกาสที่จะขยายตัวสูงเพิ่มขึ้นในอนาคตอีกมากครับ

Accidental Hero เขียน: ยินดีที่ได้ทำบุญร่วมกันครับ ผมบริจาคเล็กน้อยเพียง 1000 บาทเอง
ตอนนี้ท่านประธานย้ายมาอยู่ โรงพยาบาลอะไรครับ
ถ้ามีโอกาสจะได้ไปทำบุญอีก
หลังไมค์ก็ได้ครับ

ตอนนี้ลาออกจากราชการมาเล่นหุ้นอย่างเดียวแล้วครับ  เงินบริจาคของคุณ Accidental Hero ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นเครื่องมือแพทย์แล้วและ น่าจะเกิดประโยชน์กับชาวบ้านมากเหมือนกันครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ      

สวัสดีคับ พี่หมอ ได้เห็นพี่ด้วยแต่เขิน ไม่กล้าเข้าไปทักท่านประธาน ขอแซวหน่อยนะคับ อิอิ เอ่ะพี่หมอไม่ได้ไปกับแฟนพี่เหรอคับ (พูดเหมือนแยกกันไป ล้อเล่นคับ อิอิ) แล้วก็ตอนนี้มาเล่นหุ้นอย่างเดียวแล้วเหรอคับ พี่ โห อิจฉาฮะ

ผมขอสรุปจากที่ไปฟังมาด้วยนะคับ

อาจารย์นิเวศน์บอกว่า
ให้เลือกสองข้อคือ หุ้นตัวไหนที่เราสนใจ และ เวลาที่จะเข้าลงทุน ให้เป็นในช่วงสามข้อที่พี่หมอบอก หรือง่ายๆคือราคาต่ำกว่า มูลค่าของหุ้น เพื่อให้มี Margin of Safety มากขึ้นคับ (อ่านในหนังสือ Value Way, ชนะอย่างเต่า เองนะคับ)
แล้วก็ดู Trend ในอนาคตว่าบริษัทน่าจะเติบโตและคงอยู่ได้ดีหรือป่าว เรื่องตัวเลขในงบการเงิน ดูนิดหน่อยเท่านั้นคับ

ที่สำคัญต้องทำตามกฎในทุกกรณีคับ อย่าไปตามอารมณ์ตลาด  8)

พี่มนบอกว่า
มูลค่าหุ้นกับราคาหุ้นนั้นไม่เหมือนกัน ให้หาของดีราคาถูก ให้ดูเรื่องจิตวิทยาการลงทุนคับ ให้ดูอนาคตธุรกิจ 5-10 ปีที่ผ่านมาเป็นยังไงในอนาคตจะเป็นยังไง ดูงบการเงิน(นิดหน่อย)ว่า สร้างเงินสดได้ดีมั้ย หนี้เยอะมั้ย มีกำไรป่าว ปันผลเป็นไง และหามูลค่าหุ้นเอา ขายที่ราคาเกินพื้นฐาน ซื้อที่ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน ที่สำคัญต้องมีความอดทนคับ

พี่วิบูลย์บอกว่า
สิ่งที่สำคัญคือต้องเข้าใจธุรกิจนั้นให้ลึกซึ้งแล้วค่อยมาดูราคา จะลดความเสี่ยงและความกลัวได้ แต่ถ้าดูผิดต้องทิ้งเลยแล้วเอามาเป็นบทเรียนคับ
เราไม่สามารถกำจัดความเสี่ยงได้แต่เราสามารถจำกัดมันได้คับ (คมมะ)  :roll:

อาจารย์วิศิษฐ์บอกว่า
(แกจะเน้นไปดู Economics และ Fund Flow ของโลกมากหน่อย (ไม่รู้ว่ามาผิดงานหรือป่าว ฮ่าๆๆ)) แต่ก็ได้ความรู้นะคับ เช่นเรื่อง Interest Rate, Bond, Retained Earning, Share Capital, BV ฯลฯ คร่าวๆคือฟังๆเศรษฐกิจโลกไว้บ้าง และให้ดูเป็นรายตัวโดยใช้ตัวเลขและสถิติต่างๆคับ (ส่วนตัวคิดว่าไม่ค่อยจะเป็น Value Way นะ)

ปล ผิดถูกอย่างไรเพื่อนๆที่ไปฟังช่วยแย้งด้วยคับ ขอบคุณคับ

[quote="สามัญชน"] ตอนนี้ลาออกจากราชการมาเล่นหุ้นอย่างเดียวแล้วครับ

ply33 เขียน:สวัสดีคับ พี่หมอ ได้เห็นพี่ด้วยแต่เขิน ไม่กล้าเข้าไปทักท่านประธาน ขอแซวหน่อยนะคับ อิอิ เอ่ะพี่หมอไม่ได้ไปกับแฟนพี่เหรอคับ (พูดเหมือนแยกกันไป ล้อเล่นคับ อิอิ) แล้วก็ตอนนี้มาเล่นหุ้นอย่างเดียวแล้วเหรอคับ พี่ โห อิจฉาฮะ

ไม่กล้าทักเพราะตัวจริงไม่หล่อเหมือนศรรามใช่มะ  อิอิ  
ไปกับแฟนครับ แฮ่ ๆ
แต่ไม่ต้องอิจฉานะครับ  เพราะยังไม่ชัวร์นัก  ถ้าวันใดเกิดเจ๊งหุ้นหมดตัว  วันนั้นอาจจะต้องไปรับจ็อบตามโรงบาลเอกชนขรับ  :oops:

thawattt เขียน: เพราะถ้าขาดซึ่ง Growth แล้ว ในระยะยาวตามทฤษฎีของ Boston Model มันมีโอกาสจากหุ้นที่เป็น Cash cow ตกไปเป็น Dog ได้ ถ้ามันไม่โต

นั่นสิครับ เห็นด้วยเลยครับ

[quote="สามัญชน"]
หลักๆ

ขอบคุณครับที่พี่สามัญชน มาเล่าให้น้องๆฟังครับ

1. ตลาดหุ้นซบเซา
2. อุตสาหกรรมนั้นไม่ค่อยดี
3. บริษัทนั้นประสบปัญหาบางอย่าง

เป็นหลักในหนังสือ the new buffetology ครับ หมอ ซึ่งก็คงเป็นหลักทั่วไป

1. Stock market Corrections and panics
2. Industry Recession
3. Individual Calamity
4. Structural Changes

ดร.แกร่ำรวย ตอนปี 40 คนไม่มีเงิน ตลาดหุ้นซบเซาอย่างหนัก แต่แกมี 10 ล้านบาทครับ แกเหนือคนอยู่แล้ว

คนมี 10 ล้าน มีเยอะ แต่คนที่กล้าซื้อหุ้นตอนที่แกซื้อมีน้อย แต่ก็ไม่ใช่ไม่มีนะครับ เสี่ยยัก หลานเสี่ยยัก และอื่นๆ ก็ซื้อครับ

เพราะฉะนั้น ข้อ 1. ที่เป็น ตลาดหุ้นตกต่ำ ผมว่า ต้องเป็น Stock market Corrections and panics เช่นซื้อตอน เกิดระเบิดครับ

อิอิ

หวัดดีครับพี่เจ๋ง. คิดว่าจะทิ้งน้องนุ่งเสียแหละ

ที่ดร.มีเงินตอนปี40ก็เห็นว่าเป็นเงินกู้มาหรือเปล่าครับ เพราะตอนนั้นเห็นว่าต้องจำนองบ้านอยู่

แต่สำหรับคนอย่างผมที่ใส่เงินเข้าไปเต็มร้อยและเพิ่มเข้าไปเกือบทุกเดือน ถ้าเกิดสงครามใหญ่มาคงทำใจยากพอดูเลยครับกับพอร์ตที่ต้องหายไปหลายสิบเปอเซ็งหรือเกือบครึ่ง

ขอให้เป็นแบบ3ข้อที่ว่าเกิดปัญหาทีละกลุ่มดีกว่าครับ จะได้โยกพอร์ตทัน

อ้อ........ลืมไปครับ  มีคำถามเด็ดถามดร.ด้วยครับ

ถามว่า ณ.ตอนนี้มีหุ้นอะไรน่าซื้อบ้าง

ดร.ตอบว่า  กลุ่มโมเดิร์นเทรดที่ราคายังไม่ขึ้นนี่แหละที่น่าสนใจครับ  ลองไปหาดูกันนะครับว่าตัวไหนที่ยังไม่ขึ้น  อิอิอิ

[quote="สามัญชน"]อ้อ........ลืมไปครับ

Jeng เขียน: เป็นหลักในหนังสือ the new buffetology ครับ หมอ ซึ่งก็คงเป็นหลักทั่วไป

หวัดดีครับพี่เจ๋ง  ดีใจที่ยังอยู่ในเว็บครับ   :lol:

ในวันสัมนานั้น  มีวิทยากรอีกท่านหนึ่งซึ่งก็คือท่านที่สี่นั่นแหละ  ท่านนั้นท่านชอบเรื่องยากๆ  ยิ่ง advance มากๆท่านยิ่งชอบ  ท่านเก็บข้อมูลละเอียดมาก  และเก็บมาเป็นสิบๆปี  ไม่ว่าจะเรื่องการไหลเข้าไหลออกของเงิน  แนวโน้มค่าเงิน  และอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด

โดยธรรมชาติของปุถุชนทั่วๆไป(ไม่ได้หมายถึงพี่เจ๋งนะครับ  เพราะพี่เจ๋งนั้นอยู่ในระดับยอดฝีมืออยู่แล้ว)  มักจะมองข้ามวิธีง่ายๆไปอย่างง่ายๆ  และจะยกย่องวิธีที่ยากๆ ยิ่ง advance มากๆก็ยิ่งชอบ  เพราะมีความ "ขลัง" อยู่ในตัว

แต่เชื่อไหมครับว่า  กฎ 80/20 ยังใช้ได้เสมอ  

วิธีที่ซับซ้อนมากๆไม่ได้รับประกันว่าผลที่ออกมาจะดีมากๆ   หลายๆท่านทำงานหนัก 80 ส่วน เพียงเพื่อที่จะได้ผลตอบแทน 20 ส่วน หรือบางทีได้แค่ 5 ส่วนด้วยซ้ำ

หลายๆท่านใช้วิธีง่ายๆ   แต่เป็นวิธีที่ทรงประสิทธิภาพ  เขาอาจจะเหนื่อยแค่ 20 ส่วน  แต่ผลงานออกมามากถึง 80 ส่วน

ตามความเห็นผมนั้น  วิธีง่ายๆ เรียบๆ ไม่ซับซ้อน ของดร. นั้น ลงแรงเพียง 5-10 ส่วนด้วยซ้ำ แต่ได้ผลผลิตมากถึง 90 ส่วนเลยทีเดียว   :lol:  :lol:


นี่แหละ  สุดยอดวิชา   สูงสุดสู่สามัญ.......

เห็นด้วยครับ คุณหมอ เท่าที่เจอดร.นิเวศน์ แกไม่ได้วิเคราะห์อะไรมากหรอก คิดว่าดี แกก็ซื้อแล้วถือ

เหอๆ

[quote="สามัญชน"]

วิธีที่ซับซ้อนมากๆไม่ได้รับประกันว่าผลที่ออกมาจะดีมากๆ

แวะมาหวัดดีพี่หมอศรรามครับ  8)  ...

Jeng เขียน:เห็นด้วยครับ คุณหมอ เท่าที่เจอดร.นิเวศน์ แกไม่ได้วิเคราะห์อะไรมากหรอก คิดว่าดี แกก็ซื้อแล้วถือ

เหอๆ

ดร.นิเวศน์ คงทำเหมือนวอร์เรนนะครับ คือดูมานานแล้ว คิดไปคิดมาหลายรอบ เวลาวิ่งก็คิด เวลาไปกินข้าว ไปเที่ยว จะทำอะไรก็คิด พอมันถูกก็ซื้อเลย  

ได้ความรู้มากเลยครับ แสดงว่าสุดยอดวิชาอาจเรียบง่ายกว่าที่เราคิด

[quote="metro"]AOT นี่เข้าข่าย Great ที่กำลังเจอปัญหาหรือเปล่าครับ ???

ได้คำตอบแล้วครับ

พี่หมอครับ ในเวบของเราก็มี

http://www.thaivi.com/article/value-inv ... mpany.html