Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

คือผมเพิ่งหัดลงทุนนะครับ พยามจะเป็นVI ที่ดีให้ได้ แต่พอเลือกหุ้นเข้าพอร์ตมาได้ปุ๊บ เป็นตัวที่เราคาดว่าดีแล้ว พยามพิจารณาจากงบการเงินคร่าวๆ แต่พอเลือกเข้าพอร์ตปุ๊บก็แดงทันที

เลยไม่รู้จะทำไงดี พยามคิดว่าหุ้นที่เราเลือกดีแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้ความมั่นใจแบบนั้นมาทำลายตัวเอง ก็จะเปลี่ยนใจไม่ทัน กรณีทีหุ้นมันไม่ดี



ตัวที่เลือกนะ PSL ครับ ดูทีท่ามา3-4 วันน่าไปดี แต่พอซือปุ๊บก็ตกปั๊บเล่นเอาทำใจไม่ได้เลยครับ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร

เป็นกำลังใจให้กับผู้ที่เพิ่งเดินเข้าสู่ถนนสายการลงทุนครับ

ลองถามตัวเองดูนะครับว่า ซื้อตัวนี้เพราะอะไร

คิดว่ามูลค่าต่อหุ้นที่แท้จริงเป็นเท่าไร

ตอนนี้ยังคิดอย่างนั้นอยู่หรือไม่

ถ้ายังคิดอยู่ก็ถือต่อไปจนราคาขึ้นไปเท่ากับหรือเหนือกว่ามูลค่า

แต่ถ้าคิดว่ามูลค่าที่แท้จริงต่ำกว่าราคาตอนนี้ ก็ตัดใจขายแล้วหาหุ้นตัวใหม่ที่ดีกว่านี้ครับ

ป.ล. ผมก็มือใหม่นะครับ ไม่เชื่อดูนี้

ll
ll
ll
V

ขอบคุณครับ

ผมก็พยายามเชื่อมั่นในหุ้นที่เลือก ผมเลือกเพราะคิดว่าดูข้อมูลมาพอสมควร ยังไงก็คิดว่าต้องใหเวลาบ้าง เพราะเพิ่งซื้อมาสองวันเอง

แต่มันแดงมากก็ทำใจแป้วเหมือนกันครับ

เคยผ่านช่วงนั้นมาเหมือนกันครับ แต่ถ้าเราคิดว่าบริษัทมั่นคงและมูลค่าน่าจะไปได้อีกไกล ก็ต้องเชื่อมั่นครับ  :lol:

ถ้ากังวล นอนไม่หลับ ความเครียดเพิ่ม แนะนำให้ขาย
ถ้าเห็นแดงๆ แล้วสบายใจก็ถือต่อ

ถือหุ้นไม่สบายใจก็ขาย อันนี้หลักของพี่มนใช้งานได้เสมอ
ถ้าถือแล้วสบายใจเจอคนเคาะประตูอีกเกือบ 500 คนถามพี่วิบูลย์ต่อล่ะกัน

แนะนำด้านการเข้าซื้อให้นะครับว่า

เวลาซื้ออย่าซื้อทีเดียวหมด (นักลงใหม่ๆ ชอบเป็น  แต่ก่อนผมก็เป็น)
ควรแบ่งเป็นหลายๆ ไม้   เพราะคุณยังไม่รู้นิสัยหุ้นตัวนั้นด้วย
เช่น  สมมุตมี 1 ล้านบาทต้องการซื้อหุ้นตัวนึง 500000 บาท
คุณก็ควรจะเริ่มซื้อสัก 50000-100000 บาทก่อน  ไม่ใช่ซื้อทีเดียว 250000 หรือ 500000 บาทเลย  เพราะ เมื่อมีแรงเงินอัดเข้ามา  ราคามันอาจจะหนีไปครับ

แล้วเวลาซื้อให้ซื้อเป็นปิรามิดหงาย   คือซื้อนิดหน่อยก่อน  พอลงมาแล้วคุณคิดว่าพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง  ก็ซื้อเบิ้ลเข้าไป

ขอบคุณทุกความเห็นครับ

ผมยังเชื่อมั่นในหุ้นที่เลือกครับ ถึงแดงก็ยังรู้สึกว่ามีคนซื้อน่าจะดีกว่ามีแต่คนขาย

ขอบคุณคำแนะนำให้ค่อยๆซื้อครับ คือผมเล่นซื้อรวดเดียวพอมันแดงก็รู้สึกเสียวเลยครับ

แนะนำด้านการเข้าซื้อให้นะครับว่า

เวลาซื้ออย่าซื้อทีเดียวหมด (นักลงใหม่ๆ ชอบเป็น  แต่ก่อนผมก็เป็น)
ควรแบ่งเป็นหลายๆ ไม้   เพราะคุณยังไม่รู้นิสัยหุ้นตัวนั้นด้วย
เช่น  สมมุตมี 1 ล้านบาทต้องการซื้อหุ้นตัวนึง 500000 บาท
คุณก็ควรจะเริ่มซื้อสัก 50000-100000 บาทก่อน  ไม่ใช่ซื้อทีเดียว 250000 หรือ 500000 บาทเลย  เพราะ เมื่อมีแรงเงินอัดเข้ามา  ราคามันอาจจะหนีไปครับ

โห้คุณ prasits ซื้อเยอะจัง

ผมซื้อทีละ 1000 2000 เองครับ แบบว่าเงินน้อย อิอิ

แนะนำให้ "รอ" ครับ
ถ้าเราคิดมาดีและมั่นใจในบริษัทที่เลือกมาแล้วละก็
ให้เวลาแก่บริษัทที่เราเป็นเจ้าของแสดงศักยภาพในการทำกำไรออกมา
เดี๋ยวหุ้นมันก็ขึ้นไปเองครับ

ส่วนเรื่องการเข้าซื้อแล้วแต่่สไตล์แต่ละคนครับ  เพราะการทยอยซื้อเป็นไม้ๆ  ถ้าเจอหุ้นประเภทพุ่งไม่หยุด  เราก็เสียโอกาสในการเก็บของถูกได้นะครับ

สำหรับ PSL มันเป็นหุ้นวัฏจักร  รายได้ผันผวนตาม demand โลก  ขึ้นแรงได้  ก็ลงได้แรง  ต้องระวังระดับนึงครับ

ผมว่า ต้องมองดูให้ดีนะครับ
เพราะหลายๆ ครั้ง ราคาหุ้นมันขึ้นมารอผลประกอบการไว้แล้ว
หรือที่เรียกว่า รับรู้ข่าวดีไปล่วงหน้าหมดแล้ว
โอกาสที่จะถูกมือดีที่เก็บมาตั้งแต่ต้นทุนต่ำ ทยอยขายออกทำกำไร
ปล่อยให้เรามีโอกาสไปติดบนยอดดอยก็จะมีไม่น้อย

อันนี้ ผมหมายถึงกรณีทั่วๆ ไป ไม่ได้เจาะจงหุ้นที่คุณถืออยู่นะครับ



ส่วนถ้าเป็นหุ้น VI พื้นฐานดีมากมาก
ส่วนมากจะไม่ค่อยมีคนทำราคา
ถ้าเกิดเราจะไปเจอตอนที่ราคาถูกกว่ามูลค่า
แล้วเกิดราคามันไหลลงโดยไม่มีสาเหตุที่เหมาะสม
ท่านว่า ให้ทยอยเก็บครับ

ประมาณว่า ผลประกอบการดีขึ้น ดีขึ้น
แต่ราคาถูกลง ถูกลง
อย่างนี้ ถ้าวิเคราะห์ไว้ถูกและดีแล้ว
ก็ต้องมั่นใจตัวเองเข้าไว้ครับ ว่า มันต้องดีแน่ เพียงแต่ต้องรอหน่อย
(อันนี้ ผมลอกความคิดมาจากท่านคลายเครียด ของสำนัก Temple Boxing นะครับ ต้องให้เครดิตเจ้าของความคิดไว้นะที่นี้ด้วย)

cryptonian_man เขียน:ขอบคุณทุกความเห็นครับ

ผมยังเชื่อมั่นในหุ้นที่เลือกครับ ถึงแดงก็ยังรู้สึกว่ามีคนซื้อน่าจะดีกว่ามีแต่คนขาย

ขอบคุณคำแนะนำให้ค่อยๆซื้อครับ คือผมเล่นซื้อรวดเดียวพอมันแดงก็รู้สึกเสียวเลยครับ

ผมยังมือใหม่นะครับ เลยขอแนะนำแบบมือใหม่ละกัน(ฟังหูไว้หูนะ)
การที่คุณเชื่อมั่นในหุ้นที่เลือกแล้วราคาหุ้นตัวนั้นลง คุณก็ไม่หวั่นไหวเป็นสิ่งที่ดีแล้วครับ
แต่อย่าให้ความเชื่อมั่นกลายเป็นความงมงาย ปล่อยประละเลย ไม่ติดตามดูพื้นฐานของธุรกิจหรือปัจจัยด้านคุณภาพอื่นๆ ซึ่งได้เข้ามากระทบทำให้ราคาหุ้นเปลี่ยนไป
แต่ถ้าคุณพบว่าสาเหตุที่ลงไม่มีแน่ๆ หรือเป็นปัจจัยชั่วคราวที่ไม่มีนัยสำคัญกับบริษัท ก็เป็นโอกาศที่คุณจะซื้อเพิ่มแล้วครับ  :twisted:

กรณีนี้ สมมุติเล่นๆ นะครับ ว่า ผลประกอบการณ์ Q1 และ Q2 จะดีกว่าเดิมเนื่องจากส่วนใหญ่แล้ว เรือพวกนี้จะรับงานล่วงหน้า  แต่ว่า ค่าระวางเรือกลับหัวลง ราคาหุ้นจะไปทางไหน หรอครับ
คนส่วนใหญ่คิดยังไงครับ ถ้ามีอยู่จะขายออกมามั๊ยครับ  :?:  หรือว่าถ้าไม่มีจะเข้ารับรับเล่นข่าวผลประกอบการมั๊ย  :?

[quote="Onokung"]กรณีนี้ สมมุติเล่นๆ นะครับ ว่า ผลประกอบการณ์ Q1 และ Q2 จะดีกว่าเดิมเนื่องจากส่วนใหญ่แล้ว เรือพวกนี้จะรับงานล่วงหน้า

cryptonian_man เขียน:คือผมเพิ่งหัดลงทุนนะครับ พยามจะเป็นVI ที่ดีให้ได้ แต่พอเลือกหุ้นเข้าพอร์ตมาได้ปุ๊บ เป็นตัวที่เราคาดว่าดีแล้ว พยามพิจารณาจากงบการเงินคร่าวๆ แต่พอเลือกเข้าพอร์ตปุ๊บก็แดงทันที

เลยไม่รู้จะทำไงดี พยามคิดว่าหุ้นที่เราเลือกดีแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้ความมั่นใจแบบนั้นมาทำลายตัวเอง ก็จะเปลี่ยนใจไม่ทัน กรณีทีหุ้นมันไม่ดี

ตัวที่เลือกนะ PSL ครับ ดูทีท่ามา3-4 วันน่าไปดี แต่พอซือปุ๊บก็ตกปั๊บเล่นเอาทำใจไม่ได้เลยครับ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร

พอจะบอกเหตุผลในการซื้อได้ไหมครับ ว่าซื้อเพราะอะไร
ปัจจุบันเหตุผลยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า

ในระยะสั้น ราคากับมูลค่าไม่จำเป็นต้องไปทางเดียวกันนะครับ

ถ้ามั่นใจในพื้นฐานมากๆ ปกติเวลาหุ้นลงๆ ผมจะพยายามไม่เปิดราคาหุ้นดูเท่าไหร่ ทิ้งไว้นานๆ แล้วค่อยกลับมาดู

แต่ถ้าพื้นฐานไม่ได้มั่นใจเท่าไหร่ ผมจะพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติม อาจจะมีอะไรที่เราไม่รู้ และเป็นเรื่องที่ส่งผลลบต่อหุ้นที่เราถืออยู่ ถ้าหาเจอแล้วมันไม่ดี ก็ขายหุ้นทิ้ง แต่ถ้าหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ หรือเรื่องที่มีมันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ... ก็อาจจะซัดเพิ่มครับ

[quote="Luty97"][quote="Onokung"]กรณีนี้ สมมุติเล่นๆ นะครับ ว่า ผลประกอบการณ์ Q1 และ Q2 จะดีกว่าเดิมเนื่องจากส่วนใหญ่แล้ว เรือพวกนี้จะรับงานล่วงหน้า

ยินดีต้อนรับสู่วิภี VI

ตอนแรกผมมีปัญหามากๆ เรื่องนี้ครับ
ต้องตามต้องอ่านหาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นทุกวัน

ถึงวันหนึ่งผมก็ตาสว่างขึ้นมานิดนึง
คือ ผมศึกษาให้ชัวร์ที่สุด แล้วจะสบายใจขึ้นเยอะครับ
สิ่งนึงที่ทำให้เรามันใจและสบายใจมากขึ้นคือ
ราคาในใจครับ  :!:

วิเคราะห์ให้ได้ว่ากำไรจะเป็นอย่างไร
แล้วทำราคาเป้าหมายในใจ ใช้วิธี เอา pe ไปคูณนี่แหละครับ ง่ายๆ
แค่นี้เราก็จะสบายใจขึ้นเยอะครับ
ถ้าราคามันลงเยอะๆ อันนี้ต้องทำการบ้านใหม่อีกรอบ
ถ้าทุกอย่างเหมือนเดิม ....ผมสู้ครับ

ผมซื้อสวนครับ แต่ทำครั้งเดียวในชีวิต คือหุ้น pdi ครับ
มันลงจาก 20 -> 16 บาท ซื้อสู้ตอนมันเด้งขึ้นมาหน่อยครับ
แต่ตอนนั้นชัวร์จริงๆ  :lol:

miracle เขียน:ถ้ากังวล นอนไม่หลับ ความเครียดเพิ่ม แนะนำให้ขาย
ถ้าเห็นแดงๆ แล้วสบายใจก็ถือต่อ

ถือหุ้นไม่สบายใจก็ขาย อันนี้หลักของพี่มนใช้งานได้เสมอ
ถ้าถือแล้วสบายใจเจอคนเคาะประตูอีกเกือบ 500 คนถามพี่วิบูลย์ต่อล่ะกัน

อ่ะ อันนี้จริง เห็นด้วยกะพี่ miracle ในหลักการพี่มน

คือว่า ง่ายๆเลย ถ้ามีความเครียดเพิ่มขึ้น แปลว่า มีความไม่มั่นใจแฝงอยู่ลึกๆ
แม้บอกว่าศึกษามาอย่างดีครบถ้วนแล้ว แต่แท้จริงนั้นลึกๆมีบางจุดที่ไม่เข้าใจ หรือพลาดที่จะศึกษาไป ซ่อนอยู่อีก
(ไม่ได้หมายถึง ว่าข้อมูลแท้จริงจะทำให้หุ้นตกลงไปอีกหรือไม่ แต่หมายถึงข้อมูลที่คุณศึกษามานั้น คุณไม่มั่นใจว่าครบถ้วนเพียงพอ จึงได้เครียด)

ยกเว้น หากเมื่อกลับมาย้ำศึกษา ค้นหาอีกครั้ง ก็ยังยืนยันว่ามั่นใจในข้อมูล ก็ต้องถามตัวเองแล้ว ว่าทำไมไม่สบายใจ

แท้จริง ความไม่สบายใจนั้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่ว่ากลัวว่าจะต้องตัดขายขาดทุนแล้วจะไม่สบายใจ เพราะมันก็แค่ตัดขาดทุน 100 อาจจะหายไปซะ 5-10-20 จากนั้นแล้วก็จะสบายใจแล้ว (คนที่ทราบว่าต้องตัดขาดทุนเพื่ออะไร เพราะอะไร แล้วก็ลงมือทำเลย มักเป็นคนที่สบายใจ,ส่วนคนที่ถืออยู่โดยไม่เข้าใจแน่ชัด ว่าถือไปทำไมแน่ มักเครียด หรือนอนไม่หลับ)

เงินไม่ใช่นายเรา เราคือนายเงิน

ความกังวลส่วนใหญ่ มาจากว่าเราไม่แน่ใจว่าเรารู้ตะหาก ที่ครอบงำอยู่


สำหรับ psl ไม่มีความเห็นว่าจะเป็นอย่างไรค่ะ เพราะไม่รู้เลย

หากเราแน่ใจมากๆ ทั้งตัวหุ้นและราคาที่เข้าซื้อ
ซื้อแล้วหุ้นตกก็ต้องดีใจ
ซื้อเพิ่มอีกๆ   :lol:

cryptonian_man เขียน:

ตัวที่เลือกนะ PSL ครับ ดูทีท่ามา3-4 วันน่าไปดี แต่พอซือปุ๊บก็ตกปั๊บเล่นเอาทำใจไม่ได้เลยครับ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร

ดูทีท่ามา3-4วัน  แสดงว่าดูท่าว่ามันจะขึ้นเลยซื้อซิ

หลักทรัพย์ PSL  
 หัวข้อข่าว การรับหุ้นเพิ่มทุนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนเพิ่มเติม : PSL  
 วันที่/เวลา 30 เม.ย. 2550 18:09:00  
 
 
 
 การรับหุ้นเพิ่มทุนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน

   ตามที่บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) ( PSL) ได้ดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียน
และขอให้ตลาดหลักทรัพย์รับหุ้นเพิ่มทุนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนเพิ่มเติมนั้น
ตลาดหลักทรัพย์ได้พิจารณาแล้วเห็นควรกำหนดให้หุ้นเพิ่มทุนของบริษัทดังกล่าว
เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ตั้งแต่วันที่  3 พฤษภาคม 2550 เป็นต้นไป

ชื่อย่อ               :   PSL
ทุนเดิม             :    520,000,000 บาท (หุ้นสามัญ    520,000,000  หุ้น)
ทุนใหม่            :   1,039,520,600 บาท (หุ้นสามัญ 1,039,520,600 หุ้น)
มูลค่าที่ตราไว้    :   1 บาท
จัดสรรให้         :   ผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้รับสิทธิในหุ้นปันผล จำนวน 519,520,600 หุ้น
อัตรา                 :  1 หุ้นเดิม : 1 หุ้นปันผล
ราคาต่อหุ้น       :  -
วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น      :  4 เมษายน 2550
ที่มีสิทธิได้รับหุ้นปันผล


ขายเรือไป10ลำ จากนี้ไปรายได้คงลดลง

ขอบคุณทุกความเห็นครับ ได้ความรู้ขึ้นอีกเยอะ

ที่ผมถือตัวนี้เพราะเห็นว่าทำสัญญาระยะยาวไว้ แม้ตอนนี่ค่าระวางเรือจะสูงเป็นประวัติการณ์ แต่พอไตรมาสต่อไปคงต้องลดลงไปด้วย เลยคิดว่าทำสัญญายาวไว้แล้วน่าจะดีกว่าตัวอื่น

ส่วนเรื่องขายหุ้นที่ซื้อไปนั้น ผมดูไม่ละเอียดเองครับ(ต่อไปต้องละเอียดมากกว่านี้) คิดว่าเขาซื้อหุ้นกลับมาแสดงว่ากำไรดี ทีนี้ไม่ได้ดูว่าซื้อมาแล้วเขาขายกลับมาด้วย ปริมาณหุ้นเพิ่มราคาก็ต้องลดลง แถมปันผลหุ้นอีก เฮ้อ สรุปผมดูไม่ละเอียดดีด้วยครับ

แต่ยังมองว่าอีกสักระยะพอค่าระวางปรับลดลงคงมีโอกาสดีขึ้นบ้าง ถ้าผมไม่ท้อเสียก่อน อิอิอิ

ตอนนี้เลยทดลองใช้วิธีแบบ DSM ไปด้วยครับ

ตอนนี้เริ่มสบายใจเพราะขายออกไปบางส่วนแล้ว เหลือเก็บไว้บางส่วนครับ

ผมเองคิดว่าดูมาดีพอ แต่พอความเป็นจริงมันเป็นอีกเรื่องนึง

แต่เรื่องนี้ผมถือเป็นความรู้ เราได้ทดลองจริงก็น่าจะทำได้ดีขึ้นต่อไปครับ ที่เขาเรียก learning by doing แต่ของผมมันออกแนว learning by doing wrong 555

yoyo เขียน:ถ้ามั่นใจในพื้นฐานมากๆ ปกติเวลาหุ้นลงๆ ผมจะพยายามไม่เปิดราคาหุ้นดูเท่าไหร่ ทิ้งไว้นานๆ แล้วค่อยกลับมาดู

แต่ถ้าพื้นฐานไม่ได้มั่นใจเท่าไหร่ ผมจะพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติม อาจจะมีอะไรที่เราไม่รู้ และเป็นเรื่องที่ส่งผลลบต่อหุ้นที่เราถืออยู่ ถ้าหาเจอแล้วมันไม่ดี ก็ขายหุ้นทิ้ง แต่ถ้าหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ หรือเรื่องที่มีมันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด ... ก็อาจจะซัดเพิ่มครับ

ผมใช้วิธีเหมือนพี่โยโย่ เปี๊ยบเลยครับ  8)  ...

หลังจากซื้อหุ้นแล้วราคามันขึ้นไปเลยเป็นไปได้ 2 กรณี

1. ซื้อได้ในจุดต่ำสุด - น้อยครั้งและน้อยคนมากที่จะทำได้ ถ้าหมายถึงรอบระยะสั้นๆ ก็อาจจะเกิดได้หลายครั้งหน่อย
2. ซื้อในช่วงขาขึ้นพอดี - หมายความว่าอาจต้องซื้อกันตอนที่ตลาดมันเขียวๆ hotๆ

หลังจากซื้อหุ้นแล้วราคามันร่วงลงไปเลยก็เป็นไปได้ 2 กรณี

1. ซื้อได้ที่ยอดดอย- สมาชิกหนุ่มสาวชาวดอยเพิ่มขึ้นทุกปี
2. ซื้อในช่วงขาลงที่ยังลงไม่สุด - ทำให้ value ที่ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดช้อนหักกันมานักต่อนัก

ทั้งหลายทั้งปวงนั้นเป็นเรื่องปกติครับ ยังไม่มั่นใจก็ดูใจกันไปก่อน อย่าซีเรียสเดี๋ยวแก่เร็ว   :lol:  ด้วยเหตุนี้อาจารย์เกรแฮมถึงแนะนำให้ซื้อหุ้นที่วิเคราะห์แล้วว่าดีโดยซื้ออย่างสม่ำเสมอทุกเดือนด้วยจำนวนเงินเท่าๆ กัน

ถ้าคิดดีแล้ว ก่อนซื้อ ตกมาก็ซื้อเพิ่มเลยครับ ของดี มีราคาถูกกว่า ปล่อยไว้ไม่ได้...