Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

เพราะว่าทำให้เกิดความสับสนได้เปรียบเสียเปรียบมากมาย  ที่ผ่านมานั้นโลกเราก็มีสิ่งที่เป็น  "อันหนึ่งอันเดียวกัน" หลายๆเรื่อง  เช่น

1. เรื่องหน่วยวัดของเวลา  เมื่อก่อนไทยเราวัดเวลาค่อนข้างหยาบ  เช่น นับเป็น "ยาม" เป็น "โมง" หรือถ้าเวลาน้อยๆ ก็นับเป็น  "ชั่วหม้อข้าวเดือด" หรือ "ชั่วธูปไหม้หมดดอก"  เวลาเหล่านี้มีความไม่แน่นอนสูง  เพราะถ้าเติมน้ำในหม้อข้าวเยอะๆ  ระยะเวลาก็จะยืดออกไป  เช่นเดียวกับก้านธูปที่ยาวและสั้น
 
แต่เมื่อเรายอมรับเวลามาตรฐานของสากล เช่น 60 วินาที เป็น 1 นาที หรือ 24 ชั่วโมงเป็น 1 วัน  ปัญหาเรื่องเหล่านี้ก็ลดลงไป

2. เรื่องหน่วยวัดความยาว  เมื่อก่อนเราวัดเป็น คืบ  เป็น ศอก และเป็น วา  ปัญหาก็คือ คืบศอกวาของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน  พอเราใช้ระบบเมตริกปัญหาการเอารัดเอาเปรียบก็บรรเทาลง  เช่นเดียวกับระบบ ชั่ง และ ตวง

3. ปัญหาเรื่องภาษา  เราถูกปลูกฝังให้ภูมิใจกับวรรณกรรมไทยๆ ภาษาไทยๆ เราภูมิใจในวรรณกรรม ลิลิตพระร่วง  ขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี  และหวงแหนเป็นสมบัติล้ำค่าชนิดที่ใครมาข้องแวะในประเด็นนี้ไม่ได้

แต่เราต้องจ่ายค่าตอบแทนไปเท่าไหร่เพื่อ "ความภูมิใจ" นี้  ผมเองต้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษเป็นสิบๆปีนับจากประถมถึงมหาวิทยาลัย  และถึงเรียนก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรเพราะภาษาที่ใช้อยู่ทุกวันไม่ใช่ภาษาสากล

หลายๆท่านเข้าถึงแหล่งความรู้ไม่ได้เพราะติดปัญหา "ไม่ใช่ภาษาไทย" ก็เลยอ่านไม่ออก ตีความไม่ได้

ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อคำว่า "ความภูมิใจในภาษาไทย" ซึ่งผมมองว่าเป็นค่าตอบแทนที่สูงเหลือเกินที่เราต้องจ่าย

อย่างไรก็ตาม เรื่องภาษานี้คงไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาสั้นๆสิบยี่สิบปีหรือแม้แต่ร้อยปี  ก็ยังดีที่คนรุ่นหลังๆเริ่มที่จะให้ความสำคัญกับภาษาสากลมากขึ้น

4. เรื่องสกุลเงินนั้น ถ้าทั่วโลกเปลี่ยมาใช้เงินสกุลเดียวกันทั้งหมดก็น่าจะสะดวกไม่น้อย

ไม่ควรครับ พี่หมอ
เพราะว่า

เศรษฐกิจในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน
การที่เราใช้เงินสกุลเดียวกันทั้งหมด
จะทำให้ monetary policy หรือ นโยบายการเงินของประเทศใช้ไม่ได้
ซึ่งจะทำให้ความยืดหยุ่นของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน

เช่นตอนนี้เศรษฐกิจจีนและโลกกำลังร้อนแรง เค้าเลยขึ้นดอกเบี้ย
คำถามคือ ถ้าสกุลเงินของไทย,จีน และโลกเป็นสกุลเดียวกัน
ตอนนี้ดอกเบี้ยของโลกต้องขึ้นแน่นอน
ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของเมืองไทยที่อยู่ในช่วงที่ไม่ดีตายแห๋งแก๋กว่านี้ครับ

sunrise เขียน:เช่นตอนนี้เศรษฐกิจจีนและโลกกำลังร้อนแรง เค้าเลยขึ้นดอกเบี้ย
คำถามคือ ถ้าสกุลเงินของไทย,จีน และโลกเป็นสกุลเดียวกัน
ตอนนี้ดอกเบี้ยของโลกต้องขึ้นแน่นอน
ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของเมืองไทยที่อยู่ในช่วงที่ไม่ดีตายแห๋งแก๋กว่านี้ครับ

แฮ่ ๆ จีนขึ้นดอกเบี้ยแล้วทำไมประเทศอื่นต้องขึ้นตามครับ  เงินอาจจะไหลเข้าสักระยะเพื่อไปกินส่วนต่างดอกเบี้ย แต่เมื่อถึงจุดที่คนจ่ายดอกเบี้ยจ่ายไม่ไหวเขาก็จะลดดอกเบี้ยลงเองนี่ครับ   life has a way  .... :lol:

สามัญชน เขียน:

แฮ่ ๆ จีนขึ้นดอกเบี้ยแล้วทำไมประเทศอื่นต้องขึ้นตามครับ

ตอบคำถามว่าถ้าเงินทั้งโลกเป็นสกุลเดียวกันครับพี่
จะเกิดปัญหาว่า ทางแบงค์ชาติของแต่ละประเทศจะไม่สามารถใช้นโยบายการเงินเพื่อช่วยเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆได้

น่าจะมีทางนะครับแม้วันนี้จะยังไม่เห็นทางนัก  มนุษย์เราสามารถสร้างเครื่องมือทางการเงินมาแก้ปัญหาได้อยู่เสมอๆและแม้แต่เครื่องมือทางอื่นๆที่ยากกว่านี้  และก็น่าจะค้นพบวิธีแก้นี้ได้ในวันหนึ่งข้างหน้า  :lol:

ว่าแต่กลุ่มที่ใช้เงินยูโรสิบกว่าประเทศนั้น  เขาใช้วิธีอะไรครับน้องกบ  เพราะเศรษฐกิจเขาคงจะไม่ดีแย่พร้อมๆกันแน่

การใช้เงินสกุลเดียวจะช่วยลดความเสี่ยงของนักธุรกิจที่ค้าขายระหว่างประเทศได้เพราะไม่ต้องพะวงเรื่องความผันผวนของค่าเงิน ช่วยลด transaction cost ของการทำธุรกิจระหว่างประเทศที่ต้องแลกเปลี่ยนเงินไปๆ มาๆ รวมทั้งลดต้นทุนที่เกิดจากการต้อง hedge ค่าเงินได้ เรียกว่า ข้อดีเพียบ

แต่การจะใช้ค่าเงินเดียวกันอัตราดอกเบี้ยก็จะต้องเท่ากันไปด้วย จึงเกิดปัญหาเรื่องการใช้นโยบายการเงินอย่างที่คุณ sunrise บอก เช่น ในอเมริกา เวลาเศรษฐกิจอเมริกาดี ไม่ได้แปลว่าดีทุกรัฐ เท็กซัสอาจจะดีมากถึงมากที่สุด ในขณะที่แคลิฟอร์เนียกำลังฝืดอยู่ ถ้าสหรัฐใช้นโยบายดอกเบี้ยสูงเพื่อคุมเงินเฟ้อของทั้งประเทศ แคลิฟอร์เนียจะลำบากเพราะต้องการดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น

ว่ากันว่าการที่ยุโรปหันมาใช้ค่าเงินเดียวกัน อาจทำไม่ได้ดีเท่ากับสหรัฐ เพราะยุโรปมี mobility ต่ำกว่าสหรัฐ อย่างน้อยเรื่องของภาษา เวลาแคลิฟอร์เนียเศรษฐกิจไม่ดี แต่เจอดอกเบี้ยสูง คนในแคลิฟอร์เนียส่วนหนึ่งสามารถย้ายไปทำงานเท๊กซัสได้โดยง่ายเพราะวัฒนธรรมเหมือนกัน พูดภาษาเดียวกัน ก็แก้ปัญหาไปได้ แต่ถ้าเป็นยุโรปจะให้คนสวีเดนย้ายไปทำงานสเปนก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ดังนั้น การที่ยุโรปหันมาใช้ยูโรแม้จะช่วยประหยัดต้นทุน ลดความเสียงของภาคธุรกิจ และส่งเสริมการค้าระหว่างกันเองได้มาก แต่เขาก็มองกันว่าอาจทำได้ไม่ดีเท่ากับสหรัฐฯ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา อันนี้ก็ต้องจับตาดูกันต่อไปในระยะยาวครับ

ส่วนถ้าทั้งโลกจะหันมาใช้สกุลเดียวกัน ผมว่าสักวันหนึ่งก็ต้องเป็นอย่างนั้น แต่คงจะอีกนานแสนนาน ต้องรอให้โลกนี้เป็นโลกโลกาภิวัฒน์อย่างแท้จริงเสียก่อน

กลุ่มประเทศที่เข้าร่วมใช้ยูโร เนี่ย ได้เปรียบเป็นบางประเทศครับพี่หมอ ส่วนค่าครองชีพ เช่น กรีซ สมัยก่อน ถูกกว่าประเทศในอียูอื่นเยอะ แต่พอเปลี่ยนมาใช้ยูโร ส่วนใหญ่ ปัจจัยสี่ แพงขึ้นมากครับ

ควรมีหลายสกุลครับ ไม่งั้นจะมีการผูกขาด และไม่เกิดการแข่งขันผู้บริโภคจะไม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด

ค่าของเงินแต่ละประเทศ (อัตราแลกเปลี่ยน) มีผลมาจากหลายๆ ปัจจัยครับ

ทั้ง อัตราเงินเฟ้อ  อัตราดอกเบี้ย   อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ นโยบายการเงินการคลังของรัฐบาล และ ปัจจัยอื่นๆ

ซึ่งปัจจัยทั้งหลายเหล่านี้ มีผลต่ออุปสงค์และอุปทานของเงินในประเทศนั้นๆครับ



ในอียู ก็มีปัญหาถกเถียงกันมากครับหลังจากมาใช้เงินสกุลเดียวกัน  ประเทศที่เศรษฐกิจดีกว่าต้องแบกรับผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศที่เศรษฐกิจห่วยกว่า (อัตราการว่างงานสูง  Productivityต่ำ ค่าใช้จ่ายด้านรัฐสวัสดิการสูง)

เอ.. พี่ครับแต่ถ้าสมมติเราใช้เงินสกุลเดียวกันทั่วโลก แต่ให้มีธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นอิสระต่อกันละครับ โดยที่แต่ละประเทศอาจจะดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่างกัน ผมว่าอาจจะทำได้นะครับ เพราะแต่ละประเทศอาจจะมี Country risk ที่แตกต่างกันก็ได้ ส่วนกรณีเงินยูโรมีปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งก็คือ การที่ ECB แห่งเดียวแต่ต้องออกนโยบายการเงินซึ่งใช้กับหลายประเทศในยุโรป ซึ่งแต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกก็เผชิญปัญหาทางเศรษฐกิจที่ไม่เหมือนกัน อีกปัญหาหนึ่งที่ผมเคยอ่านเจอก็คือ เรื่องเชื้อชาติ ที่ไม่ได้รวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวเหมือนอเมริกา เพราะคนอเมริกาอยู่ที่ไหนในอเมริกายังคือคนอเมริกา แต่ถ้าในยุโรปยังมีคนฝรั่งเศส คนเยอรมันอยู่

SDR ไงครับแต่ไม่สำเร็จ

Impossible trinity

having all three
- free mobility of capital
- independent monetary policy
- exchange rate managed
is impossible

ถ้าต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนทั่วโลก
ก็ต้องเตรียมระบบเศรษฐกิจ การเงินให้พร้อม
แล้วก็ต้องยอมรับเรื่องการไม่สามารถกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนได้

ถ้าอยากควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน (การมีสกุลเดียวคือการ fix rate)
และสนับสนุนให้มีการเคลื่อนย้ายของเงินทุนอย่างอิสระ
ก็ต้องยอมเสียความอิสระในการดำเนินนโยบายการเงิน

เขาให้เลือกเอาได้ สองในสามอย่าง

ตอนนี้บ้านเราเป็นประเทศเปิด
ต้องการเงินทุนจากต่างประเทศ
การส่งออกเป็นรายได้หลัก

ไม่ fix อัตราแลกเปลี่ยน
อาจมีการแทรกแซงเพื่อชะลอหรือลดความรุนแรงบ้าง
แต่ยังปล่อยให้เป็นไปตามกลไก

ก็เท่ากับแบงค์ชาติ ยังมีเครื่องมือในการแก้ปัญหาต่างๆ
คือ นโยบายทางการเงิน

ถ้าจะแก้เรื่องบาทแข็งตอนนี้
โดยผ่าน นโยบายทางการเงิน
ก็คงต้องลดดอกเบี้ย
เริ่มมีคำแนะนำให้ลดดอกเบี้ยบ้างแล้ว

ถ้าลดดอกเบี้ย ก็ไม่รู้จะกระทบเศรษฐกิจระยะยาวอย่างไร
เงินเฟ้อ??
แต่ถ้าไม่ลด เพราะมันต่ำมากแล้ว
เกรงว่าจะมีเสียงไม่พอใจอีก

ก็เท่ากับว่า กำลังต้องการทั้งสามอย่าง
ซึ่งมัน impossible
แบงค์ชาติจะตัดสินใจอย่างไรหว่า
ไม่รู้รอดูดีกว่า