Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ยืนจดๆจ้องๆดูหุ้นมาหลายเพลา
ความชัดเจนทางการเมืองมีแค่ประเด็นเดียวว่า กรรมการบริหารพรรค ทรท ถูกตัดสิทธิ แต่จะมีเลือกตั้งใหม่เมื่อไหร่ ยังไม่รู้ หน้าตารัฐธรรมนูญจะหน้าเหมือนอะไร
รัฐบาลใหม่เป็นยังไงไม่รู้
แต่ตอนนี้แนวโน้มค่าเงินบาทแข็งขึ้นเรื่อยๆ ผู้ประกอบการส่งออกตายกับตาย คนไม่ใช้เงินเพราะไม่มีและไม่กล้า แล้วได้เลือกตั้งช่วยอะไรตรงนี้หรือยัง
มีรัฐบาลใหม่มายังไม่รู้ว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้แค่ไหน นโยบายเศรษฐกิจเป็นอย่างไร กระตุ้นหรือไม่
รัฐประกาศการลงทุนและงบประมาณขาดดุลย์ แต่จะสร้างได้จริงเหรอ เจบิคจะให้รัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติกู้หรือ (ด้วยความเคารพ อันนี้เป็นกฏหมายไม่ใช่การเมือง ในหลายๆประเทศที่เจริญแล้วเช่น อเมริกาและยุโรป ห้ามรัฐให้งบสนับสนุนรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง) แล้วในช่วงสามสี่เดือนข้างหน้าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร

ถามใจตัวเอง กล้าใช้เงินไหม อืม ซื้อจักรยานนะ แต่กินใช้รายวันประหยัดเหมือนเดิม รอเก็บเป็นเงินสดไว้ ไม่รู้สิ ดูตลาดหุ้น ดูผลประกอบการ ดูแนวโน้มการขยายตัวทางธุรกิจแล้ว ไม่ได้คิดว่าเป็นเวลาซื้อ

ท่านวีไอทั้งหลาย ขอถามฟีลลิ่งตอนนี้หน่อยคะ
ลุยดี หรือรอเก็บคะ
เอ้อ...หุ้นนะคะ หุ้น

สถานการณ์ก่อน วันที่ 30 ทุกคนรู้แบบ 50:50 ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ดังนั้นทุกคนจึงรอ
หลังวันที่ 30 ทุกคนรู้ผลแล้ว แต่ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำอย่างไร
ดังนั้นทุกคนจึงงง ยิ่งหุ้นขึ้น หรือ ลงก็จะงงหนัก
หลังวันที่จันทร์-อังคารแล้ว คนเริ่มหายงง เนื่องจาก guru และ นักวิเคราะบอกว่าเกิดอะไรขึ้น

แนวทางการลงทุนคือ
ก่อนวันที่ 30 วิเคราะหุื้นรายตัว และกำหนดแพลนในวันที่ 30 ว่า
ถ้าออกหัว ทำอย่างไร ก้อยทำอย่างไร
หลังวันที่ 30
ดูว่ามีใครทำอะไรโง่ๆ ในตลาดหรือไม่
หลังวันที่จันทร์-อังคารแล้ว
มันเป็นเรื่องปกติ ถ้าหุ้นแพงก็ขาย ถูกก็ซื้อใช้ท่า basic เก็บแต้มไปเรื่อยๆ
อย่าเล่นหวือหวา

สิ่งที่กดดันตลาดและความเชื่อมั่นในการลงทุนมากที่สุด ก็คือปัจจัยด้านการเมือง
ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา หุ้นไทยไม่ไปไหนเลย
(แต่ VI หลายท่านก็ทำผลตอบแทนได้เป็น 100%)

พอมันเริ่มคลี่คลาย เห็นภาพชัดขึ้น
นักลงทุนก็มีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้น จึงเข้ามาซื้อหุ้นไทย
ในระยะสั้นก็ผลักดันให้ภาพรวมของตลาดดูดีขึ้น
และถ้านักลงทุนส่วนใหญ่มั่นใจมากๆ ก็จะเกิดภาวะกระทิง
อย่างที่เคยเกิดมาแล้วในปี 46

แต่ถ้ามีอะไรมากระทบความเชื่อมั่น
ตลาดก็พร้อมที่จะปรับตัวลงหนักได้เช่นเดียวกัน

สรุปแล้วถ้าเป็น VI จริงๆ
เค้าก็จะ Focus ไปที่บริษัทนั่นแหละครับ
ว่าในระยะยาวแล้วบริษัทที่จะซื้อมีศักยภาพแค่ไหน
และราคา ณ ขนาดนี้แพงไปหรือยัง

Index ไว้ดูขำๆครับ ...  :D

อะไรทำให้หุ้นขึ้นหรือลง
ผมคิดว่าส่วนหนึ่งคือปัจจัยพื้นฐานบริษัท
อีกส่วนหนึ่งคืออารมณ์ของนักลงทุนหรือตลาด
ทั้งสองตัวนี้ บางทีอาจจะไปตรงกัน บางทีอาจจะไปคนละทาง

กลยุทธ์การลงทุนคงขึ้นอยู่กับว่าใครถนัดอะไร
ถ้าถนัดอ่านอารมณ์ตลาด การลงทุนแบบโมเมนตั้ม หรือการใช้เครื่องมือทางเทคนิคก็คงเป็นเรื่องเหมาะสม และน่าสนุกสนาน

แต่ถ้าไม่ถนัด ไม่มีเวลา หรือมีก็ไม่ได้สนใจ ไปเที่ยวดีกว่า
การลงทุนระยะยาวที่โพกัสพื้นฐานก็ดูจะเหมาะสมและทำให้มีความสุขมากกว่า

ผมคิดว่าอารมณ์เป็นเรื่องระยะสั้นเป็นเรื่องของความผันผวน
ในขณะที่ตัวธุรกิจเป็นเรื่องของแนวโน้มในระยะยาว
(เหมือนพี่นริศเลย ระยะสั้นตามข่าว ระยะยาวตามผลกำไร)

อะไรทำให้หุ้นขึ้น ???

ความมั่นใจ ครับ

ไม่มั่นใจ เงินก้อออกจากตลาดไป หุ้นก้อลง
มั่นใจสุดๆ เงินก้อเข้ามาสู่ตลาด หุ้นก้อขึ้น

ใส่แว่นกันแดดหน่อยดีกว่า แดดแรงชะมัด  8)  ...

so does overconfidence?

อะไรทำให้หุ้นขึ้น
......เงินครับที่จะทำให้หุ้นมันขึ้นได้.......จริงไหม

ส่วนหนึ่งที่เข้าใจคือ กองทุนที่เน้นใช้พวก QEPM เปลี่ยนค่า factor premium ของการเมืองไทยจาก ลบน่าจะมา netrual แล้วละ

[quote="beammy"]อะไรทำให้หุ้นขึ้น ???

ความมั่นใจ ครับ

ไม่มั่นใจ เงินก้อออกจากตลาดไป หุ้นก้อลง
มั่นใจสุดๆ เงินก้อเข้ามาสู่ตลาด หุ้นก้อขึ้น

ใส่แว่นกันแดดหน่อยดีกว่า แดดแรงชะมัด

ผมว่า มันเป็น  fund flow นะครับ
สภาพคล่องในโลกเยอะ ไม่รู้จะลงไหน
ก็มา  asia  ตลาดเพื่อนบ้านก็ขึ้นไปทำ  new high
หลายรอบเเล้ว    

เดาๆ อะครับ  :oops:  :oops:  :oops:

ผมว่า มันเป็น  fund flow นะครับ
สภาพคล่องในโลกเยอะ ไม่รู้จะลงไหน
ก็มา  asia  ตลาดเพื่อนบ้านก็ขึ้นไปทำ  new high
หลายรอบเเล้ว    

 น่าจะใช่  วันนี้ต่างชาติ ซื้อสุทธิ 8 พันกว่าล้าน  รายย่อยขาย 8 พันกว่าล้าน

สถาบันขายต่ำร้อยล้าน   ยอมรับเลยว่าวันนี้ผิดคาดจริงๆ  คิดว่าจะตลาดลง

ด้วยซ้ำ   ..แต่ยังไงก็ไม่ Follow ตาม  กลัวครับ กังวลเรื่องการเมืองอยู่  

อีกอย่าง มีอยู่เดิมก็เกือบเต็มพอร์ต  วันนี้ขึ้นแพ้ตลาด  แต่ก็พอใจแล้ว

อ่า..ผมคิดไม่เหมือนใครเท่าไร  อิอิอิ
ผมไม่ได้ดูเรื่อง GDP  ซักเท่าไร  ไม่ถนัดอย่างนักเศรษฐศาสตร์เขาคุยๆกัน

สรุปผมว่า  จะมีการหาเงินไปเพื่อลงสนามเลือกตั้งครับ

เงินที่หาได้ง่ายที่สุดสำหรับนักเลือกตั้งคือ.ตลาดหุ้นครับ
ก่อนเลือกตั้งหลายๆเดือน  หุ้นขึ้นครับ  ปั่นหาทุนครับ    positive  sum  สำหรับ นักเลือกตั้งครับ
negative  sum  สำหรับ แมงเม่า

สำหรับนักเลือกตั้งแล้ว  ก็เหมือนกับที่ปลาโลหลายๆตัวมาตั้งวงล้อมขึ้น  ล้อมฝูงปลาน้อยทั้งหลาย   ค่อยๆตีวง.ล้อมวงเข้ามาทีละนิด  พอเห็นว่าสมควรแก่การอิ่มท้อง    คราวนี้  จะเหลือเหรอครับ

แต่ถ้าใกล้ช่วงเลือกตั้งแล้ว  มันไม่แน่ไม่นอนเท่าไร
หลังเลือกตั้งเสร้จ.  ถ้าไม่มีการขัดแย้งหนักๆ   ก็จะมีการขายฝัน .ทำอย่างนี้  ดีอย่างนี้   ทำอย่างโน้น  ..ดีอย่างโน้น     ดีไปหมดครับ. สรุป.หุ้นขึ้นอีกรอบ  
ก็จะเป็นการปั่นเพื่อเอาทุนของตายๆ  ไว้ก่อน    ไว้เลี้ยงลูกๆกระจองอแงทั้งหลาย  อีกตั้ง  4 ปี  กระจองอแง  ทุกช่วงอภิปราย

ถัดจากนั้นอะไรก็ได้ครับ  แล้วแต่จังหวะ

ผมว่ารอบนี้ ตัวใหญ่ๆ  มันขึ้นดีจัง  สอดคล้องกับการที่ ต่างชาติซื้อสุทธิมาต่อเนื่องแล้วก็ยาวนาน   เขาน่าจะซื้อหุ้นใหญ่ สภาพคล่องเยอะๆ      อิอิอิ  ช่วงแรกๆของการขึ้น   ..เมื่อไร ที่ ตัวเล็กๆ ดี๋ด๋า เมื่อไร  สนุกครับ..ก็คำใหญ่ๆหมดแล้ว เหลือแต่คำเล็กๆ  ก็ใกล้เก็บโต๊ะแล้วครับ

ว่าแต่ตลาดหุ้น เป็น  science  หรือว่า  art    กันแน่หนอ    
ผมรู้สึกว่าบ้านเราส่วนใหญ่  มันค่อนไปทาง  art  นะ      แบบ  science  ก็มีแต่จะเป็นคนละช่วงกับแบบ  art  ครับ   ใครผสมได้  คนนั้นน่าจะเยี่ยม

[quote="san"]สรุปผมว่า

หากหุ้นคุณดีจริง ไม่ต้องวางแผนอะไรทั้งสิ้น
เพราะ หุ้นของคุณไม่ได้เป็นไปตามคนส่วนใหญ่
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ ในการลงทุนแบบ VI
เข้าซื้อเมื่อทุกคนมองว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่แย่มากๆ
จุดนั้นถึงน่าสนใจ หรือคนอื่นไม่มองเลย ประเภทแบบนี้

ผ่านเหตุการณ์มาสามรอบ โดยถือหุ้นเต็มไม้เต็มมือทุกรอบ ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์คิดเหมือนกันหมดว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ แค่นี้จะได้ไม่ต้องตกใจ

บ้างครั้ง การคิดล่วงหน้ากับการหาคำตอบให้สมองฟุ้งซ่านจนนอนไม่หลับก็ได้น่าคับ