หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ช่วยตอบหน่อยเหอะไหว้ล่ะ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 22, 2007 11:22 pm
โดย dinnn
1) คำว่าคุ้มครองเงินต้น กับ คำว่า ประกันเงินต้นต่างกันยังไง
2)ผมไปอ่านหนังสือ อยากรวยต้องรู้  งง  อยู่ 2 คำพูด  เขาบอกว่า
   คือ  เล่นหุ้นอย่าแห่ตามกัน  กะ คำว่า อย่าฝืนกระแสตลาด  
 ซึ่งคำพูดนี้อยู่คนละตอน คนละบท  แต่ผมคิดว่า ทำไม ความหมาย ขัดแย้งกัน
   ป ล กรุณา อย่า งง คำถาม น่ะ อิอิอิ

ช่วยตอบหน่อยเหอะไหว้ล่ะ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 22, 2007 11:46 pm
โดย Noonino
ข้อ 1 ไม่ทราบ ถ้าให้เดาน่าจะเป็นเรื่องของกองทุนรวม
ข้อ 2 ตามที่ผมเข้าใจ เป็นการใช้กลยุทธคนละสถานะการณ์ คนละเรื่อง

อย่าตามแห่ ก็คือ ตอนซื้อหุ้นอย่าไปตามซื้อหุ้นที่เค้าไล่ๆกันโดยไม่รู้พื้นฐาน หรือ มีการจำกัดความเสี่ยงไว้ก่อน เพราะส่วนใหญ่จะเจ็บตัว

อย่าฝืนตลาด ก็คือ ตอนขายหุ้น ถ้าเค้ากำลังเทขายกัน คุณก็อย่าไปรับซื้อของเค้า เดี๋ยวจะติดดอยซะเปล่าๆ หรือถ้ามีหุ้นอยู่ก็จงขายตามเค้าไปด้วยซะเลย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น vi พันธุ์แท้คงจะไม่ตามแห่โดยไม่มีเหตุผลเป็นแน่ แล้วก็บางทีอาจจะมีการฝืนตลาดอยู่บ่อยๆ ถ้าหุ้นที่เค้าขายๆกันเป็นหุ้นดีที่ราคาลงมาเพราะนายตลาด ไม่ใช่ลงเพราะพื้นฐาน (แต่มีข้อแม้ต้องไม่ไปซื้อแถวๆยอดดอยนะครับ)

ช่วยตอบหน่อยเหอะไหว้ล่ะ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 23, 2007 12:00 am
โดย dinnn
สรุป คือ คำว่า แห่ ใช้กะ การซื้อ เหรอ   .................
            คำว่า ฝืน ใช้กะ การ ขาย เหรอ..........
 




     ยัง งง ง่ง ง้ง ง๊ง ง๋ง งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ช่วยตอบหน่อยเหอะไหว้ล่ะ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 23, 2007 1:51 am
โดย macarian
กลยุทธ์การลงทุนมีหลายวิธีครับ แต่ละวิธีก็มีแนวคิดที่ต่างออกไป คำแนะนำจึงแตกต่างและอาจขัดแย้งกันได้

buy and hold ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของ warren buffet ก็เป็นวิธีหนึ่ง
ถ้าคิดจะ buy and hold แล้ว สิ่งที่ต้องการจริงๆคือ ผลกำไรที่บริษัทนั้นๆทำได้ รวมถึงเงินปันผล เมื่อเทียบกับเงินที่ลงทุน
เพราะฉะนั้นการซื้อตามเมื่อเขาแห่ซื้อกันจนราคาขึ้นไปสูงนั้นจะไม่สามารถสร้างอัตราผลตอบแทนที่สูงได้เมื่อเทียบกับเงินลงทุนได้ การขายเมื่อตลาดตกใจก็ไม่มีประโยชน์อะไร
และถ้าเรามองว่าการขึ้น ลง ของราคาหุ้นนั้นหลายๆครั้งก็ไมได้เกี่ยวข้องอะไรกับผลกำไรที่บริษัทจะทำได้สักเท่าไหร่ การซื้อเมื่อเขาแห่ขายเพราะข่าวร้ายชั่วคราว และขายเมื่อตลาดดีใจเกินเหตุ ย่อมให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
การ buy and hold นี้ เชื่อว่าในระยะยาวแล้ว ราคาย่อมสะท้อนมูลค่าพื้นฐานเข้าสักวัน (พูดให้ยากก็คือ ราคาวิ่งเข้าหาจุดดุลยภาพ ซึ่งก็คือมูลค่าพื้นฐาน หรือ intrinsic value) การขึ้นๆลงๆของราคาในระยะสั้นที่มาจากข่าวดีหรือร้ายชั่วคราวต่างๆ จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องไปดีใจหรือตกใจตาม แต่เป็นช่วงเวลาที่ให้โอกาสซื้อของได้ถูกขึ้น หรือขายของได้ราคาต่างหาก

การลงทุนแบบ momentum ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งหมายถึง การเลือกลงทุนโดยดูผลตอบแทนจากราคาหลักทรัพย์เป็นหลัก (Buy past winners and sell past losers)
ถ้าลงทุนแนวนี้ก็ไม่ควรฝืนตลาด
George Soros เป็นนักเก็งกำไรระยะสั้นคนนึงที่ลงทุนในลักษณะนี้
โซรอส เชื่อว่าการรู้จังหวะและขบวนการปรับตัวของราคาหุ้น ดีกว่าการรู้จุดดุลยภาพ (การต้องนั่งแกะงบเพื่อหามูลค่าที่แท้จริง) ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรราคาหุ้นจะไปถึง และก็ไม่รู้ด้วยว่ามูลค่าที่หามาได้มันจะถูกหรือไม่ โซรอสเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะซื้อหุ้นในราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงแต่อาจต้องถือไปจนตายแล้วมันก็ยังไม่สะท้อน
(เพื่อแก้ปัญหานี้ พวกวีไอชั้นเซียนแถวนี้ เขาจะดูด้วยว่าหุ้นที่เขาจะเอา มันมี catalyst หรือไม่ ถ้าไม่มีก็ปล่อยไว้ก่อน จะว่าไป วอเรนเองก็น่าจะเป็น catalsyt ที่ดีเพราะซื้อในระดับเข้าไปบริหารได้)
โซรอสจึงนิยมการซื้อตามแห่มากกว่าการสวนตลาด  
สิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นคือเมื่อโซรอสเห็นเทรนด์เขาไม่ได้ค่อยๆเข้าไปเก็บหุ้นเพราะกระแสตามแห่ยังไม่มา หรือรอให้กระแสตามแห่มาแล้วและหุ้นเริ่มขึ้นแล้วจึงซื้อ
แต่เขาจะทุ่มสุดตัว เพราะเชื่อว่า"ความคิด"เปลี่ยนตลาดได้ พูดง่ายๆคือเขาเป็นคนสร้างกระแส หรือ "ความคิด" ของคนให้กับตลาดนั่นเอง
(ในขณะที่การลงทุนแนว VI คือการเน้นให้ยึดที่ "ความจริง")

ช่วยตอบหน่อยเหอะไหว้ล่ะ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 23, 2007 2:29 am
โดย macarian
สิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นคือเมื่อโซรอสเห็นเทรนด์เขาไม่ได้ค่อยๆเข้าไปเก็บหุ้นเพราะกระแสตามแห่ยังไม่มา หรือรอให้กระแสตามแห่มาแล้วและหุ้นเริ่มขึ้นแล้วจึงซื้อ
แต่เขาจะทุ่มสุดตัว เพราะเชื่อว่า"ความคิด"เปลี่ยนตลาดได้ พูดง่ายๆคือเขาเป็นคนสร้างกระแส หรือ "ความคิด" ของคนให้กับตลาดนั่นเอง
ขอเน้นตรงนี้อีกทีนะครับเพราะเห็นว่าเคยถามว่าถ้าเป็นรายย่อยไปตามรายใหญ่จะเป็นไง ก็ลองคิดดูครับ สมมติถ้าเราเก็งว่าแนวโน้มราคาน้ำมันจะขึ้นเพราะหน้าหนาวปีนี้จะยาวขึ้นหรืออะไรก็แล้วแต่ โซรอสหรือรายใหญ่ในที่นี้ ก็คิดเหมือนกัน เขาก็เข้าซื้อเพื่อเร่งกระแส สร้างหรืออย่างน้อยก็สนับสนุน "ความคิด" พอหุ้นขึ้นถ้าเราเป็นแนวนี้อยู่เราก็ต้องตามสิครับเพราะมันเหมือนที่เราคิดเป๊ะ แต่อย่างที่บอกครับโซรอสแกเก็งระยะสั้น ยังไงเขาก็ต้องขายทำกำไรก่อน ประเด็นมันก็อยู่ตรงนี้แหละครับ อ่านใจเขาออกไหมล่ะ
ถ้าจะเล่นแนวนี้ต้องเก่งจิตวิทยาครับ

Re: ช่วยตอบหน่อยเหอะไหว้ล่ะ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 23, 2007 2:50 am
โดย BHT
[quote="dinnn"]1) คำว่าคุ้มครองเงินต้น กับ คำว่า ประกันเงินต้นต่างกันยังไง
2)ผมไปอ่านหนังสือ อยากรวยต้องรู้

ช่วยตอบหน่อยเหอะไหว้ล่ะ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 23, 2007 9:02 am
โดย สุมาอี้
เข้าใจว่าเมื่อก่อนกองทุนใช้คำว่าประกันเงินต้น แต่โดนกลต.เล่นเพราะกองทุนห้ามประกันผลตอบแทนอย่างเด็ดขาด (แต่เงินต้นไม่ใช่ผลตอบแทนนี่หว่า) ตอนหลังเลยต้องใช้คำวาคุ้มครองเงินต้นแทน

ถ้ากองไหนลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลล้วนๆ ก็สามารถพูดว่าคุ้มครองเงินต้นได้ เพราะถือกันว่าพันธบัตรรัฐบาลปราศจากความเสี่ยงเรื่องเงินต้นเนื่องจากรัฐบาลค้ำประกันครับ

ช่วยตอบหน่อยเหอะไหว้ล่ะ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 23, 2007 11:42 pm
โดย dinnn
ขอบคุณทุกๆคนมากคราบบบบบบบ ขอบคุณจริงๆๆ
เอาไว้ถ้าผมเก่งเมื่อไหร่ จะมาตอบแทนบ้างน่ะ

ถามคุณ macarian อีกที่

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 23, 2007 11:49 pm
โดย dinnn
ถามคุณ macarian

ยังไงเขาก็ต้องขายทำกำไรก่อน ประเด็นมันก็อยู่ตรงนี้แหละครับ อ่านใจเขาออกไหมล่ะ    หมายถึงว่า  



   ถ้าเขาขายก่อนเราโดยที่เรายังไม่รู้ว่าเขาขาย หุ้นก็ตก เราก็แย่ใช่มั้ยคราบ

Re: ถามคุณ macarian อีกที่

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 26, 2007 4:06 pm
โดย macarian
[quote="dinnn"]ถามคุณ macarian

ยังไงเขาก็ต้องขายทำกำไรก่อน ประเด็นมันก็อยู่ตรงนี้แหละครับ อ่านใจเขาออกไหมล่ะ

Re: ถามคุณ macarian อีกที่

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 28, 2007 12:07 am
โดย bankniti
[quote="dinnn"]ถามคุณ macarian

ยังไงเขาก็ต้องขายทำกำไรก่อน ประเด็นมันก็อยู่ตรงนี้แหละครับ อ่านใจเขาออกไหมล่ะ