หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ตัวที่เล็งๆ ไว้ ตั้งใจจะซื้อก่อนหุ้นทะยาน นั้น ราคาไม่ไปไหน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 09, 2007 7:30 pm
โดย teetotal
2-3 ตัวที่ดูๆ อยู่
ราคานิ่งมากเลยครับ
มีตัวหนึ่ง ตกลงมานิดๆ ด้วย

แต่ตัวใหญ่ขึ้นเอาขึ้นเอา

Re: ตัวที่เล็งๆ ไว้ ตั้งใจจะซื้อก่อนหุ้นทะยาน นั้น ราคาไม่ไป

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 09, 2007 11:34 pm
โดย chartchai madman
teetotal เขียน:2-3 ตัวที่ดูๆ อยู่
ราคานิ่งมากเลยครับ
มีตัวหนึ่ง ตกลงมานิดๆ ด้วย

แต่ตัวใหญ่ขึ้นเอาขึ้นเอา
ตัวไหนบ้างละครับ มีในลิสต์ตามนี้บ้างหรือป่าว เขาว่าได้กำไรชัวร์ ขาดทุนตัวใครตัวมันคร๊าบบบบบบบบบบ

เปิดโผหุ้นที่ขึ้นน้อยกว่าตลาด
วงการฟันธงซื้อแล้วได้กำไรชัวร์

          นักวิเคราะห์โชว์หุ้นเด็ดราคายังวิ่งต่ำกว่าดัชนีฯ นำทีมโดย PS-SATTEL-FORTH-STEC-BGH-BSEC-TT&T-CK หลัง 7 วันทำการดัชนีพุ่งเกือบ 9% ได้แรงหนุนจากเงินทุนต่างชาติทะลักเข้าตลาดหุ้นทั่วเอเซีย หาแหล่งที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด พบตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.ต่างชาติซื้อสุทธิ 2.2 หมื่นล้าน วงการเตือนให้ระวังการลงทุน งานนี้เล่นหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าตลาดปลอดภัยที่สุด

          ร้อนแรงจริงๆสำหรับตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพียง 7 วันทำการ( 29 มิ.ย.-9 ก.ค.) เท่านั้น ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 67.4 จุด หรือ +8.67% ซึ่งการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก FUND FLOW จากต่างประเทศไหลเข้ามาในตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเซียทุกแห่ง รวมทั้งตลาดหุ้นไทยด้วย โดยเป็นการโยกเงินทุนเพื่อมาหาแหล่งที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด ส่งผลให้ตลาดหุ้นหลายแห่งทำ New High ตลาดหุ้นไทยก็เช่นกัน เวลานี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี และราคาหุ้นหลายตัวได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินพื้นฐาน หรือใกล้ราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ให้ไว้
                กูรูหลายสำนักออกมาเตือนว่า การเล่นหุ้นในช่วงขาขึ้นเช่นนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นมาจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก เห็นได้ตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมาจนถึงวานนี้จากการที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิ 22,352.1 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 932.51 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 21,419.59 ล้านบาท และหากต่างชาติได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจอาจโยก เราจึงไม่มีทางทราบว่าต่างชาติจะถอนทุนออกเมื่อไหร่ ดังนั้น โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าตลาดรวม หรือที่รู้จักกันในชื่อหุ้น Laggard และ eFinanceThai.com ได้รวบรวมหุ้น Laggard จากหลายโบรกเกอร์มาฝาก

***DBS บอกสัปดาห์นี้ต้อง KTB ราคาหุ้นยังขึ้นน้อยกว่าแบงก์ตัวอื่น

            บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุว่า สัปดาห์นี้นักลงทุนจะหันมาพิจารณาหุ้นในกลุ่ม Mid & Small Cap มากขึ้นหลังจาก Large Cap ปรับขึ้นแรงในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตามในระยะสั้นมากหุ้นกลุ่มพลังงานยังน่าสนใจ เพราะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งในกลุ่มนี้เรายังคงให้ PTT เป็น Top pick ส่วนหุ้นเก็งกำไรของกลุ่ม คือ IRPC ซึ่งคาดว่าธุรกิจจะมีแนวโน้มดีขึ้นหลังได้ PTTเข้าไปบริหาร
           ทั้งนี้ แนะนำซื้อ KTB เพราะมี Valuation ที่ต่ำ Dividend Yield สูง และราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่ากลุ่มแบงก์ (Laggard) ส่วนหุ้นกลุ่มอื่นที่แนะนำซื้อสัปดาห์นี้ประกอบด้วย RATCH, TTA, PSL, AP,ROJANA

*** AYS - ธนชาต ประสานเสียง ADVANC- SATTEL- FORTH - SPALI เด่นสุด
          บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา ระบุว่า แนะนำให้ซื้อหุ้นที่ยังขึ้นน้อยกว่าตลาดโดยรวม ( Laggard ) ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าจะเริ่มเห็นการเวียนกลุ่มเล่นไปในกลุ่มหลักทรัพย์ตัวอื่นที่ Laggard อย่าง SYRUS สำหรับหุ้นกลุ่มหลัก แม้ว่าเราจะเน้นการลงทุนในกลุ่มธนาคาร อสังหาฯ (รวมรับเหมา + นิคมฯ) และพลังงาน ในระยะกลาง แต่ระยะสั้นน่าลุ้นการเปลี่ยนกลุ่มเล่นไปยังหุ้น Laggard ในกลุ่มสื่อสารอย่าง ADVANC และ SATTEL ต่อเนื่องจากเมื่อวาน และ BEC ในกลุ่มบันเทิง
          สำหรับหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และสื่อสาร เป็นกลุ่ม Laggard ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และคาดว่าจะกลับมาเป็นกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุน (Laggard Play) ในช่วงหุ้นพักฐานในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หุ้นในกลุ่มธนาคาร วัสดุก่อสร้าง และพลังงานเป็นกลุ่มหุ้นเด่นปรับสูงขึ้นกว่า 10% ในขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสื่อสารปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย ทำให้เรามองว่ากลุ่มหุ้นสื่อสาร และอสังหาริมทรัพย์จะกลับมาน่าสนใจมากยิ่งขึ้นในช่วงตลาดพักฐาน และคาดว่าจะมีการเวียนกลุ่มหุ้นเพื่อลงทุน โดยหุ้นที่น่าสนใจใน 2 กลุ่มนี้และเป็น Laggard Play ได้แก่ ADVANC, SATTEL, FORTH และ SPALI
           บทวิเคราะห์บล.ธนชาต ระบุว่า แนะให้ กลับมาทยอยซื้อและซื้อเก็งกำไรในหุ้นหุ้นกลาง-เล็ก ที่ยังขึ้นน้อยกว่าตลาดโดยรวมดังนี้ ADVANC (90-96), SATTEL (12.1-13.0), TRUE (8.35-8.90), TT&T (1.16-1.21), SAMART (8.6-8.9), JTS (2.38-2.50), JAS (0.53-0.58), GSTEEL (0.96-1.00), NSM (0.34-0.38), STEC (7.15-7.5), IRPC (6.2-6.45), BCP (11.8-12.5) และ BCP-W1 (3.58-3.84)

***ฟินันซ่า - ฟาร์อีสท์-ทีเอ็มบี เชียร์ PS-STEC-CK-SYNTEC ระบุราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นน้อย

           บทวิเคราะห์บล.ฟินันซ่า ระบุว่า เราแนะนำเข้าซื้อในกลุ่ม พลังงาน, อสังหาฯ, หลักทรัพย์, สื่อสาร และ วัสดุก่อสร้าง เพราะ เมื่อเปรียบเทียบ SETPROP กับ SET จะพบว่ามีทิศทาง และขนาดไล่เลี่ยกัน แต่เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มรับเหมาเป็นรายตัวจะพบว่าทุกตัวยังคง Underperform SET หลังจากที่โครงการMega Projects มีความไม่แน่นอนในระดับสูงโดยเราพบว่า ITD (TP6.33Bt), CK (TP10.22Bt), STEC (TP6.35Bt), PLE (TP7.82Bt), CNT (NR), EMC (NR) และ NWR (NR) มีการปรับตัวที่ด้อยกว่า SETที่ 51%, 43%, 55%, 44%, 67%, 29% และ 93% ตามลำดับ คำแนะนำของเราคือ T-Buy ใน ITDและ STEC ขณะที่ให้ Buy ใน CK ราคาเป้าหมาย 7.10 บาท และให้ PLE ราคาเป้าหมาย 7.82 บาท
          ด้าน บล.ทีเอ็มบี ระบุว่า แนะนำให้ซื้อหุ้นที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าตลาดรวม เช่น HMPRO,BIGC,PS,CPN
           บทวิเคราะห์บล.ฟาร์อีสท์ ระบุว่า ในระยะสั้นนี้ต้องเลือกหุ้นที่ยังปรับขึ้นไม่มากและมีพื้นฐานดีแบบ selective หุ้นแนะนำสำหรับการลงทุนใน 3Q50 นี้ได้แก่ PS, LH, BGH, BEC, KBANK, BBL, SCB, TOP, TTA, SAT เก็งกำไร STEC, CK, SYNTEC, TSTH, BSBM, ASP, BLS, BSEC

***บล.กสิกรไทย-นครหลวงไทย แนะนำ LH-SEAFCO-RRC-PF-BGH

           นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ในช่วงที่ดัชนีฯปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและค่อนข้างแรงนั้น แนะนำนักลงทุนเลือกลงทุนในหุ้นที่ราคาหุ้นยัคงปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าตลาดฯ เพราะยังคงมี upside และให้ผลตอบแทนที่ดี โดยหุ้นที่แนะนำจะเป็น BH, BGH, RATCH, AP, LH, RRC, TOP, MAKRO, PTTCH
            ด้านบทวิเคราะห์บล.นครหลวงไทย ระบุว่า สัปดาห์นี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน แม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะปิดสถานะ Long position เพื่อทำกำไรระยะสั้นในตลาด Future เมื่อวันศุกร์ไป 1.2 พันสัญญาก็ตาม ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังทยอยซื้อสุทธิในตลาด Spot อีก 1.3 พันล้านบาท นอกจากนี้ ปัจจัยภายในประเทศขาดปัจจัยลบที่ชัดเจน เหลือเพียงการเดินหน้าสู่การลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 19 ส.ค.นี้
            อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตามองค่าเงินบาทด้วยเช่นกัน หากแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ ขณะที่ตลาดต่างประเทศดัชนีปรับตัวขึ้นก็ถ้วนหน้า บวกกับราคาน้ำมันที่ยังปรับขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด NYMAX หมดอายุเดือนส.ค.ขยับขึ้นไปยืนเหนือ 72 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลแล้ว
           ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนให้ทยอยซื้อหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคา ณ ปัจจุบันยังต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน เช่น PTT , IRPC , SCC, ADVANC , LH เป็นต้น และ ซื้อเก็งกำไร หุ้นขนาดกลางและเล็ก เช่น SEAFCO , RS ,FORTH , PRIN , TTA , PF เป็นต้น และหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ อย่าง KGI



ลองดูนะครับ บางตัว ราคาไปมากกว่า faire price ที่ตัวเองประมาณการไว้แล้ว หลาย % ยังแนะนำให้ซื้ออยู่เลยคร๊าบบบบบบบบบ

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

แหล่งที่มา

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 09, 2007 11:37 pm
โดย chartchai madman
ลืมบอกแหล่งที่มาครับ
ตามนี้เลย

http://www.efinancethai.com/

ตัวที่เล็งๆ ไว้ ตั้งใจจะซื้อก่อนหุ้นทะยาน นั้น ราคาไม่ไปไหน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 10, 2007 7:28 am
โดย mprandy
ตามที่ข่าวว่ามา ผมไม่มีซักตัว

เห็นด้วยเลยครับ บางตัวกิจการยังไม่น่าฟื้น (Q2 ท่าจะแย่กว่า Q1 อีก) แต่ขึ้นไปรอละ แค่เป็นหุ้นใหญ่ขึ้นช้ากว่าเขา ไม่เห็นจะเป็นเหตุให้ต้องขึ้นเลยนี่

เก็งกำไรชัด ๆ typical bull market

บรรดา บล.ก็มั่วนิ่มเข้าไปด้วย

ตัวที่เล็งๆ ไว้ ตั้งใจจะซื้อก่อนหุ้นทะยาน นั้น ราคาไม่ไปไหน

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 10, 2007 8:41 am
โดย MANEKI
เข้ามาดู อยากรู้ว่าตัวไหน
SCหรือเปล่า ไหลลงไม่หยุด ถูกไหม 8.75บาท
SATTEL ราคา 12บาท ถือไหวหรือเปล่า
KTB ลงมา 13 บาท รับไป ไม่รู้จะลงต่อหรือเปล่า
ทุกตัว เคยอยู่ TOP LOSER มาแล้ว
SET ขึ้นยังไง ทำไมในกระดานมันแดงเพียบ เขียวไม่กี่ตัว

ตัวที่เล็งๆ ไว้ ตั้งใจจะซื้อก่อนหุ้นทะยาน นั้น ราคาไม่ไปไหน

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 22, 2007 11:22 pm
โดย aaaaaa
syntec  =  stec/2

ตัวที่เล็งๆ ไว้ ตั้งใจจะซื้อก่อนหุ้นทะยาน นั้น ราคาไม่ไปไหน

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 23, 2007 7:44 am
โดย mprandy
MANEKI เขียน:SET ขึ้นยังไง ทำไมในกระดานมันแดงเพียบ เขียวไม่กี่ตัว
ก็ SET มันถ่วงน้ำหนักตาม Market Cap นี่ครับ ดัชนีขึ้นเพราะหุ้นใหญ่ทั้งนั้น หุ้น ปตท.ตัวเดียว ขึ้นลงประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ จะดึง SET ตามมันไปได้ประมาณสองจุด

ไม่นับบริษัทลูกของ ปตท. อีกเยอะ Market Cap รวมกันปาเข้าไปหนึ่งในสามแล้ว

SET จึงเป็นดัชนีที่ไม่สามารถใช้บอกสภาวะตลาดได้จริง ๆ สำหรับ VI