หน้า 1 จากทั้งหมด 3

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 6:36 am
โดย vivitawin
สงสัยว่า 1ล้านบาทแรกจากการลงทุนในหุ้นนั้นยาก คิดจากเงินทุนเริ่มต้นกี่บาทอ่ะครับ เพราะถ้า เริ่มด้วยเงินต้นค่อนข้างมาก 1ล้านแรกก็ไม่ยากเพราะเงินต้นก็จะได้ล้านอยู่แล้ว แต่ถ้าเริ่มจากหลักหมื่นหรือไม่เกินแสน ก็คงยากมากๆ และใช้เวลานาน

จะให้ดี เป็น % น่าจะให้ความรู้สึกที่เข้าใจมากขึ้นรึเปล่าครับ เช่น
กำไร 100% จากเงินทุนตั้งต้น
กำไร 200% จากเงินทุนตั้งต้น
......
กำไร 1000% จากเงินทุนตั้งต้น

ถ้าคิดในลักษณะ กำไรเป็น % จากเงินตั้งต้น แทนที่จะพูด 1 ล้านบาทแรก นั้นยาก จะเทียบได้กับกี่ % ครับ

ขอบคุณครับ

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 8:25 am
โดย MO101
เริ่มจาก 1 แสนแล้วเติมเงินปีละ 50000
ผลตอบแทนน้อยๆ 10% ต่อปี  10 ปีก็ถึงแล้ว
100000 110000
160000 176000
226000 248600
298600 328460
378460 416306
466306 512937
562937 619230
669230 736153
786153 864769
914769 1006245

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 9:34 am
โดย conseto
มีเพื่อนเริ่มจากเงิน 50,000 บาทตอนเปิดบัญชี เติมเงินระหว่างปี 50,000 ถึง 80,000 บาท แล้วลงทุนซื้อหุ้นตอนแรกขาดทุนจาก 50,000 เหลือ 30,000 บาท หลังๆเริ่มจับจุดได้เน้นแนวหุ้นคุณค่า 7 ปึ มันบอกว่าถึง 7หลักแล้ว  :wink:

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 9:51 am
โดย สามัญชน
คำๆนี้ได้ยินบ่อยๆครับ  ความหมายเดิมน่าจะหมายถึง

การหาเงิน 1ล้านบาทแรกของชีวิตนั้นค่อนข้างยาก  แต่ล้านถัดๆไปจะง่ายกว่า

เป็นเพราะในโลกทุนนิยมนั้น  "ทุน" มีความสำคัญมากกว่า "ค่าแรง"

เมื่อมีทุนได้ถึง 1 ล้านแล้ว  จึงสามารถ "ต่อทุน" ไปได้ง่ายกว่า

ดังนั้น คำถามว่า
สงสัยว่า 1ล้านบาทแรกจากการลงทุนในหุ้นนั้นยาก คิดจากเงินทุนเริ่มต้นกี่บาทอ่ะครับ เพราะถ้า เริ่มด้วยเงินต้นค่อนข้างมาก 1ล้านแรกก็ไม่ยากเพราะเงินต้นก็จะได้ล้านอยู่แล้ว แต่ถ้าเริ่มจากหลักหมื่นหรือไม่เกินแสน ก็คงยากมากๆ และใช้เวลานาน
จึงไม่ตรงกับเจตนาของคำพูดข้างต้น  เพราะถ้าเริ่มต้นด้วยเงินค่อนข้างมากอาจจะหลายๆล้าน  ก็แปลว่า ไม่ใช่ล้านแรกของชีวิตไปแล้ว

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 10:10 am
โดย t_winyoo
ไม่รู้ว่า หลายๆคนเป็นเหมือนผมรึเปล่า

ล้านบาทแรกยากจริงๆ ครับ เพราะ พอจะถึงล้านบาททีไร ก็จะต้องอยากใช้เงินทุกที

ใกล้ได้ล้านแล้ว ก็ไป ซื้อรถ กว่าจะเก็บได้อีก

พอใกล้ ได้ล้านอีก ก็ใช้เงินแต่งงาน

ตอนนี้ เก็บ ได้แล้วครับหลังจากเริ่มลงทุนในหุ้น

กว่าจะได้เหนื่อยจริงๆครับ

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 10:59 am
โดย mprandy
t_winyoo เขียน:ไม่รู้ว่า หลายๆคนเป็นเหมือนผมรึเปล่า

ล้านบาทแรกยากจริงๆ ครับ เพราะ พอจะถึงล้านบาททีไร ก็จะต้องอยากใช้เงินทุกที

ใกล้ได้ล้านแล้ว ก็ไป ซื้อรถ กว่าจะเก็บได้อีก

พอใกล้ ได้ล้านอีก ก็ใช้เงินแต่งงาน

ตอนนี้ เก็บ ได้แล้วครับหลังจากเริ่มลงทุนในหุ้น

กว่าจะได้เหนื่อยจริงๆครับ
อย่างนี้ต้องแปลงค่าเงินเป็นสกุลอื่นสิครับ

เช่น เก็บให้ได้สามหมื่นยูเอสดอลลาร์ ดูตัวเลขมันน้อยดี จะได้มีกำลังใจ  :lovl:

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 11:00 am
โดย สามัญชน
t_winyoo เขียน: ตอนนี้ เก็บ ได้แล้วครับหลังจากเริ่มลงทุนในหุ้น

กว่าจะได้เหนื่อยจริงๆครับ
แต่ล้านต่อไปก็จะง่ายขึ้นครับ และสบายขึ้น ดีใจด้วยครับ   :lol:

แต่ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศเก่าๆ  บรรยากาศแห่งความมุ่งมั่นและอุตสาหะก็ทำได้ง่ายๆครับ

แค่เปลี่ยนหน่วยจากล้านบาทเป็นล้านดอลลาร์ก็ใช้ได้แล้วครับ

และถ้าทำได้ถึงล้านดอลลาร์ก็จะกลายเป็น millionaire ของโลกเลยครับ

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 11:01 am
โดย สามัญชน
อ้า.......ท่าน mprandy  ไวกว่า.....อิอิ

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 11:05 am
โดย mprandy
[quote="สามัญชน"]อ้า.......ท่าน mprandy

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 12:05 pm
โดย poppo
ผมว่าล้านแรกที่ยากคือเก็บเงินครับ การที่เราจะเก็บเงินล้านได้ แสดงว่าเราต้่องมีนิสัยที่ดี ไม่ฟุ่มเฟือย ใช้ในสิ่งที่ไม่จำเป็น เก็บเงินมาลงทุนแบบเน้นความปลอดภัยของเงินต้น เน้นคุณค่า อย่างสม่ำเสมอ

ผมว่าคนที่เริ่มจาก 100000 ลงทุนที่เดียวได้ 10 เด้ง สู้คนที่เริ่มลงทุน 100000 จัดเป็นพอร์ท ทยอยลงทุนสม่ำเสมอ จนมี 1 ล้าน ไม่ได้หรอกครับ ในระยะยาว เพราะ คนที่สองจะมีนิสัยที่มั่นคงกว่า

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 12:36 pm
โดย คนเรือ VI
ผมเริ่มเปิดพอร์ตด้วยเงิน 100 000 บาทครับ

ไม่เพิ่มทุนเลย มาตั้งแต่ปลายปี 46 บัดนี้ ปี 50 ยังไม่ถึงล้านเลยครับ

แต่ก็ใกล้แล้ว

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 12:45 pm
โดย Little Boy
t_winyoo เขียน:ไม่รู้ว่า หลายๆคนเป็นเหมือนผมรึเปล่า
ล้านบาทแรกยากจริงๆ ครับ เพราะ พอจะถึงล้านบาททีไร ก็จะต้องอยากใช้เงินทุกที
ใกล้ได้ล้านแล้ว ก็ไป ซื้อรถ กว่าจะเก็บได้อีก
พอใกล้ ได้ล้านอีก ก็ใช้เงินแต่งงาน
ตอนนี้ เก็บ ได้แล้วครับหลังจากเริ่มลงทุนในหุ้น
กว่าจะได้เหนื่อยจริงๆครับ
ใกล้เคียงกันครับ  :lol:  ด่านแรกเลยก็รถยนต์ ต่อด้วยนำเงินมาลงทุนกิจการส่วนตัว ต่อด้วยที่ดิน ตามมาติดๆ ด้วยงบสร้างบ้าน จบจากนี้ก็คงเบาตัวไปเยอะล่ะครับ จะได้สะสมเงินมาลงทุนในหุ้นทั้งหมดซะที เริ่มจากศูนย์นี่เหนื่อยจริงๆ

แต่เอ๊ะ..เหมือนลืมอะไรไปหรือเปล่า บุตร-ธิดา โอ้ว..มายก๊อด ค่าใช้จ่ายที่ประมาณการไม่ได้เลยน่ะนั่น เป็นค่าใช้จ่ายระยะยาวที่แทบจะไม่มีวันหมด คิดไม่ตกเลยครับว่าจะพร้อมมีเมื่อไหร่ เคยมีความคิดที่จะไม่อยากมีลูก แต่โดนคนรอบข้างบ่นซะจนจำใจเปลี่ยนความคิดเป็นมีสักคนก็พอ พี่ๆ ที่มีลูกแล้วบริหารเงินลงทุนยังไงเหรอครับ กันค่าใช้จ่ายมาลงทุนกันกี่เปอร์เซ็นต์? มีลูกกันตอนมีเงินเก็บเท่าไหร่? ใครเป็นคนเลี้ยง จ้างหรือแฟนลาออกมาเลี้ยง หรือ??? หรือใครที่มีวิธีการดีๆ รบกวนช่วยชี้แนะด้วยครับ

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 2:26 pm
โดย iamkom
ถ้าไม่ได้มีมรดก การทำงาน/ลงทุน ด้วยเก็บเงินด้วยตัวเอง
โดยเริ่มจากศูนย์ ให้ได้เงิน 1 ล้านนั้น
เป็น หลักกิโลเมตร ที่สำคัญ เพราะ ชีวิตต้องมีเป้าหมายและวินัย อย่างเคร่งครัด

แต่ๆๆๆๆ  เงื่อนไขในชีวิตแต่ละคน ย่อมแตกต่างกัน
ถ้าเปรียบเทียบ

คนโสด กับ คนที่มีครอบคร้วแล้วยังรับผิดชอบน้องๆ รวมถึงพ่อแม่และญาติๆ

คนโสด มีเงิน สิบล้านผม ก็คิดว่าเขาเก่ง

แต่คนที่มีครอบคร้ว รับผิดชอบน้องๆ รวมถึงพ่อแม่และญาติๆ
ถ้ามีเงินเก็บไม่มาก  ผมก็คิดว่าเขาน่านับถือ

ส่วนการลงทุน  เป้าหมาย คือ
การทำกำไร หรือ บริหารพอร์ทให้โตได้อย่างเป็นระบบ

ที่เหลือ ก็แค่ทำซ้ำ

นานวันเข้า จะมีคนเรียกคุณว่า
นักลงทุนผู้ประสบความสำเร็จ

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 2:51 pm
โดย สามัญชน
poppo เขียน:ผมว่าล้านแรกที่ยากคือเก็บเงินครับ การที่เราจะเก็บเงินล้านได้ แสดงว่าเราต้่องมีนิสัยที่ดี ไม่ฟุ่มเฟือย ใช้ในสิ่งที่ไม่จำเป็น เก็บเงินมาลงทุนแบบเน้นความปลอดภัยของเงินต้น เน้นคุณค่า อย่างสม่ำเสมอ
ถูกต้องนะครับ  การเก็บเงินเพื่อให้ได้เงินล้านนั้นเป็นเรื่องยากมากๆ  ยิ่งเราเป็นมนุษย์เงินเดือนยิ่งยากไปใหญ่  เพราะจะมีเรื่องที่จำเป็นต้องใช้จ่าย  ทั้งบ้านทั้งรถยนต์ทั้งลูกเต้าอีกเยอะ  ทำให้ไม่สามารถ "เก็บได้" เท่าที่ควร

การใช้วิธี "เก็บเงิน" จึงเป็นวิธีที่มีคนทำแล้วสำเร็จ น้อยมาก

บัฟเฟตต์ "ไม่ชอบ" วิธียากๆแบบนี้หรอกครับ
บัฟเฟตต์ "ชอบ" กระโดดข้ามรั้วที่สูงเพียงหนึ่งฟุตเจ็ดครั้ง  ดีกว่ากระโดดข้ามรั้วเจ็ดฟุตเพียงครั้งเดียว

การลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยจะง่ายกว่าการเก็บเงินเยอะและในระยะยาวจะมีประสิทธิผลสูงกว่ากันแบบลิบลับ แบบเศรษฐีกับยาจกเลยล่ะครับ

แต่การลงทุนก็มีความเสี่ยง
ความเสี่ยงเกิดจากการไม่รู้
การ "รู้" จึงเป็นการลดความเสี่ยง
ลดความเสี่ยงให้น้อยลง  แม้ไม่ถึงกับไม่มีความเสี่ยงเลยก็น่าพอใจมากแล้ว

สนใจเรื่องลงทุน  ก็ต้องหาความรู้ให้มากๆ
ความรู้มีค่ามากกว่าเงินทองเป็นไหนๆ  หนังสือจะราคาแพงเท่าไหร่ต่อให้ขายเล่มละพันก็คุ้มค่าถ้าสามารถเปลี่ยนมาเป็นความรู้

ดีวีดีที่เว็บเราขาย(แฮ่ ๆ แอบโฆษณาซะเลย :lol: ) ต่อให้ขายชุดละหมื่นก็คุ้มค่าถ้าสามารถเปลี่ยนมาเป็นความรู้

มีความรู้ก็สามารถก่อให้เกิดเงินทองได้ไม่สิ้นสุด
ความรู้ไม่สามารถถูกโจรปล้นไปได้
ความรู้สามารถ "มอบให้แก่กัน" อย่างไม่มีวันหมด
และที่สำคัญ  "ยิ่งให้เยอะๆกลับยิ่งมีเหลือเยอะๆขึ้นไปอีก"  

แต่ถ้าไม่ให้  ความรู้กลับจะเริ่มฝ่อลงเรื่อยๆ  เพราะลืมมั่ง  เพราะเข้าใจผิดไปมั่ง  เพราะหลงไปเองมั่ง  เพราะไม่มีใครทักท้วงมั่ง  เพราะๆๆๆๆๆๆๆๆสารพัดครับ   :lol:

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 5:40 pm
โดย sunrise
เงินเก็บยากครับ ล้านแรกได้มาเลือดตาแทบกระเด็น
ทำงานงกๆ เพราะต้องการไต่ระดับให้เร็วที่สุด
ไม่ว่าทำงานที่ไหนก็ไป งานยากลำบากไงก็ทำ

กว่าจะผ่านด่านได้นานมาก
หลังจากนั้น

ขอบคุณ Thaivi ครับ :bow:

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 6:34 pm
โดย akekarat
ผมก็เริ่ม ๆ ตอน 50,000 ก็สะสมมาเรื่อย ๆ ได้ปันผลมาก็ใส่ไป อยากใช้เงินก็ถอนออกมา มีเงินเดือนโบนัสเหลือก็ใส่เดือนละหมื่นบ้าง สามเดือนหมื่นบ้าง นับจากปี 2001 จะ 6 ปีแล้ว ยังได้ไม่ถึงล้านเลย  :lol:   :lol: (แต่ก็เกือบ ๆ แล้ว) ตอนนี้ก็เปรี้ยวอยากได้เฟอร์นิเจอร์มาใส่คอนโดอีกเกือบแสน ทำใจไม่ถูกเลย แล้วเมื่อไหร่จะมีล้านแรกกะเค้าบ้างเนี่ย  :cry:

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 6:52 pm
โดย t_winyoo
สามัญชน เขียน:
แต่ล้านต่อไปก็จะง่ายขึ้นครับ และสบายขึ้น ดีใจด้วยครับ

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 6:58 pm
โดย t_winyoo
Little Boy เขียน:
ใกล้เคียงกันครับ

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 7:01 pm
โดย สุมาอี้
ตอนจบป.ตรีผมมีเงินออมจากเต๊ะเอียประมาณ 6 หมื่นบาทครับ (เก็บสะสมมาตั้งแต่ ม.3 ได้แค่เนี่ย แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าเยอะมากเลย)

4 ปีแรกของการทำงาน ประหยัดมากและโชคดีมากด้วยที่ไม่มีภาระเรื่องการผ่อนรถยนต์ ตอนอายุ 26 มีเงินเก็บ 3 แสนบาทครับ

ต่อจากนั้นผมก็โชคดีอีกตรงที่มีโอกาสได้ไปทำงานตปท.ทำให้สามารถเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งแต่มันก็ยังไม่มากเท่าไร พอไปเรียนโทอันนี้ขาดรายได้ไปเลยสองปีเต็มๆ ช่วงเวลานั้นเงินออมไม่ได้งอกเงยขึ้นเลยแถมลดลงด้วยซ้ำ

มาย้อนดูแล้วเงินออมส่วนใหญ่ได้มาจากช่วง 4 ปีล่าสุดนี้เองซึ่งส่วนใหญ่เลยคือกำไรจากการทำธุรกิจหนังสือและกำไรจากตลาดหุ้นครับ

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 7:11 pm
โดย akekarat
สุมาอี้ เขียน:ตอนจบป.ตรีผมมีเงินออมจากเต๊ะเอียประมาณ 6 หมื่นบาทครับ (เก็บสะสมมาตั้งแต่ ม.3 ได้แค่เนี่ย แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าเยอะมากเลย)

4 ปีแรกของการทำงาน ประหยัดมากและโชคดีมากด้วยที่ไม่มีภาระเรื่องการผ่อนรถยนต์ ตอนอายุ 26 มีเงินเก็บ 3 แสนบาทครับ

ต่อจากนั้นผมก็โชคดีอีกตรงที่มีโอกาสได้ไปทำงานตปท.ทำให้สามารถเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งแต่มันก็ยังไม่มากเท่าไร พอไปเรียนโทอันนี้ขาดรายได้ไปเลยสองปีเต็มๆ ช่วงเวลานั้นเงินออมไม่ได้งอกเงยขึ้นเลยแถมลดลงด้วยซ้ำ

มาย้อนดูแล้วเงินออมส่วนใหญ่ได้มาจากช่วง 4 ปีล่าสุดนี้เองซึ่งส่วนใหญ่เลยคือกำไรจากการทำธุรกิจหนังสือและกำไรจากตลาดหุ้นครับ
เรียนโทแล้วทำหนังสือและเข้าใจตลาดได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสุดคุ้มแหละครับพี่

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 7:39 pm
โดย taro23
สุมาอี้ เขียน:4 ปีแรกของการทำงาน ประหยัดมากและโชคดีมากด้วยที่ไม่มีภาระเรื่องการผ่อนรถยนต์ ตอนอายุ 26 มีเงินเก็บ 3 แสนบาทครับ
เห็นด้วยครับ มีรถแล้ว ค่าใช้จ่ายตามมาพอสมควร

ของผมก็เริ่มต้นเอง คุณพ่อ คุณแม่ มีแต่การศึกษาที่ให้ได้นะครับ จบมาทำงาน กัดฟันไม่ยอมซื้อรถ อกหักเพราะไม่มีรถก็หลายครั้งแล้ว

ได้ล้านแรก ตอน 28 นะครับ ตอนนี้ 31 แล้ว ยัง ไม่ถึง 1 ใน 8 ของ millionaire เลย (ถ้า 40 บาท = 1$) ซึ่งเป็นเป้าหมายปีนี้นะครับ

เผอิญเจอ fight บังคับต้องซื้อรถ เงินหายไปเยอะเลย  :(

ปีหน้าก็คงโดนค่าบ้าน ค่าขอสาวอีกครับ millionarie คงยังอีกไกลเลย

แต่เพื่อแฟนครับ ต้องทนเอา  :D

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 9:58 pm
โดย สามัญชน
ตอนผมจบเป็นหมอ มีเงินติดตัวเจ็ดพันบาทครับ  :oops:  อุตส่าเก็บหอมรอมริบอยู่ตั้งนาน

ก็ขยันเก็บเงินนะครับไปรับจ็อบโรงบาลเอกชนด้วยแล้วก็ออกรถใหม่ด้วย  เปิดคลินิคด้วย  แต่เปิดได้ 2-3 ปีก็ไม่ไหวครับเพราะไม่มีเวลาให้ลูกก็เลยปิดไป

ทำงานได้ 4 ปี มีเงินเก็บอยู่แสนเดียวกับรถญี่ปุ่นที่เริ่มเก่าลงๆ

แล้วผมก็ไปเรียนโท  ระหว่างเรียนถ้ามีเวลาว่างก็ไปรับจ็อบอีกเพราะไม่พอค่าใช้จ่าย

โชคดีที่ได้ไปสิง(แอบอยู่)หอเพื่อนก็เลยประหยัดค่าอพาร์ทเมนท์ได้ส่วนหนึ่ง  จบมาแล้วก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำ  แต่ตอนนี้ไม่ได้รับจ็อบโรงบาลเอกชนแล้ว

จนผ่านไปหกปี  เงินแสนหนึ่งก็ไม่ได้งอกเงยอะไรขึ้นมา  ตอนเสียภาษีผมต้องขอเขาผ่อนส่งสามงวด  ผมอาจจะเป็นหมอที่จนที่สุดในประเทศก็ได้นะครับ  อายจัง  :oops:

สรรพากรเขาไม่เชื่อครับว่าผมไม่มีตังค์  ฮ่า ๆ ๆ แต่ผมไม่มีตังค์จริงๆครับ  เพราะหาได้มาเท่าไหร่ผมก็พาลูกน้องไปเลี้ยงหมด ก็จะให้เขาจ่ายได้อย่างไร  ผมเป็นหัวหน้าเขาและมีรายได้มากกว่าเขา

จนกระทั่งแฟนผมจบเฉพาะทางมานั่นแหละครับ  ผมจึงเริ่มมีเงินเก็บ

จนครบปีที่แปดเงินเก็บผมเริ่มมีมากถึงสี่แสน และเริ่มเล่นหุ้น

แต่ผมไม่ได้เริ่มเล่นที่สี่แสน เพราะผมกู้สหกรณ์มาด้วย  กู้แม่กับพี่สาวแฟนมาด้วย  ผมจ่ายดอกเบี้ยร้อยละสิบสองครับ  ตอนนั้นมั่นใจว่าตัวเองสามารถทำได้มากกว่าร้อยละสิบสอง  หรือถึงได้น้อยกว่า  ดอกเบี้ยนี้ก็ไม่ได้ไปไหน  ก็ไปอยู่ในกระเป๋าแม่กับพี่สาวเราเอง  เป็นการตอบแทนบุญคุณทางอ้อมอีกแบบ

แต่ก็ได้ผลนะครับ  เล่นหุ้นอยู่ห้าปีเงินเริ่มงอกเงยจนคิดว่ามีอิสรภาพพอสมควรก็เลยลาออก  แต่ผมยังไม่ได้มีถึงล้านดอลลาร์นะครับ

แต่ก็สรุปได้ว่า เงินส่วนใหญ่ของผมนั้นได้มาจากการลงทุน  

ผมยังเสียดายว่า  เริ่มรู้จักตลาดหุ้นช้าเกินไป  ตอนเด็กก็ถูกสอนมาให้ออมเงินอย่างเดียว  การออมเงินนั้นจะว่าดีก็ดีครับ  แต่จะว่าเสียก็เสีย

ผมเคยอ่านหนังสือคุณเฟยหง  อ่านแล้วถูกใจมากครับ

เขาบอกว่า  การออมนั้นเป็นการบวก  มันดีก็จริงแต่มันสู้การลงทุนไม่ได้  เพราะการลงทุนเป็นการคูณ  ผลในระยะยาวแล้วต่างกันราวฟ้ากับดินเลยครับ

ไม่ได้ส่งเสริมให้เพื่อนๆโลภเกินเหตุผลและเกินปัจจัยนะครับ  และไม่ได้ส่งเสริมให้ ไม่พอเพียง  แต่อยากให้รู้ถึงประสิทธิภาพของเครื่องมือแต่ละชนิดเท่านั้นครับ  เราไม่ได้ไม่พอเพียง  แต่เราพอเหมาะพอดีสำหรับตัวเราต่างหาก

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 10:18 pm
โดย สุมาอี้
taro23 เขียน: ได้ล้านแรก ตอน 28 นะครับ ตอนนี้ 31 แล้ว ยัง ไม่ถึง 1 ใน 8 ของ millionaire เลย (ถ้า 40 บาท = 1$) ซึ่งเป็นเป้าหมายปีนี้นะครับ
ช่วงนี้บาทแข็งทำให้เป้าหมายของคุณ taro23 ย่อลงมาเยอะเลย  :lol:

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 10:18 pm
โดย Akajon
เขียนได้ดีครับ

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 10:27 pm
โดย poppo
ผมเห็นด้วยครับ ว่าการเก็บเงินมันยาก แต่มันเป็นนิสัยพื้นฐานที่จำเป็นหากจะประสพความสำเร็จในการลงทุน เพราะถ้าไม่มีนิสัยนี้ เราได้กำไรมากเท่าไร กิเลสเราก็จะมากตาม และถ้าเราควบคุมกิเลสไม่ได้ กำไรที่ได้ก็จะกลายเป็นรถคันใหม่ หรือคอนโดที่ใหม่ หรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่

แตเป็นธรรมดาที่คนเราก็ต้องมีของที่อยากได้ อย่างผมเป็นคนบ้านาฬิกา ก็ตั้งเป้าไว้ว่า เราจะซื้อรุ่นที่เราอยากได้ (ราคาประมาณ 15000 บาท) เมื่อพอร์ทเราถึง 2 ล้าน เพิ่งได้ซื้อเมื่อ 3 เดือนก่อน                                                  

กะว่าถ้ามี 10 ล้านจะซื้อ rolex :lol:

ผมเองเริ่มที่พอร์ตประมาณหนึ่งแสนเมื่อประมาณสี่ปีก่อน ตอนกำลังเทรนอยู่ ก็เก็บเงินมาเรื่อยๆ จนตอนใกล้จบก็มีพอร์ตประมาณ สองแสน กับเงินสดจำนวนหนึ่ง มาทำงานหนึ่งปีแล้วก็แต่งงาน จำได้ว่าหลังจ่ายค่าโรงแรม แหวนเพชร สินสอด ทองหมั้น มีเงินอยู่ เจ็ดพัน กับ พอร์ตอีกสามแสน ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานมาเรื่อยๆ ลงทุนไปเรื่อยๆ ออมประมาณ 80% ของที่หาได้

หวังไว้ว่าจะมีพอร์ท 20 ล้าน ปันผลปีละล้าน ก่อนอายุ 45 ปี จะได้ไม่ต้องรับจ๊อบ ทำแต่ราชการ เวลาว่างก็ปลูกต้นไม้ เลี้ยงหมา เลี้ยงลูก (ถ้ามี) :pray:

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 10:56 pm
โดย August
ไม่ยากครับ ถ้าตั้งใจจริงๆ
ดร. บอกไว้ว่าต้องมองภาพใหญ่   ถ้าเพิ่งเรียนจบทำงานเปรียบเทียบคนสองคน
คนแรก    มองภาพใหญ่ คือต้องขยันทำงาน  เก็บเงินเรียนต่อโท

คนที่สอง  มองภาพใหญ่ว่า  ต้องหาแฟนดูดีมีฐานะ  รวย
ส่วนเรื่องอื่นเป็นเรื่องรองๆลงมา

:?: คุณว่าสองคนนี้ใครจะไปถึงจุดมุ่งหมาย  
    มีทุนหนึ่งล้านบาทก่อนกัน

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 11:08 pm
โดย Boring Stock Lover
ภาพเล็กจัง

วาดหวังกับชีวิตที่มีคุณค่า ผู้คนชื่นชม มีประโยชน์ต่อสังคม เป็นผู้นำที่ดี เป็นพ่อหรือแม่ที่ดี มีความสุขกับการให้ ฯลฯ

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 11:13 pm
โดย สามัญชน
taro23 เขียน:ได้ล้านแรก ตอน 28 นะครับ ตอนนี้ 31 แล้ว ยัง ไม่ถึง 1 ใน 8 ของ millionaire เลย (ถ้า 40 บาท = 1$) ซึ่งเป็นเป้าหมายปีนี้นะครับ
อายุ 28 ถึง 31 ก็ 3 ปี  พอร์โตจากล้านหนึ่งไปห้าล้าน  สามปีโตห้าเท่า

ฝีมือมากครับ    :cool:  :cool:  :cool:
คนเรือ VI เขียน:ผมเริ่มเปิดพอร์ตด้วยเงิน 100 000 บาทครับ

ไม่เพิ่มทุนเลย มาตั้งแต่ปลายปี 46 บัดนี้ ปี 50 ยังไม่ถึงล้านเลยครับ

แต่ก็ใกล้แล้ว
สี่ปีเกือบสิบเท่า  :cool:  :cool:  :cool:
poppo เขียน: เราจะซื้อรุ่นที่เราอยากได้ (ราคาประมาณ 15000 บาท) เมื่อพอร์ทเราถึง 2 ล้าน เพิ่งได้ซื้อเมื่อ 3 เดือนก่อน                                                  

ผมเองเริ่มที่พอร์ตประมาณหนึ่งแสนเมื่อประมาณสี่ปีก่อน ตอนกำลังเทรนอยู่ ก็เก็บเงินมาเรื่อยๆ จนตอนใกล้จบก็มีพอร์ตประมาณ สองแสน
สี่ปี บวกออมไปด้วย 80 % จากสองแสนเป็นสองล้าน  :cool:  :cool:  :cool:

ถ้าทำได้เหมือนเดิม  อีกไม่กี่ปีก็จะเป็นยี่สิบล้าน  ได้ทำราชการเต็มๆ ไม่ต้องรับจ็อบแล้วครับ  ดีใจด้วยครับ

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 14, 2007 11:21 pm
โดย LOSO
taro23 เขียน: ได้ล้านแรก ตอน 28 นะครับ ตอนนี้ 31 แล้ว ยัง ไม่ถึง 1 ใน 8 ของ millionaire เลย (ถ้า 40 บาท = 1$) ซึ่งเป็นเป้าหมายปีนี้นะครับ

เผอิญเจอ fight บังคับต้องซื้อรถ เงินหายไปเยอะเลย  :(

ปีหน้าก็คงโดนค่าบ้าน ค่าขอสาวอีกครับ millionarie คงยังอีกไกลเลย

แต่เพื่อแฟนครับ ต้องทนเอา  
คุณtaro23 ได้ล้านแรกตอน 28 ถือว่าไวมากครับ ............

แล้วก้อโชคดีจังที่จะมีบ้านเป็นของตัวเองปีหน้า  ผมเองอาศัยบ้านหลวงมา 12 ปี แล้วก้อเช่าบ้านอยู่อีก 3 ปี กว่าจะมีบ้านเป็นของตัวเอง ............

ส่วนเรื่องค่าขอสาว เรื่องแฟนนั่น ......  
ผมเชื่อนะครับว่าความรักจะทําให้คุณtaro23มีความมุ่งมั่นหนักขึ้นและพอร์ตน่าจะโตแบบก้าวกระโดดได้ในเวลาไม่นานครับ  ........

1ล้านบาทแรกจากหุ้นนั้นยากคือคิดจากเงินเริ่มต้นเท่าไหร่ครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ค. 15, 2007 12:23 am
โดย hongvalue
ของผมเริ่มลงทุนตอนอายุ 19 เรียนปี1 ก็เริ่มเลย 100000 บาท เพราะเพื่อนมันเริ่มเล่นหุ้นปลายปี 46 (เล่นตอนเรียน ม.6)  เล่นหุ้น shin ประมาณ 3-4 เดือน ซื้อ 29 แป๊ปเดียว กลายเป็น 36 มันบอกว่าเนี้ย เงินเป็นแสน แป๊ปเดียว ทำได้อีกตั้งหลายหมื่น

ผมก็เก็บเงินแต๊ะเอี้ยมาตั้งแต่ป.4 ปีละหมื่น จบ ม.6 ก็เกือบแสน ก็เลยเข้ามาเล่นหุ้นตอนปี 1 เข้าตลาดปลายปี 47 เล่น advanc ได้กำไรเป็นตัวแรก ซื้อ 96 ขาย 105 ได้กำไร 1 หมื่น


ถอนไปเที่ยว 2 อาทิตย์หมด


คิดว่าจะทำกำไรได้บ่อยๆ

แต่ว่าปี 48 เล่นหุ้นทั้งปีไม่ได้กำไรเลย

ตอนนี้ port ก็เพิ่มทุนไปนิดหน่อย แต่ไม่ค่อยได้เอาเงินมาใช้เท่าไหร่


เชื่อ ด.ร.นิเวศน์ บอกให้ reinvestment


เดี่ยวนี้เลิกเที่ยว อยู่บ้านอ่านหนังสืออย่างเดียว